เสียงเพลงในคาเฟ่เล็กๆ แห่งนั้นค่อยๆ กังวานขึ้น ความเงียบสงัดถูกแทรกด้วยบทสนทนาเล็กๆ ที่เอื้อนเอ่ยออกมาตรงมุมสงบของร้านกาแฟ ความสัมพันธ์ก่อตัวขึ้นภายใต้กลิ่นหอมของกาแฟคั่ว ดนตรีแจ๊ส และแอลกอฮอล์
รัก,ดราม่า,ชาย-ชาย,ดราม่า,BoyLove,BL,โรแมนติก,นิยายวาย,วาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เวฬาวาคีนเสียงเพลงในคาเฟ่เล็กๆ แห่งนั้นค่อยๆ กังวานขึ้น ความเงียบสงัดถูกแทรกด้วยบทสนทนาเล็กๆ ที่เอื้อนเอ่ยออกมาตรงมุมสงบของร้านกาแฟ ความสัมพันธ์ก่อตัวขึ้นภายใต้กลิ่นหอมของกาแฟคั่ว ดนตรีแจ๊ส และแอลกอฮอล์
เปิดเรื่อง 03/11/2024
TRIGGER WARNING !!!
นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหา 18+ และมีการใช้คำหยาบคาย ลามก โปรดพิจารณาก่อนอ่าน
ไม่แนะนำสำหรับนักอ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
แด่ความรักทุกรูปแบบ
คำชี้แจ้ง
- นิยายเรื่องนี้จะมีการติดเหรียญ สำหรับตอนที่มี NC
- นิยายเรื่องนี้จะเปิดให้อ่านฟรี 10 ตอนแรก
- จะมีการติดเหรียญตอนอ่านล่วงหน้าสำหรับสายอ่านไว ตั้งแต่ตอนที่ 11 เป็นต้นไป แล้วจะปลดเหรียญให้อ่านฟรีหลังจากนั้น 7 วัน
- มีอีบุ๊คจำหน่าย แต่อาจจะช้าหน่อย
หมายเหตุ: เปิดให้อ่านฟรีตลอดช่วงเดือนมกราคม 2568 เป็นของขวัญปีใหม่ค้าบบบบบ
ท้องฟ้าด้านนอกกลายเป็นสีดำบ่งบอกเวลากลางคืน วาคีนและเวฬาเดินผ่านประตูร้านออกมาด้านนอก เสียงเพลงและเสียงสนทนาจากลูกค้าภายในร้านยังคงดังลอดออกมาด้านนอกให้พอได้ยินอยู่บ้าง พวกเขายืนอยู่แบบนั้น ท่าทีเก้ๆ กังๆ ราวกับว่าไม่รู้จะต้องพูดหรือทำอะไรต่อดี ต่างฝ่ายต่างก็มองหน้าแล้วยิ้มบางให้กัน ลมเย็นๆ ในค่ำคืนนี้พัดโชยมาสัมผัสผิวกายของพวกเขาทั้งคู่ ทำให้ช่วยบรรเทาความรู้สึกเร่าร้อนไปได้บ้าง
“อากาศดีเหมือนกันนะครับคืนนี้” วาคีนเป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนสนทนาทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน
“จริงครับ”
“สงสัยใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้ว”
“ถ้าเมืองไทยอากาศแบบนี้ตลอดก็ดีนะครับ”
“นั่นสิครับ”
โครกกก~
จู่ๆ เสียงท้องร้องก็ดังแทรกขึ้นมา มันเป็นเสียงจากเวฬาที่ในตอนนี้มีใบหน้าแดงกล่ำด้วยความเขินอาย เขาม้วนหน้าก้มลงไปมองพื้นฟุตบาทเพราะไม่กล้าสู้หน้าคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“หิวเหรอครับ” วาคีนเอ่ยถาม
“ก็... นิดนึงครับ”
“งั้นเราไปหาอะไรกินกันไหมครับ”
“กินที่นี่ก็ได้นี่ครับ ผมเห็นมีเมนูอาหารอยู่นะ”
“ที่นี่มันแจ๊สบาร์ครับ อาหารก็มีแต่พวกกินแกล้มไวน์ แกล้มค็อกเทล ไม่อยู่ท้องหรอกครับ”
“อ่า”
“เดี๋ยวผมพาไปร้านประจำนะครับ”
“โห... คุณนี่เก่งจังเลยนะครับ เรื่องแบบนี้”
“เรื่องแบบไหนครับ” วาคีนแกล้งย้อนถาม
“แบบที่ทำให้คนอื่นประทับใจอยู่เรื่อย...”
