เสียงเพลงในคาเฟ่เล็กๆ แห่งนั้นค่อยๆ กังวานขึ้น ความเงียบสงัดถูกแทรกด้วยบทสนทนาเล็กๆ ที่เอื้อนเอ่ยออกมาตรงมุมสงบของร้านกาแฟ ความสัมพันธ์ก่อตัวขึ้นภายใต้กลิ่นหอมของกาแฟคั่ว ดนตรีแจ๊ส และแอลกอฮอล์

เวฬาวาคีน - Chapter 10 โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-ชาย,ดราม่า,BoyLove,BL,โรแมนติก,นิยายวาย,วาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เวฬาวาคีน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-ชาย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,BoyLove,BL,โรแมนติก,นิยายวาย,วาย

รายละเอียด

เวฬาวาคีน โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เสียงเพลงในคาเฟ่เล็กๆ แห่งนั้นค่อยๆ กังวานขึ้น ความเงียบสงัดถูกแทรกด้วยบทสนทนาเล็กๆ ที่เอื้อนเอ่ยออกมาตรงมุมสงบของร้านกาแฟ ความสัมพันธ์ก่อตัวขึ้นภายใต้กลิ่นหอมของกาแฟคั่ว ดนตรีแจ๊ส และแอลกอฮอล์

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

เปิดเรื่อง 03/11/2024

TRIGGER WARNING !!! 

นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหา 18+ และมีการใช้คำหยาบคาย ลามก โปรดพิจารณาก่อนอ่าน 

ไม่แนะนำสำหรับนักอ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี

แด่ความรักทุกรูปแบบ

คำชี้แจ้ง

- นิยายเรื่องนี้จะมีการติดเหรียญ สำหรับตอนที่มี NC

- นิยายเรื่องนี้จะเปิดให้อ่านฟรี 10 ตอนแรก 

- จะมีการติดเหรียญตอนอ่านล่วงหน้าสำหรับสายอ่านไว ตั้งแต่ตอนที่ 11 เป็นต้นไป แล้วจะปลดเหรียญให้อ่านฟรีหลังจากนั้น 7 วัน

- มีอีบุ๊คจำหน่าย แต่อาจจะช้าหน่อย

 

หมายเหตุ: เปิดให้อ่านฟรีตลอดช่วงเดือนมกราคม 2568 เป็นของขวัญปีใหม่ค้าบบบบบ

สารบัญ

เวฬาวาคีน-Prologue จุดเริ่มต้น,เวฬาวาคีน-Intro บทนำ,เวฬาวาคีน-Chapter 1,เวฬาวาคีน-Chapter 2,เวฬาวาคีน-Chapter 3,เวฬาวาคีน-Chapter 4,เวฬาวาคีน-Chapter 5,เวฬาวาคีน-Chapter 6,เวฬาวาคีน-Chapter 7,เวฬาวาคีน-Chapter 8,เวฬาวาคีน-Chapter 9,เวฬาวาคีน-Chapter 10,เวฬาวาคีน-Chapter 11,เวฬาวาคีน-Chapter 12,เวฬาวาคีน-Chapter 13,เวฬาวาคีน-Chapter 14,เวฬาวาคีน-Chapter 15,เวฬาวาคีน-Chapter 16,เวฬาวาคีน-Special Chapter

เนื้อหา

Chapter 10

เสียงเพลงแจ๊สดังคลอเบาๆ ล่องลอยอยู่ในบรรยากาศของร้านที่ถูกประดับด้วยแสงไฟสีเหลืองนวลในขณะที่เวฬาเดินเข้ามาภายในร้าน เสียงกระซิบของลูกค้าแทรกกับเสียงแก้วชนกันดังแว่วเป็นระยะ กลิ่นเครื่องดื่มหอมหวานผสมกับความรู้สึกอันครุกรุ่นของอารมณ์ที่คลุมเครือ เวฬาเดินไปหย่อนตัวลงนั่งอยู่มุมหนึ่งของบาร์ ไม่นานก็มีพนักงานเดินเข้ามาหาเพื่อรับออเดอร์ไปจากเขา สายตาของคนมาเยือนไม่ได้ใส่ใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าสักเท่าไหร่ ปากก็สั่งไป แต่ใจก็สั่งให้คอยมองหาเจ้าของร้านอยู่ตลอด

“คุณลูกค้ารอสักครู่นะครับ” พนักงานหนุ่มตอบรับหลังจากที่รับออเดอร์จากเวฬาเสร็จเรียบร้อยก่อนจะหันหลังเตรียมเดินออกไป แต่ก็ถูกเอ่ยทักขัดเอาไว้ก่อน

“โทษนะครับ!”

