ดินแดนลี้ลับที่ไม่มีใครเข้ามาแล้วออกไปได้ง่ายๆ นครโบราณนามว่า ฤทธิ์ธาจักรดิ์ทราวดี มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพรานกล้า หรือ ภพ กันแน่ แล้วบุรุษนามว่า "ชนากร" คือใคร ร่วมเดินทางหาคำตอบด้วยกัน
ผจญภัย,แฟนตาซี,ลึกลับ,แอคชั่น,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,ผี,ผจญภัย,สยองขวัญ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ไพรดงพิศวง ภาค 2 เส้นทางที่ล่มสลายดินแดนลี้ลับที่ไม่มีใครเข้ามาแล้วออกไปได้ง่ายๆ นครโบราณนามว่า ฤทธิ์ธาจักรดิ์ทราวดี มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพรานกล้า หรือ ภพ กันแน่ แล้วบุรุษนามว่า "ชนากร" คือใคร ร่วมเดินทางหาคำตอบด้วยกัน
ไพรดงพิศวง ความหมาย:
* ไพร : หมายถึง ป่า, ดง หรือพื้นที่ป่าทึบ
* ดง : หมายถึง กลุ่มต้นไม้ที่ขึ้นหนาแน่น
* พิศวง : หมายถึง น่าแปลกใจ, น่าสงสัย, หรือทำให้เกิดความสงสัย
"ไพรดงพิศวง" จึงหมายถึง ป่าหรือดงที่เต็มไปด้วยความลึกลับ น่ากลัว หรือเหตุการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ อาจมีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับ หรือเรื่องราวเล่าขานที่น่าขนลุกเกี่ยวข้องกับสถานที่นั้นๆ
🙏กราบสวัสดีท่านผู้เดินทางทั้งหลาย เร็วๆนี้กระผมจะพาท่านเดินทางไปพบกับความ🙏ประหลาด🫨
ความเร้นลับ ความเชื่อมโยงกับโลกต่างมิติ
และเรื่องราวของพรานหนุ่มที่โดนกลุ่มล่าสมบัติว่าจ้างให้นำทางเข้าป่าลึกเพื่อตามหาว่านชนิดหนึ่ง สี่ว่านจตุรมิตร การเดินจะพบเจออะไรบ้างมาเดินทางไปด้วยกันในป่าจะมีอะไรรออยู่เตรียมเสบียงให้พร้อม😏😏😏
แล้วพบกันท่านผู้เดินทาง (แสยะยิ้ม)
______________________
รบกวนท่านผู้เดินทางกดเข้าชั้นหนังสือ กดหัวใจกดติดตาม คอมเม้นท์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ด้วยน่ะครับ จุ้ฟๆ
_______________________
1.1 นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องสมมุติ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากจินตนาการ ของผู้แต่งเท่านั้น เหตุการณ์ สถานที่ ตัวละคร ไม่มีอยู่จริงครับ
2.2 เนื้อหาในเรื่องมีการใช้อาวุธ การต่อสู้การทำร้ายร่างกาย การฆ่า เลือด การร่วมเพศสัมพันธ์ุุของชายชายและหญิงหญิง มีการใช้คาถาอาคม พลังเหนือธรรมชาติ ผีสาง วิญญาณร้าย
3.3 นิยายเรื่องนี้อาจมีคำหยาบคาย เหมาะกับผู้ที่อายุ 15 ปีขึ้นไปโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ขอบคุณท่านผู้เดินทางทุกคนที่เข้ามาอ่านและขออภัยถ้าเกิดมีความผิดพลาดในเนื้อเรื่องบางประการจะพยายามไม่ให้ออกทะเลไปไกลจ้ะ
ทั้งสองคนเริ่มเดินลึกเข้าไปตามทางที่เต็มไปด้วยหมอกและต้นไม้ใหญ่ที่แผ่ร่มเงาจนมืดสลัว เหงื่อเริ่มผุดตามขมับทั้งจากความร้อนและความกังวล
ทันใดนั้น...
> “แกร๊ก...”
เสียงกิ่งไม้หักเบา ๆ ดังขึ้นจากข้างหลัง ทำให้ทั้งสองหยุดฝีเท้า หันหลังกลับไปอย่างช้า ๆ — ไม่มีสิ่งใดนอกจากหมอกขาวข้น
> “มีอะไรตามเรามาแน่เลย…”
ดิเรกกระซิบ ชูมือเป็นสัญญาณให้ชางวีหยุดนิ่ง
เสียงเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะมีเสียง...
> “กริ๊ง...กริ๊ง...”
เสียงกระดิ่งเล็ก ๆ ดังขึ้น — ทว่าไม่ใช่เสียงกระดิ่งธรรมดา มันมีจังหวะที่ไม่สม่ำเสมอ...แปลก...และชวนขนลุก
> "กระดิ่ง...?"
