ความสัมพันธ์ที่จบกันไปแล้ว มีเหรอจะปะทุขึ้นมาอีก? ตามหลัก มันก็ควรเป็นแค่อดีตที่ไม่ควรนึกถึงหรือให้ค่าทั้งนั้นสิ..แต่แล้วทำไม เขาถึงไม่ยอมจบสักที!?
รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,นางเอกเก่งมาก,นางเอกสวยมาก,นางเอกร้ายลึก,นางเอกรวย,นางเอกฉลาด,พระเอกขี้แกล้ง,พระเอกคลั่งรักมาก,พระเอกครั่งรัก,พระเอกขี้หวง,ตบจูบ,รักต้องห้าม,รักดุเดือด,รักตลก,รักดราม่า,รักplaylist,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
รักลับๆของยัยแฟนเก่าความสัมพันธ์ที่จบกันไปแล้ว มีเหรอจะปะทุขึ้นมาอีก? ตามหลัก มันก็ควรเป็นแค่อดีตที่ไม่ควรนึกถึงหรือให้ค่าทั้งนั้นสิ..แต่แล้วทำไม เขาถึงไม่ยอมจบสักที!?
ในโลกใบนี้ ถ้าหากอยู่ในสถานะแฟนเก่าแล้ว
ก็ต้องไม่แยแส ไม่สนใจ ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเองไม่ใช่เหรอ?
โลกรู้ ทุกคนรู้
แล้วทำไม...แฟนเก่าของฉัน!?
เขาถึงไม่รู้ตัวเองสักทีว่าควรทำแบบนั้น!?
นี่สติของเขา...มันหายไปพร้อมกับคำบอกเลิกแล้วเรอะ!?
รักลับๆ ของยัยแฟนเก่า
เลิกกันแล้วก็ใช่จะ ‘หนี’ กันพ้น
"..." มูนเงียบลงไปอย่างนั้น ไม่มีแม้กระทั่งคำตอบที่จะตอบกลับไลท์ได้
กลับกัน มือของเธอก็ค่อยๆขยับออกมาจากการเกาะกุมของเขาช้าๆ
"ไม่มีทางซะหรอก"
คำพูดนั้นส่งผลให้ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนฟูกนิ่มๆภายในเต็นท์คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ราวกับว่าคำตอบแบบนี้นี่แหละคือสิ่งที่เขาจะได้มั่นใจ ว่ายังไงก็คงเป็นมูนคนเดิม...
คนที่เขารักสุดหัวใจ
"นอนเถอะ เดี๋ยวฉันจะกลับเข้าไปข้างนอกแล้ว ยังต้องจับฉลากอีก" เธอว่าพลางค่อยๆหมุนตัวที่นั่งอยู่นิ่งๆตรงออกไปยังซิปของเต็นท์ ยื่นมือเรียวคล้ายจะดึงซิปให้เปิดออกเพื่อพาตัวเองออกไปข้างนอก
แต่ทันใดนั้น
พรึบ
"อ๊ะ!"
หญิงสาวส่งเสียงร้องออกมาเบาๆตกใจไปกับแขนแกร่งที่อยู่ๆก็โอบกอดร่างของเธอจากด้านหลัง รั้งเธอเอาไว้ไม่ให้ได้เคลื่อนตัวออกไปจากเต็นท์
’ไหนว่าจะยอมอยู่ด้วยกันไง‘ น้ำเสียงทุ้มที่แหบพร่ากระซิบพูดเบาๆใกล้ใบหูเล็ก
จนคนที่ได้ยินถึงกับต้องเอียงคอหนีคนที่อยู่ด้านหลังทันทีด้วยความตกใจปนเปกับหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงไม่เป็นส่ำ
"ไม่...ฉันไม่ได้พูด"
'คุณพูด..ว่าจะอยู่กับผม' เขายังคงพูดต่อพร้อมกับแขนแกร่งยิ่งขยับโอบกอดเธอเอาไว้แน่นขึ้นเหมือนกลัวว่าเธอจะหายไปไหน
"นี่ นายจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ" มูนขึ้นพร้อมทั้งพยายามที่จะแกะแขนของเขาออกจากเอวของตัวเอง แต่กลับกันยิ่งรัดเธอแน่นขึ้นไปอีกจนไม่สามารถแม้แต่จะเคลื่อนตัวได้ไปมากกว่านี้
"โอเคๆก็ได้ ฉันจะอยู่ที่นี่" มูนถอนหายใจออกมาก่อนที่จะพยักหน้าลงเบาๆตอบรับคำขอของเขาอย่างคนจนใจ ยกมือของตัวเองขึ้นเหมือนยกธงขาว
'จริงนะ' เขาพูดอีกครั้งทั้งยังไม่มีท่าจะคลายแขนของตนออก ถึงเธอจะไม่เห็นว่าสีหน้าของเขาในตอนนี้จะเป็นยังไงแต่ก็คงไม่ดีแน่
"จริงสิ ปล่อยสักที ฉันจะหายใจไม่ออกแล้ว" เธอว่าพลางขยับแขนที่ยกมือลงไปตบลงบนแขนที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดนั้นเบาๆเป็นสัญญาณ
จนเมื่อแขนแกร่งค่อยๆคลายออกอย่างช้าๆ พร้อมกับชายหนุ่มที่เริ่มขยับตัวถอยห่างออกไป
"ซะที่ไหน!"