“นิดหน่อยครับ”
“ปกติพาคนอื่นไปบ่อยสินะครับ” เวฬาแกล้งแซว
วาคีนได้ฟังก็อดอมยิ้มไม่ได้ เขาจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง แววตาราวกับต้องการจะสะกดให้คนตรงหน้าตั้งใจฟังในสิ่งที่เขากำลังจะพูด “ผมพาไปเฉพาะคนพิเศษน่ะครับ”
“อ่อ... ครับ”
เวฬาหน้าตึงทันทีที่ได้ฟังคำพูดของคนตรงหน้า แม้ว่าจะรู้สึกเขินแค่ไหน แต่เขาก็พยายามที่จะดึงหน้าเอาไว้ไม่ให้แสดงอารมณ์ใดออกมา ไม่อยากให้อีกฝ่ายได้ใจ แม้ว่าใบหูจะแดงแค่ไหนก็ตาม
“เขินเหรอครับ หูแดงเชียว” วาคีนแซว
“เปล่าครับ ผมแค่หนาวเฉยๆ อากาศมันเย็นน่ะครับ”
“อ่อ หนาวก็หนาวครับ” วาคีนยกยิ้มเล็กน้อยที่คนตรงหน้าปฏิเสธแบบนั้น เพราะมันขัดกับท่าทีที่แสดงออกมาเสียเหลือเกิน เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามควบคุมความเขินของตัวเองเอาไว้
“ไปกันเถอะครับ ผมหิวมากละ” เวฬารีบบอกปัด
พูดจบเขาก็รีบหันหลังเดินนำหน้าไปในทันที ทั้งๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร้านที่วาคีนบอกว่าจะพาไปตั้งอยู่ที่ไหน แต่เขาทนเขินแทบจะไม่ไหวเลยต้องหาทางเฉไฉไปก่อน
“รู้เหรอครับว่าต้องไปทางไหน” วาคีนที่วิ่งตามหลังมาเอ่ยทัก
“ไม่รู้ครับ”
“แต่เดินนำหน้ามาเลยนะครับ”
“คุณนี่แซวเก่งนะครับ” เวฬาถึงกับหยุดเดินแล้วหันหน้ามามองพลางกอดอกอย่างเอาเรื่อง
“อย่างอื่นก็เก่งครับ”
“นี่คุณ!!!” เวฬาฟาดฝ่ามือเข้าที่ต้นแขนของอีกฝ่ายเต็มแรง ไม่ใช่ว่าโกรธแต่มันเป็นเพราะความเขินเสียมากกว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่วาคีนพูดนั้นมันก็เป็นความจริงอยู่ไม่น้อย หลังจากที่เพิ่งจะได้พิสูจน์กันไปเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา
“ฮ่าๆ มาครับ เดี๋ยวผมพาไป” วาคีนหัวเราะในท่าทางของคนตรงหน้าเล็กน้อยก่อนจะคว้าหมับเข้าที่มือบางแล้วจูงเดินไปตามริมถนนเพื่อตรงไปยังร้านที่เขาเอ่ยถึงในตอนแรก
