เมื่อควีนโอเมก้าผู้งดงาม พวงด้วยตำแหน่งราชินีนักเต้นระบำที่แสนสง่า ต้องไปเผชิญหน้ากับยุคดึกดำบรรพ์ที่แสนยากลำบาก!!
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,พระเอกครั้งรัก,ดึกดำบรรพ์,ยุคหิน,โอเมก้าเวิร์ส,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เต้นระบำงามสง่ายุคดึกดำบรรพ์เมื่อควีนโอเมก้าผู้งดงาม พวงด้วยตำแหน่งราชินีนักเต้นระบำที่แสนสง่า ต้องไปเผชิญหน้ากับยุคดึกดำบรรพ์ที่แสนยากลำบาก!!
จะเป็นยังไงเมื่อ ราชินีนักเต้นระบำต้องไปเฉิดฉายอยู่ในยุคดึกดำบรรพ์ที่แสนยากลำบาก
***
น้องจะไปเฉิดฉายที่ยุคดึกดำบรรพ์ค่ะ
ฝากติดตามน้องด้วยนะคะ
“เรื่องสนุกๆ หรือ? ข้าฟังด้วย” อะวันที่หูดี ได้ยินว่าท่านน้าตัวน้อยจะเล่าเรื่องสนุกๆ ให้ฟัง เขาก็ไม่รอช้าที่จะไปร่วมนั่งฟังด้วยโดยไม่ขออนุญาตใดๆ
“ข้าฟังด้วยเจ้าค่ะ ท่านพี่อะมาน มาเร็ว” อามาลีเอ่ยด้วยท่าทีตื่นเต้น ก่อนนางจะลากพี่ชายคนโตของนางให้ไปนั่งฟังกับนางด้วย แน่นอนว่าผู้เป็นพี่ชายเองก็เดินตามมาดีๆ เงียบๆ
“ท่านแม่ ข้าก็อยากฟังเรื่องของท่านน้า” อากอ ลูกชายคนเดียวของอาโนหันไปเอ่ยกับผู้เป็นแม่
“เจ้าไปนั่งฟังเถอะ แม่จะไปช่วยทุกคนทำอาหารเพิ่ม” ฟาตินลูบหัวลูกชายอย่างอ่อนโยน ก่อนเขาจะเดินออกไปช่วยตัวเมียคนอื่นทำอาหารสำหรับงานเลี้ยงต่อ
“เรื่องที่ข้าจะเล่า คือเรื่องของข้าที่ไปเติบโต ณ สถานที่อื่น ในช่วงที่ร่างกายของข้าที่นี่หลับใหล” ซิทรินยิ้มหลังจากเกริ่นเรื่องที่จะเล่าให้ทุกคนฟัง แน่นอนว่าเขาไม่คิดปิดบังมันกับทุกคน เพราะทุกคนคือคนที่เขาไว้วางใจ
เคออสและคนอื่นๆ ที่นั่งฟังอยู่ให้ความสนใจทันทีกับเรื่องนี้ ทุกคนนั่งนิ่งและตั้งใจฟังในสิ่งที่คนตัวเล็กกำลังจะเอ่ยถึง
“สถานที่แห่งนั้นแตกต่างจากที่นี่ ไม่มีสัตว์ร้าย ไม่มีเผ่าสัตว์ ไม่มีการขาดแคลนอาหาร ไม่มีชีวิตที่ยากลำบาก กลับกันกับมีบ้านเรือนหลังใหญ่ที่แข็งแรง กันฝน กันลม กันหนาว กันพายุ ทั้งยังมีเครื่องทุ่นแรงมากมายที่ทำให้คนที่นั่นใช้ชีวิตง่ายขึ้น คนส่วนใหญ่มีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่ไร้ซึ่งอันตราย ในตอนที่ข้าไปที่นั่น ตอนนั้นข้ามีอายุ 6 ปี และจำใครในที่แห่งนี้ไม่ได้เลย นอกจากพลอยเม็ดนี้ที่ติดตามข้ามา” ซิทรินเอ่ย ก่อนจะสัมผัสที่เม็ดพลอยสีอำพันที่ห้อยอยู่ตรงคอ
เคออสมองคนตัวเล็ก ดวงตาสีแดงไม่ละจากร่างงามไปไหน ทว่าก็มีความรู้สึกผิดอยู่ในห่วงลึกของจิตใจ
ซิทรินสบตากับดวงตาสีแดงที่มองมา ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กๆ แล้วเล่าต่อ
“ข้าเติบโตและร่ำเรียนหนังสือที่สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า อะ อื้ออ คงจะคล้ายๆ สถานที่ที่รวมตัวเด็กที่ไม่มีพ่อแม่” ซิทรินเอ่ยอธิบายเมื่อเห็นท่าทีสงสัยของทุกคน “ต่อมาอายุ 12 ปี ข้ารู้ว่าความฝันของตัวเองคืออะไร โชคดีที่ในตอนนั้นมีบริษัทใหญ่มาจัดการแข่งขัน
ข้าเห็นเป็นโอกาสจึงไปแข่งขันและเพราะความสามารถและหน้าตาของข้าที่เข้าตาผู้ตัดสิน จึงทำให้ข้าได้เริ่มยืนอยู่บนเวที ที่มีแต่แสงส่องมาที่ข้า ในตอนนั้นข้ามีความสุขและสนุกมาก ประสบความสำเร็จจนมีอายุ 18 ปี ข้าก็เริ่มมีความรู้สึกว่าสถานที่แห่งนั้นที่ข้าอยู่อาจจะไม่ใช่บ้านของตัวเอง แล้วข้าก็ได้กลับมาหาทุกคนอีกครั้ง
