ความสัมพันธ์ที่จบกันไปแล้ว มีเหรอจะปะทุขึ้นมาอีก? ตามหลัก มันก็ควรเป็นแค่อดีตที่ไม่ควรนึกถึงหรือให้ค่าทั้งนั้นสิ..แต่แล้วทำไม เขาถึงไม่ยอมจบสักที!?

รักลับๆของยัยแฟนเก่า - E07 รุกแรง โดย โกเพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,นางเอกเก่งมาก,นางเอกสวยมาก,นางเอกร้ายลึก,นางเอกรวย,นางเอกฉลาด,พระเอกขี้แกล้ง,พระเอกคลั่งรักมาก,พระเอกครั่งรัก,พระเอกขี้หวง,ตบจูบ,รักต้องห้าม,รักดุเดือด,รักตลก,รักดราม่า,รักplaylist,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

รักลับๆของยัยแฟนเก่า

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นางเอกเก่งมาก,นางเอกสวยมาก,นางเอกร้ายลึก,นางเอกรวย,นางเอกฉลาด,พระเอกขี้แกล้ง,พระเอกคลั่งรักมาก,พระเอกครั่งรัก,พระเอกขี้หวง,ตบจูบ,รักต้องห้าม,รักดุเดือด,รักตลก,รักดราม่า,รักplaylist

รายละเอียด

รักลับๆของยัยแฟนเก่า โดย โกเพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ความสัมพันธ์ที่จบกันไปแล้ว มีเหรอจะปะทุขึ้นมาอีก? ตามหลัก มันก็ควรเป็นแค่อดีตที่ไม่ควรนึกถึงหรือให้ค่าทั้งนั้นสิ..แต่แล้วทำไม เขาถึงไม่ยอมจบสักที!?

ผู้แต่ง

โกเพ

เรื่องย่อ

ในโลกใบนี้ ถ้าหากอยู่ในสถานะแฟนเก่าแล้ว


ก็ต้องไม่แยแส ไม่สนใจ ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเองไม่ใช่เหรอ?


โลกรู้ ทุกคนรู้


แล้วทำไม...แฟนเก่าของฉัน!?


เขาถึงไม่รู้ตัวเองสักทีว่าควรทำแบบนั้น!?


นี่สติของเขา...มันหายไปพร้อมกับคำบอกเลิกแล้วเรอะ!?


รักลับๆ ของยัยแฟนเก่า 


เลิกกันแล้วก็ใช่จะ ‘หนี’ กันพ้น

สารบัญ

รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E01 รักเริ่ม...จาก100,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E02 ความจริง,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E03 ความลับที่ค่อยๆ...เปิดเผย,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E04 เจ้าหญิงน้ำแข็ง,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E05 แก้แค้น!! หรือ แก้รัก??,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E06 แข่งขัน,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E07 รุกแรง,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E08 จะทำให้รู้เอง,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E09 ง้อ,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-ชี้แจง NC,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E10 แคมป์ปิ้ง,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E11 คืนนั้น

เนื้อหา

E07 รุกแรง

ปึง!

"บ้าจริง! ฉันไม่ชอบเลย" เสียงสบถของมูนหลุดลอดจากริมฝีปากขณะที่ร่างระหงส์ของเธอผลักประตูห้องพักเข้ามาอย่างแรง ร่างบางทรุดตัวนั่งลงบนโซฟากลางห้องอย่างอ่อนแรง คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันแน่นด้วยความขุ่นเคือง

อะไรกัน..คิดจะแกล้งกันไปถึงเมื่อไหร่

นั่นคือความคิดที่ก้องอยู่ในหัว ก่อนที่เสียงฝีเท้าร้อนรนจะดังขึ้นตามหลังมา

'มูน! เธอโอเคไหม?' เมเน ผู้จัดการสาวพุ่งเข้ามาด้วยความเป็นห่วง น้ำเสียงกระวนกระวายผิดปกติ เธอรีบทรุดตัวนั่งลงตรงหน้ามูนอย่างรวดเร็ว