ว่าแล้วหญิงสาวก็รีบพุ่งตัวออกไปทางซิปของเต็นท์ทันที จนมือเรียวที่คว้าซิปได้แล้วกำลังจะรูดลงเพื่อหนีออกไปยังข้างนอก อีกเพียงแค่หนึ่งก้าวก็จะเข้าสู่อิสระภาพ รอยยิ้มที่แสดงออกถึงความยินดีที่จะได้รอดจากกรงขังก็ปรากฏขึ้น
พรึบ ตุบ
"!!"
'หึๆ..ว่าแล้วว่าคุณต้องทำแบบนี้'
ยังไม่ทันที่จะได้ยิ้มเกินสองวิ ร่างของเธอก็ถูกเขาดึงกลับมาแล้วกดลงบนฟูกเต็นท์ทันทีด้วยมือหนาที่รวบข้อมือของเธอไว้ได้ทั้งสองข้าง กดมันลงบนฟูกจนไม่อาจขยับเขยื้อนหลีกหนีไปไหนได้อีก
เธอที่ถูกกระทำด้วยสิ่งที่ไม่คาดคิดเบิกตากว้างเต็มไปด้วยความตกใจแล้วต่อว่าเขาทันที
"ไลท์ จะมากเกินไปแล้วนะ!" มูนกระแทกกระทั้นเสียงคุยกับเขาอย่างคนไม่ยอมคิ้วเรียวขทวดเข้าหากันจนยุ่ง
'...' คนตัวสูงไม่ตอบอะไรมีแค่ริมฝีปากหยักยกยิ้มออกมาเล็กๆ แสดงถึงตัวเขาว่ารู้ทันหญิงสาวได้มากกว่าที่เธอคิด
แววตาที่หยาดเยิ้มเพราะฤทธิ์เหล้ากลับจ้องมองเธอราวกับสัตว์ป่าที่จับเหยื่อได้คาหนังคาเขาแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ติดแหบเบาๆ
'มากเกินไปเหรอ..แล้วคนโกหกแบบนี้ต้องจัดการแบบไหนกันล่ะ' แววตาเจ้าเล่ห์เจ้ากลไล่ระดับมองสำรวจไปตามใบหน้าของเธอช้าๆก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่สายตาของเธอ
แพรวพราวมากเสน่ห์ซะจน..หัวใจของเธอเต้นโครมครามดังลั่นกับบรรยากาศที่เหมือนจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นซะจนไม่อยากจะคิด
'นี่เขาเมาแล้วเป็นแบบนี้ทุกทีเลย'
'ไม่ต้องหนีหรอกน่า..ยังไงเขาก็รู้กันหมดแล้วว่าคืนนี้คุณจะนอนกับผม'
"ไลท์ นายมัน.." หญิงสาวที่รู้ดีว่ายังไงซะตัวเองก็จะไม่พ้น
ไม่ว่าจะพยายามขยับข้อมือตนมากเท่าไหร่ แต่แรงเขาที่มีเยอะกว่าเธอถึงหลายเท่าก็ไม่สะเทือน
หนำซ้ำยิ่งถูกทำให้เป็นเหมือนลูกเจี๊ยบในกำมือของเขาไปใหญ่
'ได้ไหม?' เขาถามอีกครั้งเหมือนขออนุญาติกันทั้งที่ตัวเองกำลังทำตรงกันข้าม
"ถามทั้งๆที่กำลังบังคับกันอยู่เนี่ยนะ" มูนพูดออกมาก่อนที่จะถอนหายใจยาวเหยียดจนคนตัวสูงแววตาเศร้าสร้อยไปแวบหนึ่ง
