เสียงเพลงในคาเฟ่เล็กๆ แห่งนั้นค่อยๆ กังวานขึ้น ความเงียบสงัดถูกแทรกด้วยบทสนทนาเล็กๆ ที่เอื้อนเอ่ยออกมาตรงมุมสงบของร้านกาแฟ ความสัมพันธ์ก่อตัวขึ้นภายใต้กลิ่นหอมของกาแฟคั่ว ดนตรีแจ๊ส และแอลกอฮอล์
รัก,ดราม่า,ชาย-ชาย,ดราม่า,BoyLove,BL,โรแมนติก,นิยายวาย,วาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เวฬาวาคีนเสียงเพลงในคาเฟ่เล็กๆ แห่งนั้นค่อยๆ กังวานขึ้น ความเงียบสงัดถูกแทรกด้วยบทสนทนาเล็กๆ ที่เอื้อนเอ่ยออกมาตรงมุมสงบของร้านกาแฟ ความสัมพันธ์ก่อตัวขึ้นภายใต้กลิ่นหอมของกาแฟคั่ว ดนตรีแจ๊ส และแอลกอฮอล์
เปิดเรื่อง 03/11/2024
TRIGGER WARNING !!!
นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหา 18+ และมีการใช้คำหยาบคาย ลามก โปรดพิจารณาก่อนอ่าน
ไม่แนะนำสำหรับนักอ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
แด่ความรักทุกรูปแบบ
คำชี้แจ้ง
- นิยายเรื่องนี้จะมีการติดเหรียญ สำหรับตอนที่มี NC
- นิยายเรื่องนี้จะเปิดให้อ่านฟรี 10 ตอนแรก
- จะมีการติดเหรียญตอนอ่านล่วงหน้าสำหรับสายอ่านไว ตั้งแต่ตอนที่ 11 เป็นต้นไป แล้วจะปลดเหรียญให้อ่านฟรีหลังจากนั้น 7 วัน
- มีอีบุ๊คจำหน่าย แต่อาจจะช้าหน่อย
หมายเหตุ: เปิดให้อ่านฟรีตลอดช่วงเดือนมกราคม 2568 เป็นของขวัญปีใหม่ค้าบบบบบ
Rrrr…
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นปลุกให้เวฬาสะดุ้งตื่น เขางัวเงียเล็กน้อยก่อนจะหันไปหยิบมือถือขึ้นมาดู หน้าจอแสดงรายชื่อที่คุ้นเคย เขาแอบสงสัยเล็กน้อยเพราะปกติวาคีนไม่เคยโทรมาหาเขาในเวลาเช้าขนาดนี้ เพราะกว่าอีกฝ่ายจะเลิกงานที่ร้านก็ผ่านไปครึ่งคืนแล้ว นอนตื่นอีกทีก็ช่วงบ่าย การได้เห็นสายเข้าจากเขาตั้งแต่ช่วงเช้าจึงน่าแปลกใจไม่น้อย
“ฮัลโหลครับ” เวฬารับสายอย่างไม่เต็มเสียง
(ยังไม่ตื่นเหรอครับ)
“เพิ่งตื่นเลยครับ คุณมีอะไรหรือเปล่า โทรมาแต่เช้าเลย”
(ไม่มีอะไรครับ เดี๋ยวค่อยคุยกันก็ได้)
“ผมตื่นแล้ว คุยได้ครับ”
(เปิดกล้องหน่อยได้ไหมครับ)
“ผมเพิ่งตื่น หัวยุ่งมาก หน้าก็ยมมากด้วย”
(ตอนไหนก็น่ารักหมดแหละครับ)
“ปากหวานแต่เช้าเลยนะครับ”
(นะคร้าบบบ คิดถึง อยากเห็นหน้าน่ะครับ) น้ำเสียงออดอ้อนของวาคีนทำเอาคนฟังถึงกับใจอ่อนกดเปิดกล้อง เพื่อให้อีกฝ่ายได้เห็นใบหน้าของตัวเอง
“น่ากลัวไหมครับ เพิ่งตื่นง่ะ หัวฟูมาก” เวฬาเอ่ยพูดดักคออีกฝ่ายเอาไว้ เพราะรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจหน้าตาตัวเองในเวลานี้สักเท่าไหร่
(คิดมาก น่ารักดีครับ)
“อ่ออออ... แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อครับ”
(กางเกงก็ไม่ได้ใส่ครับ) วาคีนตอบพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไม่ต้องมาทำหน้าดื้อใส่เลย”
(อยากดูปะล่ะ) วาคีนเอ่ยพร้อมเลื่อนกล้องลงไปทีละนิด เผยให้เห็นกล้ามหน้าอก กล้ามหน้าท้องที่เปลือยเปล่า เขาเลื่อนกล้องลงไปจนเกือบจะถึงส่วนกลางลำตัว