'พี่รีบตามเธอมา… เอาเถอะ พี่จะไม่โกรธที่เธอมาก่อนพี่ก็ได้ แต่ว่า... ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ? แล้วไลท์มาได้ยังไง?' คำถามมากมายที่พรั่งพรูออกมาจากเมเนเจอร์ของมูนถามออกมาอย่างคนใจเย็นแต่ก็แฝงความไม่สบายใจอยู่ไม่น้อย เพราะสิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าช่างน่าตกใจยิ่งกว่าตอนที่มูนบอกว่าอยากรับบทในซีรีส์วาบหวิวเสียอีก

พวงแก้มขาวของเธอที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ ดวงตาสีครามที่กำลังสั่นไหวอยู่ภายใต้ความเงียบของห้องพัก ยิ่งทำให้เมเนยิ่งไม่กล้าปักใจว่า..เธอกำลังหวั่นไหว หรือ กำลังโกรธจนคุมสติไม่ได้กันแน่

หญิงสาวเป็นดั่งดอกกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคม 

แต่ในตอนนี้...

ไลท์กลับจับมันเข้าจังๆ โดยที่ไม่แคร์เลยว่ามันจะย้อนทำร้ายเขาหรือไม่

คำถามมากมายไหลออกมาไม่หยุด แต่กลับไม่มีเสียงตอบจากคนตรงหน้า

มูนยังคงนั่งเงียบ ร่างทั้งร่างสั่นเล็กน้อยเหมือนพยายามกลั้นบางอย่างไว้ ดวงตาที่เคยเปล่งประกายบัดนี้คล้ายจะหลั่งน้ำตา แต่แทนที่จะอ่อนแอ เธอกลับแค่นหัวเราะในลำคอเบาๆ

"ตลกดีเนอะพี่เมเน...คนที่บอกเลิกฉันอย่างไม่ใยดีจู่ๆวันหนึ่งก็มา เสนอหน้า ให้ฉันสับสน" มูนพูดเสียงสั่น มือบางกำมือของตนจนเล็บจิกฝังเข้าไปในผิวเนื้อของตัวเองโดยที่ไม่สนซึ่งความเจ็บปวด

'มูน..'

"ฉันเกลียดหมอนั่น..เกลียดมาก แต่พอฉันยิ่งวิ่งหนีเท่าไหร่ หัวใจของฉันกลับ...ไม่ฟังฉันเลย" มูนเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำแต่ยังไม่ปล่อยหยดน้ำตาให้หลั่งไหลออกมา 

"มันหวั่นไหว กับท่าทีของเขาที่ฉันเอง...ฉันเอง...ก็รู้ดีว่าเขามันแค่กำลังเล่นสนุก" มูนยังคงสบตากับเธอ ร่างทั้งร่างสั่นไหวไม่หยุด มือของเธอกำแน่นมากขึ้นจนเลือดซึมจากปลายนิ้วที่จิกเข้าผิวเนื้ออย่างลืมตัว

"เขารู้ว่าต้องพูดแบบไหน ใช้สายตาแบบไหน...เพื่อให้ฉันเริ่มหวังอีกครั้ง"

“...ฉันมันโง่ใช่ไหมเมเน?” พวงแก้มเธอร้อนผ่าว น้ำตาเริ่มรื้นจนมองเห็นเงาสะท้อนของแสงไฟเริ่มพร่ามัว เบลอจนแทบจะโฟกัสอะไรไม่ได้

“แต่สุดท้าย...เขาก็แค่กลับมาเพราะเขาทนไม่ได้ที่ฉันจะก้าวไปข้างหน้าโดยไม่มีเขา” เธอพูดเสียงแผ่ว ราวกับยอมรับความจริงอันโหดร้ายที่ฝังแน่นอยู่ในใจ

"เขาไม่ได้กลับมาเพราะรักฉัน..."

'มูน...'