แต่เมื่อเห็นว่าเธอพยักหน้ารับเบาๆอย่างคนยอมแพ้ เขาก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง
"เข้าใจแล้ว นอนก็นอน"
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ขยับตัวไปไหน มือหนาที่กดข้อมือเธออยู่อย่างนั้นก็ปล่อยออกให้เป็นอิสระพร้อมๆกับตัวของเขาที่ค่อยๆขยับทิ้งมานอนลงข้างๆมูนอย่างแผ่วเบา
พรึบ
โดยที่เขาอยู่ในท่านอนตะแคงข้างหันไปหาเธอขยับแขนข้างหนึ่งสอดเข้าไปใต้ท้ายทอยของเธอพร้อมๆกับมืออีกข้างที่คอยประคองหัวของเธอให้นอนหนุนแขนของเขาดีๆ
ทำราวกับอดีตที่พวกเราเคยคบกัน
"ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้แท้ๆ..หมอนก็มีตั้งสามใบ" มูนพูดพร้อมทั้งนอนนิ่งๆไม่ได้ขยับหนีแต่อย่างใดแต่ก็ยังไม่ยอมที่จะหันไปมองหน้าเขาเหมือนกัน
สถานการณ์ทุกอย่างเหมือนคู่รักที่ยังรักกลมเกลียวกันดี
ภายในค่ำคืนนี้ที่มีเสียงดนตรีและเสียงผู้คนดังอยู่ไกลๆ คลอเคล้าอยู่ที่ปลายหู สายลมยามค่ำคืนพัดผ่าน ทำให้ใบไม้สั่นไหวเป็นเสียงซู่เบาๆ เสียงแมลงเล็กแมลงน้อยร้องระงมอยู่ทั่วทิศ กลับยิ่งทำให้ความสงบของค่ำคืนนี้ชัดเจนกว่าที่เคยเป็น
"อะไรกัน...หลับซะแล้วเหรอ" มูนพูดออกมาเบาๆเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับชายหนุ่มที่นอนหลับไปแล้วราวกับหมาน้อย
รอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากบางเผยออกมาท่ามกลางความเงียบ
พร้อมกับสายตาของเธอที่สำรวจมองไปตามใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าอย่างอยากจะจดจำรายละเอียด
ถึงแม้ว่าการกระทำของเธอในครั้งนี้จะเหมือนคนเอาแต่ใจตัวเอง
ไม่สนซึ่งหัวใจครั้งก่อนที่เคยป่าวประกาศถึงความเจ็บปวดที่ถูกเขาทิ้งมันจะยังไม่ลืมเลือน...
แต่ความต้องการของเธอที่อยากจะอยู่ตรงนี้ให้นานอีกหน่อย มันกลับดังกว่าสมองของเธอที่สั่งการให้ออกไปจากเขาให้ไกลกว่านี้ซะได้
"พอสงบแล้วก็เหมือนหมาน้อยตัวนึงเลยนะ แต่ตอนตื่นนี่สิ..." ปลายนิ้วเล็กสัมผัสเข้าเบาๆที่ปลายจมูกของเขาก่อนที่จะลากไปตามผิวแก้มของเขาช้าๆ
"อย่างกับหมาป่าเลย"
...
บรื้นน..
เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นเบาๆผสมผสานกับล้อรถที่บดถนน มูนที่นั่งอยู่ด้านหลังรถตู้หันมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาท่าทีที่เหมือนคนเหม่อลอย
'เขาคงได้เจอกับการ์ตาร์แล้วล่ะมั้ง'
'คืนนั้น มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอมูน หน้าเครียดเชียว' พี่เมเนมองเธอผ่านกระจกมองหลังก็เอ่ยถามขึ้นไปพลางๆในระหว่างที่กำลังขับรถ
พวกเรากำลังจะตรงไปยังสถานที่ถ่ายทำใหม่แต่ในระหว่างนั้นก็ต้องเดินทางด้วยเครื่องบิน เพื่อที่จะได้ขึ้นเครื่องไปยังประเทศญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องความสงบ เห็นว่าสปอนเซอร์จากประเทศนั้นทุ่มเงินให้กับโปรเจคนี้ไม่น้อยเพราะไลท์ที่เขาเป็นถึงหนุ่มในฝันของสาวๆญี่ปุ่นหลายคน
รวมถึงเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของบริษัทเสื้อผ้าระดับไฮเอนท์ เมื่อข่าวว่าเขาจะร่วมงานในโปรเจกต์นี้หลุดออกไป กลุ่มทุนญี่ปุ่นถึงกับเทงบไม่อั้น ทั้งค่าโปรดักชัน ทีมงาน และโลเคชันสุดพิเศษที่ปกติไม่มีใครเข้าถึงได้ง่ายๆ
หญิงสาวเบนสายตากลับมาที่ด้านในรถ เธอยังไม่ได้ตอบคำถามของพี่เมเน แต่น้ำเสียงของพี่เขาไม่ได้เร่งรัดอะไร ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นนิดหน่อยจึงยอมตอบออกไป
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่เมเน" เธอว่าพลางหลับตาลงช้าๆเอนหลังพิงไปกับพนักพิง
'ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ' พี่เมเนพูดต่อด้วยความเป็นห่วง คราวนี้ไม่ได้มองผ่านกระจกแล้ว แต่เอียงหน้าหันมาทางเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะกลับไปโฟกัสถนนข้างหน้า
มูนเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนไม่แน่ใจว่าจะตอบยังไงดี
"ไม่ใช่ค่ะ..ไม่รู้สิคะ" มูนตอบกลับไปพร้อมๆกับส่ายหน้า "กึ่งๆล่ะมั้งคะ"
บรรยากาศในรถเงียบลงอีกครั้งหลังจากคำนั้นจางหาย มันไม่ใช่ความเงียบอึดอัด แต่เป็นความเงียบที่คล้ายกับการทบทวน บางอย่างที่ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่ว่ายังวนเวียนอยู่ในใจ
พี่เมเนพยักหน้าเบาๆ ไม่ซักไซ้อะไรต่อให้ลึกไปกว่านั้น ราวกับเข้าใจดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน บางครั้งก็ไม่ได้มีคำตอบชัดเจนเสมอไป
กึก
เสียงล้อรถกระแทกกับพื้นคอนกรีตของอาคารจอดชั่วคราวหน้าประตูขาออกดังกึก เมื่อพี่เมเนจอดรถเรียบร้อยก่อนจะหันมาพยักหน้าเบาๆ ให้มูนที่ตอนนี้ดูเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์
'ถึงแล้วนะ'
'ขึ้นเครื่องรอบนี้เราไปแบบเงียบๆ ฉะนั้นสบายใจได้ไม่มีแฟนคลับ ทำตัวตามสบาย' พี่เมเนพูดจบก็ยิ้มให้มูนทีนึงก่อนที่หญิงสาวจะค่อยๆดึงประตูรถให้เปิดออก
