ความสัมพันธ์ที่จบกันไปแล้ว มีเหรอจะปะทุขึ้นมาอีก? ตามหลัก มันก็ควรเป็นแค่อดีตที่ไม่ควรนึกถึงหรือให้ค่าทั้งนั้นสิ..แต่แล้วทำไม เขาถึงไม่ยอมจบสักที!?

รักลับๆของยัยแฟนเก่า - E05 แก้แค้น!! หรือ แก้รัก?? โดย โกเพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,นางเอกเก่งมาก,นางเอกสวยมาก,นางเอกร้ายลึก,นางเอกรวย,นางเอกฉลาด,พระเอกขี้แกล้ง,พระเอกคลั่งรักมาก,พระเอกครั่งรัก,พระเอกขี้หวง,ตบจูบ,รักต้องห้าม,รักดุเดือด,รักตลก,รักดราม่า,รักplaylist,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

รักลับๆของยัยแฟนเก่า

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นางเอกเก่งมาก,นางเอกสวยมาก,นางเอกร้ายลึก,นางเอกรวย,นางเอกฉลาด,พระเอกขี้แกล้ง,พระเอกคลั่งรักมาก,พระเอกครั่งรัก,พระเอกขี้หวง,ตบจูบ,รักต้องห้าม,รักดุเดือด,รักตลก,รักดราม่า,รักplaylist

รายละเอียด

รักลับๆของยัยแฟนเก่า โดย โกเพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ความสัมพันธ์ที่จบกันไปแล้ว มีเหรอจะปะทุขึ้นมาอีก? ตามหลัก มันก็ควรเป็นแค่อดีตที่ไม่ควรนึกถึงหรือให้ค่าทั้งนั้นสิ..แต่แล้วทำไม เขาถึงไม่ยอมจบสักที!?

ผู้แต่ง

โกเพ

เรื่องย่อ

ในโลกใบนี้ ถ้าหากอยู่ในสถานะแฟนเก่าแล้ว


ก็ต้องไม่แยแส ไม่สนใจ ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเองไม่ใช่เหรอ?


โลกรู้ ทุกคนรู้


แล้วทำไม...แฟนเก่าของฉัน!?


เขาถึงไม่รู้ตัวเองสักทีว่าควรทำแบบนั้น!?


นี่สติของเขา...มันหายไปพร้อมกับคำบอกเลิกแล้วเรอะ!?


รักลับๆ ของยัยแฟนเก่า 


เลิกกันแล้วก็ใช่จะ ‘หนี’ กันพ้น

สารบัญ

รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E01 รักเริ่ม...จาก100,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E02 ความจริง,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E03 ความลับที่ค่อยๆ...เปิดเผย,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E04 เจ้าหญิงน้ำแข็ง,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E05 แก้แค้น!! หรือ แก้รัก??,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E06 แข่งขัน,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E07 รุกแรง,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E08 จะทำให้รู้เอง,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E09 ง้อ,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-ชี้แจง NC,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E10 แคมป์ปิ้ง,รักลับๆของยัยแฟนเก่า-E11 คืนนั้น

เนื้อหา

E05 แก้แค้น!! หรือ แก้รัก??

การ์ตาร์ที่ได้ยินก็ชะงักไปเล็กน้อย เธอไม่แม้แต่จะหันไปมองคนที่เอ่ยถ้อยคำเย้ยหยันจากด้านหลัง พยายามข่มอารมณ์ที่พวยพุ่งอยู่เต็มอก แล้วก้าวเท้าลงบันไดต่ออย่างเงียบงัน มีเพียงจังหวะการเดินที่แข็งกระด้าง สะท้อนความไม่พอใจได้อย่างชัดเจน