"เขาแค่อยากชนะ" บรรยากาศในห้องแน่นข้นราวกับไม่มีอากาศให้หายใจ เมเนขยับเข้าไปใกล้ ยื่นมือออกมาเหมือนจะปลอบ แต่มูนกลับส่ายหน้า

"อย่าทำแบบนั้นเลยพี่เมเน…ฉันแค่ไม่อยากร้องไห้ให้คนแบบเขาอีกแล้ว" 

ถึงมูนจะพูดแบบนั้น 

แต่น้ำตาที่คลอหน่วยกลับเริ่มไหลทะลักออกมาจากดวงตาคู่สวยอย่างคนระทม ร่างบางสั่นระริกสะท้านไปกับความรู้สึกเสียใจที่พรั่งพรูออกมาจากความรู้สึกของเธอ

"ฮึก" จากใบหน้าที่เคยยิ้มแย้ม หรือแสร้งทำเป็นเข็มแข็ง ตอนนี้ หน้ากากพวกนั้นที่เธออทนมานานนับตั้งแต่ที่เจอเขา ก็ได้พังทลายลงไปต่อหน้าต่อตาเมเนสาว ที่ซึ่งเป็นเพื่อนและคนที่มูนไว้ใจมากที่สุด

‘มูน...พี่ขอโทษจริงๆ ที่ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้เลย’

เสียงของพี่เมเนเบาลงอย่างอ่อนโยน ขณะที่มือเรียวค่อยๆ ขยับเข้ามาโอบกอดหญิงสาวตรงหน้าอย่างช้าๆ ด้วยความระมัดระวัง ราวกับกลัวว่าเธอจะแตกสลายมากกว่านี้

น้ำตาแห่งความสงสารและเห็นใจไหลออกมาอย่างเงียบๆ จากดวงตาของเธอ ขณะที่พยายามให้กำลังใจคนที่กำลังเจ็บปวดสุดหัวใจ

‘ไม่เป็นไรนะมูน...พี่อยู่ตรงนี้เสมอ’

"ฮึก ฮืออ.." มูนปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอย่างที่พยายามเก็บไว้เต็มที่แล้วแต่มันก็ทนไม่ได้ ร่างกายเธอสั่นเทาเบาๆ ก่อนจะยอมให้ตัวเองโผเข้ากอดพี่เมเนอย่างหมดใจ

ในอ้อมกอดนั้น เหมือนทุกความเจ็บปวดที่เก็บกดมานานผุดขึ้นมาในหัวใจของมูน

ภาพอดีตย้อนกลับมาเป็นภาพชัดเจน

[ไลท์: มูน... ผมว่าผมควรพูดเรื่องนี้กับคุณให้ชัดเจน...ผม... ผมมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ ที่คุณไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง]

[ไลท์: ผมไม่ได้ทิ้งคุณเพราะหมดรักแต่เพราะถ้าเรายังอยู่ด้วยกัน... ผมกลัวว่าคุณจะต้องเจ็บปวดมากกว่านี้]

[ไลท์: นี่คือการเลือกที่เจ็บที่สุดสำหรับผม...แต่เป็นสิ่งเดียวที่ผมคิดว่าสามารถปกป้องคุณได้]

[ไลท์: ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ ที่ไม่สามารถบอกคุณได้ทั้งหมด แต่หวังว่าคุณจะเข้าใจ... ว่าทุกอย่างที่ผมทำ ผมทำเพราะผมรักคุณมากแค่ไหน]

"ฮึก...อึก...ฉัน..." เสียงสะอื้นของมูนสั่นเครือ ภาพความทรงจำเก่า ๆ ค่อย ๆ ทะลักเข้ามาเหมือนคลื่นซัด ผ่านข้อความในแชทที่เขาส่งมาบอกเลิกเธอ ในระหว่างที่เขากำลังถ่ายงานที่ปารีส

หัวใจของเธอถูกบีบรัดด้วยหนามแหลมคมที่แทงลึกลงไปไม่หยุด ริมฝีปากเล็กขบแน่นจนเจ็บราวกับจะระบายความเจ็บปวดที่อยู่ข้างใน

แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามลบเลือนหรือเก็บซ่อนความทรงจำเหล่านั้นไว้มากแค่ไหน

มันก็ไม่อาจเลือนหายไปจากใจเธอได้เลย

เมเนยิ้มบาง ๆ ก่อนจะกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นกว่าเดิม ราวกับอยากส่งผ่านความห่วงใยทั้งหมดที่มีให้กับมูน

'ไม่เป็นไรนะ... ฉันอยู่ตรงนี้' เมเนพูดเบา ๆ พร้อมกับความอบอุ่นในน้ำเสียงที่ทำให้มูนรู้สึกได้ว่าเธอไม่ได้ต้องเผชิญทุกอย่างเพียงลำพัง

'มูน..พี่รู้จักเธอดีที่สุด...ไม่ต้องรีบลืมก็ได้ ให้เวลาตัวเองได้ร้องไห้ ได้เจ็บปวด แล้ววันหนึ่งหัวใจจะเข้มแข็งขึ้นเอง พี่จะอยู่ข้างๆ เธอเสมอ'

"ฮึก อึก ฮืออ.." เสียงร้องไห้ของเธอดังคลอเคล้าไปกับเสียงปลอบประโลมของเมเน 

อยู่อย่างนั้น ร่ำไป จนกระทั่งได้เวลาที่มูนต้องกลับไปที่พักของตัวเองเพื่อพักผ่อน เตรียมถ่ายซีรีส์ตามกำหนดการในวันรุ่งขึ้น

'ไปกันเถอะมูน พักผ่อนให้เต็มที่นะ พรุ่งนี้จะได้สดชื่นพร้อมลุยงาน' พี่เมเนพูดขึ้นเมื่อหญิงสาวเดินออกมาจากห้องพักของตัวเองในสตู ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว คนส่วนใหญ่ที่ยังอยู่ที่นี่ก็มีแต่ทีมงานที่กำลังเก็บของ

มูนแต่งหน้ากลบหลักฐานที่ว่าตนนั้นร้องไห้ไปจนหมดแล้ว ก็เลยไม่มีใครดูออกสักคน มีเพียงแค่เมเนของเธอเท่านั้นที่รู้ว่าเธอในเวลานี้ต้องการอะไรมากที่สุด นั่นคือ การพักผ่อน

'มูน!! พวกเรามาเชียร์คุณนะ!!' เสียงโหวกเหวกของแฟนคลับของเธอตะโกนเรียกชื่อหญิงสาวอยู่หน้าสตูฯ

ถ้าหากการ์ตาร์ไม่มาทำเรื่องไว้ที่นี่ เธอก็คงได้กลับอย่างเงียบๆ 

แต่เมื่อตอนที่การ์ตาร์กลับไปดูเหมือนจะลงสตอรี่อัพเดตเกี่ยวกับไลท์ แต่ข่าวมันก็ไว เลยได้รู้ว่ามูนเองก็อยู่

เลยทำให้พวกเขามารอต้อนรับเธอ

"ค่ะ" หญิงสาวในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ขยับมือไปหยิบเอาหมวกแก๊ปสีดำที่ห้อยอยู่ข้างๆกับหูกางเกงขึ้นมาสวมบดบังใบหน้าของเธอเอาไว้ แล้วจากนั้นจึงค่อยๆเดินตามหลังเมเนเจอร์ของเธอไปตรงที่แฟนคลับของเธอ หรือรถตู้ที่จอดอยู่ตรงปลายแถวแฟนคลับ

'มูน!! กรี๊ดดด!! ออกมาแล้ววว' 

'มูน!! บอกผมทีคุณกำลังถ่ายซีรีส์กับไลท์ใช่ไหม หรือกับการ์ตาร์!!!'

'มูน!! มองมาที่เราหน่อยครับ!!'