“ครับคุณลูกค้า”

“วันนี้คุณวาคีนไม่ค่อยเข้าร้านเหรอครับ”

“ปกติคุณวาคีนเข้าร้านทุกวันนะครับ แต่วันนี้ยังไม่เห็น ยังไงเดี๋ยวถ้าคุณวาคีนเข้ามาแล้วจะรีบมาแจ้งนะครับ”

“ขอบคุณครับ”

พนักงานหนุ่มเดินจากไปทิ้งให้คนเอ่ยปากถามเอนหลังลงพิงพนักเก้าอี้อย่างไม่สบอารมณ์นัก เวฬาตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอพลิเคชั่นแชทเพื่อพิมพ์ข้อความส่งหาวาคีน

 

Vela: คุณอยู่ไหน

Vela: วันนี้ไม่เข้าร้านเหรอครับ

 

เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เขาเป็นฝ่ายทักหาวาคีนก่อน เพราะตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง เขาก็แทบไม่ได้ติดต่ออะไรกับอีกฝ่ายอีก จากที่เคยคุยกันตลอดเวลาก็เป็นเขาเองที่คุยน้อยลง พยายามตีตัวออกห่าง เวลาที่วาคีนทักมาเขาก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง หรือไม่ก็ถามคำตอบคำ เลือกตอบเฉพาะสิ่งที่สำคัญๆ เท่านั้น อ้างว่าช่วยนี้ไม่ค่อยว่างเพราะต้องรีบปั่นต้นฉบับส่งสำนักพิมพ์ แต่เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้ยุ่งมากขนาดนั้น ปกติเขาก็หาเวลาว่างมาสนทนากับอีกฝ่ายได้อยู่แล้วแม้ว่าจะยุ่งมากแค่ไหนก็ตาม 

อะไรที่มันสำคัญกับเรา เราก็มักจะหาเวลาว่างให้กับมันได้ทั้งนั้นนั่นแหละ

แต่พอเจอเรื่องที่ทำให้เสียความรู้สึกไปตั้งแต่วันนั้น มันทำให้เขารู้สึกต่อวาคีนน้อยลงมาก เขาไม่ชอบเลยเรื่องโกหกหรือหักหลังกันแบบนั้น มันทำให้เขาเสียหน้า ทั้งที่เขาไม่ได้ตั้งใจเลยด้วยซ้ำ เขาไม่ได้อยากจะเป็นมือที่สามของใคร ไม่ได้อยากจะทำให้ความสัมพันธ์ของใครต้องพังทลายลง เขาไม่ชอบมีปัญหา ไม่ชอบมีเรื่อง และไม่ชอบเป็นความทุกข์ของใคร ไม่อยากทำให้ตัวเองต้องเป็นต้นเหตุของความผิดหวังของใครด้วย คนมันเกิดมาบนเส้นชีวิตที่สุขนิยม พอเจอเรื่องอะไรแบบนี้เข้าร่างกายก็ปฏิเสธโดยอัตโนมัติ

โต๊ะไม้กลมเล็กตรงหน้าของเวฬา มีแก้วน้ำเปล่าที่น้ำแข็งละลายจนพร่องไปครึ่งแก้ว ตั้งแต่ที่พนักงานเอามาเสิร์ฟจนถึงเวลานี้คงไม่ต้องบอกว่ามันล่วงเลยมานานแค่ไหน มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเป็นครั้งที่ร้อย แต่ก็ยังไม่มีสายเรียกเข้าหรือข้อความตอบกลับมา

อันที่จริงมันยังไม่ขึ้นว่าอีกฝ่ายกดอ่านแล้วด้วยซ้ำ...

เขานั่งคิดอยู่นาน ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทักหาอีกครั้งหรือว่าจะโทรไปเลยดี เพราะในใจเขามันร้อนรุ่มไปด้วยความสับสน อยากจะเคลียร์เรื่องที่ติดค้างอยู่ให้มันจบๆ ไปสักที เผื่อว่าจะได้เตรียมตัวถูกว่าเขาควรจะไปต่อหรือว่าพอแค่นี้ ควรจะฝืนหรือยื้อเรื่องราวระหว่างพวกเขาสองคนเอาไว้ไหม หรือรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลมให้มันจบๆ 

เห้อ.... 

