เมื่อมือสังหารต้องเลือกเส้นทาง… ระหว่างความถูกต้องกับความแค้น หยาดเลือดจะเป็นตัวตัดสิน!
ไซไฟ,ลึกลับ,แอคชั่น,สงคราม,จิตวิทยา,สืบสวนสอบสวน,ดราม่า,สายลับ,แวมไพร์,พล็อตสร้างกระแส,แอ็คชั่น ,แอ็คชั่น,สงคราม,สงครามโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลังจากวันพิธีจบการศึกษา เซเรียก็ได้กลับมาพักผ่อนที่บ้าน เมแกน น้องสาวของเธอก็โตเป็นวัยรุ่นแล้ว ซึ่งเธอก็อายุ 11 เข้าสู่อายุ 12 ปี
“เฮ้อ ทำไงดีวะเนี่ย” เซเรียถอนหายใจ
เนื่องจากช่วงนี้ เซเรียกำลังจะเตรียมตัวทำงาน เธอนั่งเครียดกับการเตรียมเอกสารสำหรับสอบเข้าสายลับโดยเฉพาะมา 3 คืนโดยที่เธอแทบไม่ได้นอนเลย
“พี่เซริ ข้าวเที่ยงได้แล้วนะ” เมแกนตะโกนเรียกเซเรียให้มากินข้าวจากชั้นล่าง
“อืม จะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ”
หลังจากเซเรียตอบรับเสียงเรียกของเมแกน เธอเดินลงมาชั้นล่างอย่างอ่อนล้า สีหน้าเคร่งเครียดสะท้อนให้เห็นความคิดที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวใจของเธอ เมแกนกำลังจัดจานข้าวบนโต๊ะอาหาร ส่วนพ่อของเซเรียกำลังอ่านหนังสือพิมพ์บนจอแท็บเล็ตอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น แต่สายตาของเขายังแอบจับสังเกตสีหน้าของลูกสาวอยู่ตลอด
“ลูกยังติดใจเรื่องนี้อยู่อีกเหรอ” แม่เซเรียถาม
“ค่ะ”
“พ่อว่า ลูกไปทำงานที่นั่นดีกว่านะ สภาพสังคมที่องค์กรนั้นดีมากเลย” พ่อเซเรียพูด
“หืม? พ่อคิดแบบนี้เหรอคะ?” เซเรียถามขณะที่เธอกำลังหั่นปลาดอลลี่ชุบแป้งทอด
“ถึงจะเกษียณไปแล้วก็เถอะ แต่พ่อคอนเฟิร์มให้ลูกเลยว่าไม่มีปัญหาแน่นอน”
“พี่เห็นด้วยกับพ่อนะ ถ้าหนักใจอะไรก็ยังมีพวกเราอยู่นะ” นิโคลัสพูดเสริม
“ค่ะ เข้าใจแล้ว”
หลังจากที่พ่อของเธอแนะนำให้ไปทำงานที่องค์กร สายตาของเซเรียไหววูบเล็กน้อยราวกับกำลังตัดสินใจบางอย่าง สีหน้าที่เคยแฝงความกังวลเริ่มเปลี่ยนไป แต่เธอยังคงนิ่งเงียบ เธอเหลือบมองไปที่นาฬิกาติดผนัง ก่อนจะตอบกลับพ่อและครอบครัวด้วยน้ำเสียงที่สงบ แต่แฝงความแน่วแน่
“ว่าแต่ ลูกเตรียมเอกสารแล้วหรือยังจ๊ะ” แม่เซเรียถาม
“เตรียมไว้แล้วค่ะ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้เลย”
“พี่เซริ!! พักบ้างนะคะ อย่าฝืนตัวเองมากนะ” เมแกนพูดด้วยความเป็นห่วง
“อืม ขอบใจนะ”
หลังจากนั้น เซเรียกลับห้องนอนส่วนตัวของเธอและเตรียมเอกสารต่อ
“แค่นี้น่าจะได้แล้วล่ะ” เซเรียเช็คไฟล์เอกสารทั้งหมดก่อนที่จะส่งไปทางอีเมลล์ที่อยู่บนนามบัตร
1 สัปดาห์ผ่านไป
“ไปก่อนนะคะ” เซเรียกล่าวลาสมาชิกในครอบครัวเพื่อไปเตรียมตัวสอบเข้าองค์กร
เธอสวมชุดสูทและถือกระเป๋าเสื้อผ้าสำหรับการทดสอบกายภาพในวันนี้ที่เธอได้เตรียมตัวเข้าสู่เส้นทางสายลับของเธอ
ในองค์กร The Resistor ราฟาเอลกับทีมของเขาต้อนรับผู้เข้าสอบสายลับ เซเรียรู้สึกกดดันตัวเองมากๆจนกระทั่ง มีคนเข้ามาหาเธอจากข้างหลังพร้อมเรียกชื่อเธอ
“เฮ้ย!! เซเรีย!!”
