ไม่มีใครชอบเวลาโดนหลอก แต่หากว่าการถูกหลอก ทำให้รู้สึกเหมือนหลงทางในห้วงฝันหวาน ยามอยู่บนที่นอนนุ่มสบายแล้วละก็ บางที..การตื่นขึ้นมารับความเป็นจริง ก็อาจมิใช่สิ่งที่น่าปรารถนาอีกต่อไป

The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล - บทที่ 7 มอร์ทิส โดย PinkyPaw @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,ตะวันตก,รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ย้อนยุค,แวมไพร์,ปีศาจแห่งความมืด,ปีศาจ,สงคราม,ฆาตกรรม,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,ตะวันตก,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,แฟนตาซี,ย้อนยุค,แวมไพร์,ปีศาจแห่งความมืด,ปีศาจ,สงคราม,ฆาตกรรม

รายละเอียด

The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล โดย PinkyPaw @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไม่มีใครชอบเวลาโดนหลอก แต่หากว่าการถูกหลอก ทำให้รู้สึกเหมือนหลงทางในห้วงฝันหวาน ยามอยู่บนที่นอนนุ่มสบายแล้วละก็ บางที..การตื่นขึ้นมารับความเป็นจริง ก็อาจมิใช่สิ่งที่น่าปรารถนาอีกต่อไป

ผู้แต่ง

PinkyPaw

เรื่องย่อ

คำโปรย

ไม่มีใครชอบเวลาโดนหลอก

แต่หากว่าการถูกหลอก ทำให้รู้สึกเหมือนหลงทางในห้วงฝันหวาน ยามอยู่บนที่นอนนุ่มสบายแล้วละก็

บางที..การตื่นขึ้นมารับความเป็นจริง ก็อาจมิใช่สิ่งที่น่าปรารถนาอีกต่อไป

หลังจากลืมตามาดูโลกได้ไม่กี่ปี ‘ลีน่า’ บังเอิญพบราชาปีศาจผู้เป็นอมตะ ‘อัมบรูส’ 

นางสมควรกลัวเขา สมควรรังเกียจและผลักไส ไปให้ไกลจากเขา

ทว่าเพราะเวทมนตร์ โชคชะตา และความหลงใหล ทำให้นางไม่อาจต่อต้านอำนาจรัก

ต่อให้รู้ว่านี่เป็นความรู้สึกต้องห้าม หรือต่อให้เขาจะทำเรื่องโหดร้ายขนาดไหน 

แต่..ใจมันก็อดประหวัดถึงคนผู้นั้นไม่ได้จริง ๆ

...

คุยกับไรท์

สวัสดีทุกท่านค่ะ

ก่อนกดเข้าไปอ่าน เราอยากชวนคุยสักนิด ชี้แจงสักหน่อย 

เนื่องจากนิยายเรื่องนี้ เราเขียนตอนที่รู้สึกคิดถึงอารมณ์รักโรแมนติก เหมือนตอนที่หัดเขียนนิยายเรื่องแรกเมื่อหลายปีก่อน 

ตอนนั้นเราเขียนด้วยความอยากปลดปล่อยจินตนาการตามประสาเด็ก ซึ่งรู้ว่าถึงพยายามยังไงตอนนี้ก็ไม่มีทางกลับไปมีความรู้สึกอันน่าคิดถึงแบบนั้นได้

แต่สุดท้ายก็แต่งนิยายเรื่องนี้ออกมา ถึงเป็นแนวเรียบง่าย เล่นกับความรักสุด classic ที่มีความแฟนตาซีแต่ไม่หวือหวา กระนั้นก็ยังพอเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไปนานได้บ้าง

หวังใจว่าจะมีรี้ดสักคนที่หลงรักนิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกับเรา และหวังว่านิยายเรื่องนี้จะช่วยเป็นความผ่อนคลายของใครได้นะคะ

ปล. นิยายเรื่องนี้มี e-book แน่นอนค่ะ ไว้เปิดขายแล้วจะแจ้งให้ทุกท่านทราบอีกทีนะคะ

...