เขาถอนหายใจแรงก่อนจะตัดสินใจเลือกกดโทรหาวาคีนอีกครั้ง เสียงรอสายของอีกฝ่ายดังต่อเนื่องจนเวฬาแทบจะจดจำทำนองทั้งหมดของมันได้ 

ตื๊ดด!!

กรุณาฝากข้อความหลังเสียงสัญญาณ...

“คุณ… รับสายหน่อยครับ”

ปลายสายตัดเข้าสู่ระบบฝากข้อความอัตโนมัติ ทำเอาเวฬาแปลกใจเล็กน้อย แต่เขาก็เอ่ยฝากข้อความด้วยน้ำเสียงพึมพำเบาๆ จากที่พยายามควบคุมอารมณ์มานาน ตอนนี้ความรู้สึกโกรธค่อยๆ เริ่มปะทุขึ้นมาเรื่อยๆ โกรธทั้งวาคีน โกรธทั้งตัวเอง เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังพยายามติดต่ออีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งที่ในหัวใจเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างที่มันตอกย้ำว่า วาคีนกำลังหลีกเลี่ยงเขาอยู่

เวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ จากหนึ่งชั่วโมง เป็นสองชั่วโมง ลูกค้าในร้านเริ่มทยอยเปลี่ยนหน้า เจ้าของร้านก็ยังไม่โผล่มาสักที พนักงานในร้านเองก็เหมือนจะสังเกตเห็นเวฬาที่นั่งรออยู่เนิ่นนาน สายตาหลายคู่มองมาอย่างสงสัย แต่ก็ไม่มีใครกล้าทัก เวฬายังคงนั่งนิ่งๆ บางครั้งก็เล่นมือถือ บางครั้งก็ยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบพอให้ใจสงบลง แต่ความสับสนกลับยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด พนักงานคนเดิมก็เดินเข้ามาหาเขา ท่าทางลังเลเล็กน้อยเพราะจับทางไม่ถูกว่าลูกค้าตรงหน้าอยู่ในอารมณ์ไหน ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นเบาๆ

“เอ่อ... คุณลูกค้าครับ”

“ครับ” เวฬาหันไปตอบรับ

“วันนี้คุณวาคีนไม่ได้เข้าร้านนะครับ” น้ำเสียงนอบน้อมแต่ชัดเจนทำเอาหัวใจของเวฬาหนักอึ้งยิ่งกว่าเดิม ความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างเขากับพนักงาน

“ขอบคุณครับ” เวฬาพยักหน้ารับและบอกขอบคุณเบาๆ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองอีกครั้ง แล้วปล่อยมือถือให้มันร่วงลงบนโต๊ะโดยไม่สนใจอีกต่อไป

เห้อ!

เวฬาถอนหายใจแรงออกมาอีกครั้ง พยายามที่จะปลดปล่อยความรู้สึกโมโหให้ออกไปตามลมหายใจเหล่านั้น แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยสักนิด เขาพยายามกลั้นความรู้สึกทั้งหมดไว้ แต่ในใจกลับมีเสียงดังขึ้นว่า 

ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้?

ความสัมพันธ์ของเขากับวาคีนที่ผ่านมามันไม่เคยชัดเจน แต่มันก็ไม่คลุมเครือขนาดนี้ เวฬาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นอะไรในชีวิตของวาคีน 

แค่คนรู้จัก? 

เป็นแค่เพื่อน? 

หรือเป็นแค่ความบังเอิญที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแล้วกำลังจะปล่อยผ่านไปอีกครั้ง?

