เสียงเพลงในคาเฟ่เล็กๆ แห่งนั้นค่อยๆ กังวานขึ้น ความเงียบสงัดถูกแทรกด้วยบทสนทนาเล็กๆ ที่เอื้อนเอ่ยออกมาตรงมุมสงบของร้านกาแฟ ความสัมพันธ์ก่อตัวขึ้นภายใต้กลิ่นหอมของกาแฟคั่ว ดนตรีแจ๊ส และแอลกอฮอล์
รัก,ดราม่า,ชาย-ชาย,ดราม่า,BoyLove,BL,โรแมนติก,นิยายวาย,วาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เวฬาวาคีนเสียงเพลงในคาเฟ่เล็กๆ แห่งนั้นค่อยๆ กังวานขึ้น ความเงียบสงัดถูกแทรกด้วยบทสนทนาเล็กๆ ที่เอื้อนเอ่ยออกมาตรงมุมสงบของร้านกาแฟ ความสัมพันธ์ก่อตัวขึ้นภายใต้กลิ่นหอมของกาแฟคั่ว ดนตรีแจ๊ส และแอลกอฮอล์
เปิดเรื่อง 03/11/2024
TRIGGER WARNING !!!
นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหา 18+ และมีการใช้คำหยาบคาย ลามก โปรดพิจารณาก่อนอ่าน
ไม่แนะนำสำหรับนักอ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
แด่ความรักทุกรูปแบบ
คำชี้แจ้ง
- นิยายเรื่องนี้จะมีการติดเหรียญ สำหรับตอนที่มี NC
- นิยายเรื่องนี้จะเปิดให้อ่านฟรี 10 ตอนแรก
- จะมีการติดเหรียญตอนอ่านล่วงหน้าสำหรับสายอ่านไว ตั้งแต่ตอนที่ 11 เป็นต้นไป แล้วจะปลดเหรียญให้อ่านฟรีหลังจากนั้น 7 วัน
- มีอีบุ๊คจำหน่าย แต่อาจจะช้าหน่อย
หมายเหตุ: เปิดให้อ่านฟรีตลอดช่วงเดือนมกราคม 2568 เป็นของขวัญปีใหม่ค้าบบบบบ
หลังจากไฟฟ้าในตู้ถ่ายรูปนั้นสว่างขึ้น เวฬากับวาคีนก็ไม่ได้สนใจที่จะถ่ายรูปกันต่อเพราะยังตกใจไม่หาย โดยเฉพาะเวฬาที่มีอาการกลัวความมืดมาตั้งแต่เด็ก อาการตัวสั่นด้วยความตระหนกจึงแสดงออกมาให้เห็นอยู่เป็นเนืองๆ วาคีนก็เลยพาอีกฝ่ายออกมาเดินรับลมที่ริมน้ำทันทีเพื่อที่จะให้คนตัวเล็กกว่าได้รู้สึกผ่อนคลายจากความวิตกไปได้บ้าง
“ดีขึ้นไหมครับ” วาคีนเอ่ยถามขณะที่ทั้งคู่เดินเลียบไปตามริมรั้วติดแม่น้ำเจ้าพระยา
“นิดนึงครับ”
“โชคดีที่วันนี้อากาศดีนะครับ ลมโชยตลอดเลย” วาคีนปิดเปลือกตาลงแล้วสูดหายใจเข้าลึก แม้ว่าจะมีฝุ่น PM 2.5 ล่องลอยอยู่บ้างในอากาศ แต่เพราะบรรยากาศในช่วงเวลานี้มันทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดีกว่าปกติ เขาจึงไม่ได้ถือสามากนัก
“ใช่ครับ ว่าแต่คุณวาคีนหิวหรือยังครับ” เวฬาหันมาถาม
“ก็นิดหนึ่งครับ คุณหิวแล้วเหรอครับ” วาคีนขยับตัวหันหน้ากลับมาเอนหลังพิงไปนั่งที่ริมรั้วเหล็กพลางมองหน้าคนถามแล้วยิ้มให้
“ใช่ครับ เราไปหาอะไรกินกันดีไหมครับ”
