ไม่มีใครชอบเวลาโดนหลอก แต่หากว่าการถูกหลอก ทำให้รู้สึกเหมือนหลงทางในห้วงฝันหวาน ยามอยู่บนที่นอนนุ่มสบายแล้วละก็ บางที..การตื่นขึ้นมารับความเป็นจริง ก็อาจมิใช่สิ่งที่น่าปรารถนาอีกต่อไป

The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล - บทที่ 10 ผู้เป็นอมตะในนิทานปรัมปรา โดย PinkyPaw @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,ตะวันตก,รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ย้อนยุค,แวมไพร์,ปีศาจแห่งความมืด,ปีศาจ,สงคราม,ฆาตกรรม,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,ตะวันตก,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,แฟนตาซี,ย้อนยุค,แวมไพร์,ปีศาจแห่งความมืด,ปีศาจ,สงคราม,ฆาตกรรม

รายละเอียด

The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล โดย PinkyPaw @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไม่มีใครชอบเวลาโดนหลอก แต่หากว่าการถูกหลอก ทำให้รู้สึกเหมือนหลงทางในห้วงฝันหวาน ยามอยู่บนที่นอนนุ่มสบายแล้วละก็ บางที..การตื่นขึ้นมารับความเป็นจริง ก็อาจมิใช่สิ่งที่น่าปรารถนาอีกต่อไป

ผู้แต่ง

PinkyPaw

เรื่องย่อ

คำโปรย

ไม่มีใครชอบเวลาโดนหลอก

แต่หากว่าการถูกหลอก ทำให้รู้สึกเหมือนหลงทางในห้วงฝันหวาน ยามอยู่บนที่นอนนุ่มสบายแล้วละก็

บางที..การตื่นขึ้นมารับความเป็นจริง ก็อาจมิใช่สิ่งที่น่าปรารถนาอีกต่อไป

หลังจากลืมตามาดูโลกได้ไม่กี่ปี ‘ลีน่า’ บังเอิญพบราชาปีศาจผู้เป็นอมตะ ‘อัมบรูส’ 

นางสมควรกลัวเขา สมควรรังเกียจและผลักไส ไปให้ไกลจากเขา

ทว่าเพราะเวทมนตร์ โชคชะตา และความหลงใหล ทำให้นางไม่อาจต่อต้านอำนาจรัก

ต่อให้รู้ว่านี่เป็นความรู้สึกต้องห้าม หรือต่อให้เขาจะทำเรื่องโหดร้ายขนาดไหน 

แต่..ใจมันก็อดประหวัดถึงคนผู้นั้นไม่ได้จริง ๆ

...

คุยกับไรท์

สวัสดีทุกท่านค่ะ

ก่อนกดเข้าไปอ่าน เราอยากชวนคุยสักนิด ชี้แจงสักหน่อย 

เนื่องจากนิยายเรื่องนี้ เราเขียนตอนที่รู้สึกคิดถึงอารมณ์รักโรแมนติก เหมือนตอนที่หัดเขียนนิยายเรื่องแรกเมื่อหลายปีก่อน 

ตอนนั้นเราเขียนด้วยความอยากปลดปล่อยจินตนาการตามประสาเด็ก ซึ่งรู้ว่าถึงพยายามยังไงตอนนี้ก็ไม่มีทางกลับไปมีความรู้สึกอันน่าคิดถึงแบบนั้นได้

แต่สุดท้ายก็แต่งนิยายเรื่องนี้ออกมา ถึงเป็นแนวเรียบง่าย เล่นกับความรักสุด classic ที่มีความแฟนตาซีแต่ไม่หวือหวา กระนั้นก็ยังพอเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไปนานได้บ้าง

หวังใจว่าจะมีรี้ดสักคนที่หลงรักนิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกับเรา และหวังว่านิยายเรื่องนี้จะช่วยเป็นความผ่อนคลายของใครได้นะคะ

ปล. นิยายเรื่องนี้มี e-book แน่นอนค่ะ ไว้เปิดขายแล้วจะแจ้งให้ทุกท่านทราบอีกทีนะคะ

...

คำเตือน

นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหารุนแรง ทั้งการฆ่า และการกระทำโหดร้ายทารุณอื่น ๆ ของตัวละคร 

ทั้งนี้ ผู้แต่งไม่มีเจตนาพาดพิงถึงเรื่องความเชื่อตามศาสนาใดทั้งสิ้น และไม่ได้อิงหลักกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ของสังคมยุคไหนอย่างเฉพาะเจาะจง เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากจินตนาการเพียงเท่านั้น ขอให้ทุกท่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

...