ร่างของหญิงสาวในชุดเดรสสีขาวบางๆที่ยาวถึงข้อเท้าพร้อมกับหมวกสีครีมใบใหญ่ที่สวมใส่อยู่บนหัวของเธอเปิดเผยขึ้นต่อสายตาของประชาชน
แน่นอนว่าเธอสวมแมสเอาไว้อีกชั้นเพื่อปกปิดใบหน้าและทำตัวให้กลมกลืนกับกับบรรยากาศรอบตัวที่คึกคักวุ่นวายตามแบบฉบับของสนามบินช่วงเช้าเพราะพอเราเดินทางมาถึง ตะวันก็ขึ้นแล้ว
แม้จะไม่มีแฟนคลับหรือสื่อมวลชนตามมารอเหมือนทุกครั้ง แต่ความระแวดระวังยังคงต้องมีโดยเฉพาะเมื่อเป็นหนึ่งในทริปที่ "ชื่อของไลท์" มีเอี่ยวอยู่
มูนก้าวออกจากรถอย่างสง่างาม เดรสขาวพลิ้วแนบเนื้อรับลมที่พัดผ่านพร้อมๆกับเส้นผมยาวบางส่วนหลุดพ้นจากหมวกสีครีมของเธอไหลลงมากรอบใบหน้าเล็กน้อย
กึก
เธอเอื้อมมือดึงกระเป๋าล้อลากใบเล็กออกมาจากเบาะหลังคอยช่วยพี่เมเนจัดกระเป๋าใส่รถเข็นกับเธอ ก่อนจะพยักหน้าขอบคุณพี่เมเนเบาๆ แล้วก้าวเข้าสู่ตัวอาคารสนามบินไปเพื่อเช็คอินพร้อมกัน
เสียงแจ้งเตือนเที่ยวบินจากลำโพงสนามบินดึงเธอกลับมาสู่ความจริง ขณะเธอมองไปข้างหน้าเห็นทีมงานบางส่วนของโปรเจกต์กำลังยืนรวมกลุ่มกันอยู่ไม่ไกล
'อ้าว! มากันแล้ว ผมก็นึกว่าจะนอนตื่นสายกันมากกว่านี้เสียหน่อย กว่าจะขึ้นเครื่องก็เกือบสาย เลยไม่ได้ไปช่วยเลย' ผู้กำกับพูดพร้อมทั้งรีบเดินเข้ามาช่วยพี่เมเนเข็นกระเป๋ามาทางเคาน์เตอร์เช็คอิน VIP ที่มีบรรยากาศเรียบง่ายต่างจากความวุ่นวายของสนามบิน
'ไม่เป็นไรเลยค่ะ' พี่เมเนพูดพลางส่งยิ้มให้โดยที่ไม่ลืมหันไปขอบคุณผู้กำกับที่เข้ามาช่วยเธอด้วยความเต็มใจ
'เมเนเจอร์ของไลท์แจ้งมาว่าเขาจะไปถ่ายงานก่อนแล้วจะตามเรามาทีหลังครับ' ทีมงานพูดพร้อมๆกับรีบเดินมาช่วยพวกยกกระเป่าโหลดเข้าใต้เครื่องกับพนักงานสนามบิน
“แก เร็วๆ เดี๋ยวหาที่นั่งใกล้ๆ ไม่ได้!” เสียงหนึ่งเร่งรีบพูดขึ้นมากับเสียงหัวเราะเบาๆ
“รู้แล้ว กำลังรีบอยู่เนี่ย!” อีกเสียงตอบกลับโดยเร็วแต่ก็แฝงด้วยความตื่นเต้นไม่น้อย
ในขณะที่เมเนเดินเข้าไปคุยกับทีมงานและผู้คนอย่างคุ้นเคย มูนกลับยืนนิ่งอยู่ด้านข้างเธอ สายตาเริ่มจับจ้องไปยังกลุ่มคนที่หลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ ราวกับว่ามีเหตุการณ์สำคัญกำลังจะเกิดขึ้นที่สนามบินนี้
ผู้คนเริ่มตั้งแถวรออย่างเป็นระเบียบ ตรงบริเวณทางเข้าและจุดที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักและความคาดหวัง
มูนอดสงสัยไม่ได้จึงหันไปถามทีมงานด้วยน้ำเสียงอยากรู้
“จะมีใครมาเหรอคะ?” คำถามของเธอดังขึ้นจนทำให้หนึ่งในนั้นต้องกุมขมับ เมื่อเขาเปิดมือถือขึ้นมาแล้วก็พบกับแท็กของไลท์ที่ขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งของแพลตฟอร์มดัง กำลังจะเดินทางมาที่นี่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
'ให้ตายสิ ไม่คิดเลยว่าเรื่องจะไปไวขนาดนี้'