เซเรียหันหลังไป เธอก็ต้องมาตกใจกับสิ่งที่เธอเห็น เพราะคนที่เธอเจอหน้าเป็นคนที่เคยกลั่นแกล้งเธอตอนสมัยเด็ก
“ไอแซค!! ไอหมอนี่มาได้ไงวะน่ะ!?”
เซเรียรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลจากบรรยากาศรอบตัวในองค์กร The Resistor เธอพยายามควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติ แต่ความกังวลเริ่มปะทุขึ้นเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากข้างหลัง เสียงนั้นทำให้ความทรงจำอันเลวร้ายย้อนกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอหันกลับไปด้วยความตกใจ และสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าคือรอยยิ้มเย้ยหยันจากคนที่เธอไม่อยากพบเจออีกตลอดชีวิต – ไอแซค ลูเทอร์
ใช่แล้ว เขาคือเพื่อนร่วมห้องสมัยประถมนั่นเอง เขามีนิสัยชอบกลั่นแกล้งเซเรียจนทำให้เธอต้องย้ายโรงเรียนในเวลาต่อมา เซเรียเริ่มมีสีหน้าที่เครียดกว่าเดิม เพราะไอแซคชอบดูถูกเธอตลอดเวลา
เซเรียเลือกที่จะเมินเฉย แต่ไอแซคกลับไม่สนใจ ไปหาเซเรียจนเธอยื่นเอกสารให้กับเจ้าหน้าที่ ไอแซคก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น เพราะเซเรียเป็นนักศึกษาที่มีผลงานดีเด่นกว่าใคร ต่างจากไอแซคที่ไม่มีอะไรเลย
“คุณเซเรีย อาร์มสตรอง เชิญเข้าไปเปลี่ยนชุดได้เลยค่ะ”
“รับทราบค่ะ”
เซเรียเข้าไปเปลี่ยนชุดตามที่เจ้าหน้าที่สนามสอบบอก พอเข้าไป เธอก็ได้พบกับเพื่อนสมัยประถมอีกครั้ง ซึ่งภาพจำแสนโหดร้ายของเธอยังคงวนเวียนอยู่
เพราะเธอเจอกับ โรส สตาร์ดัสท์ กับ ลีฟ โรซีน ซึ่งในอดีตเคยกลั่นแกล้งเธอด้วย ในอดีต โรสมีนิสัยหยิ่งยโส อิจฉาริษยาคนอื่นทุกครั้งที่ทำได้ดีกว่าเธอ ส่วนลีฟ มีนิสัยชอบหลอกคนที่อ่อนแอ
ซึ่งตอนนั้น เซเรียเป็นที่รักของทุกคน ร่าเริง เพื่อนรักเยอะ แต่พอโดนสองคนนี้กลั่นแกล้งเธอจนเธอเปลี่ยนไป ทำให้เพื่อนหลายๆคนต้องถอยห่างไปทีละคน เลยเป็นปมฝังใจมาตั้งแต่เด็กๆ
“นั่นเซเรียเหรอ?” โรสถาม
“เหมือนจะใช่นะ แต่ว่า เธอเปลี่ยนไปเยอะมาก”
เซเรียเดินผ่านไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง เพราะตัวเธอชอบมีนิสัยติดภาพจำโหดร้ายในอดีตมาตลอด แต่ยังไม่ทันไร ลีฟเดินเข้าไปหาเซเรียพร้อมพูดทักทาย
“เซเรีย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“ลีฟ!?” เซเรียสะดุ้งด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์เหมือนน้ำแข็งที่เหน็บหนาว ก่อนที่เธอจะเห็นโรส
“เซเรีย คือว่า” โรสกำลังจะพูด แต่โดนเซเรียตัดบทสนทนาก่อน
“โรสก็มาด้วยเหรอ พวกเธอจะมาขีดขวางฉันในการสอบครั้งนี้ใช่มั้ย!?” เซเรียพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกครั้ง
“ไม่ใช่นะ พวกเราก็แค่อยากจะมาขอโทษเธอแค่นั้นแหละ” ลีฟพูดตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ แต่เซเรียยังคงไม่เชื่อใจ เพราะความแค้นของเธอ เธอโต้กลับไปด้วยขณะที่เปลี่ยนชุดอยู่
“หา!? มันสายไปแล้วล่ะ ฉันไม่ใช่เซเรียที่พวกแกชอบกลั่นแกล้งอีกแล้ว!!”
