เมื่อมือสังหารต้องเลือกเส้นทาง… ระหว่างความถูกต้องกับความแค้น หยาดเลือดจะเป็นตัวตัดสิน!
ไซไฟ,ลึกลับ,แอคชั่น,สงคราม,จิตวิทยา,สืบสวนสอบสวน,ดราม่า,สายลับ,แวมไพร์,พล็อตสร้างกระแส,แอ็คชั่น ,แอ็คชั่น,สงคราม,สงครามโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Assassins Agent Lore Story Light Novel Editionเมื่อมือสังหารต้องเลือกเส้นทาง… ระหว่างความถูกต้องกับความแค้น หยาดเลือดจะเป็นตัวตัดสิน!
"ในโลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งระหว่างมนุษย์และแวมไพร์ เซเรีย อาร์มสตรอง หญิงสาวผู้ถูกฝึกให้เป็นนักฆ่าตั้งแต่ยังเยาว์วัยจากสก็อตแลนด์ ต้องเผชิญหน้ากับภารกิจที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปตลอดกาล เมื่อองค์กรก่อการร้าย ไฮมานา ที่ตั้งอยู่ตะวันออกกลาง นำโดย กามิล มูฮัมหมัด คิดจะทำลายสมดุลแห่งโลก เซเรียและ คุซานางิ ลูอิส แวมไพร์นินจาปริศนาจากญี่ปุ่น และพรรคพวก ต้องร่วมมือกันเพื่อหยุดหายนะนี้ แต่ในเงามืดที่ซ่อนเร้น อดีตที่โหดร้ายของพวกเขากลับคอยตามหลอกหลอน การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ภารกิจ แต่มันคือเส้นทางแห่งการล้างแค้น ศรัทธา และเสรีภาพของพวกเขา!"
อัพเดทตอนทุกวันพฤหัสค่ะ จะพยายามอัพนะคะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น จะแจ้งข่าวทาง X และ Facebook นะคะ
คำเตือน
นิยายไลท์โนเวลเรื่องนี้มีเนื้อหาเหมาะสำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ภายในเรื่องประกอบด้วยฉากความรุนแรง การต่อสู้ การทรมาน จิตวิทยามืด และการควบคุมทางอำนาจในโลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง
เรื่องราวทั้งหมดเป็นผลงานสมมติ สร้างขึ้นเพื่อเล่าเรื่องในจักรวาลแฟนตาซี-ไซไฟ และไม่ได้มีเจตนาเชิดชูพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมใด ๆ ทั้งสิ้น
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และพักใจหากรู้สึกไม่สบายใจในบางประเด็น
เช้าวันต่อมา เป็นวันพักผ่อนของสายลับในองค์กร The Resistor ฟรานซิสตื่นขึ้นมาในห้องพักของตัวเอง เสียงแจ้งเตือนจากนาฬิกาปลุกทำให้เขาหยิบหมอนข้างมาฟาดใส่มันทันที ก่อนจะยอมลุกขึ้นจากเตียงด้วยความหงุดหงิด เอเดรียนสะดุ้งตื่นจากเสียงฟาดหมอนของเขาทำให้ต้องลุกตามมา
“ตัวเอง เค้าตกใจหมด” ฟรานซิสที่ได้ยินเอเดรียนงัวเงียอยู่จึงได้เข้าไปปลอบและบ่นให้ฟัง
“เฮ้อ ก็ผมขี้เกียจตื่นแต่เช้าน่ะสิ”
“ไม่ได้นะ แบบนี้ก็โดนหักเงินเดือนน่ะสิ” เอเดรียนดุ
“คร้าบๆ ตัวเอง ผมตื่นก็ได้” ฟรานซิสที่ได้ยินแบบนี้ก็ตื่นตัวทันที
พวกเขาเดินไปล้างหน้าในห้องน้ำ มองเงาสะท้อนของตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนฟรานซิสจะพึมพำ “วันนี้ก็ไม่มีภารกิจ งั้นหาอะไรกินก่อนแล้วกัน...”