“หยุดดดด!!!!!” เวฬาร้องลั่นทำเอาอีกฝ่ายหัวเราะออกมาอย่างสะใจ
(เขินเหรอครับ)
“อื้อ!!! แล้วสรุปมีอะไรครับ โทรมาแต่เช้า อย่าบอกนะว่าแค่คิดถึง”
(ผมแค่ตื่นเต้นน่ะ วันนี้ต้องไปเจอเพื่อนๆ คุณ)
“เข้าใจความรู้สึกผมหรือยังล่ะทีนี้” เวฬาเอ่ยแซวพลางดันตัวเองลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง เขาลอบยิ้มสะใจเล็กน้อยเพราะหากย้อนไปวันนั้น วันที่วาคีนพาเขาไปแนะนำให้กลุ่มเพื่อนรู้จัก เขาก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน แถมยังวิตกกังวลอย่างหนักอีกด้วย แต่อีกคนก็ปลอบใจเขาเพียงคำพูดที่ว่าไม่ต้องคิดมาก ไม่มีอะไรหรอก คือเขาเข้าใจว่าตอนพูดมันง่าย แต่พอในทางปฏิบัติมันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น พอมาวันนี้เห็นอีกฝ่ายเป็นแบบเดียวกันกับเขา ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะใจ ไหนว่าไม่ต้องกังวล ให้ทำตัวปกติ แต่พอคนพูดเจอกับตัวเองก็ยังทำไม่ได้เหมือนกัน
(ฮ่าๆ นี่ล้อเลียนผมเหรอครับ)
“เปล่าซะหน่อย คุณไปเตรียมตัวเถอะ เดี๋ยวผมจะไปอาบน้ำแล้วครับ”
(เปิดกล้องไว้ได้ไหมครับ เดี๋ยวเฝ้าให้ อยากดูครับ)
“ทะลึ่ง!”
(ฮ่าๆๆ ล้อเล่นครับ เดี๋ยวเจอกันนะครับ)
“คร้าบบบ”
เวฬากดววางสายแล้วรีบกระโดดลงจากเตียงทันที เขาพุ่งตัวเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ปกติเขาค่อนข้างที่จะอาบน้ำและแต่งตัวนาน อย่างต่ำก็ประมาณสองชั่วโมง จึงต้องใช้เวลาเตรียมตัวสักหน่อย
วันนี้เวฬาได้นัดยุ้ย ก้อย และแนนเอาไว้ที่ห้างประจำที่เขาชอบไป กิจกรรมก็ไม่ได้พิเศษอะไรไปกว่าการนัดกันเพื่อกินข้าว พูดคุยกัน ไปดูหนัง ร้องคาราโอเกะ ตามประสาที่วัยรุ่นชอบทำกัน จุดประสงค์หลักของวันนี้มีเพียงต้องการให้กลุ่มเพื่อนช่วยสกรีนวาคีนให้ก็เท่านั้นว่าผ่านหรือไม่ผ่าน เวฬาจึงเลือกร้านอาหารเอาไว้ เป็นร้านอาหารอิตาเลียนในห้างที่มีบรรยากาศอบอุ่นและไม่วุ่นวายมากนัก ซึ่งเหมาะสำหรับการนั่งคุยและทำความรู้จักกันมากขึ้น จะได้ละลายพฤติกรรมกันก่อนที่จะไปทำกิจกรรมอื่นร่วมกัน
เวฬาและวาคีนมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย ทั้งสองนั่งรอเพื่อนๆ ที่จะตามมาทีหลัง ขณะที่นั่งรอเวฬาก็แอบมองวาคีนที่นั่งเงียบๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเหมือนคนไม่ค่อยสนใจอะไร แต่ในใจของเวฬานั้นกลับรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่มองหน้าเขา วาคีนดูเป็นคนที่มีความสุขุม และบางครั้งก็แฝงไปด้วยความเย็นชาเหมือนคนที่ผ่านโลกมาเยอะแล้ว
“พวกมันน่าจะมาถึงกันได้แล้วนะ” เวฬาเอ่ยบอกเสียงเบาๆ หันไปมองวาคีนที่ยังคงตั้งใจเล่นโทรศัพท์
วาคีนเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วยิ้มเล็กน้อย “ยังไม่ถึงเวลานัดเลย เดี๋ยวก็มากันแหละ”
เวฬาหัวเราะเบาๆ และพยักหน้า “เริ่มตื่นเต้นเหมือนกันแล้วเนี่ย”
“อ้าว!”