เสียงหวีดร้องดีใจ ดังมาทั่วทุกสารทิศ แสงแฟลชจากกล้องสาดส่องเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน เธอพยายามรักษารอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า แม้หัวใจจะรู้สึกหนักอึ้งก็ตาม

เสียงเรียกชื่อและคำถามจากแฟนคลับดังลั่น แต่เธอก็ไม่อาจหยุดเดินได้ เมเนเดินเคียงข้างมูนอย่างเงียบๆ คอยปกป้องและรับแรงกดดันแทน

ตึก ตึก ตึก

เมื่อมูนถึงรถตู้ รถที่จอดอยู่รอรับเธอ เธอค่อยหยุดเดิน ก่อนจะหมุนตัวหันหลังกลับไปมองแฟนคลับเป็นครั้งสุดท้าย

ดวงตาคู่สวยที่แฝงความเศร้า แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น จ้องมองไปที่คนที่เธอรู้สึกได้ว่ากำลังเฝ้ามองเธออยู่...

“ขอบคุณนะทุกคน...ฉันจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดนะคะ” เธอพูดเบาๆ ก่อนจะขึ้นรถไป พร้อมกับเสียงกรี๊ดสุดท้ายที่จางหายไปในค่ำคืน

เมเนเงยหน้ามองฟ้า พลางถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนที่จะปิดประตูรถตู้ลงแล้วขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับรถตามหน้าที่ของตัวเอง

บรื้นนน..

เสียงเครื่องยนต์รถตู้ดังขึ้นเบาๆ ขับเคลื่อนพาเธอออกจากฝูงชนและความวุ่นวายด้านนอก แต่ในใจมูนกลับเต็มไปด้วยความปั่นป่วนที่ไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง 

หญิงสาวไม่แม้แต่จะพูดคุยอะไรกับเมเนเจอร์ เธอเพียงแค่มองออกไปนอกหน้าต่างรถตู้เงียบๆ แขนทั้งสองข้างกอดอกของตัวเองเอาไว้ 

สายตาเธอยังคงจ้องมองออกไปยังแสงไฟในเมืองใหญ่ที่พร่างพราวราวกับดาวนับพัน แต่กลับรู้สึกโดดเดี่ยวและไร้ทิศทาง..ว่างเปล่าและสับสนไม่น้อยที่ไลท์..แฟนเก่าของเธอ ปรากฏตัวต่อหน้าหลายต่อหลายครั้ง

และทุกครั้งที่เจอ เขากลับ..ทำตัวต่างไปจากการบอกเลิกในตอนนั้น เหมือน..คนที่กำลังดับเครื่องชนใส่เธอตลอดเวลา

แล้ว..

แฟนเก่า เขาทำแบบนี้กันเหรอ?

เอี๊ยด!

"ว้าย! พี่ ทำไมหยุดรถคะ!?" มูนแทบหน้าทิ่มเบาะกับแรงเบรกของรถที่เมเนเป็นคนหยุด ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงอย่างคนทำอะไรไม่ถูกมองไปยังภาพเบื้องหน้าที่เมเนมองอยู่

สิ่งที่เห็นกลับยิ่งทำให้มูนยกมือขึ้นมาปิดปากของตนเอาไว้ด้วยความที่ตนนั้นไม่อยากจะเชื่อสายตา

ไลท์...นี่เขากำลังทำบ้าอะไร!?

กลางถนนหน้าโรงแรมที่มูนพักอยู่ ท่ามกลางแสงไฟของเมืองที่กำลังจะดับลงทีละดวง และผู้คนที่เห็นผ่านไปผ่านมาพากันมามุงดูเขากันอย่างคนไม่อยากจะเชื่อสายตา

ชายหนุ่มคนนั้นยืนอยู่

ไม่ใช่แค่ยืนเฉยๆในที่ปลอดภัย...แต่ยืนกลางถนนโดยที่มีรถสปอร์ตของเขาจอดอยู่ด้านหลัง สวมใส่แค่ชุดเสื้อโค้ตสีเข้ม ผมสีทองดูยุ่งนิดๆจากลมที่พัดผ่าน 