นิยายเรื่องนี้สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลงหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายไปเผยแพร่หรือกระทำการใด ๆ ก่อนได้รับการอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ หากฝ่าฝืนจะดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำละเมิดอย่างเด็ดขาดโดยไม่มีข้อยกเว้น

...

ช่องทางติดตามไรท์

tiktok : @itspinkypaw

X : @itspinkypaw

สารบัญ

The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 0 แด่ท่าน,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 1 ข้าพบเจ้าแล้ว,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 2 ท่านพ่อเข้มงวด กับเจ้านายใจดี,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 3 สมบัติในโลงศพ,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 4 เด็กดื้อมักฉลาด,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 5 ลูกบุญธรรม,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 6 พ่อบุญธรรม,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 7 มอร์ทิส,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 8 กลัวหาย,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 9 ไม่ใช่เด็กแล้ว,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 10 ผู้เป็นอมตะในนิทานปรัมปรา,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 11 มิตรภาพของคนหนุ่มสาว,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 12 รักที่สุด,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 13 ภาพลวงตา,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 14 ล้วนจากไป,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 15 วันที่ลางสังหรณ์ไม่ดี,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 16 พากลับไป

เนื้อหา

บทที่ 10 ผู้เป็นอมตะในนิทานปรัมปรา

ในยามวิกาลที่สมควรเข้าสู่ห้วงนิทราเช่นนี้ กลับมีใครคนหนึ่งลืมตาตื่นขึ้นมาใช้ชีวิต

และในโลงเย็นเฉียบที่สมควรมีเพียงคนตายนอนอย่างเดียวดาย บัดนี้ไม่ใช่อีกแล้ว

อัมบรูสยันกายขึ้นนั่ง หันมองร่างอรชรที่นอนเบียดอยู่ข้างกันแล้ว ไม่อยากยอมรับเลยว่าหัวใจกำลังหวั่นไหวทีละน้อย

“เจ้าเด็กซน เจ้าทำให้ข้าตื่นเร็วกว่าเดิม”

“ไม่ใช่ท่านเองหรอกหรือ ที่อยากตื่นมาพบข้าเร็วกว่าทุกคืน”

ลีน่าแกล้งหลับ และอีกฝ่ายก็รู้ว่าเป็นเช่นนั้น

ยามที่นางลืมตาขึ้นมอง ส่งยิ้มทะเล้นให้ นั่นยิ่งทำหัวใจพ่อบุญธรรมคนนี้เต้นโครมครามไปหมด

“อีกอย่าง ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว เลิกเรียกอย่างนั้นสักทีเถอะเจ้าค่ะ”

“ถูกของเจ้า”

ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะไล้นิ้วเรียวไปบนพวงแก้มนุ่มแผ่วเบา

“ไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่ต้องให้ผู้ใหญ่นอนเฝ้าอีกต่อไป”

“ในสายตาข้า ท่านคือผู้ชายคนหนึ่ง”

และยามนี้ สายตาของนางที่มองชายคนนี้ก็เปี่ยมไปด้วยไอแห่งปรารถนาคุกรุ่น

ลีน่าจับมือของเขาไว้ เปลี่ยนให้มารับจุมพิตเบา ๆ จากริมฝีปากสีกลีบกุหลาบของนาง

“ท่านอย่าเห็นข้าเป็นเด็กอีกเลย”

สิ่งนางอยากเป็น..คือผู้หญิงของเขาต่างหาก

ท่านจะทำเป็นไม่รับรู้ไปถึงเมื่อไร

อัมบรูสไม่ต่อต้านจูบของนางในวันนั้นก็จริง แต่ต่อมาเขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่มากไปกว่ามอบสัมผัสตราตรึงหัวใจประทับบนริมฝีปาก

ทั้งที่ร่างกายนางเรียกร้องต้องการ เขากลับไม่ตอบสนองอะไรเลย ช่างเป็นบุรุษที่เย็นชาเสียจริง

“นายท่าน..คงไม่ใช่ตายด้านไปแล้วกระมัง”

“เจ้า” ชายหนุ่มถึงกับไร้คำพูดไปชั่วครู่ ก่อนกลายเป็นเสียงผ่อนลมหายใจสายยาว “ข้าไม่ได้แก่ถึงขั้นไร้สมรรถภาพสักหน่อย”

“แล้วทำไม..”