“กลัวว่าคุณกับเพื่อนๆ จะเข้ากันไม่ได้น่ะสิ”
“ทุกอย่างจะดีเอง ไม่ต้องกังวลนะ” วาคีนยิ้มอย่างอ่อนโยน
ไม่รู้ว่าใครควรจะต้องปลอบใครกันแน่ในเวลานี้ ทั้งๆ ที่เวฬาเป็นคนนัดเพื่อนๆ ว่าจะพาวาคีนมาแนะนำในฐานะแฟน คนตื่นเต้นควรจะเป็นวาคีนคนเดียวด้วยซ้ำ แต่ยิ่งใกล้เวลานัด กลับกลายเป็นว่าตัวเขาเองก็เริ่มตื่นเต้นไม่แพ้กัน ไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ได้แต่หวังว่าเพื่อนๆ ของพวกเขาจะยกธงเขียวให้ผ่านแล้วกัน
พอได้เวลานัด ยุ้ย ก้อย และแนนก็ค่อยๆ ทยอยมาถึงร้านกันจนครบ บรรยากาศก็เริ่มเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการพูดคุยกันร่าเริง วาคีนที่ดูเหมือนจะเป็นคนเงียบๆ ก็เริ่มพูดคุยกับทุกคนอย่างเป็นกันเอง แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้แปลกแยกจากกลุ่มเพื่อนสนิทของเวฬาเลยแม้แต่น้อย เขาเข้ากับเพื่อนๆ ของเวฬาได้ดีจนทุกคนเริ่มรู้สึกประทับใจในตัวเขา
“อิ่มมากกกก” ยุ้ยถึงกับบ่นพลางยกมือลูบหน้าท้องของตัวเองไปมาหลังจากที่เดินออกมาจากร้านอาหาร
“ไม่อิ่มสิแปลก กูเห็นมึงแดกซะ!”
“พูดมากเดี๋ยวกูจะแดกมึงเข้าไปด้วยอิก้อย!”