“คุณเลือกเลยครับ ผมไม่รู้ว่าที่นี่มันมีร้านอะไรบ้าง ไม่ค่อยได้มาครับ” วาคีนบอกพลางยิ้มเจื่อน
“ไม่เป็นไรครับ ถึงผมจะมาบ่อยๆ แต่ผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่าที่นี่มันมีร้านอะไรบ้าง” เวฬาตอบกลับพลางหัวเราะเล็กน้อย เขาเองก็อดแปลกใจไม่ได้เหมือนกันว่า แม้จะมาที่นี่อยู่บ่อยครั้งเพื่อตามหาแรงบันดาลใจในเวลาที่เขาหัวตันคิดงานไม่ค่อยออก แต่เขาก็ไม่เคยรู้เลยว่ามีร้านอาหารที่น่าสนใจอยู่ในบริเวณไหนบ้าง เพราะปกติเวลาที่เขามาที่นี่ก็เพียงแค่มาเดินดูงานศิลปะ ถ่ายรูปแล้วก็ข้ามกลับไปฝั่งไอคอนสยามเพื่อหาอะไรกินเท่านั้น การที่อีกฝ่ายจะให้เขาเป็นคนเลือกร้านอาหารในเวลานี้จึงดูจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขาอยู่สักหน่อย
“งั้นลองเดินดูสักรอบก่อนมั้ยครับ เผื่อเจอร้านที่ถูกใจ” วาคีนเสนอ
“ได้ครับ” เวฬาพยักหน้าตอบตกลงก่อนจะเดินตามคนตัวสูงกว่าเข้าไปด้านในอาคาร
ทั้งคู่เดินผ่านประตูที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติยืนออรอเวลาที่จะขึ้นเรือนำเที่ยวเพื่อดินเนอร์อาหารไทยบนร้านอาหารที่ล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยากันอย่างเนืองแน่น แม้ว่าลำพังเวฬาจะไม่ถูกกับบรรยากาศที่มากไปด้วยประชากรมนุษย์แบบนี้แต่เสียงโกรกกรากภายในท้องช่วยให้เขาย้ายจุดโฟกัสไปได้มากเหมือนกัน
สายตาของเขาเหลือบไปเห็นร้านอาหารสไตล์คาเฟ่ที่อยู่ด้านข้าง ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณหน้าประตูร้าน ก่อนหน้านี้เขาไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำ คิดเพียงแค่ว่าเป็นคาเฟ่ธรรมดาทั่วไปที่ขายแค่เครื่องดื่มและขนมหวาน แต่เวฬาก็เพิ่งรู้จากป้ายนั้นว่าตอนนี้ทางร้านมีเซ็ตหมูกระทะขายแล้ว
“คุณ...”
“ครับ?” วาคีนรีบหันมามองเวฬาอย่างตั้งใจ
“กินหมูกระทะกันไหมครับ”
“น่าสนใจดีนะครับ”
ทั้งสองคนเดินพากันเดินไปที่หน้าร้าน มีพนักงานสาวคอยยืนต้อนรับพร้อมกดบัตรคิวให้ลูกค้า วาคีนอาสาเข้าไปรับคิวให้ โดยพนักงานสาวบอกว่ามีคิวก่อนหน้าอยู่สามคิว จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่จะต้องยืนรอ ปกติเวฬาไม่ใช่คนที่อดทนสักเท่าไหร่ หากร้านไหนที่มีคิวต้องรอนาน ต่อให้เป็นร้านดังและอร่อยมากแค่ไหน เขาก็เลือกที่จะเปลี่ยนร้านไปเลยมากกว่า
“ถ้าคุณเวฬาหิว เราย้ายร้านได้นะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากทานหมูกระทะกับคุณ”
“อ่อครับ...”