“เพราะนี่ไม่เหมาะสม”

“ไม่เหมาะสมอย่างไร”

นางไม่น่าถามเลย

ความสัมพันธ์ของพ่อบุญธรรมกับลูกบุญธรรม หากผูกกันด้วยความรักก็ดีอยู่หรอก แต่มันไม่ควรเป็นความรักในแง่นี้

อัมบรูสรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไร ถึงหัวใจเขาจะยอมเผลอไผลไปหลายครั้งหลายครา แต่สุดท้ายก็ไม่อาจก้าวล้ำ ข้ามเส้นแบ่งที่ตัวเองเป็นคนกั้นไว้แต่แรกได้

“อาจารย์ที่ข้าจ้างให้มาสอนจริยา ไม่ได้อบรมเจ้าให้ดีหรือ”

“เรื่องนี้โทษอาจารย์คนไหนของข้าไม่ได้หรอก” หญิงสาวเริ่มทำหน้างอง้ำ เบะปากเหมือนเด็กที่เสียใจเวลาโดนดุ “ข้าเรียกร้องจากท่านมากไปเองเจ้าค่ะ”

ในที่สุดนางก็รู้ตัว

ไม่สิ.. นางรู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ไม่ยอมรับผิดเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าน่าจะคุยกันรู้เรื่องแล้ว อัมบรูสก็ไม่คิดจะดุต่อให้ยิ่งเสียใจ

“เตรียมเสื้อผ้าให้ข้าหรือยัง”

“เตรียมแล้วเจ้าค่ะ”

ลีน่าเปลี่ยนอารมณ์ตามได้ทัน จึงลุกจากโลงมาตั้งหน้าตั้งตารอปรนนิบัติเขา

ยามที่ได้เห็นผิวกายขาวซีดเพียงท่อนบน หัวใจนางก็เต้นโครมครามอย่างไม่อาจห้ามเช่นกัน

และยิ่งไม่อาจห้ามสายตา ที่กำลังไล่มองแผงอกและกล้ามเนื้อหน้าท้องสวยได้รูป

หากเปลี่ยนสายตาเป็นสัมผัสจากฝ่ามือ มันคงเป็นสัมผัสที่ชวนให้กายร้อนวูบไปหมดแน่

“ท่านอัมบรูส”

มีไม่กี่ครั้งที่หญิงสาวจะเรียกนามเขาเช่นนี้ ชายหนุ่มก็ช้อนสายตามองเป็นเชิงถามกลับ แต่เพียงรอฟังเงียบ ๆ

“หากนี่เป็นนิทานปรัมปรา ข้าคงนึกว่าท่านคือผู้เป็นอมตะ”

ลีน่าไม่ได้โง่ อาจารย์ที่อบรมนางมาเป็นมนุษย์

และพวกเขาล้วนโรยรา ในช่วงเวลาสิบปีที่นางเติบโต

แต่ชายผู้นี้..ไม่ใช่

“เจ้าอย่าพูดเหลวไหล”

นั่นเป็นคำบ่ายเบี่ยงที่เขาพอจะคิดได้ดีที่สุดแล้วในยามนี้

“ข้าไม่ได้เหลวไหลนะเจ้าคะ” คราวนี้ลีน่าไม่เพียงพูดเฉย ๆ มือซุกซนยังเลื่อนไล้ไปตามกล้ามเนื้อซ่อนความแข็งแกร่งเหล่านั้น

“วันแรกที่ข้าพบท่าน ท่านก็งดงามเช่นนี้”

งดงามเสียจนเด็กน้อยวัยห้าขวบในวันนั้นไม่อาจละสายตา ได้แต่เกาะขอบโลงมองเขาผู้หลับใหลราวกับจะไร้วันตื่น

“ท่านเหมือนกาลาเทอาของพิกเมเลียน ที่ข้าเคยอ่าน”

กาลาเทอาคือรูปปั้น ซึ่งประติมากรชื่อดังแห่งไซปรัส นามว่าพิกเมเลียนหลงรัก

เขาหลงรักโฉมสะคราญซึ่งกำเนิดมาจากหินอ่อนที่ตนเองแกะสลักกลึงเกลา ถึงขนาดที่ยอมหาอาภรณ์ที่ดีที่สุดมาให้สวมใส่ มอบของขวัญให้กาลาเทอามากเท่าที่จะมากได้ หาที่หลับที่นอนที่ดีที่สุด นั่นคือข้างกายของเขาเอง