ฝั่งของเซเรีย เธอตื่นขึ้นมาเร็วกว่าปกติ เพราะไม่ชินกับการอยู่เฉย ๆ โดยไม่มีงานให้ทำ เดิมทีเธอตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมครอบครัว แต่เพราะอาการบาดเจ็บจากภารกิจที่แล้ว ทำให้เธอถูกสั่งให้อยู่พักฟื้นที่องค์กรไปก่อน
“อย่างเซ็งเลยวุ้ย” เซเรียถอนหายใจผ่านหน้าจอโน๊ตบุ๊ก ซึ่งเธอกำลังพิมพ์รายงานส่งให้กับผู้บัญชาการ แขนขวาของเธอพันด้วยผ้าพันแผล ทำให้เธอใช้แรงไม่ได้ จึงต้องทำงานเอกสารแทน
“ก็รู้แหละว่าบาดเจ็บ แต่ไม่ต้องขนาดห้ามกลับบ้านนี่นา” เซเรียบ่นไป ทำงานเอกสารไป จนเธอทำงานเสร็จเรียบร้อย จนกระทั่งมีคนมาเคาะประตูหน้าห้องพัก
“เซเรียอยู่ในนี้ไหม” เสียงชายหนุ่มผ่านประตูห้องพัก
“รุ่นพี่เหรอ อยู่ค่ะ” เซเรียตอบกลับ
“เอาอีกแล้วนะ มาอยู่ 4 เดือนแล้วยังติดนิสัยแบบนี้อีกเหรอ” ชายหนุ่มเสียงทุ้มบ่น
“ก็ไม่ได้สนิทมากนี่นา อย่าถือสาเลยนะ” ชายหนุ่มเสียงหวานตอบกลับ
“ช่างเถอะ จะไปกินข้าวเช้าด้วยกันไหม” ชายหนุ่มถามเซเรีย
เธอรู้ทันทีเลยว่าชายหนุ่ม 2 คนที่มารอหน้าห้องพักเธอเมื่อกี้เป็นเอเดรียนและฟรานซิส เธอสะดุ้งโหยง กระโดดออกจากโต๊ะทำงานและรีบตอบกลับไป
“รอก่อนนะคะ จะรีบเปลี่ยนเสื้อค่ะ”
เซเรียรีบเปลี่ยนชุดเป็นชุดลำลองเรียบง่าย เนื่องจากสภาพเธอตอนนี้ยังใส่แค่เสื้อกล้ามบางๆกับกางเกงขาสั้น
หลังจากนั้น เธอรีบออกจากห้องและไปกินข้าวเข้าด้วยกัน ทั้ง 3 คนไปที่โรงอาหาร ซึ่งมีอาหารเช้าหลากหลายชนิด ทั้งข้าว โจ๊ก แซนด์วิช และพวกเบเกอรี่หอมกรุ่น นอกจากนี้ มีสลัดบาร์กับเครื่องดื่มด้วย
หลังจากนั้น ทั้ง 3 คนก็ไปนั่งเล่นที่ห้องเลาจน์ในองค์กรที่อยู่ชั้น 2 ซึ่งเป็นมุมพักผ่อน เซเรียปลีกตัวไปหาเพื่อนร่วมรุ่น ปล่อยให้ฟรานซิสกับเอเดรียนอยู่กัน 2 ต่อ 2
ช่วงเที่ยง เซเรียเดินเข้าไปที่โรงอาหารขององค์กรและตักอาหาร ซึ่งมื้อนี้เธอเลือกกินข้าวแกงกะหรี่กับของทอดหลากหลายชนิด พร้อมสลัดผักกับซุปมิโสะ เครื่องดื่มเป็นชาเขียว วันนี้มีสมาชิกหลายคนที่ไม่มีภารกิจ และกำลังรับประทานอาหารกันอย่างผ่อนคลาย
ที่โต๊ะมุมหนึ่ง ฟรานซิสนั่งอยู่กับวิเวียน เอลล่า และเอเดรียน
"เฮ้ เซเรีย! มานั่งนี่สิ" วิเวียนโบกมือเรียก เซเรียเดินไปนั่งข้าง ๆ ฟรานซิส วางถาดอาหารของตัวเองลงแล้วเริ่มกินเงียบ ๆ
ฟรานซิสเลือกมื้ออาหารเป็นพาสต้าคาโบนาร่ากับขนมปังกระเทียม มีผลไม้เป็นสตรอว์เบอร์รี่กับส้ม เครื่องดื่มเป็นน้ำเปล่า