พวกเขาพากันเดินไปตามทางฟุตบาทที่มีแสงจากไฟถนนที่ส่องแสงสลัวๆ ไม่ได้สว่างมากนัก ลมเย็นทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อยสักเท่าไหร่ แถมอาการเมาที่โดนค็อกเทลแก้วนั้นเล่นงานก็หายไปจนเกือบหมด คาดว่าคงเผาผลาญไปกับกิจกรรมในห้องน้ำหมดแล้ว เวฬามีอาการคอแห้งนิดหน่อยแต่เขาก็ไม่ได้บ่นอะไร เพราะคิดไว้ในใจว่าเดี๋ยวถึงร้านอาหารที่วาคีนกำลังพาไปแล้วค่อยไปดื่มเอาที่นั่น
ยิ่งเดินไปเรื่อยๆ ทางเดินก็ยิ่งดูโลคอลมากขึ้นทุกที วาคีนพาเวฬาเดินลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย ลึกเข้าไปเรื่อยๆ จนคนเดินตามหลังนึกภาพไม่ออกว่าจะมีร้านอาหารแบบไหนที่มาตั้งอยู่ในโลเคชั่นแบบนี้
“ถึงแล้วครับ” วาคีนหันมายิ้มให้เมื่อเดินมาถึงปลายทาง
“ครับ?” เวฬางุนงงเล็กน้อยเพราะตรงหน้าของเขาไม่มีร้านอาหารแบบที่คิดไว้ในหัว แต่มีเพียงร้านบะหมี่รถเข็นแฟรนไชส์ชื่อดังตั้งอยู่ ประมาณจากสายตามีอยู่ราวๆ 5-6 โต๊ะ และคนเต็มเกือบทั้งหมด เหลือเพียงโต๊ะเดียวที่เพิ่งจะว่างเพราะลูกค้าเพิ่งจ่ายเงินแล้วลุกออกไป
“นี่แหละครับร้านประจำของผม”
“อ่อ...” เวฬาหัวเราะออกมาเล็กน้อยที่เขาคิดไปไกลถึงร้านอาหารหรูอะไรทำนองนั้น
“ผิดหวังเหรอครับ” วาคีนถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เป็นกังวล
“เปล่าครับ คิดไม่ถึงเฉยๆ ครับ”
“ผมชอบมาทานหลังจากบาร์ปิดน่ะครับ”
“อ้อครับ...”
“ไปนั่งกันก่อนเถอะครับ เดี๋ยวโต๊ะเต็มอีก” วาคีนบอกพลางเดินนำเวฬาไปนั่งโต๊ะตัวที่ว่างอยู่
“จริงๆ ผมก็ชอบทานอะไรธรรมดาๆ แบบนี้นี่แหละครับ เวลาเขียนงานดึกๆ แล้วหิว ก็เดินออกมาซื้อหน้าปากซอยประจำเหมือนกันครับ”
“เอาไรดีพี่” เด็กหนุ่มเดินเข้ามาที่โต๊ะของพวกเขาทั้งสองพร้อมปากกาและสมุดฉีก
“ของพี่เหมือนเดิม” วาคีนเอ่ยปากสั่งพลางยักคิ้วให้เด็กเสิร์ฟอย่างรู้กัน
“แล้วพี่อีกคนอะ”
“เอาแบบพี่คนนั้น”
“เคพี่! บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง ไม่ใส่ผงชูรส ผัก ยกเว้นผักโรยกับกระเทียมเจียว 2 ชามนะพี่”
“อื้อ!”