เป็นครั้งแรกที่เวฬาลองหยอดอีกฝ่ายดูบ้าง เพราะเขาพ่ายแพ้ต่อรอยยิ้มของวาคีน เขาจึงคิดว่าหากได้ลองทำให้คนข้างๆ ยิ้มออกมาได้บ่อยๆ ก็คงดี เขาเองก็รู้สึกเขินไม่ต่างไปกับวาคีนที่แม้ว่าภายนอกจะดูนิ่งๆ แต่ใบหูของเขาก็แดงก่ำเป็นอย่างมาก
“เขินเหรอครับ” เวฬาแซววาคีน
“ก็นิดนึงครับ ไม่คิดว่าคุณจะกล้าเล่นมุกอะไรแบบนี้”
“ฮ่าๆ”
นักเขียนหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ยังไม่ทันที่จะได้คุยอะไรกันต่อ เสียงขานเรียกหมายเลขคิวของพวกเขาก็ดังขึ้น ทั้งคู่จึงรีบก้าวเดินเข้าไปในร้านพร้อมยื่นหมายเลขคิวให้พนักงานในทันที
กลิ่นหอมของเมนูประจำร้านหอมคลุ้งไปทั่วเตะจมูกลูกค้าผู้มาเยือนตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าไป เวฬาถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ กลิ่นเหล่านั้นมันชวนให้คิดถึงเสียเหลือเกิน เขาไม่ได้กินหมูกระทะมานานมากแล้ว ด้วยไม่มีเวลาว่างเพราะเอาแค่ขลุกอยู่กับงานเขียนที่บ้านตัวเอง รวมถึงปกติแล้วเขาก็ไม่ได้เป็นคนที่มีเพื่อนเยอะ จึงไม่ค่อยจะได้มากินที่ร้านอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่นัก การมาในครั้งนี้จึงทำให้เขารู้สึกประทับใจไม่น้อย แม้จะยังไม่ได้กินอะไรเลยก็ตาม แต่บรรยากาศภายในร้านก็ทำให้เขาหวนคิดถึงวันเก่าๆ ขึ้นมาบ้างอยู่เหมือนกัน
‘สมัยเรียนที่ยังมีเพื่อนฝูงอยู่กันครบ รวมไปถึงคนนั้นด้วย’
เมนูถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะด้วยพนักงานเด็กหนุ่มที่พูดภาษาไทยได้ไม่ชัดถ้อยชัดคำนัก แต่ก็ยังพอที่จะเข้าใจความหมายได้ เวฬาเลือกเปิดดูเซ็ตหมูกระทะก่อนเป็นอย่างแรก เพราะน้ำย่อยในกระเพาะมันเริ่มประท้วงหนักขึ้นทุกที
“คุณ เอาเซ็ตไหนดี”
“ปกติทานเยอะไหมครับ”
“ถ้าหิวก็เยอะอยู่ครับ” เวฬาตอบพลางยิ้มแห้ง เขารู้ตัวดีว่าอันที่แม้จะหิวมากหรือน้อยแค่ไหนก็กินเยอะไม่ต่างกัน
“งั้นสั่งเซ็ตกลางไหมครับ สั่งใหญ่กลัวไม่หมด”
“ได้ครับ แล้วคุณวาคีนอยากทานอะไรอีกไหมครับ”
“ไม่ล่ะครับ ปกติผมทานไม่เยอะครับ”
“หืม?” เวฬาถึงกับมองด้วยความแปลกใจ เท่าที่เขาจำได้ ร่างกายของวาคีนก็ค่อนข้างจะเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อที่ดูยังไงก็รู้ว่าต้องเป็นคนที่ดูแลตัวเอง ออกกำลังกายอย่างหนัก การได้ยินว่าปกติเขาเป็นคนกินน้อยจึงทำให้รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย เพราะการที่จะมีกล้ามเนื้อที่ฟิตแอนด์เฟิร์มได้ขนาดนี้มันต้องกินอาหารให้ถึง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางที่จะได้หุ่นยั่วน้ำลายมาประดับบารมีอย่างแน่นอน
“ผมหมายถึงอาหารพวกนี้ผมไม่ค่อยได้ทานครับ ปกติทานแต่อาหารคลีน” ราวกับวาคีนจะอ่านใจอีกฝ่ายออก จึงรีบอธิบายให้ฟัง