วิเวียนเลือกกินเป็นอาหารเกาหลี บนถาดอาหารมีไก่ทอดคลุกซอสการ์ลิกฮันนี่ รามยอน มีเครื่องเคียงเป็นกิมจิผักกาดและไช้เท้าดองหั่นเต๋า เครื่องดื่มเป็นนมกล้วย เป็นกล่องขนาดเล็ก
เอเดรียนเลือกกินเป็นอาหารพื้นเมืองอังกฤษ นั่นก็คือ ฟิชแอนด์ชิป เครื่องเคียงมีถั่วบดกับซอสทาทาร์ มีขนมหวานเป็นบานอฟฟี่ เครื่องดื่มเป็นชาผลไม้
ส่วนคนสุดท้ายที่นั่งอยู่บนโต๊ะ เอลล่า เธอเลือกกินอาหารอินเดีย เป็นแกงอินเดียกับแป้งนาน มีขนมพื้นเมืองของอินเดียกับชาเป็นของตบท้ายมื้ออาหาร ระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ก็มีบทสนทนาเกิดขึ้น
"ช่วงนี้ไม่มีภารกิจใหญ่เลยแฮะ แปลกดีจัง" เอเดรียนพูดขึ้นขณะเคี้ยวอาหาร
"นั่นสิ สงบเกินไปมันก็น่าอึดอัดเหมือนกัน" วิเวียนเสริม เอลล่าพยักหน้าเห็นด้วย "แต่ก็ดีแล้วล่ะ ได้พักบ้างก็ไม่เลวนะ"
ฟรานซิสเหลือบมองเซเรียที่กำลังกินข้าวอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะพูดลอย ๆ "บางทีความสงบก็เป็นสัญญาณว่าพายุใหญ่กำลังจะมา"
“รุ่นพี่ก็อย่าพูดเป็นลางสิคะ!!” เซเรียพูดขณะที่เธอกำลังตักแกงกะหรี่อยู่
“โทษทีละกันนะ” ฟรานซิสพูดกวนๆ ขณะเดียวกัน เซเรียก็กินอาหารจนหมดเกลี้ยงเธอเลยตัดสินใจจะกินขนมหวานเพิ่ม
เธอใช้ชีวิตแบบนี้ 1 สัปดาห์ เพื่อรักษาตัว เธอได้ไปตรวจร่างกายทุกวัน เพื่ออัพเดทอาการบาดเจ็บ
วันที่ 17 สิงหาคม หลังจากมื้อเที่ยง เซเรียเดินไปที่ห้องเลาจน์ขององค์กร เธอหยิบแท็บเล็ตเปิดหนังสืบสวนขึ้นมาดูเพื่อฆ่าเวลา บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเสียงแอร์ทำงานเบา ๆ
“ฮะๆ มีฉากตลกซะด้วย“ เซเรียนั่งขำฉากในหนัง ซึ่งเธอสวมหูฟังขณะดูหนังจนจบ เธอก็เลือกหนังเรื่องถัดไปดู ทั้งแนวตลก แนวโรแมนติก
จนกระทั่งเสียงแจ้งเตือนจากระบบสื่อสารขององค์กรดังขึ้นบนอุปกรณ์ของเธอ
[แจ้งเตือน: การประชุมด่วน ณ ห้องบัญชาการ]
เซเรียขมวดคิ้ว ก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปยังห้องประชุมใหญ่ทันที เมื่อเธอไปถึง พบว่าสมาชิกหลักขององค์กรอยู่กันครบ ฟรานซิส วิเวียน เอลล่า เอเดรียน และคนอื่น ๆ กำลังฟังคำสั่งจากผู้บัญชาการ
"ทุกคน โปรดฟังให้ดี นี่ไม่ใช่ภารกิจธรรมดาอีกต่อไปแล้ว รอบนี้ต้องจัดการกับกลุ่มก่อการร้ายที่โหดร้ายที่สุด— 'The Underblood Fangs' ซึ่งพวกมันได้เคลื่อนไหวอีกครั้ง เป้าหมายของพวกมันคือการโค่นล้มสมดุลระหว่างมนุษย์และแวมไพร์"
เสียงฮือฮาเกิดขึ้นทันทีภายในห้อง วิเวียนกัดฟันแน่น "ไม่อยากเชื่อว่าพวกมันจะกลับมาอีก..."