สีหน้าของเขาเรียบนิ่ง แต่แววตานั้นแน่วแน่อย่างไม่อาจละสายตาไปจากรถตู้ที่มูนโดยสารอยู่

เขายืนอยู่ตรงหน้า สบตาผ่านกระจกหน้ารถตู้นิ่ง เหมือนรู้ว่ามูนอยู่ข้างในนั้น

'ให้ตายสิ...ไลท์...จะมาขับปาดหน้ากันแบบนี้ไม่ได้นะ' เมเนพึมพำเบาๆ ก่อนจะหันไปมองมูนที่ตอนนี้ตัวแข็งทื่อไปแล้วกับสิ่งที่เห็น

'มูน เธอจะเอายังไง?' เสียงของเมเนถามขึ้นอีกครั้งในขณะที่มือกำพวงมาลัยแน่น 'พี่จะขับอ้อมเขาก็ได้ หรือจะลงไป แต่แบบนี้ไม่ดีแน่คนเยอะเกินไป เป็นข่าวแน่ๆ'

เมเนพูดกับหญิงสาวที่กำลังประมวลผลอยู่ด้วยสายตาที่กังวลไม่น้อย เพราะ ณ จุดที่พวกเรากำลังอยู่ เรียกได้ว่าเป็นจุดคนพลุกพล่านของเมืองเลย 

ไลท์เขาก็ดังไม่ใช่น้อยๆ ทำไมถึงได้คิดทำอะไรแบบนี้!?

'แก ดูนั่นสิ!!ไลท์ ไลท์ตัวเป็นๆเลย โอ้พระเจ้า!!' 

'แล้วทำไมเขามายืนอยู่กลางถนนแบบนั้น ถ่ายซีรีส์ที่เป็นข่าวน่ะเหรอ?'

'อาจจะใช่ก็ได้นะ! แต่ดูรถคันนั้นสิ! ที่เขายืนอยู่ตรงหน้า เหมือนป้ายทะเบียนของรถมูนเลย!! ฉันเห็นผ่านอินเตอร์เน็ต ข่าวดังโครมๆอย่างกับฟ้าถล่ม' เสียงผู้คนที่เริ่มมายืนออกันเรื่อยๆตามสองข้างทางของถนนและรถราที่เริ่มติดจากการกระทำของไลท์ทำให้เมเนเริ่มเป็นกังวล

'มูน ถ้าเธอไม่ตัดสินใจตอนนี้ มันจะไม่จบแค่นี้นะ' เมเนพูดเบาๆ ขณะที่มือยังวางบนพวงมาลัย

'เขาอาจไม่ยอมไป...จนกว่าเธอจะเผชิญหน้า'

มูนกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ดวงตาเธอยังคงจ้องไปยังใบหน้าที่คุ้นเคยคนนั้น แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่แววตาของเขายังเหมือนเดิม...

“เขา...จะไม่ยอมไปใช่ไหมคะ เราหาทางอื่น...” มูนเอ่ยเสียงเบาเสนอความคิด กดเสียงให้ไม่สั่น แต่ก็ยังไม่สามารถซ่อนความว้าวุ่นในใจได้

เมเนสบตาเธอผ่านกระจกหลังพร้อมทั้งส่ายใบหน้าเบาๆ 'ไม่ยอมแน่ ถ้าเธอไม่ทำอะไรสักอย่าง พรุ่งนี้คงไม่ใช่แค่ข่าวซีรี่ย์หรอก แต่จะกลายเป็นข่าวบ้าๆ ที่ปั่นทั้งโซเชียลให้ระเบิด'

มูนหลับตาลงด้วยความหนักใจ สูดลมหายใจลึกๆจนเต็มปอด มือเรียวทั้งสองข้างกำเสื้อของตัวเองแน่นพยายามสงบจิตสงบใจให้ลืมสิ้นความเจ็บปวดก่อนหน้านั้น

ให้มีเพียงแค่ความแข็งแกร่ง เหมือนดั่งทุกทีที่เธอเจอเขา

แล้วสุดท้าย เธอก็ค่อยๆก้าวไปทางประตูที่เปิดออก ท่ามกลางเสียงฮือฮาของผู้คนรอบข้างที่ดังขึ้นราวกับคลื่นทะเลบ้าคลั่ง

'มูนออกมาแล้ว!!'