คำเตือน

นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหารุนแรง ทั้งการฆ่า และการกระทำโหดร้ายทารุณอื่น ๆ ของตัวละคร 

ทั้งนี้ ผู้แต่งไม่มีเจตนาพาดพิงถึงเรื่องความเชื่อตามศาสนาใดทั้งสิ้น และไม่ได้อิงหลักกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ของสังคมยุคไหนอย่างเฉพาะเจาะจง เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากจินตนาการเพียงเท่านั้น ขอให้ทุกท่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

...

นิยายเรื่องนี้สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลงหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายไปเผยแพร่หรือกระทำการใด ๆ ก่อนได้รับการอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ หากฝ่าฝืนจะดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำละเมิดอย่างเด็ดขาดโดยไม่มีข้อยกเว้น

...

ช่องทางติดตามไรท์

tiktok : @itspinkypaw

X : @itspinkypaw

สารบัญ

The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 0 แด่ท่าน,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 1 ข้าพบเจ้าแล้ว,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 2 ท่านพ่อเข้มงวด กับเจ้านายใจดี,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 3 สมบัติในโลงศพ,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 4 เด็กดื้อมักฉลาด,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 5 ลูกบุญธรรม,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 6 พ่อบุญธรรม,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 7 มอร์ทิส,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 8 กลัวหาย

เนื้อหา

บทที่ 7 มอร์ทิส

 สามวันผ่านมาจากวันนั้น 

 อากาศฤดูนี้ ขนาดตอนกลางวันยังพ่นลมหายใจเป็นไอสีขาว นับประสาอะไรกับกลางคืน ดีอย่างเดียวคือหิมะยังไม่ทันตกเท่านั้นเอง

 แต่ถึงสภาพอากาศจะโหดร้าย ชวนให้นอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างไร ราตรีนี้ผู้คนก็ไม่อาจเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านได้

 “ใกล้ถึงแล้ว”

 ถนนเบื้องหน้าประดับประดาด้วยแสงไฟ มองจากข้างในรถม้าตรงนี้แล้ว ลีน่าก็ยิ่งตื่นเต้น

 สิบปีที่เติบโตมา มีไม่กี่ครั้งที่ได้เข้าเมือง และนางมักได้มากับป้าเมแกนเพื่อซื้อของที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนลูอิส เขาอ้างว่างานยุ่งจนไม่มีเวลาปลีกตัว

 นี่จึงนับเป็นครั้งแรกที่ได้มาเที่ยวพร้อมพ่อ ยังมีพ่อบุญธรรมที่นางเคารพรักนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยอีกคน

 “ทำไมนายท่านต้องใส่หน้ากากล่ะเจ้าคะ”

 คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตอนนี้แต่งตัวดูดีอยู่หรอก แต่ดันเอาหน้ากากเหล็กมาสวมปิดบังความงามเอาไว้เสียอย่างนั้น

 “ชาวบ้านไม่สมควรรู้ว่าผู้ปกครองดินแดนออกมาเดินเที่ยวเล่น” อัมบรูสให้เหตุผลเท่านั้น

 “เด็กโง่เอ๊ย ถ้ามีผู้ไม่ประสงค์ดีพบหน้านายท่านแล้วคิดปองร้ายขึ้นมาล่ะ ลูกต้องหัดคิดให้รอบคอบเสียบ้าง”

 ลูอิสสั่งสอนบุตรสาวต่อ คำพูดของเขาก็ดูเหมือนพวกตาแก่ไม่แพ้กัน

 แต่เหตุผลนี้หนักแน่นมากพอ หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะมีความคิดดี ๆ ผุดขึ้นมา

“ถ้าอย่างนั้น ข้ากับท่านพ่อก็ห้ามเรียกชื่อนายท่านด้วยสินะเจ้าคะ”