12 ปีที่อยู่ที่นั่น มีทั้งความลำบากจากการตามล่าความฝัน มีทั้งความสนุกในตอนที่ยืนอยู่บนเวทีและโดดเด่นเหนือคนอื่น แต่ว่าข้าก็ไม่ดีใจเท่าได้กลับมาหาทุกคน ที่เป็นครอบครัวของข้า และได้กลับมาบ้านของตัวเอง”
ทุกคนที่ได้ฟังต่างก็เงียบและคิดตาม พวกเขาต่างนึกไม่ออกว่าสถานที่แห่งนั้นที่คนตัวเล็กพูดถึงจะเป็นแบบไหน เพราะที่นี่มันทั้งอันตราย ความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม หากประมาทไปแม้เพียงนิดก็อาจถึงชีวิตได้ ทั้งสภาพอากาศที่นี่ยังไม่แน่นอน ภัยธรรมชาติสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ทุกคนจึงอยากรู้นักว่าสถานที่สวรรค์เช่นนั้นจะเป็นยังไง
“ท่านน้า ข้ามีคำถามขอรับ” อากอ เด็กชายวัย 10 ปีเอ่ยเมื่อเห็นว่าท่านน้าคนงามเล่าจบแล้ว
“มีอะไรหรือ ถามมาสิ” ซิทรินยิ้มหวานออกมาให้หลานชาย ก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่าย
“เรียนหนังสือคืออะไรหรือขอรับ?” อากอเอ่ยถามเรื่องที่ตัวเองสงสัย
ซิทรินครุ่นคิด ก่อนเขาจะจับที่สร้อย แล้วนำหนังสือที่ตัวเองเคยใส่ไว้ในมิติออกมา ทุกคนที่เห็นว่ามีของออกมาจากอากาศต่างก็แปลกใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามันอาจเป็นของวิเศษ “ของชิ้นนี้เรียกว่าหนังสือ ข้าพกมาจากโลกแห่งนั้นที่ข้าจากมา ลองเปิดดูสิ”
อากอรับมา ก่อนจะค่อยๆ เปิดมันออก แต่เขาก็ต้องทำหน้างง ทว่าเพราะมีรูปภาพที่ดูน่าสนใจอยู่ในนั้นจำนวนมากจึงไม่อาจละความสนใจไปได้ง่ายๆ
“ข้าดูด้วย” อาวันเอ่ยก่อนจะเอียงตัวหันไปมองว่ามันคืออะไร “ท่านน้า ภาพนี้สวยจัง แล้วเจ้าตัวเล็กๆ ที่เรียงตัวกันอยู่คืออะไร?”
อากอเปิดออกดูทีละหน้า ก่อนจะส่งให้คนอื่นได้ดูต่อ
“มันคือหนังสือสอนทำอาหาร ตัวอักษรเล็กๆ ที่เห็น เด็กทุกคนที่นั่นต้องเรียนรู้มัน เพื่อให้อ่านมันออก ถ้าอ่านออกแล้วก็จะสามารถทำอาหาร เหมือนที่เห็นในรูปได้” ซิทรินยิ้มหวาน เขารู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่เลือกวิธีอธิบายด้วยวิธีนี้ มันคงจะทำให้ทุกคนเข้าใจง่ายขึ้น
เคออสที่ดูหนังสือเป็นคนสุดท้ายเงยหน้าขึ้นมองคนตัวเล็ก ก่อนจะส่งคืนคนงาม
“เอาไว้จะทำให้กินนะ” ซิทรินเอ่ยกับทุกคน ก่อนจะเก็บหนังสือเข้ามิติ “แน่นอนว่าความรู้ที่ข้าได้มาจากที่นั่น ข้าจะเอามาใช้ประโยชน์ที่นี่ให้ได้มากที่สุด ทุกคนจะช่วยข้าใช่ไหม”
“แน่นอน ไม่ว่าเป็นเรื่องอะไรให้มาบอกพี่ ไม่ว่าน้องคิดจะทำอะไร ถ้ามันทำให้ชีวิตทุกคนดีขึ้นและไม่เป็นอันตรายต่อเจ้าที่เป็นน้องพี่ พี่ก็ยินดีทำมันทุกอย่าง” อนีเอ่ยกับน้องชายตัวน้อย ก่อนฝ่ามือหนาจะลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ “เจ้ากลับมาเช่นนี้ พวกเราก็ดีใจเช่นกัน ต่อจากนี้อย่าไปไหน และอยู่กับพวกเราเถอะนะ”
“ข้าจะอยู่กับทุกคนที่นี่แน่นอน อยู่ที่นั่น ข้าเหงามากเลย” ซิทรินเอนตัวซบไหล่หนาของพี่ชายตัวโต ก่อนจะเงยหน้ามองหมู่ดาวที่อยู่บนฟ้า ในตอนนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว หมู่ดาวที่นี่สวยมากกว่าครั้งก่อนๆ ที่เขาเคยเห็นมาเสียอีก
“มาเถอะ อย่าเศร้าไป ตอนนี้เจ้าก็กลับมาแล้ว พวกเราไปเต้นกันดีกว่า” อาโนจับมือน้องชายไว้ ก่อนจะพาลุกขึ้น แล้วเดินไปที่หน้ากองไฟ “บรรเลงเสียงชนเผ่าวิหค!”
“เฮ้!!” ทุกคนในเผ่าต่างพากันส่งเสียงอย่างคึกคัก ก่อนที่จะมีเสียงทุบบางสิ่งดังขึ้นเป็นจังหวะ ตามด้วยเสียงขับร้องเป็นจังหวะสนุกสนาน
TBC