“อ่อครับ”
“แต่คุณเวฬาสั่งอย่างอื่นเพิ่มได้เลยนะครับ ถ้าอยากกิน ไม่ต้องเกรงใจผม”
“งั้นเอาเซ็ตกลางหนึ่ง ยำคอหมูย่างหนึ่ง แล้วก็ยำหมูยอหนึ่งครับ” เวฬาไม่รอช้าหันไปเอ่ยปากสั่งกับพนักงานที่ยืนรออย่างใจจดใจจ่อทันที
“คุณลูกค้ารับน้ำอะไรดีครับ”
“ขอเป็นโค้กซีโร่ครับ” นักเขียนหนุ่มตอบออกไปโดยไม่ต้องคิด ชีวิตเขาจะขาดน้ำอัดลมไปได้ยังไง
“อีกท่านล่ะครับ” หนักงานหนุ่มหันไปมองวาคีนที่นั่งอยู่อีกฝั่ง
“ผมเอาน้ำเปล่าครับ ไม่เอาน้ำแข็ง”
“ได้ครับ ขออนุญาตทวนเมนูหน่อยนะครับ...” ชายหนุ่มในชุดพนักงานยืนพูดทบทวนเมนูที่ลูกค้าทั้งสองคนสั่งอีกครั้ง ป้องกันการตกหล่นก่อนจะยิ้มรับเมื่อตัวเองพูดจบ “...รอสักครู่นะครับ”
พนักงานชาวต่างชาติหันหลังเดินออกไปหลังจากที่รับออเดอร์จากเวฬาและวาคีน ทั้งคู่มองหน้ากันเล็กน้อยพลางส่งยิ้มบางให้กันและกันก่อนจะเสมองไปทางอื่น แสงแดดสีทองสาดส่องผ่านเข้ามาภายในร้าน ในห้วงเวลายามเย็นที่พระอาทิตย์กำลังเริ่มคล้อยลงต่ำ ทำให้บรรยากาศบริเวณริมแม่น้ำดูสวยขึ้นกว่าปกติ โต๊ะที่พวกเขานั่งเป็นโต๊ะที่อยู่ริมกระจกพอดี ทำให้เห็นวิวด้านนอกได้อย่างชัดเจน แสงประกายของแดดที่สะท้อนจากผิวน้ำทำให้บริเวณนั้นแลดูเป็นสีทองไปเสียหมด ตึกรามบ้านช่องดูน่าสนใจขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ นักเขียนหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บภาพความประทับใจเอาไว้ เผื่อว่าในอนาคตจะได้หยิบมาใช้เป็นอ้างอิงในการเขียนบรรยายฉากต่างๆ ในนิยายบ้าง
“คุณถ่ายรูปให้ผมบ้างสิครับ” วาคีนเอ่ยปากบอกเวฬาในระหว่างนั้น
“มาครับ”
“ขอบคุณครับ” วาคีนรีบยื่นมือถือให้อย่างไม่ลังเล คนถูกไหว้วานให้เป็นตากล้องรับมาแล้วเปิดกล้องพลางเล็งหามุมที่ทำให้อีกฝ่ายดูดีที่สุดทันที
“คุณขยับไปทางขวาตัวเองนิดนึง ให้แดดมันโดนหน้าหน่อย” ตากล้องเอ่ยปากบอก ดวงตายังคงจดจ้องอยู่ที่หน้าจอมือถือเพื่อเช็คว่าคนในเฟรมอยู่ในท่าทางตามที่เขาแนะนำแล้วหรือยัง
“พอไหมครับ”
“ขยับถอยมานิดนึงครับ ให้แดดมันโดนแค่ครึ่งหน้าพอ”
“ได้ไหมครับ”
“เยี่ยมครับ หล่อเลย” เวฬาบอกก่อนจะเริ่มกดถ่ายรูป “เปลี่ยนท่าได้เรื่อยๆ เลยนะครับ”
วาคีนขยับร่างกายไปตามความรู้สึก ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลยสักนิด เพราะปกติเขาก็ชื่นชอบการออกไปถ่ายรูปตามสถานที่ต่างๆ อยู่แล้ว ไม่ใช่คนขี้อายสักเท่าไหร่นัก ทุกการเคลื่อนไหวของเขาเป็นไปอย่างธรรมชาติ ฝ่ายตากล้องเองก็ตั้งหน้าตั้งตาถ่ายรูปอย่างตั้งใจ จนไม่ได้สังเกตเลยว่าสายตาของคนที่นั่งเป็นนายแบบอยู่ตรงหน้ากำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างไม่ลดละ บางอย่างปรากฏขึ้นในแววตานั้น เป็นความรู้สึกที่ยังคงเด่นชัดในใจของวาคีน ความรู้สึกบางอย่างที่เวฬายังไม่อาจรับรู้