ความคิดนางเข้าท่าดี

“เรียกข้าว่า…มอร์ทิส”

นั่นคือคำสั่งของเจ้านาย ทั้งลูอิสและลีน่าก็ตอบรับด้วยดี

แต่มิใช่ชื่อนี้..เป็นอัปมงคลหรอกหรือ

ทำไมนายท่านต้องใช้ชื่อปลอมที่หมายความว่าความตาย เรื่องนี้ลีน่ายังคงข้องใจ

ถนนสองข้างทางขายของแปลกตาหลากหลาย ตั้งแต่ของกิน ของเล่น ของตกแต่ง เสื้อผ้า มันเกินกว่าที่คนซึ่งปกติอยู่แต่ในบ้านจะจินตนาการออก

การมาสัมผัสบรรยากาศแปลกใหม่เช่นนี้ ไม่แปลกที่จะทำให้หญิงสาวต้องหันมองตาวาวไปทุกทิศ

“เดินระวังหน่อย” บุรุษสวมหน้ากากก้มลงมากระซิบเตือนเสียงเข้ม “เดี๋ยวพลัดหลงขึ้นมาจะทำอย่างไร”

“ไม่หลงหรอกเจ้าค่ะ ก็นายท่านมอร์ทิสของข้าออกจะโดดเด่นขนาดนี้”

“โดดเด่นอย่างไร” อัมบรูสหันมองรอบ ๆ “ข้าออกจะกลมกลืน”

ในงานเทศกาลไม่ได้มีเขาที่สวมหน้ากากอยู่คนเดียวสักหน่อย ยังมีหน้ากากที่ทั้งสวยงาม ทั้งน่าขบขันขายอยู่ทั่วไปด้วยซ้ำ 

“ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้นเจ้าค่ะ” 

ลีน่ายิ้มทะเล้น ก่อนเขย่งเท้าจนความสูงของนางหนีห่างเขาไม่มาก เอามือป้องปากกระซิบข้างหู

“ข้าหมายความว่าท่านหล่อมาก ขนาดมีหน้ากากปิดหน้าก็ยังกลบรัศมีไม่มิด แบบนี้ข้ามองหาแวบเดียวก็เจอแล้ว”

“...”

เจ้าเด็กคนนี้..

อัมบรูสถึงกับอับจนหนทางจะสั่งสอน สุดท้ายมีเพียงเสียงผ่อนลมหายใจยาวให้ได้ยิน

“นายท่านมอร์ทิสเจ้าคะ”

ตอนนั้นเอง เด็กสาวยังไม่วายมีสายตาเจ้าเล่ห์ กระซิบเย้าเสียงแว่วหวาน

“ใต้หน้ากากนี้..แก้มของท่านเป็นสีอะไรหรือเจ้าคะ”

“ข้าไม่ได้ใช้เครื่องประทินโฉม ย่อมเป็นสีขาว”

“แต่หูท่านแดงแล้วนะเจ้าคะ”

เจ้าเด็กคนนี้!

“ลูอิส เอาลูกสาวเจ้าไปเลยไป!” อัมบรูสจับหัวไหล่นาง ดันให้ไปยืนอยู่ข้างหัวหน้าพ่อบ้าน ก่อนจะหมุนกายหันหลังให้

“นายท่านอย่าโกรธสิเจ้าคะ ข้าแค่ล้อเล่นเอง” ลีน่าไม่ได้รู้สึกผิดแต่อย่างใด ยังยู่ปากทำแง่งอน “คืนนี้เราควรจะสนุกกันแท้ ๆ”

“อยากสนุกก็เรื่องของเจ้า ข้าแค่ทำตามสัญญา”

แค่ตั้งใจจะมาเดินเล่นเป็นเพื่อน เดี๋ยวเดียวก็กลับแล้ว

“หากนายท่านไม่เต็มใจ ข้าก็ไม่บังคับท่านหรอกเจ้าค่ะ”