“เซเรีย!! ฟังพวกฉันก่อน!!” โรสพยายามจะอธิบายแต่เซเรียกลับไม่ฟังอะไรเลย หลังจากนั้น เซเรียก็รีบออกจากห้องเปลี่ยนชุดทันที
เธอเดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ปนไปกับความรู้สึกที่มันถาถมไปหมด เธอเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก น้ำตาเริ่มไหล จึงรีบวิ่งไปที่ๆไม่มีคนอยู่และหายใจหอบแรงไปชั่วขณะ
ในหัวของเธอ เต็มไปด้วยภาพจำที่โหดร้ายจากการถูกกลั่นแกล้ง ตอนนั้นทั้งโดนดูถูก โดนทำร้าย แบบไร้ปราณี
“แม่งเอ๊ย!!! ทำไมต้องมาเจอพวกนี้อีกวะน่ะ!?” เซเรียพึมพำด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด ขณะเดียวกัน เพื่อนสมัยมัธยมต้นของเธอก็เข้ามาหาเธอ
“เซเรีย? เป็นอะไรไหม?”
“หือ? แอมเบอร์”
ใช่แล้ว คนที่เข้ามาหาเธอคือ แอมเบอร์ โคล เพื่อนร่วมชั้นตอนมัธยมต้นนั่นเอง แอมเบอร์มีนิสัยห่วงเพื่อน เอาใจใส่คนรอบข้าง เป็นพลังบวกให้กับทุกคน
“เป็นอะไรไหม?” แอมเบอร์เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“อืม ไม่เป็นไรหรอก” เซเรียตอบกลับ ก่อนที่ไอแซคจะเข้ามาแล้วพูดจาส่อเสียดใส่เซเรีย
“ไม่นึกเลยว่าคนอย่างแกจะมาสอบเป็นสายลับที่นี่น่ะ อีขี้แพ้!!”
ทุกคนก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเซเรียโดนไอแซคพูดจาหยาบคายใส่ แต่เซเรียไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะเธอเองก็เก็บกดมาไม่น้อย เธอเลยสวนกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเหมือนน้ำแข็งขั้วโลกใต้และป่าเถื่อนแบบสัตวป่าไปว่า
“เอาไปพูดกับตัวเองยังดีกว่านะ ไอแซค”
ไอแซคโมโหมาก จนเกือบใช้กำลังสวนกลับขณะที่เซเรียมีสีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่โชคยังดีที่โรสกับลีฟมาห้ามศึกทันพอดี
“ไอแซค!!! พอได้แล้ว!!!” ทั้งคู่ตะโกนออกมา
“หา!? นี่พวกแก!! กล้าหักหลังฉันงั้นเหรอ!?”
