ความสัมพันธ์ที่จบกันไปแล้ว มีเหรอจะปะทุขึ้นมาอีก? ตามหลัก มันก็ควรเป็นแค่อดีตที่ไม่ควรนึกถึงหรือให้ค่าทั้งนั้นสิ..แต่แล้วทำไม เขาถึงไม่ยอมจบสักที!?
รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,นางเอกเก่งมาก,นางเอกสวยมาก,นางเอกร้ายลึก,นางเอกรวย,นางเอกฉลาด,พระเอกขี้แกล้ง,พระเอกคลั่งรักมาก,พระเอกครั่งรัก,พระเอกขี้หวง,ตบจูบ,รักต้องห้าม,รักดุเดือด,รักตลก,รักดราม่า,รักplaylist,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
รักลับๆของยัยแฟนเก่าความสัมพันธ์ที่จบกันไปแล้ว มีเหรอจะปะทุขึ้นมาอีก? ตามหลัก มันก็ควรเป็นแค่อดีตที่ไม่ควรนึกถึงหรือให้ค่าทั้งนั้นสิ..แต่แล้วทำไม เขาถึงไม่ยอมจบสักที!?
ในโลกใบนี้ ถ้าหากอยู่ในสถานะแฟนเก่าแล้ว
ก็ต้องไม่แยแส ไม่สนใจ ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเองไม่ใช่เหรอ?
โลกรู้ ทุกคนรู้
แล้วทำไม...แฟนเก่าของฉัน!?
เขาถึงไม่รู้ตัวเองสักทีว่าควรทำแบบนั้น!?
นี่สติของเขา...มันหายไปพร้อมกับคำบอกเลิกแล้วเรอะ!?
รักลับๆ ของยัยแฟนเก่า
เลิกกันแล้วก็ใช่จะ ‘หนี’ กันพ้น
’มาใกล้ๆ ผมสิ‘
คำเชิญชวนที่ฟังดูราวกับกำลังเอ่ยเย้าหยอกหัวใจดวงน้อยของใครบางคนที่ได้ยินสั่นคลอนด้วยความเขินอาย
ใบหน้าคมที่เปื้อนรอยยิ้มแสนอันตรายเผยออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนที่เขาตั้งใจพูดให้ได้ยิน คิ้วเรียวของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อยพลันมือหนาก็ขยับเลื่อนลงไปตบลงบนหน้าตักแกร่งของเขาเบาๆ
‘ได้ยังไงกันคะ ถ้าทำแบบนั้นคนอื่นก็จะหาว่าเราเป็นอะไรกัน’
คนที่ได้ยินรีบเอ่ยปากท้วง พวงแก้มเห่อร้อนขึ้นมาพร้อมดวงตากลมโตที่เบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนกกับท่าทีของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าของเธอ
ท่าทีสบายๆ ของเขาที่ไม่ไหวติงต่อเหตุการณ์ที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นมาได้ด้วยชื่อเสียงของเธอที่ย่ำแย่อยู่แล้วเพราะถูกโดนดราม่าในเรื่องมือที่สามของคู่รักในวงการคู่หนึ่ง
เหตุการณ์นี้ร้ายแรงกับเธอมากซะจนไม่กล้าที่จะทำอะไร เธอแค่นัดเขามาเพื่อมารับฟังเธอเพียงเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจว่านักแสดงอย่างเขาที่ทั้งโด่งดังเป็นที่รู้จักและงานรัดตัวนั้นขนแทบจะขยับไปไหนไม่ได้
จะมาพบปะกับเธอได้ยากอยู่แล้วเป็นทุนเดิมก็ตาม
‘ทำไมล่ะ ผมก็แค่อยากอยู่ใกล้คนระ..‘
‘หยุดเลยนะคะ!‘
’ถ้าใครได้ยินเข้าจะทำยังไง’
ความหระวนกระวายของหญิงสาวที่ตกใจไปพร้อมกับร่างบางที่ลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับชายหนุ่มมีเพียงแค่โต๊ะกลมเล็กๆ ที่กั้นระยะห่างสำหรับเราเพียงเท่านั้น
แต่ก็ไม่อาจห้ามมือเรียวของหญิงสาวที่จะมาปิดริมฝีปากของเขาเอาไว้ได้ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อออกไปให้คนภายในร้านได้ยิน
พรืด..