เขาเรียกพนักงานมาเช็กบิลก่อนจะตัดสินใจเอื้อมหยิบเสื้อคลุมที่พาดไว้กับพนักเก้าอี้ แล้วลุกขึ้นยืน มองไปรอบๆ ร้านที่เหมือนยังคงมีชีวิตชีวา แต่สำหรับเขามันกลับดูว่างเปล่าไปหมด เขาหันหลังเดินออกจากร้าน เสียงประตูเปิดออกดังขึ้นเล็กน้อย และลมเย็นจากด้านนอกปะทะเข้ากับใบหน้า ความเย็นนั้นทำให้เขาได้สติขึ้นมาว่า… บางทีเขาอาจจะต้องหยุด

หยุดความคาดหวังเอาไว้แค่นี้…

         เวฬากลับบ้านพร้อมหัวใจที่เต็มไปด้วยความสับสน งุนงง และไม่เข้าใจ ในหัวของเขาว่างเปล่ามากเสียจนคิดอะไรไม่ออก เขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลยสักนิด ชีวิตเขามีความสุขมาตลอด จนกระทั่งมาเจอเรื่องนี้ เขาอยากจะหนีไปให้พ้นๆ แต่มันก็คิดไม่ออกว่าจะต้องทำยังไง

         แต่ก็เหมือนว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คงเห็นใจในอาการของเวฬาก็เลยทำให้ยุ้ยโทรมาหาเขาพอดีในขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้านด้วยเหตุผลที่ว่ากำลังเหงาเลยหาเพื่อนคุย สุดท้ายก็เลยได้หายเหงาจริงๆ เพราะเวฬาขอเปลี่ยนจุดหมายปลายทางจากบ้านตัวเองเป็นบ้านยุ้ยแทน และไม่ลืมที่จะชวนก้อยมาเสริมทัพ เสียดายที่แนนต้องเลี้ยงลูก ไม่อย่างนั้นก็คงจะได้มาพร้อมหน้าพร้อมตากันหมด

“กูว่ามึงควรถอยนะเวฬา”เสียงของยุ้ย เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ตรงข้ามเอ่ยขึ้นหลังจากที่เวฬาเล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟังบนโต๊ะอาหารในบ้านของยุ้ยที่พวกเขานัดรวมตัวกันอย่างเร่งด่วน ยุ้ยค่อนข้างที่จะมีนิสัยตรงไปตรงมา และในวันนี้มันก็ไม่ปรานีความรู้สึกของเวฬาเลยแม้แต่น้อย

“ใช่ ถ้าเขาทำให้มึงรู้สึกแย่ขนาดนี้ ก็ตัดใจเถอะ” ก้อยเอ่ยเสริมเสียงเรียบ แม้จะไม่ได้แสดงออกชัดเจน แต่แววตาของพวกเขามีความเป็นห่วงชัดเจน

เวฬานั่งเงียบ ปลายนิ้วเขี่ยขอบแก้วน้ำในมือไปมา ใจหนึ่งก็อยากโต้แย้ง อยากจะบอกว่ามันอาจจะมีเหตุผล บางทีวาคีนอาจจะกำลังมีปัญหาบางอย่าง 

แต่เหตุผลอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับความจริงที่ว่า… 

ตั้งแต่วันที่เขาโดนคนที่อ้างว่าเป็นแฟนของวาคีนตรงเข้ามาด่า เขาก็ถูกปล่อยให้รออย่างอ้างว้างมาโดยตลอด ไม่มีคำอธิบายใดๆ จากวาคีนเลยแม้แต่น้อย นอกจากการบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด

“กูไม่อยากเป็นปัญหาในชีวิตใครว่ะ” เวฬาเอ่ยออกมาในที่สุด เสียงของเขาแผ่วเบา แต่ก็หนักแน่นในความหมาย “ถ้าวาคีนมีเรื่องที่ยุ่งยากพออยู่แล้ว กูก็ไม่ควรเข้าไปทำให้มันซับซ้อนขึ้นอีก”

“ถูกแล้วมึง ความสัมพันธ์มันควรทำให้เราสบายใจ ไม่ใช่ทำให้มึงนั่งเครียดแบบนี้” ยุ้ยพูดพลางตบบ่าเพื่อนเบาๆ เป็นการปลอบใจ

เวฬาพยักหน้า เขารู้ดีว่าเพื่อนๆ พูดถูก ถึงแม้ใจจะยังรู้สึกเจ็บแปลบ แต่บางครั้งการตัดสินใจถอยออกมา มันก็อาจจะดีกว่าการพยายามไขว่คว้าบางสิ่งที่ไม่ใช่ของเรา เวฬาหันไปมองออกนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ายามค่ำคืนดูเงียบสงบแต่แฝงไปด้วยความว่างเปล่าไม่ต่างจากความรู้สึกในใจเขา

บางที การปล่อยมือ ก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่ายแล้วจริงๆ