ชางวีพึมพำเบา ๆ ขณะเบิกตากว้าง มองฝ่าหมอกไปยังทิศที่เสียงมาจาก
เสียงฝีเท้าเบา ๆ คล้ายการกระโดด ดังขึ้นตามมา
“กอย… กอย…”
เสียงแหลมแหบพร่าดังแทรกจากหมอก ราวกับกระซิบข้างหูแต่กลับสะท้อนไปทั้งป่า
> "พวกมันคือ...ผีกองกอย"
ชางวีกระซิบ ขณะเริ่มถอยหลังอย่างระวัง
"ตอนเด็ก ๆ แม่ชางวีเคยเล่าให้ฟัง ถ้าเข้าไปในป่าแล้วได้ยินเสียง ‘กอยๆ’ แปลว่าพวกมันกำลังมา...พวกมันชอบดูดเลือดคนที่นอนหลับกลางป่า — โดยเฉพาะพวกที่ไม่มีเครื่องป้องกัน"
ดิเรกไม่รอช้า ดึงแขนชางวีเบา ๆ ก่อนพยักหน้าไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุด
ทั้งสองรีบวิ่งแอบ ปีนขึ้นต้นไม้เงียบ ๆ เหงื่อเย็นซึมเต็มฝ่ามือ
เสียงกระดิ่งยังดังไม่ขาดสาย พร้อมกับเสียงกระโดดตึง ๆ จากสิ่งที่มองไม่เห็นในม่านหมอก
หมอกเริ่มกระเพื่อม…
เงาดำเล็ก ๆ รูปร่างผิดธรรมชาติปรากฏจากไกล ๆ
มันมีขาเดียว
กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางแปลกประหลาด
และที่ปลายขามีกระดิ่งสนิมเกาะอยู่หนึ่งลูก…
ผีกองกอย...ตัวเป็น ๆ กำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้
เสียง "กอย...กอย..." ดังขึ้นเรื่อย ๆ...จนเหมือนมันอยู่ใต้ต้นไม้ที่ทั้งสองหลบซ่อน
.
ร่างของพวกมัน...ปรากฏชัดเจนขึ้นในหมอก
ดิเรกกับชางวีที่หลบอยู่บนกิ่งไม้สูงถึงกับแข็งตัว ไม่กล้าขยับแม้แต่ปลายนิ้ว
"พระเจ้า..."
เสียงกระซิบแผ่วเบาแทบไม่ได้ออกจากปากของดิเรก
พวกมัน — “ผีกองกอย”
รูปร่างบิดเบี้ยว ผิวหนังคล้ำคล้ายเถ้าถ่าน ร่างกายผอมแห้งจนเห็นซี่โครง และเต็มไปด้วยขนดำหยาบกร้านปกคลุมไปทั่ว
มีเพียงขาข้างเดียวที่ใช้กระโดดกระเด้งไปมาได้อย่างคล่องแคล่วผิดธรรมชาติ
และที่ข้อเท้าทุกตัว — มีกระดิ่งเก่าคร่ำคร่า คล้องอยู่
ทุกครั้งที่พวกมันขยับ
> “กริ๊ง...กริ๊ง...กอย...”
เสียงกระดิ่งที่ชวนคลื่นไส้ก้องสะท้อนในป่า พร้อมกับเสียงเปล่งคำพูดผิดมนุษย์ซ้ำไปมา
> “กอย...กอย...”
พวกมันเดินวนเวียนอยู่ใต้ต้นไม้ต้นนั้น
ตัวหนึ่งกระโดดเข้ามาใกล้ — เงยหน้าขึ้น
โพรงจมูกที่กว้างผิดธรรมชาติทำจมูกฟุดฟิดอย่างรวดเร็ว
“สูดกลิ่น”...
มันกำลังดมกลิ่นของเหยื่อ...กลิ่นของมนุษย์
อีกตัวเดินวนรอบโคนต้นไม้ ชะโงกหน้าไปยังพุ่มไม้ใกล้ ๆ
“เหมือนมันจะรู้”
> “พวกมันรู้ว่ามีอะไรอยู่แถวนี้…”
ชางวีกระซิบเสียงเบา มือขยุ้มแขนดิเรกแน่น
ดิเรกไม่ตอบ เขากำหมัดแน่น จับดาบพกเล่มสั้นแนบอก — ดาบเล่มนั้นมีตะกรุดเงินฝังไว้ที่ด้าม
พวกเขารู้…ถ้าพลาดตกลงไปข้างล่าง แม้แต่นิดเดียว พวกมันจะกรูเข้ามาเป็นฝูง…
เสียงกระดิ่งเริ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ
พวกมันเริ่มตะกุยพื้น
เริ่มปีนต้นไม้ช้า ๆ ด้วยเล็บยาวดำคล้ำ...
" ชิบหายแล้ว "
> “พวกมัน...ขึ้นมาได้!”
ใครจะตุ้ยเย่ ไม่มีน่ะ