“น้ำอะ”
“เหมือนเดิม” วาคีนย้ำ
“น้ำเปล่าหนึ่ง น้ำแข็งสองนะ” เด็กหนุ่มเอ่ยพูดต่อระหว่างที่กำลังจดออเดอร์ที่ได้รับมาก่อนหน้า
“อือ ตามนั้นเลย”
เด็กเสิร์ฟเดินออกไปหลังจากรับออเดอร์เสร็จ เวฬาดูทึ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เล็กน้อย ไอ้ตอนที่ได้ยินว่าวาคีนมากินร้านนี้ประจำ ก็ไม่คิดว่าจะมาบ่อยเสียจนเด็กในร้านบะหมี่จำได้หมดว่าชอบกินอะไร ไม่ชอบกินอะไร
“มาบ่อยจริงๆ สินะครับ”
“ครับ”
“เอ้อ! ว่าแต่เมื่อกี๊ที่คุณบอกว่าบาร์นั้นเป็นของคุณนี่หมายความว่าไงนะครับ” เวฬานึกขึ้นมาได้จึงเอ่ยถาม เพราะความสงสัยยังคงติดอยู่ในใจของเขา
“บาร์นั้นเป็นของผมครับ” วาคีนตอบพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
“คุณเป็นเจ้าของร้านเหรอ”
“ใช่ครับ ผมเลยเอาชื่อตัวเองมาตั้งเป็นชื่อบาร์ไงครับ”
Joaquin Jazz Club
“หื้ม? ร้านไม่ได้ชื่อว่า โจอาควิน แจ๊ส คลับ เหรอครับ” สายตาของเวฬาบ่งบอกชัดว่ากำลังสับสนอย่างเต็มที่
“มันอ่านว่าวาคีน เป็นภาษาสเปนครับ”
“ผมดูโง่ไปเลย แหะๆ”
“ไม่หรอกครับ ไม่รู้ไม่ผิดครับ”
วาคีนเอ่ยปลอบด้วยความรู้สึกเอ็นดูคนตรงหน้า ท่าทางที่ดูหงอยลงทำเอาความน่ารักของเวฬามันพุ่งออกมาเสียอย่างนั้น เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นมุมนี้ของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เพราะตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนกระทั่งครั้งนี้เขายังไม่เคยเห็นมุมที่น่าเอ็นดูแบบนี้เลยนอกจากลุคนักเขียนที่ดูนิ่งๆ เงียบๆ พูดน้อย ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ทางสีหน้าสักเท่าไหร่ กับลุคดาวยั่วตอนที่มีอะไรกันเท่านั้น พอได้มาเห็นสีหน้าในอารมณ์อื่นบ้างก็ทำให้เขารู้สึกสนใจในตัวเวฬามากขึ้นกว่าเดิม
“บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง ไม่ใส่ผงชูรส ผัก ยกเว้นผักโรยกับกระเทียมเจียว มาแล้วค้าบบ” เด็กเสิร์ฟหนุ่มเดินถือชามบะหมี่สองชามมาวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะมีอีกคนที่เดินเอาน้ำเปล่ากับน้ำแข็งสองแก้วตามมาเสิร์ฟให้
“ขอบคุณครับ” วาคีนเอ่ยบอกพร้อมยิ้มบางแล้วเลื่อนพวงเครื่องปรุงเข้ามาใกล้ตัวก่อนจะเริ่มตักเครื่องปรุงลงในชามบะหมี่ของตัวเองทันที
“คุณทานเผ็ดเหมือนกันนะครับ” เวฬาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าตักพริกป่นลงในชามไปหนึ่งช้อนชาเต็มๆ
“นิดนึงครับ ไม่เผ็ดแล้วทานไม่ค่อยลงครับ”
“อ่อครับ”
“คุณไม่ทานเผ็ดเหรอครับ” วาคีนถามกลับ
“ใช่ครับ ปกติผมทานเผ็ดไม่ได้เลยครับ” เวฬาตอบพลางคนบะหมี่ในชามแล้วใช้ช้อนตักน้ำซุปขึ้นมาชิม
“อร่อยไหมครับ” วาคีนเอ่ยถามอย่างคาดหวัง เพราะกลัวว่าอีกคนจะไม่ชอบ
“อร่อยครับ”
“อร่อยเหมือนผมไหมครับ...” น้ำเสียงและสีหน้าตอนที่วาคีนเอ่ยถามทำเอาเวฬารับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเริ่มอ่อยเขาอีกแล้ว