'โอ๊ยตายแล้ว จะได้เห็นโมเมนต์จริงๆ เหรอเนี่ย!!'

กล้องมือถือหลายร้อยเครื่องถูกชูขึ้นพร้อมกัน แสงแฟลชวาบวับเข้าใส่หน้าเธอทันทีที่ย่างเท้าลงจากรถตู้ของเธอ 

หญิงสาวยังคงสวมหมวกแก๊ปอยู่ เพื่อบดบังจุดอ่อนของตน ในระหว่างที่ก้าวเท้าเดินตรงไปหาชายตรงหน้า

เธอก้าวเข้าไปหยุดตรงหน้าเขา ห่างกันไม่ถึงหนึ่งช่วงแขน

“ไลท์! นายจะทำบ้าอะไร!?” เธอพูดเสียงเบาแต่น้ำเสียงกลับกระแทกกระทั้นทุกครั้งที่พูดเพราะความโกรธที่อัดอั้นในใจ

เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ราวกับไม่สะทกสะท้าน

'ผมก็แค่อยากให้คุณหันมามองผม' ราวกับเป็นคำพูดของคนหน้าไม่อายที่พูดออกมาต่อหน้าแฟนเก่าอย่างเธอ

"..นาย!..ไอ้...พอที!.."

"แล้วต้องมายืนกลางถนนให้คนทั้งเมืองถ่ายคลิปแบบนี้น่ะเหรอ!? นายคิดบ้างไหมว่าฉันจะเดือดร้อนแค่ไหน!?” มือของมูนกำแน่น พยายามสบตากับดวงตาคู่คมตรงหน้าด้วยแววตาที่ค่อยๆพังทลายลงมาเรื่อยๆราวกับว่า 

น้ำตาที่เคยแห้งเหือดไปแล้ว กำลังทะลักออกมาอีกรอบเพราะคำพูดของคนที่ไม่เคยเห็นใจเธอเลยของเขาที่พูดให้เธอได้ยิน

ไลท์ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า ไม่แม้แต่จะหลบสายตาเธอ ราวกับรับทุกคำด่าทอไว้โดยไม่ผลักไสออกไปเลยแม้แต่นิดเดียว

“เลิก กันแล้วก็จบสิไลท์! จะมายุ่งอะไรกับฉันอีก!?” เธอกระแทกเสียงดัง จงใจพูดคำว่า เลิก ให้เขารู้ได้สักทีว่านี่มันเกินกว่าที่เธอจะทนรับได้อีกแล้ว 

เงียบไปชั่ววินาที ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเบาๆ แววตาไม่ใช่คนที่ไม่รู้สึกแต่เป็นคนที่รู้สึกมากเกินไป…จนไม่กล้าพูดมันออกมาตรงๆต่างหากที่เขากำลังมองมาที่เธอ

'แล้วคุณจบเหรอ มูน'

"..."

"อะไร..ของนายอีก"

น้ำเสียงของเขาไม่ได้แข็งไม่อ่อน แต่นิ่งพอจะทำให้ทุกคำเหมือนเป็นคำพูดที่ต้องการส่งไปให้ถึงใจของเธอ

'คุณพูดว่าจบออกมาได้ก็จริง...แต่ในขณะที่กำลังร้องไห้เนี่ยน่ะเหรอ'

'ถ้ามันจบจริง...คุณก็ไม่ควรรู้สึกอะไรอีกแล้ว ไม่ใช่เหรอมูน?' 

"อะไร...นายกำลังหมายถึงอะไร"

พรืด..