“อย่าตีกันค่า!!!” แนนถึงกับร้องเสียงดังแทรกขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวสองคนเริ่มจะจิกกัดกันอีกแล้ว
ถ้าเป็นคนนอกมองเข้ามาอาจจะเข้าใจผิดกันได้ว่าพวกเขากำลังทะเลาะกัน แต่นี่คือเรื่องปกติสำหรับพวกเขามาก คุยกันดีๆ แบบนับครั้งได้ ที่เหลือเหมือนตีกันตลอดเวลา เวฬาเห็นก็ได้แต่ส่ายหัว แอบอายนิดหน่อยที่พาวาคีนมาเจอกับอะไรก็ไม่รู้แบบนี้ แต่คนที่ถูกพามากลับหัวเราะไม่หยุด เป็นอีกครั้งที่เวฬาได้เห็นวาคีนหัวเราะกว้าง และอยู่ในท่าทีที่สบายกว่าที่ผ่านมา
จนกระทั่งตอนเย็นระหว่างที่พวกเขากำลังจะไปหาร้านขนมนั่งชิลๆ แทนการดูหนังและร้องคาราโอเกะ เพราะยุ้ยกลัวว่าจะหลับในโณงหนังเนื่องจากพอหนังท้องตึง หนังตามันก็เริ่มจะหย่อน และแนนกลัวว่าวาคีนจะหูแตกไปเสียก่อนหากได้ยินเธอกับก้อยแหกปากร้องเพลงด้วยกัน แล้วอยู่ๆ ยุ้ยก็เริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับอายุของวาคีนขึ้นมา เพราะดูจากภายนอกแล้วอีกฝ่ายค่อนข้างจะดูโตเป็นผู้ใหญ่ไม่น้อย
“ถามได้ไหมคะว่าคุณวาคีนอายุเท่าไหร่” ยุ้ยเอ่ยถามด้วยท่าทีเกรงใจ
“ปีนี้ 30 แล้วครับ”
“ห้ะ!... 30 แล้วเหรอคะ” ก้อยอุทานถามด้วยความตกใจ
“ใช่ครับ” วาคีนตอบอย่างยิ้มๆ
“หน้าเด็กมากกก ทีแรกคิดว่าไม่เกิน 26” แนนเอ่ยเสริมอย่างประหลาดใจ
“เลขสามแล้วครับ แต่ทำตัวตามสบายได้เลยนะครับ ถือซะว่าเป็นเพื่อนกัน ไม่ต้องเรียกพี่ก็ได้ครับ”
“เวฬากับพี่วาคีนห่างกันเก้าปีเลยเหรอ” ยุ้ยพึมพำออกมาเบาๆ
“อือ” เวฬาเริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเมื่อเห็นเพื่อนๆ ทุกคนหันมามองเขาและวาคีนด้วยท่าทางครุ่นคิดและสงสัย
“เอาจริงๆ บอกว่ารุ่นเดียวกันก็เชื่อ” แนนพูดต่อ
“มัน... มันไม่แปลกใช่ไหม” เวฬาพูดเสียงเบา พยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติ
“ไม่แปลกหรอกแก ก็แค่แก่กว่า แล้วยังไงอะ” ก้อยเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเวฬาจึงพยายามที่จะดึงอารมณ์ของเพื่อนให้กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม เพราะเธอไม่อยากให้เขาคิดมาก
“แต่พี่วาคีน... แก่กว่าพวกเรามากเลยนะ” ยุ้ยเอ่ยพูดเสียงเบาด้วยความกังวลหน่อยๆ
“อิยุ้ย!” แนนฟาดมือลงไปที่แขนของยุ้ยเต็มแรง ทำเอาคนโดนถึงกับสะดุ้ง
“โอ๊ย! กูแค่พูดเฉยๆ ไม่ได้ว่าอะไรรรร ก็เคยเห็นข่าวผู้ใหญ่มาหลอกกินเด็กไรงี้ อุ๊บ!!” ยุ้ยรีบยกมือปิดปากเมื่อรู้ตัวว่ากำลังพูดถึงเรื่องที่ไม่ควรพูด
“ขอโทษด้วยนะคะพี่วาคีน เพื่อนหนูมันปากไวไปหน่อย” แนนยกมือขึ้นไหว้ปลกๆ พลางยิ้มแหย
“ไม่เป็นไรครับพี่เข้าใจ” วาคีนยิ้มบาง ไม่ได้ถือสากับคำพูดที่ได้ยิน
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้วาคีนจะบอกทุกคนว่าไม่ต้องเรียกพี่ ให้คิดเสียว่าเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่ดูๆ ไปท่าทีของทุกคนดูเกรงใจขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก จริงๆ เขาก็แอบกังวลเรื่องอายุมาพักใหญ่แล้ว หลังจากที่ได้รู้ว่าเขากับเวฬาอายุห่างกันเกือบสิบปี กลัวสายตาของคนอื่นที่มองเข้ามาว่าจะคิดไม่ดีกับเขา แต่พอผ่านกลุ่มเพื่อนของเขามาได้ก็เลยคิดว่าไม่น่าจะมีปัญ เขาจึงพยายามไม่ใส่ใจมัน จนกระทั่งวันนี้ได้ยินเพื่อนฝูงของเวฬาเอ่ยถึงอีก มันก็ทำให้เขาอดคิดมากไม่ได้ แม้จะพยายามแล้วก็ตาม