“ไม่บอกหรอก แบร่!” เวฬาบอกปัด ไม่ยอมตอบคำถามก่อนแลบลิ้นล้อเลียน แล้วก้มหน้าลงไปกินบะหมี่ที่อยู่ในชามเพื่อดับหิว
ลูกค้าในร้านบะหมี่นั้นยังคงวนเวียนเข้าออกอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะดึกมากแล้วแต่ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าลูกค้าจะลดน้องลงสักนิด โดยเฉพาะลูกค้าที่แต่งตัวจัดเต็มแบบเดินมาปุ๊บก็รู้ปั๊บทันทีว่าเพิ่งเดินออกจากร้านเหล้ามา ส่วนใหญ่ก็เดินมาหยุดที่ร้านนี้กันแทบทุกคน หลังจากดื่มเหล้ามาหนักๆ การได้กินอะไรร้อนๆ เข้าไปในท้องก็ทำให้รู้สึกสร่างเมาขึ้นมาได้มากเหมือนกัน
เวฬาไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรหลังจากที่ได้ชิมรสชาติบะหมี่ชามนั้น เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมร้านนี้ถึงได้ขายดี นอกจากทำเลและช่วงเวลาเปิดร้าน รสชาติเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวยามราตรีต้องมาแวะหลังจบกิจกรรมยามค่ำคืน
เห้อออ~!
“อิ่มมากกก” เวฬาลูบท้องพลางถอนหายใจหลังจากที่จัดการบะหมี่ในชามของตัวเองจนหมด
“สงสัยจะอร่อยจริงๆ นะครับ” วาคีนแกล้งแซวพลางหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดู ก่อนจะดึงทิชชู่ที่วางอยู่ใกล้ๆ ขึ้นมาแล้วยื่นไปเช็ดที่มุมปากของเวฬาอย่างไม่ลังเล
เชี่ย!
เสียงในหัวของเวฬาดังขึ้นทันทีที่เห็นการกระทำของคนตรงหน้า เขาไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ที่ผ่านมาเคยเห็นภาพแบบนี้ก็เพียงแค่ในนิยายที่ตัวเองเคยเขียน ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งจะได้มาสัมผัสของจริง
“ขะ... ขอบคุณครับ” เวฬาเอ่ยพูดอย่างเก้อเขิน เพราะเขาเองทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
“อยากทานอะไรเพิ่มอีกไหมครับ”
“อืม... ผมอยากได้ของหวานล้างปากครับ”
“หื้ม? เมื่อกี๊คุณเวฬายังบอกอยู่เลยว่าอิ่มมาก”
“ปกติหลังกินข้าวเสร็จ ผมต้องกินของหวานล้างปากด้วยน่ะครับ ไม่งั้นมันจะรู้สึกไม่ครบ”
“งั้นไปหาของหวานกินกันต่อไหมครับ” วาคีนเสนอ
“ได้ครับ แถวนี้มีของหวานร้านไหนอร่อยบ้างครับ คุณวาคีนช่วยแนะนำหน่อย”
“อืม... ผมก็ไม่ค่อยถนัดเหมือนกันครับ ปกติไม่ค่อยทานของหวาน...” วาคีนบอกต่อพลางหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อค้นหาร้านของหวานที่อยู่ในละแวกนี้ให้อีกฝ่าย
หมับ!
เวฬาคว้าเข้าที่ข้อมือของวาคีน คนถูกจับเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสงสัย แววตาของคนจับเองก็เต็มไปด้วยความกังวลเล็กน้อย ในหัวของเขาความคิดกำลังตีกันวุ่นวายเพราะใบหน้าหล่อเหลาของวาคีนนั้นมันชวนให้มองจนรู้สึกเสียดายหากจะต้องแยกจากกันในค่ำคืนนี้
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณเวฬา”
“ไปทานของหวานที่ห้องผมไหมครับ?”