‘คุณไลท์น่ะครับคุณมูน’ ทีมงานตอบเบาๆ ก่อนจะผายมือเชื้อเชิญให้เธอเดินเข้าไปในห้องรับรอง VIP
‘เรารีบเข้าไปก่อนที่คนที่นี่จะจับคุณได้ก่อนดีกว่าครับ’
มูนพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะตามทีมงานไปยังห้องรับรองที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี ภายในห้องเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ต่างจากความคึกคักด้านนอกที่แฟนคลับและสื่อมวลชนเริ่มรวมตัวกันอย่างคับคั่ง
เสียงจากภายนอกเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เป็นสัญญาณว่าการมาถึงของไลท์ใกล้เข้ามาแล้วทุกที
'ดื่มนี่สิมูน' พี่เมเนที่เห็นว่าหญิงสาวนั่งไถมือถือของตนอยู่บนโซฟาไม่สนใจสิ่งรอบตัว ก็เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งยื่นกาแฟโปรดของหญิงสาวมาให้ตรงหน้า
"ขอบคุณค่ะ" มูนเงยหน้าขึ้นไปมองพี่เมเนพร้อมทั้งส่งยิ้มให้น้อยๆเป็นการขอบคุณ ก่อนที่จะรับแก้วกาแฟมาจิบ
'กรี๊ดดด'
เวลาผ่านไปนับสองชั่วโมง เสียงกรี๊ดจากบรรดาแฟนคลับที่ตั้งใจจะมาส่งไลท์ก็ดังขึ้นจนแก้วกาแฟที่เธอวางลงบนโต๊ะถึงกับกระเพื่อมเล็กน้อยตามเสียงกระหึ่มกึกก้องที่ดังอยู่ด้านนอก เมื่อนั้น ทุกคนที่อยู่ภายในห้องรับรอง VIP ก็ค่อยๆพากันเตรียมตัวเตรียมที่จะต้อนรับไลท์ทันทีอย่างรู้งาน
พี่เมเนเห็นว่าหญิงสาวยังคงนั่งไถหน้าจออยู่ไม่ได้สนใจถึงบุคคลที่ทุกคนในสนามบินให้ความสนใจ เธอจึงยิ้มออกมาน้อยๆถึงความเข้าใจที่มีต่อมูน
'วันนี้นิ่งผิดปกติแฮะ'
นั่นคือสิ่งที่พี่เมเนคิด ในระหว่างที่นั่งมองหญิงสาวไปพลางๆ
ครืด..
เสียงประตู VIP เปิดออกมาพร้อมๆกับไลท์ที่ก้าวเท้าเข้ามาภายในห้องรับรอง เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์เหมาะสมกับการนั่งเครื่องบินเป็นเวลานาน ในมือของเมเนเจอร์ของไลท์เต็มไปด้วยพัสดุจากแฟนๆค่อยๆวางลงบนโต๊ะแก้วช้าๆเมื่อเขาเดินมาจนถึงภายในที่มีมูนนั่งอยู่ก่อนแล้ว
กลับกัน เหมือนมูนไม่คิดจะสนใจด้วยซ้ำแต่เหมือนสร้างกำแพงระหว่างไลท์กับเธอสูงกว่าเดิม จนคนภายนอกที่เห็นถึงบรรยากาศของทั้งสองเริ่มไปไม่เป็น
'จะเกิดอะไรขึ้นไหมเนี่ย..' ทีมงานคนหนึ่งพูดเบาๆ
ฟุบ
ไลท์ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาหนังไม่ใกล้ไม่ไกลจากเธอแล้วค้อมหัวขอบคุณเมเนเจอร์ของมูนเมื่อเห็นว่าเธอนำกาแฟมาให้ไลท์พร้อมกับซองยาแก้แฮงค์เล็กๆที่อยู่ใต้ถ้วยแก้ว
'ขอบคุณครับ' ไลท์พูดพร้อมรอยยิ้ม แต่ในระหว่างนั้นเองที่สายตาของมูนเหลือบมองไปยังเขา
ถึงจะแค่เสี้ยวสินาทีหนึ่งก็ตาม แต่เธอก็มองด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมานั่งตรงนี้
เหตุผลที่เธอเป็นอย่างนี้มันก็ชัดเจนแล้วตั้งแต่เมื่อคืน