ทุกวันคืน เขายังพร่ำบอกรักนางอย่างกับนางจะได้ยิน จูบริมฝีปากของนางโดยที่นางไม่จูบตอบ กอดร่างอันเย็นชืดนั้นไว้โดยไม่สนว่ากายตนจะไร้ซึ่งความอบอุ่นไปด้วย

ทุกคราที่ทำเช่นนั้น เขาจินตนาการว่านางจะพึงพอใจเช่นเดียวกัน

นั่นคือเรื่องปรัมปราที่ลีน่าเคยได้อ่าน

ตอนสุดท้าย เทพเจ้าผู้คุ้มครองนครโบราณช่วยให้พิกเมเลียนสมปรารถนา มอบชีวิตแก่กาลาเทอาผู้เป็นยอดดวงใจ ให้ทั้งสองครองคู่กันไปตลอดกาล

แต่ที่นี่ไม่ใช่ไซปรัส และคนตรงหน้าก็มีชีวิต ไม่ใช่หินอ่อนเย็นชืดไร้หัวใจ

โชคดีที่ข้าไม่ใช่พิกเมเลียน ผู้ตกหลุมรักกาลาเทอาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

ความร้าวรานจากการไม่ได้รักกลับคืนนั้น ไม่มีใครในโลกอยากเผชิญหรอก

“เจ้าอาจเห็นภาพลวงตาอยู่ก็ได้”

คำพูดของอัมบรูสดึงลีน่าออกจากห้วงภวังค์ นางกะพริบตาปริบ ๆ มองเขาด้วยความฉงน “ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ?”

“ข้าหมายถึง…ผู้ใดเล่าจะไม่แก่เลย เป็นไปไม่ได้หรอก”

“ก็ผู้ที่อยู่ตรงหน้าข้านี่อย่างไร”

“อาจเพราะข้าแก่ช้า”

ตอนที่หาข้ออ้างว่าออกไป ชายหนุ่มหันหลังให้นาง ไม่กล้าเปิดเผยสีหน้ายามโกหก

“ข้าออกไปเจอแดดไม่ได้ และไม่เคยทำงานหนัก เพราะอย่างนั้นถึงไม่แก่ลงไปเร็วเหมือนกับคนอื่น ๆ ดูอย่างลูอิสพ่อเจ้า นั่นน่ะเหี่ยวลงไปเยอะเหมือนกันไม่ใช่หรือ”

“ท่านเห็นเป็นอย่างนั้นหรือ? ข้ากลับรู้สึกว่าทุกคนที่ปราสาทนี้ดูไม่ได้แก่สักเท่าไรเลยนะเจ้าคะ”

“ข้าถึงบอกว่าเจ้าเห็นภาพลวงตาแล้ว ใครจะไม่แก่ เจ้าแค่ชินเลยมองไม่ออก”

จะเชื่อหรือไม่ก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่าพูด ๆ ไปก่อน ขอเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้ก็พอ

“วันนี้ข้ายังมีงานเหลืออยู่มาก ไม่มีเวลาเอ้อระเหยคุยเล่นกับเจ้า”

กล่าวจบแล้วอัมบรูสก็ทำท่าจะเดินหนีไป แต่ลีน่ากลับมาขวางเอาไว้เสียก่อน

“นายท่าน ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยเลยนะเจ้าคะ”

เขาชะงักไปทันทีเช่นกัน

นี่ข้าถึงกับลืมกลัดกระดุมให้ครบเชียวหรือ?

“ข้าไม่รู้ตัวเลย”

“ข้าถึงต้องช่วยท่านนี่อย่างไร” หญิงสาวส่ายหน้าถอนหายใจให้คนเลอะเลือน “ในห้องนี้น่าจะมีกระจกสักบาน ให้ท่านดูความเรียบร้อยก่อนออกไปข้างนอก”

“มีเจ้าแล้ว ไม่ต้องมีของอย่างนั้นก็ได้”

เขาก็ยังหาข้ออ้างฟังไม่ขึ้นเหมือนเดิม

แต่ข้ออ้างนี้ ทำให้หัวใจหญิงสาวเต้นระรัวได้ เท่านี้ก็คงพอกระมัง

ความจริงก็คือ สมควรมีนางดูความเรียบร้อยแทนนั่นแหละ เพราะถึงมีกระจก ผู้ไร้ชีวิตจะไปเห็นเงาสะท้อนของตนในนั้นได้อย่างไร