“เรียบร้อยครับ คุณลองเช็ครูปดูก่อนนะ” เวฬาบอกพลางยิ้มให้ก่อนจะยื่นมือถือคืนเจ้าของ
“ไม่ต้องเช็คหรอกครับ เพราะผมหล่ออยู่ละ”
“แหวะ!” หนุ่มนักเขียนถึงกับเบ้ปากทันที รู้สึกหมั่นไส้คนหลงตัวเองขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“หรือไม่จริงครับ”
“ตากล้องเก่งต่างหาก แบร่!” เวฬาเถียงคืนพร้อมแลบลิ้นหลอกอีกฝ่าย เรียกเอารอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของวาคีน
ระหว่างนั้นพนักงานก็ยกถาดเซ็ตหมูกระทะขนาดกลางที่พวกเขาสั่งมาเสิร์ฟ ทั้งคู่ตาเบิกโตด้วยความตกใจเล็กน้อยเพราะมันดูใหญ่กว่าในรูปพอสมควร เกินความคาดหมายของพวกเขาไปสักหน่อย ทั้งสองคนได้แต่มองหน้ากันแล้วยิ้มแห้งออกมาด้วยกลัวว่าจะกินกันไม่หมด
“เยอะมาก” วาคีนบอกพลางหยิบมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปของสดที่จัดเรียงไว้ในถาดอย่างสวยงาม
“นั่นสิครับ รู้งี้น่าจะสั่งถาดเล็ก”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
เวฬาพยักหน้ารับแล้วหยิบมือถือ ของตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปบ้าง จากนั้นก็เริ่มคีบเนื้อหมูขึ้นวางบนกระทะ จัดเรียงอย่างสวยงาม ส่วนอีกฝ่ายก็คีบเอาผักหย่อนลงไปรอบๆ กระทะ เพราะพวกเขาตั้งใจจะถ่ายรูปแล้วอัพขึ้นสตอรี่ เสียงเนื้อจี่บนกระทะร้อนระอุเรียกความหิวของพวกเขาได้มากกว่าเดิม นักเขียนหนุ่มรีบกดถ่ายรูปอย่างว่องไวแล้วเข้าไปโพสต์ในสตอรี่ไอจีทันที
“คุณ ผมขอไอจีคุณหน่อย จะแท็กสตอรี่” เวฬาเอ่ยบอกพร้อมยื่นมือถือให้ อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยตอบอะไรเพียงแต่หยิบมือถือไปแล้วกดพิมพ์แอคเคาท์ไอจีของตัวเองให้ ก่อนจะส่งคืนมือถือให้กับเจ้าของ
“ผมกดฟอลโล่ไปแล้วนะครับ” วาคีนเอ่ยบอกหลังจากที่ตัวเองกดรีโพสต์สตอรี่นั้น แล้วเข้าไปส่องที่หน้าโปรไฟล์ของอีกฝ่าย
“ครับ”
การสนทนาของพวกเขาสิ้นสุดลงแค่นั้นก่อนที่ทั้งคู่จะหันไปสนใจอาหารตรงหน้าแทน ทั้งสองคนนั่งกินหมูกระทะพร้อมอาหารจานข้างเคียงที่สั่งเพิ่มมาอย่างใจจดจ่อ ต่างฝ่ายต่างไม่ได้พูดคุยกัน เพราะมัวแต่โฟกัสที่ความหิวของตัวเอง ระยะเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ อาหารบนโต๊ะค่อยๆ ร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ จากที่ทั้งคู่กังวลว่าจะกินไม่หมด กลายเป็นว่าในตอนนี้อาหารทุกเมนูเหลือเพียงแค่เศษเสี้ยวอาหารที่ดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าบนจานนั้นเคยเป็นอะไรมาก่อน