เหตุการณ์หลังจากนั้นที่เธอยอมนอนกับเขา
'อืม..' เสียงครางต่ำเบาๆในลำคอดังขึ้นเบาๆพร้อมทั้งแขนแกร่งที่วาดมากอดเอวบาง รั้งให้ร่างของเธอที่นอนหันหลังให้เขาขยับเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของเขาดั่งเช่นวันวาน
"นี่" เธอร้องเรียกเสียงเบา เมื่อถูกดึงเข้าไปใกล้จนรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของร่างกายเขา
หญิงสาวแทบไม่ได้หลับได้นอนกับการกระทำแบบนี้ของเขา
มันอาจเพราะหัวใจของเธอเองที่ไม่รักดี ยอมให้เขากอดตรงข้ามกับปากของตัวเองที่ปฏิเสธ
'...' กระนั้นคนตัวสูงก็ไม่ตอบอะไรนอกจากเสียงลมหายใจที่ไหลรดไหล่บางเบาๆในระหว่างที่เขากดใบหน้าคมซุกลงมากับกลุ่มผมของเธอ
เขาหลับ..หลับสนิทมาก
'ไหนว่าเขานอนไม่ค่อยหลับไง'
เธอจำได้ดี ตอนที่ไลท์เคยให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงที่เขาไปทำงานที่ปารีส แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะนอนหลับสนิทขนาดนี้เหมือนกัน
ไหน ลองถามดูหน่อย
"นาย..ไหนว่านอนหลับยากไง" เธอพึมพำออกไปเบาๆในขณะที่นอนมองมือของเขาที่วางนิ่งอยู่กับหน้าท้องของเธอ
"โกหกนักข่าวเหรอ" เธอถามต่อในระหว่างที่ในหัวก็คิดไปเรื่อย ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะตอบกลับ
'...ไม่ได้....โกหก...' น้ำเสียงทุ้มที่ตอบออกมาแผ่วเบาซะจนเหมือนคนละเมอตอบไม่นานก็เงียบไปอีกครั้ง
...
'...นอนกับเธอมันสงบ' เงียบไปพักใหญ่กว่าจะตอบเธออีกครั้งด้วยคำพูดที่เหมือนจะต่อความในใจ
คนตัวเล็กแววตาสั่นไหวเล็กน้อย ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นราวกับคำพูดของเขากระตุกหัวใจของเธอที่เคยนิ่งสงบไปแล้วกลับมาเต้นใหม่อีกครั้ง
"..ทำไม"
'เพราะคุณคือ....'
'คนที่ผมรัก'
"..."
หญิงสาวที่ได้ยินคำพูดของเขากลับเงียบไปทันที ไม่ได้ตอบรับอะไรจากคำพูดของเขาอีก
ไม่คิดถามอะไรเพิ่ม หรือพยายามเค้นเอาอะไรจากคำตอบนั้นเพราะถึงยังไงเธอก็แก้ต่างกับหัวใจของตัวเองไม่ได้อีกแล้ว
ตึกตัก..ตึกตัก
มีแค่เสียงหัวใจของเธอที่เต้นโครมครามสั่นไหวอยู่เพียงลำพังในความเงียบ ไปกับคำพูดของเขาในค่ำคืนที่ไม่คิดว่าตนจะได้มานอนอยู่ด้วยกัน
'แบบนี้ฉันก็แย่สิ'
เธอคิดแบบนั้นในระหว่างที่พยายามข่มตาหลับ
'คุณมูน' มือของผู้กำกับโบกไปมาเบาๆต่อหน้าของหญิงสาวที่นั่งเหม่ออยู่ที่เดิมมานานนับสิบนาที
"อ๊ะ! คะ?" เหมือนเพิ่งได้สติ เสียงใสร้องตอบเบาๆก่อนที่จะเงยหน้าขึ้น
พบกับทีมงานและคนอื่นๆที่เตรียมตัวจะขึ้นเครื่องกันแล้ว เธอจึงรีบลุกขึ้นยืนตามอย่างคนเร่งรีบ
'ไปกันครับ^^'
"ได้...ได้ค่ะไปกัน" เธอหัวเราะแห้งๆก่อนที่จะก้าวเท้าเดินตามพวกเขาไป ไม่นานเธอก็สะบัดหัวเบาๆเหมือนพยายามที่จะไล่ความคิดเรื่องเมื่อคืนนั้นออกไปจากหัว
'...แย่จริงๆนั่นแหละ'