เวฬาแบกความรู้สึกหนักใจเอาไว้จนหมดวัน ทั้งที่ในความเป็นจริงอาจจะไม่มีใครคิดมากเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ แต่เขาก็พยายามอย่างมากที่จะไม่แสดงออกถึงความไม่สบายใจนี้ เพราะไม่อยากทำลายบรรยากาศที่สนุกสนานมาทั้งวัน
ยุ้ย แนน และก้อย อยากจะหาอะไรทำกันต่อเพราะยังไม่อยากจะกลับ ต่างคนต่างช่วยกันเสิร์ชหาที่ไปนั่งชิลเผื่อจะดื่มกันต่ออีกเล็กน้อย แต่เวฬาและวาคีนตัดสินใจไม่ไป เพราะวาคีนบอกว่าอยากกลับบ้านไปพักผ่อน เวฬาจึงบอกลาเพื่อนๆ แล้วเดินไปส่งวาคีนที่รถ
“ขอโทษนะ” เวฬาพูดเสียงเบาเมื่อทั้งสองยืนอยู่ข้างรถของวาคีน
“หื้ม? ขอโทษเรื่องอะไรครับ” วาคีนหันมามองเขาด้วยสายตาที่อ่อนโยน
“เรื่องที่พวกเพื่อนๆ พูด... ผมรู้สึกไม่ดีที่พวกเขาอาจจะทำให้คุณรู้สึกแย่” เวฬาบอกด้วยความจริงใจ
วาคีนยิ้มเล็กน้อยและยักไหล่ “เรื่องอายุน่ะเหรอ ไม่ต้องห่วงนะ ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลย”
“แต่พวกเขาบอกว่า... คุณเป็นผู้ใหญ่เกินไป... กลัวว่าจะมาหลอกผม...” เวฬาพูดเสียงเบา
“เพื่อนๆ เขาก็แค่เป็นห่วงคุณ” วาคีนตอบ “ผมเข้าใจดีว่าพวกเขากลัวว่าคุณจะเจอคนไม่ดี”
เวฬานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกไปด้วยเสียงสั่น “แต่ผมไม่ได้คิดอย่างงั้นเลย... และผมก็ไม่อยากให้พวกมันคิดแบบนั้นด้วย”
“หรือถ้าคุณคิดว่าเราควรจะหยุดกันแค่นี้ ก็ไม่เป็นไรนะ” วาคีนเอ่ยพูดเสียงเบา เขารู้ว่ามันเป็นสิ่งไม่ควรพูด แต่พอเห็นอีกฝ่ายไม่สบายใจ เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง เขารู้ว่ามันเป็นคำพูดที่ดูโง่มากที่พูดออกมาในตอนนี้ แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ
เวฬามองอีกฝ่ายด้วยดวงตาเบิกโตอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบนี้ “คุณ!! อย่าพูดแบบนี้อีกนะ ผมไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย”
วาคีนยิ้มอ่อนโยน “งั้นก็อย่าไปคิดมากเลยครับ ทุกอย่างจะดีเอง”
แม้ว่าคนตรงหน้าจะยืนยันพร้อมรอยยิ้มแบบนั้น แต่ในใจของเวฬากลับรู้สึกไม่มั่นใจเหมือนกัน เขารู้สึกว่าความรักของเขากับวาคีนอาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด ความห่างของอายุและความแตกต่างของประสบการณ์ชีวิตทำให้เขารู้สึกว่ามันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทุกคนยอมรับความสัมพันธ์นี้ได้
ในขณะที่วาคีนขับรถออกไป เวฬาก็ยืนมองตามไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน เขารู้ดีว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ยังคงรักวาคีนอยู่ดี แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเสียงของเพื่อนๆ ที่เตือนเขายังคงดังก้องอยู่ในใจ แม้จะรู้ดีว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องระหว่างคนสองคนที่จะช่วยกันประคับประคองความสัมพันธ์ให้เดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง แต่ก็ต้องยอมรับว่าความคิดเห็นจากคนรอบข้างก็ส่งผลกระทบให้จิตใจของเขาหวั่นไหวได้บ้างเหมือนกัน