“อิ่มมาก” เวฬาบ่นพลางลูบท้องแล้วเอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้
“จริงครับ”
“ไหนตอนแรกใครบอกว่ากินไม่เยอะ”
“ก็มันอร่อยนี่ครับ” วาคีนรีบเถียงกลับ
เวฬาหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยด้วยความเอ็นดู วาคีนในตอนนี้ดูผ่อนคลายมากขึ้นกว่าตอนแรก มาดเท่ๆ ที่ก่อนหน้านี้ปรากฏให้เห็นก็กลายเป็นพวกท่าทีที่ดูสบายมากขึ้น ไม่ได้ดูขี้เก๊กเหมือนในตอนแรก พวกเขานั่งคุยกันอยู่พักหนึ่งก่อนที่วาคีนจะเอ่ยปากชวนไปหาที่นั่งชิลกันต่อ
“คุณเวฬามีธุระต่อไหมครับ”
“ไม่มีครับ”
“อยากไปต่อด้วยกันไหมครับ”
“ไปไหนครับ”
“นั่งชิลไรงี้ครับ”
“เอ่อ...” เวฬานิ่งคิด “คุณก็รู้นี่ว่าผมดื่มไม่เก่ง”
“ครั้งก่อนนู้นคุณก็พูดแบบนี้ แล้วเป็นไง” วาคีนพูดพลางยกยิ้มแซว แววตาแฝงไปด้วยเลศนัย
“ถ้างั้น... ขอเป็นร้านที่อยู่ใกล้ๆ ได้ไหมครับ ผมขี้เกียจไปไกล เบื่อรถติด”
“ได้ครับ งั้นคุณเลือกเลย”
เวฬาพยักหน้ารับหลังจากได้รับข้อเสนอจากวาคีน เขาหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้งเพื่อค้นหาร้านนั่งชิลที่อยู่ใกล้บริเวณที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้มากที่สุด เขากดพิมพ์อยู่ไม่กี่ทีก่อนจะเลื่อนหน้าจอหาร้านที่ถูกใจ เพียงไม่นานก็พบสถานที่ที่ตัวเขาเองคิดว่าน่าจะโอเคที่สุดสำหรับเขา
“ผมว่าร้านนี้น่าไปนะครับ ไม่ไกลด้วย” เวฬาบอกพลางยื่นหน้าจอมือถือให้วาคีนดู “ในแมพบอกว่าอยู่ห่างออกไปแค่ 500 เมตรเองครับ”
‘Joaquin Jazz Club’
ชื่อร้านปรากฏขึ้นตรงหน้าวาคีน เขานิ่งมองก่อนจะกระตุกยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้นมาหาเวฬา “อ้อ ร้านนี้ผมรู้จักครับ”
“ไปกันไหมครับ”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมพาไป มันอยู่ซอยข้างๆ นี่เอง”
“อ้อ! โอเคครับ”
“งั้นเดี๋ยวผมเรียกคิดเงินเลยนะครับ” เวฬาเอ่ยบอกพลางหันหน้าไปมองพนักงานพร้อมยกมือขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าต้องการให้มาเช็คบิล พนักงานพยักหน้ารับทันทีที่เห็นก่อนจะเดินไปยังเคาท์เตอร์แล้วกลับมาพร้อมใบเสร็จเก็บเงิน วาคีนอาสาจ่ายเงินให้ก่อนพลางยื่นบัตรเครดิตให้พนักงานเอาไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายในมื้อนี้
“ขอคิวอาร์โค้ดหน่อยครับ ผมจะโอนเงินให้” เวฬาเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ ผมเลี้ยง” วาคีนรีบปฏิเสธ
“ไม่ได้ครับ ผมไม่อยากติดค้างใคร”
“ไม่ต้องซีเรียสหรอกครับ ผมชิลมาก”
“ไม่ได้ครับ มีคนเคยบอกผมว่าถ้าอยากคบใครนานๆ อย่าเลี้ยงข้าวกัน ให้หารทุกครั้ง จะได้แฟร์ๆ ไม่ต้องมาเรียกร้องบุญคุณกันภายหลังให้เป็นปัญหา”
“นี่คุณเวฬาอยากคบกับผมนานๆ เหรอครับ”
“...”
“ผมดีใจนะครับเนี่ย...”