เสียงหมวกแก๊ปสีดำสนิทที่หญิงสาวสวมใส่อยู่ค่อยๆ ร่วงหล่นลงไปจากด้านหลังของเธอออย่างช้าๆ จนตกอยู่บนโต๊ะ
เส้นผมสีดำขลับที่มัดเป็นมวยเอาไว้อย่างลวกๆ ค่อยๆ คลายตัวออกอย่างช้าๆ ลู่แนบไปกับเอวบางของหญิงสาวที่ในยามนี้เธอโน้มกายเข้ามาเพื่อปิดปากของเขาอยู่จนไม่ทันสังเกตถีงการเปลี่ยนแปลงบนตัวของเธอเองในระหว่างที่เรากำลังคุยกัน
’อะ..อะไรกันคะไลท์ สายตาแบบนั้น‘
หญิงสาวตรงหน้าเงอะงะเล็กน้อยเมื่อดวงตาคู่คมมองช้อนดวงตากลมโตของหญิงสาวผ่านเลนส์แว่นสีชาที่เธอสวมอยู่ราวกับกำล้งซ่อนแววยิ้มในดวงตาอย่างไรอย่างนั้น
ก่อนที่เขาจะแสร้งทำท่าจนใจให้เธอได้เห็นในเวลาต่อมา จนเธอเริ่มค่อยๆ คลายมือเล็กที่ปิดปากของเขาออกช้าๆ
ไม่ทันไรที่มือของเธอจะละออกไปได้ไกลมือหนาก็ยกขึ้นมาคว้าเอาข้อมือบางดึงรั้งให้ร่างของเธอเซถลามาทางเขาอย่างรวดเร็ว
‘อ๊ะ!’
‘ถ้าผมบอกว่าผมไม่สน..‘
น้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นเมื่อร่างของเธอนั่งลงบนตักของเขาอย่างที่เขาต้องการแล้ว ท่อนแขนแกร่งก็โอบรอบเอวของเธอเอาไว้ก้มใบหน้าคมลงไปหาหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมอกของเขาด้วยความใคร่รู้
‘คุณมูนจะทำยังไงกับผมที่ต้องการคุณล่ะครับ’
คำพูดที่ฟังดูเบาบางแต่ดันหนักแน่นด้วยความรู้สึกของเขาที่แสดงออกมาเพราะความต้องการที่อยากจะอยู่ใกล้ๆ กับคนรักของตนด้วยความดื้อรั้นของเขาที่แสดงออกชัดเจนผ่านสายตาและการกระทำ
แต่..หัวใจของเธอนั้นที่ก็รู้สึกแบบเดียวกันกับเขานั้นก็ยากที่จะควบคุมเช่นกันเมื่อเจอกับนิสัยดื้อรั้นของเขาที่เป็นแบบนี้
‘..ให้ตายสิฉันลำบากใจนะคะ’
‘ว่ายังไงครับ’
‘คือ..’
หญิงสาวเริ่มลนลานขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัดเมื่อคนที่โอบเอวของเธอกระชับวงแขน ใบหน้าของเธอก็ยิ่งเห่อร้อนขึ้นมากด้วยความขัดเขินกับไออุ่นจากร่างกายของชายหนุ่ม
หวั่นไหวไปกับกลิ่นน้ำหอมประจำกายของเขาที่เธอโหยหาด้วยความคิดถึงมาตลอดใกล้ชิดกับเธอถึงเพียงนี้
ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อขบเม้มเข้าหากันแน่นด้วยความคิดหนัก แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็พบเข้ากับใบหน้าคมที่ก้มมองเธออย่างรอคอยนั้น
ทำให้หญิงสาวที่อยากจะแข็งใจห้ามปรามเขากลับกลายเป็นใจอ่อนระทวยแพ้ทางไปกับชายหนุ่มที่เป็นคนรักของเธออย่างราบคาบด้วยเวลาเพียงไม่นาน
‘เข้าใจแล้วค่ะ โถ่..ไม่เห็นต้องทำหน้าอ้อนขนาดนั้นเลยนะคะ’
หญิงสาวพูดไปพลางมือเรียวของเธอขยับยกขึ้นไปสัมผัสกับกรอบหน้าของชายหนุ่มเบาๆ
ระบายยิ้มออกมาเล็กๆ เมื่อเห็นว่าเขาแสดงสีหน้าที่ใครเห็นก็ต่างต้องพากันใจอ่อนเป็นแน่ ออกมาให้เธอได้เห็นถึงแม้ว่าจะไร้คำพูด
หวงซะจริง แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะหน้าที่การงานแบบนี้นี่มันน่าเจ็บใจชะมัดเลย เธอคิดเช่นนี้นี้ในใจในขณะที่มือเรียวขยับสัมผัสไปตามกรอบหน้าคนรักของเธออย่างเบามือ
‘ถึงแม้ว่าพวกเราจะอยู่ในร้านที่ที่นักข่าวต่างก็ไม่รู้จัก เพราะเป็นสถานที่เฉพาะก็จริง แต่การที่เราจะพลอดรักกันแบบนี้มันออกจะน่าอายนะคะ’
’อีกเดี๋ยวผมก็ต้องไปแล้วนะครับ‘
’กดดันกันเหรอคะคุณไลท์‘
‘ผมพูดจริงๆ นะครับ’
‘ไว้วันหลังดีไหมคะ ไว้ตอน....คะ?’
ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยปากพูดต่ออย่างคนที่ใจเย็นที่รอได้นั้น แว่นตาสีชาที่หญิงสาวสวมใส่ก็ถูกถอดออกมาอย่างช้าๆ จนเธอต้องถามด้วยความสงสัย
ไม่นานเมื่อแสงแดดในยามบ่ายเด่นชัดขึ้นมาผ่านม่านตาของเธอจนต้องรีบหลับตาปี๋เพื่อปรับโฟกัสใหม่อีกครั้ง กลับกลายเป็นว่าในเวลานั้นชายหนุ่มฉวยโอกาสบรั้งใบหน้ารูปไข่ของเธอให้แหงนหน้าขึ้นเพื่อประกบริมฝีปากเข้ากันกับเขาอย่างรวดเร็ว
จุ๊บ
’อึก!? ..อืม..‘
เสียงอื้ออึงในลำคอของหญิงสาวดังขึ้นมาเป็นระยะเรื่อยๆ ในจังหวะที่เรียวลิ้นร้อนของชายหนุ่มสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากของเธอ ความวาบหวามที่ชวนให้มวนในท้องน้อยของเธอ
ยามที่ปลายลิ้นของเราสัมผัสกันนั้นมันทำให้หญิงสาวยากที่จะรับมือมากกว่าใครในตอนนี้จนนิ้วมือเรียวยาวของเธอรวบกำเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาของคนรักของเธอเอาไว้อย่างไร้หนทางต่อกร
แฮ่ก..อืม..
เสียงจ๊วบจ๊าบน่าอายดังขึ้นเป็นระยะพร้อมกับเสียงบดเบียดริมฝีปากของกันและกันดังต่อเนื่องกันมาอย่างที่ไม่มีใครยอมใคร
โชคดีที่ในเวลานี้ทุกคนภายในร้านต่างวุ่นวายเลยไม่ได้ทำให้เราทั้งคู่เป็นจุดสนใจมากนัก ทำให้เราทั้งคู่ต่างแสดงความต้องการได้อย่างเต็มที่ในช่วงเวลาโกลาหล
หรือเรียกสั้นๆ ว่าเวลาทองของพวกเรา
แฮ่ก..แฮ่ก
‘พอก่อนค่ะ..‘
เสียงปรามของเธอดังขึ้นเมื่อชายหนุ่มกำลังจะเริ่มช่วงชิงลมหายใจของเธอไปมากกว่านี้ถลำลึกลงไปจนไม่อาจห้ามกันได้อีกอย่างคนไม่รู้จักพอ
อ่า..คนรักของเธอนี่ช่าง...ราวกับสัตว์ป่าที่ป้อนไปเท่าไหร่ก็ยังคงหิวกระหายไม่ยอมอิ่ม แค่นี้เธอก็หายใจแทบไม่ทันแล้วกับรสจูบของเขาที่ร้อนแรงแบบนี้
มือของเธอที่รวบกอบกำเสื้อของเขาอยู่คลายมือออกอย่างช้าๆ ก่อนที่จะยกมือของเธอขึ้นไปสัมผัสเข้ากับริมฝีปากหยักของชายหนุ่มตรงหน้าของเธอที่แดงเจิ่งไม่ต่างจากเธอปาดปลายนิ้วเก็บหยาดหยดวาววับบนริมฝีปากของเขาอย่างอ่อนโยน
ในขณะที่เธอก็ไม่กล้าจะสบตาเขาแม้แต่น้อยในยามนี้ ทำไมน่ะเหรอ เพราะในสายตาของเธอนั้นในยามที่มองไป..เขากลับ..เซ็กซี่ซะไม่มี
ดูสายตาของเขาสิ มองเธออย่างกับจะกลืนกินกันให้ได้อยู่ตลอดเวลาเลย มันลำบากใจเธอมากที่จะห้ามสัตว์ร้ายที่อยู่ตรงหน้าของเธอให้ควบคุมอารมณ์ของตัวเอง