เนื่องจากวิเวียนเธอเป็นแวมไพร์ ทำให้รู้สัญชาติญานดิบเถื่อนเป็นอย่างดี
ภายในห้องประชุมใหญ่ จอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ฉายภาพสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยโครงสร้างเก่าแก่ และร่องรอยของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์
"องค์กรของเราได้รับข่าวกรองเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายแวมไพร์ที่อันตรายที่สุด" ผู้บัญชาการกล่าวเสียงเข้ม "เป้าหมายของเราคือ เอดินบาระ พวกมันใช้ที่นั่นเป็นฐานลับ"
บรรยากาศในห้องประชุมตึงเครียดทันที ฟรานซิสกับเซเรียสบตากันแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปสนใจแผนการ
"เป้าหมายของเราคือการบุกเข้าไปที่ฐานลับของพวกมันและทำลายโครงสร้างหลักของกลุ่มนี้ให้สิ้นซาก ขอให้ทุกหน่วยเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจคืนนี้" ผู้บัญชาการประกาศด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ครั้งนี้ ทุกคนในองค์กรต้องไป ทุกคนมีเวลาเตรียมตัวหนึ่งชั่วโมง จากนั้นเราออกเดินทางก่อนเวลา 6 โมงเย็นของวันนี้"
ภารกิจรอบนี้ เซเรียรักษาตัวเรียบร้อย ทำให้เธอสามารถใช้พลังได้แบบไม่มีปัญหา
ในห้องคลังแสง สมาชิกองค์กรต่างเลือกอาวุธคู่ใจของตัวเอง ฟรานซิสสะพายปืนไรเฟิลพลางตรวจสอบกระสุน เซเรียเลือกมีดสั้นคู่ของเธอพร้อมกับปืนพกคู่ เอเดรียนกำลังเซ็ตอุปกรณ์แฮ็กข้อมูล ขณะที่วิเวียนกำลังประกอบปืนสไนเปอร์ ส่วนเอลล่า กำลังเตรียมปืนลูกซอง
"มีใครรู้สึกว่าภารกิจนี้ดูใหญ่ผิดปกติไหม?" เอเดรียนถามขึ้น
"ใช่ แต่ถ้าผู้บัญชาการตัดสินใจแบบนี้ นั่นหมายความว่าเราต้องเจอกับอะไรที่ไม่ธรรมดาแน่" ฟรานซิสตอบ
เซเรียไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแต่เช็คอาวุธของเธออีกครั้ง และเตรียมตัวสำหรับการเดินทาง
"ภารกิจรอบนี้มันจะไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ ฉะนั้นอย่าตายล่ะ เซเรีย" ฟรานซิสพูดขึ้นลอย ๆ
เซเรียเหลือบมองเขา ก่อนจะยิ้มมุมปาก "รุ่นพี่ก็เหมือนกันค่ะ"
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง สมาชิกองค์กรทั้งหมดรวมตัวกันที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ สายลมแรงพัดผ่าน ฟรานซิสขึ้นไปนั่งประจำที่ เซเรียตามไปติด ๆ เมื่อทุกคนพร้อม เฮลิคอปเตอร์ทะยานขึ้นฟ้า มุ่งหน้าไปยังเอดินบะระ จุดหมายที่รอคอยพวกเขาอยู่คือภารกิจปราบปรามศัตรูที่โหดร้ายที่สุด และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสงครามครั้งใหม่
เอดินบาระ เมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและตำนาน ทว่าในครั้งนี้ มันไม่ใช่เพียงแค่เมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน แต่เป็นสนามรบขององค์กรและกลุ่มแวมไพร์ที่กำลังซ่อนตัว
แสงไฟจากเฮลิคอปเตอร์ส่องลงมายังตึกเก่าแก่ ขณะที่ยานพาหนะขององค์กรกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้
"ถึงเวลาแล้ว" เซเรียพึมพำ
“หน่วยสอดส่องประจำการแล้วค่ะ” วิเวียนรายงานให้ผู้บัญชาการ
ฟรานซิสกระชับปืนในมือ หัวใจของทุกคนเต้นระรัวในจังหวะเดียวกัน ภารกิจนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนขององค์กรหรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆ พวกเขาไม่มีทางถอยอีกต่อไป
เสียงของผู้บัญชาการดังขึ้นผ่านวิทยุสื่อสาร
"ทุกหน่วย เข้าประจำตำแหน่ง... บุกได้!"