ทั้งที่ว่าอย่างนั้น หญิงสาวกลับทำหน้างอ เข้าไปคล้องแขนซบไหล่พ่อแบบซึม ๆ 

“คืนนี้ข้าคงจะเดินเล่นกับท่านพ่อแบบเหงา ๆ สองคน แต่ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ แค่นายท่านยอมมาสัมผัสบรรยากาศแสนวิเศษนี้กับข้า ถึงจะเพียงครู่สั้น ๆ ข้าก็ดีใจมากแล้ว”

ความฉลาดของนางอย่างหนึ่งคือเรื่องพูดนี่แหละ 

สิบปีที่แล้ว อัมบรูสเคยชมว่าลีน่าเป็นเด็กที่ดูมีแววเฉลียวฉลาด..แต่ก็ไม่คิดว่าจะพ่วงมากับความมากเล่ห์มากกลเช่นนี้

“เลิกพูดให้ข้ารู้สึกผิดได้แล้ว”

อัมบรูสต้องยอมแพ้ เขาจับมือนางไว้ ดึงให้กลับมายืนข้างกายอย่างไม่สนสายตาใคร

“อยากทำอะไรก็ทำ คืนนี้ข้าตามใจเจ้า”

หมายความว่าหากนางอยากเดินไปตรงไหน ก็จะมีเขาอยู่เคียงข้าง ไม่ต้องกลัวหลงเลยใช่หรือไม่

ลีน่ามีรอยยิ้มราวกับละเมอ และแม้จากมุมนี้จะมองไม่เห็นสีหน้าภายใต้เหล็กบาง ๆ นั่น แต่ไม่ว่าเขาจะมีสีหน้าแบบไหน ก็ยังงดงามที่สุดในสายตาคู่นี้เสมอ

“เช่นนั้น ข้าขอให้คืนนี้ท่านเป็นของข้า” 

ว่าแล้วก็เปลี่ยนมาคล้องแขนนายท่าน ซบหน้าแอบอิงกับไหล่กว้างใต้ชุดคลุมนุ่มหนา

“นางหนู ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ” อัมบรูสเอานิ้วจิ้มหน้าผากผลักไสเบา ๆ “ใครสอนให้เจ้าหัดพูดจาอย่างกับนักรักใจโตเช่นนี้ ช่างน่าเกลียดนัก”

“นายท่านไม่เห็นต้องว่าข้าขนาดนี้เลย”

สีหน้านางเดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวบึ้ง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมารวดเร็วจนชายหนุ่มมองแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจเพราะตามอารมณ์ไม่ทัน

“ข้าถอนคำพูด เจ้าไม่ได้น่าเกลียด เพียงทำตัวไม่ค่อยเหมาะสม”

สุดท้าย..ก็เป็นเขาที่ยอมแพ้ไปเอง

ไม่ทราบ เป็นเพราะบรรยากาศอ่อนโยนใต้แสงไฟนี่หรือไม่ ถึงทำให้หัวใจของเขาอ่อนยวบลงอย่างง่ายดาย

หรือไม่ อาจเป็นเพราะหญิงสาววัยแรกแย้มนางนี้ ดูงดงามมากไปในค่ำคืนแห่งเทศกาล เขาถึงต้องยอมจำนนแต่โดยดี 

แต่ถึงภายในจะระทดระทวยอย่างไรก็เถอะ ภายนอกอัมบรูสยังคงแสดงออกอย่างแข็งกระด้างเย็นชาไม่เปลี่ยนไปสักเท่าไร

ยิ่งไม่ต้องถามหาเสียงหัวใจ…เพราะมันไม่เคยมี

ขณะนั้น ลูอิสมองลูกสาวไม่แท้ กับเจ้านายที่อ้างตัวเป็นพ่อบุญธรรมของนาง ได้แต่ส่ายหน้าแล้วก็ไม่ปริปากเอ่ยสิ่งใด