เซเรียหันกลับไปด้วยสีหน้าที่งุนงง “เดี๋ยวนะ!? ทำไมพวกเธอถึงได้”
ก่อนที่ลีฟจะพูด ไอแซคก็ประกาศศึกกับเซเรียท่ามกลางฝูงชน เซเรียเห็นแบบนี้ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปกลายเป็นคนที่พร้อมท้าทายในทันที
“ประกาศศึกกับฉันเหรอ? ก็มาดิวะ ไอแซค!!” เซเรียโต้ตอบแบบนักเลงจนทำให้โรส แอมเบอร์ และลีฟต้องตกใจกับนิสัยที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน ไอแซคเห็นแบบนี้ก็ไม่ลังเล พร้อมจะท้ากับเธอ
ในช่วงสอบสมรรถภาพทางด้านร่างกาย การทดสอบแรกเป็นทดสอบความเร็วผู้เข้าสอบจะต้องสอบวิ่งกับยิงปืนไปด้วย ซึ่งเป็นของถนัดของเซเรียเลย ทุกคนในสนามสอบจะมีปืนพกคนละ 1 กระบอก โดยกติกาคือ ผู้เข้าสอบทุกคนต้องทำเวลาให้น้อยที่สุด ในช่วงสอบ หนึ่งในผู้เข้าสอบทำเวลาได้ 1 นาที 37 วินาที ในสนามสอบ เซเรียตั้งสมาธิทั้งหมดกับการทดสอบความเร็ว เธอออกตัววิ่งอย่างรวดเร็ว พร้อมยิงเป้าได้อย่างแม่นยำทุกครั้ง เสียงเชียร์และสายตาของผู้เข้าสอบคนอื่นจ้องมองเธอด้วยความทึ่ง แต่เซเรียไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัวเลย เป้าหมายเดียวของเธอคือทำเวลาให้ดีที่สุดเพื่อพิสูจน์ตัวเอง และเธอก็ทำได้สำเร็จ ทำเวลาได้ 1 นาที 45 วินาที สอบได้คะแนนเยอะเป็นอันดับที่ 2 ขณะที่ไอแซค ได้ที่ 6 เพราะทำเวลาไป 3 นาที ซึ่งศึกแรกก็เริ่มเห็นสีหน้าของไอแซคได้ชัดเจนเลย
การทดสอบพละกำลังโดยผู้เข้าสอบจะต้องโต้ตอบแอนดรอยด์จำลองให้เยอะที่สุดภายในเวลา 3 นาที ไอแซคสามารถโค่นแอนดรอยด์จำลองการต่อสู้ได้ 14 ตัว พอถึงคิวของเซเรีย ทุกคนก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น
เพราะเซเรียโต้ตอบแบบโหดเหี้ยม รุนแรง และเน้นจุดตายเป็นหลัก ไอแซคได้เห็นรังสีอำมหิตจากตัวเธอ ทำให้รู้ว่า ตัวเองกำลังจะพ่ายแพ้ ส่วนโรสกับลีฟ เมินเฉยกับสีหน้าของไอแซค
การทดสอบช่วงเช้ารอบสุดท้าย การทดสอบไหวพริบ เป็นการทดสอบสัมผัสทั้ง 5 ของมนุษย์ และการทดสอบสัญชาติญาณของแวมไพร์ ไอแซค ซึ่งเขาเป็นแวมไพร์ก็ต้องได้การทดสอบแบบนี้ เซเรียที่เธอนั้นเป็นแค่มนุษย์ ก็ทดสอบสัมผัสทั้ง 5 ซึ่งน้อยคนจะผ่านการทดสอบนี้ และในที่สุด เซเรียก็สอบผ่านทั้งหมด ขณะที่เธอกำลังนั่งพัก โรสกับลีฟก็เดินเข้ามาหาเธอ
เซเรียมองหน้าพวกเธอก่อนที่จะถาม “มีอะไร?”