หมวกแก๊ปที่หญิงสาวสวมอยู่ ถูกมือหนาจับเข้าที่มันแล้วยกมันขึ้นช้าๆ 

เมื่อดวงตาคู่งามปะทะเข้ากับแสงของหลอดไฟจากเสาข้างถนน ทำให้เธอหรี่ตาลงน้อยๆ 

และ...นั่นแหละ

เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ หยาดน้ำตาของเธอไหลหยดลงมาจากปลายคางลงที่หลังมือของหญิงสาวอย่างเงียบงัน

เอ๊ะ?...นี่ฉัน..ร้องไห้งั้นเหรอ

มือของไลท์ชะงักไปนิดหนึ่ง แววตาเขาขยับสั่นไหวเบาๆ ราวกับในใจมีอะไรอยากจะพูด

แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือจากนั้น นอกจากพูดด้วยน้ำเสียงเรียบและนิ่งดังเดิม

'คุณจะด่าผมก็ได้ จะตบหน้าผมตอนนี้ก็ยังได้'

'แต่ผมขอแค่อย่างเดียว...อย่าโกหกความรู้สึกตัวเอง'

มูนกำมือแน่น ร่างทั้งร่างเหมือนจะยืนนิ่งไปกับคำพูดของไลท์

เธออยากจะตะโกนด่าเขาว่าไปตายซะ 

อยากจะหนีเขาไปให้มันรู้แล้วรู้รอด 

อยากจะหายไปให้พ้นจากตรงนี้

แต่เธอก็กลับยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนราวกับร่างกายไม่เชื่อฟัง

'คนที่จบแล้ว...เขาไม่ร้องไห้เพราะผมแบบนี้หรอกมูน' ไลท์มองตรงมาที่ดวงตาของเธอด้วยแววตาเศร้าหมอง เขาแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วกับคนตรงหน้าของเขา ที่เขาไม่เคยอยากเห็นในสภาพนี้

ถ้าหากเขาไม่ทำถึงขนาดนี้เพื่อหยุดเธอไว้ 

หรือบุกเข้าไปหาเธอถึงที่ที่เธอทำงาน

เสนอตัวเองให้เกี่ยวข้องกับเธอไปอย่างคนหน้าไม่อาย

เขาก็คงจะไม่ได้คุย ไม่ได้พยายามทำให้เธอรู้เลยว่า

เขาเองก็รักเธอมาก...

มากจนไม่อาจปล่อยให้เธอเป็นของใครอื่นได้จริงๆ

"นาย.."

มือของเขาที่ถือหมวกแก๊ปค่อยๆลดระดับลง ใบหน้าใต้แสงไฟถนนสลัว ๆ เผยให้เห็นความจริงใจที่ไม่อาจปิดบังของเขาชัดเจน

'แค่ผมอยากให้คุณรู้...ว่าผมยังอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหน' เขายืนนิ่ง มองตาเธอด้วยสายตาที่ไม่มีคำขอร้องอยู่ในแววตา มีเพียงความจริงใจที่ลึกซึ้ง เพราะเขารู้ดี..ว่าในอดีตตัวเขาเองได้ทำอะไรลงไป แค่คำขอโทษก็คงไม่สามารถที่จะลบล้างมันได้

'ถ้าคุณอยากให้ผมหายไป ผมก็จะทำตามแต่โดยดี' เขาพูดต่อ แสงไฟจากโคมไฟถนนรอบตัวค่อยๆ ส่องให้เห็นหยาดน้ำตาที่เธอพยายามปกปิดเผยออกมาช้าๆ เหมือนเสียงของผู้คนและเสียงรถในยามค่ำคืนค่อย ๆ เลือนหายไปในความเงียบ

'แต่ผมจะไม่ปล่อยให้คุณลืม… ว่าผมเคยรักคุณมากแค่ไหน' เขาไม่ได้พูดว่าขอโอกาส ไม่ได้วิงวอน เพียงแค่บอกว่าเขายังอยู่ตรงนี้เสมอ...แม้เธอจะไม่ต้องการ

แม้ว่าเธอจะ..ไม่รักเขา หรือพยายามตัดใจจากเขาก็ตามที