‘ยอมให้ก่อนก็ได้ครับ แค่ครั้งนี้นะ’
ยังไม่ทันไรที่เธอจะได้หายใจหายคอจนทั่วท้อง น้ำเสียงของเขาที่ทุ้มขึ้นอย่างมากมาจากการที่ได้กลืนกินเธอเข้าไปก็เอ่ยด้วยคำพูดที่แสนร้ายกาจจนเธอขนลุกขึ้นมาเพราะความตื้นเขินอย่างไม่อาจต้านทานได้ ใบหูเล็กที่เคยไร้ซึ่งริ้วแดงเด่นชัดขึ้นมาจนลามลงไปถึงพวงแก้มขาว
’เสร็จงานแล้ว ผมจะไปหานะครับ‘
นิ้วมือของชายหนุ่มที่ลากเกลี่ยไปตามริมฝีปากที่เคยชมพูระเรื่อในยามนี้กลายเป็นบวมแดงขึ้นมาสู้กับสายตาของเขาไม่น้อย ทั้งแววตาของเขาที่จับจ้องไปที่นิ่งๆ นั้นเองก็ฉายแววหลงใหลไม่ต่างอะไรกับคนที่คลั่งไคล้เลยแม้แต่น้อย
‘คิดแค่เรื่องผมก็พอแล้ว‘
’เข้าใจไหมครับมูน‘
เขาถามต่ออย่างคนใจเย็นต่างจากก่อนหน้านี้ลิบลับ ปลายนิ้วมือของเขาเคลื่อนไปเกี่ยวเส้นผมนุ่มเกลียวเป็นคลื่นช้าๆ
ในระหว่างที่รอคำยืนยันจากคนรักของเขาที่ก่อนหน้านี้เครียดไปกับเรื่องต่างๆกับหน้าที่การงานของเธอเอง แต่ดูเหมือนตอนนี้เธอไม่ได้เครียดอีกแล้วกับเรื่องพวกนั้น มันเพราะอะไรกันนะ
’เข้าใจ..แล้วค่ะ‘
เขาที่กำลังนั่งฟังคำตอบอย่างคนอารมณ์ดีเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นถึงผู้จัดการของตัวเองที่เดินมายืนรอเขาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็เข้าใจได้ทันทีว่าเขานั้นหมดเวลาแล้ว
ส่วนหญิงสาวเมื่อเห็นแบบนั้นก็รีบลุกออกจากตักของเขาโดยไวคล้ายกับกระต่ายตื่นตูม ทำให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเขาๆ ในลำคอเพราะความเอ็นดูพร้อมกับเขาที่ขยับกายลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่
‘ดีมากครับ ถ้างั้นไว้เราค่อยคุยกันต่อนะครับ’
เขาเอ่ยปากบอกรักหญิงสาวตรงหน้าพร้อมทั้งมือหนาที่หยิบแว่นสีชาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาสวมใส่ให้เธออีกครั้งพร้อมทั้งหมวกที่หล่นอยู่ไม่ไกลยื่นให้เธอได้ถือเอาไว้
ไม่นานใบหน้าคมก็ก้มลงไปกดริมฝีปากหยักแนบลงไปกับหน้าผากมนอย่างแผ่วเบาแล้วพูดประโยคต่อมาให้เธอได้ยินในตอนที่กำลังละริมฝีปากออกไป
’รักนะครับ‘
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็หมุนกายเดินตามผู้จัดการของเขาออกไป