เซเรียได้อ่านออร่าเจตนาร้ายของทั้ง 2 คนนี้ พบว่าไม่มีพิษภัย เธอเริ่มจะเบาใจลง
“คือเรื่องเมื่อตอนนั้น…ลีฟกับฉัน” โรสได้อธิบายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนประถม ความจริงก็ได้เปิดเผยออกมา เพราะตอนสมัยนั้น ไอแซค เป็นหัวโจกประจำห้อง เซเรียโดนหมายหัวตั้งแต่ประถมมาโดยตลอด ขณะเดียวกัน ครอบครั้งทั้ง 2 คน โดนข่มขู่จากพ่อของไอแซค เพราะเนื่องจากพ่อของลีฟและแม่ของโรสไปติดหนี้พนันกับทางญาติของเขา จนสุดท้ายในช่วงมัธยมต้น พ่อแม่ของพวกเธอถูกลี้ภัยไปอยู่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งตั้งอยู่ที่เขตชายแดนเดียวกันกับสก็อตแลนด์ ปล่อยให้อยู่กับญาติพี่น้อง พวกเธอต้องโดนทั้งรุมด่า สาปแช่ง ลอบทำร้าย เพราะวีรกรรมที่ก่อไว้ในอดีต ส่งผลให้ครอบครัวเซเรียเสียหายอีกด้วย ถึงแม้ปัจจุบัน ครอบครัวของเซเรียจะกลับมาได้ แต่ก็ต้องเผชิญกับครอบครัวของไอแซค ซึ่งตอนนี้ยังเป็นเจ้าอำนาจอยู่ เซเรียรับฟังปัญหาของ 2 คนนี้แต่เธอไม่รับประกันจะช่วยเหลือทั้ง 2 คน
ช่วงบ่าย เป็นการทดสอบขั้นสูง ซึ่งเป็นการสอบทางด้านมือสังหารโดยเฉพาะ เซเรียพร้อมกับผู้เข้าสอบคนอื่นก็เดินไปสอบ แต่ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้น ทำไมไอแซคถึงมาด้วย
“เฮ้อ ผิดคาดแฮะ นึกว่ามึงจะยอมแพ้อีกนะ ไอแซค” เซเรียยังคงทำสีหน้าเหมือนเมื่อเช้า แต่รอบนี้เซเรีย พร้อมรับมือกับไอแซคแล้ว เพราะเธอสังเกตว่าตัวไอแซคมีเจตนารมณ์ที่ร้ายแรง พร้อมจะกดเธอให้ต่ำลงอยู่เสมอ
“เหอะ!!! อวดดีเหลือเกินนะ!!” ไอแซคเริ่มอารมณ์เสีย จนถึงเวลาสอบ ไอแซค ลงสอบคนแรกถือว่าผ่านฉลุยไปแบบง่ายๆ หลังจากทดสอบผู้เข้าสอบคนถัดไปเรื่อยๆ จนถึงคิวของเธอ ระหว่างทดสอบ จู่ๆเธอเริ่มมีลางสังหรณ์แปลกๆ เพราะจู่ๆแอนดรอยด์ที่เธอโค่นไปก่อนหน้า กลับลุกขึ้นมาทำงานอีกรอบ
โดยปกติ แอนดรอยด์พวกนี้จะหยุดทำงานทันทีเมื่อผู้เข้าสอบโจมตีจุดอ่อน ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำเอาคณะกรรมการคุมสอบต้องหยุดการสอบของเซเรียชั่วคราวจนกว่าจะแก้ปัญหาได้
แต่เซเรียสังเกตความผิดปกติบางอย่าง นั่นก็คือ แอนดรอยด์พวกนี้ดวงตามีสีแดง ซึ่งปกติจะเป็นสีฟ้าน้ำเงิน ทำให้รู้ทันทีว่า นี่เป็นฝีมือไอแซคแน่ๆ เพราะรู้พลังของเขาตอนประถม นั่นคือพลังควบคุมเครื่องจักรโดยพลังจิต
ไม่รอช้า เซเรียตัดสินใจรีบแจ้งเจ้าหน้าที่คุมสอบทันที และแน่นอนว่า จุดอ่อนของพลังจิตคุมเครื่องจักรก็คือไฟฟ้า เซเรียเลยตัดสินใจระเบิดพลังไฟฟ้าออกมาเพื่อแก้เผ็ดเจ้าไอแซคในเวลาต่อมา แอนดรอยด์ทั้งหมดก็หยุดทำงานชั่วคราว
ไอแซคยิ่งอารมณ์เสียหนักขึ้น เพราะเขาไม่รู้เลยว่าเซเรียมีพลังที่แข็งแรงกว่าเขา
“หนอย!!! นังชั้นต่ำ!!! มึงกล้ามากนะ” ไอแซคโวยวายลั่น
“กูว่านะ มึงต้องได้รับผลกรรมแล้วล่ะนะ ไอแวมไพร์ไร้อารยธรรมแบบมึงน่ะอภัยไม่ได้เด็ดขาด” เซเรียพูดตอกย้ำไอแซคแบบไร้ความเมตตา พร้อมแววตาอันว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยแค้นโทสะของเธอ
เมื่อเจ้าหน้าที่ประกาศให้ไอแซคทราบถึงผลของการใช้พลังต้องห้าม ไอแซคเริ่มโวยวายและแสดงความเกรี้ยวกราด เซเรียยืนมองด้วยสายตาเย็นชา แต่แฝงไปด้วยความสะใจเล็กน้อย ขณะที่ไอแซคยังคงอาละวาด ชายหนุ่มปริศนาก็เดินเข้ามาประกาศบทลงโทษขั้นเด็ดขาด
“คุณไอแซค ลูเทอร์ ใช่มั้ยครับ” เสียงชายหนุ่มปริศนา พร้อมฝีเท้าหนักแน่นเดินเข้ามาหาพวกเขา
“ใช่ ผมเอง มีอะไรเหรอครับ” ไอแซคถามกลับ
“คุณยังไม่รู้เลยนะครับ ว่าพลังแบบนี้เป็นพลังต้องห้ามของทั้งมนุษย์และแวมไพร์น่ะครับ” ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ว่าไงนะ!? อย่ามาพูดอะไรบ้าๆน่า” ไอแซคโต้กลับ
“รู้ใช่ไหมครับว่าคุณจะโดนอะไรบ้าง” ชายหนุ่มถามกลับ
“หา!?” ไอแซคขึ้นเสียงใส่
“คุณจะบอกว่า ไอแซค โดนตัดสิทธิ์ทันทีใช่ไหมคะ” เซเรียถาม
“ใช่ครับ เพราะตามหลักแล้ว คนที่มีพลังต้องห้ามครอบครอง จะต้องถูกกำจัดครับ ต่อให้ยังมีชีวิตอยู่ ตามกฎหมายโลก ผู้ใดที่มีพลังต้องห้าม จะต้องถูกประหารชีวิต”
“เหอะ!!แวมไพร์จะโดนประหารชีวิตได้ไง!? ที่สำคัญ อีนี่มันหล้ามาหยามศักดิ์ศรีของแวมไพร์อีกด้วย” ไอแซคด่าเซเรียแบบหน้าไม่อาย
“อยากฆ่าแม่งให้ตายหว่ะ” เซเรียพึมพำ
“คุณอาร์มสตรอง คุณพร้อมสำหรับการทดสอบสุดท้ายหรือยังครับ” เจ้าหน้าที่ถามพร้อมยื่นปืนพกที่บรรจุยาพิษสำหรับประหารชีวิตแวมไพร์ เซเรียไม่ลังเล รีบรับปืนจากเจ้าหน้าที่และเล็งใส่กลางอกของไอแซค
“เฮ้ยๆๆ มึงจะทำแบบนี้จริงเหรอวะ อีมนุษย์ชาติหมา” ไอแซคยังคงพูดจาเหยียดหยามใส่เธอ โดยที่เขาไม่รู้ว่า เซเรียนั้นกำลังโกรธแค้น พร้อมบันดาลโทสะใส่ตลอดเวลา
“ไปคุยกับรากมะม่วงซะนะ ไอแซค” เซเรียพูดจบก็ลั่นไกใส่อกของไอแซค ยาพิษได้ฉีดเข้าสู่หัวใจ ร่างกายแวมไพร์ของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงอ่อนจนสุดท้าย ได้จบชีวิตไปอย่างน่าสมเพช
จบการทดสอบของเซเรีย เธอได้รับเลือกให้เข้ามาทำงานในแผนกมือสังหารทันที ส่วนโรสกับลีฟ ยังคงต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย เนื่องจากตระกูลลูเทอร์ได้ทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายและทั้ง 2 ครอบครัวก็ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย
เซเรียรู้สึกอย่างนี้ เธอก็สบายใจได้ไปอีกทาง เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกเธอ
“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ คุณเริ่มงานได้เลยนะครับ” ชายหนุ่มชี้แจงกับเซเรีย
“ฝากตัวด้วยเช่นกันค่ะ”
การทำงานของเธอจึงได้เริ่มต้นขึ้น หลังจากนี้ เธอจะต้องเผชิญกับภารกิจที่เสี่ยงอันตราย