ตึก ตึก ตึก

"หึ" มูนแค่นหัวเราะในลำคอแผ่วเบาเมื่อการ์ตาร์เดินลงไป ไม่รู้ว่ากล้องของข่าวสำนักไหนจะจับภาพของพวกเธอได้ คงจะสนุกไม่น้อย ที่นักแสดงรุ่นใหญ่อย่างการ์ตาร์ ไลท์เป็นคนหยิบมาอยู่ข้างกาย จะมาชนกับเธอ ที่อยู่ในระดับเดียวกันบ้าง

"ปะทะกันสักหน่อยก็คงไม่แย่" ดวงตาคู่งามหลุบต่ำ มองร่างของการ์ตาร์ที่ยังเดินลงไปไม่ไกล สายตาหยุดอยู่ตรงจุดที่อีกฝ่ายทำตัวเกาะแกะไลท์ราวกับคนขี้ขลาดไร้ศักดิ์ศรี

'ฮ่ะๆ เธอนี่นะมูน อย่าไปเอาเรื่องเขาเลย สังกัดที่ดูแลการ์ตาร์ก็รักเธอไม่ใช่น้อย' พี่เมเนพูดขึ้นพร้อมทั้งเปลี่ยนแก้วไวน์ที่หมดแล้วในมือของมูนไปด้วยอย่างเนียนๆ 

"กลัวเหรอคะ?" ใบหน้างดงามดั่งไข่มุกเอียงมองเมเนของเธอ เรือนผมสีดำขลับไหลรู่แนบแก้ม ตามจังหวะศีรษะที่เอนลงอย่างจงใจ ดวงตาสีฟ้าครามจ้องลึกลงมาเหมือนจะถาม แต่ก็เหมือนจะรู้คำตอบอยู่แล้ว ราวกับภาพนั้นถูกวางองค์ประกอบมาอย่างดี…เพื่อให้ตกอยู่ในห้วงเสน่ห์ของมันโดยไม่รู้ตัว

เมเนยืนนิ่ง ไม่ใช่เพราะคำถามนั้นจี้ใจ ความงามของมูนในเวลานั้นเปล่งประกายเหมือนดวงจันทร์ที่โอบล้อมด้วยหมู่ดาว...แต่กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย มันเยือกเย็น สวยงาม และอันตรายราวกับดอกกุหลาบซ่อนหนาม

แม้เธอจะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนั้น...ไม่ใช่แค่ “สวย” 

แต่มันเกินขอบเขตของ “มนุษย์” ไปแล้ว

'ถ้าตรงนี้เป็นไลท์..แทนยัยป้าอย่างฉันก็คงจะละลายไปเลยล่ะมั้งเนี่ย...ไม่แปลกใจที่มีแต่คนรักเธอและโด่งดังมาจนถึงขนาดนี้ได้' 

ก่อนจะยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก แกล้งกระแอมเบาๆ เพื่อเรียกสติกลับคืน

'กลับกันเลยไหม...' เมเนเอ่ยพลางเงยหน้าขึ้น มองคนตรงหน้าอีกครั้ง

แต่เมื่อสายตาเลื่อนไปถึงตำแหน่งเดิม กลับพบว่า...ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว

'...เอ๊ะ?'

เสียงตกใจหลุดออกมาทันทีโดยไม่ทันคิด

'...มูน!?'

ตึก ตึก ตึก

"สวัสดีค่ะ ผู้กำกับ" มูนย่างกรายลงมาจากชั้นสองเพื่อตรงดิ่งไปหาผู้กำกับซีรีส์ที่เธอปัดบทไปอย่างมีเป้าหมาย รอยยิ้มที่แสนจะอ่อนโยนของเธอเผยออกมาเล็กๆเมื่อเห็นว่าเขาหันมามองเธอแล้ว 

'อ๊ะ! คุณมูน สวัสดีครับ!'

'ว้าว..คุณมูนสวยจังเลยค่ะ ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอตัวจริง' คนภายในวงของผู้กำกับเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งหันมามองมูนด้วยแววตาที่ตะลึงงันไม่น้อย จนมูนที่ถูกชมได้แต่ยิ้มน้อยๆเป็นการตอบรับพร้อมเอ่ยปากขอบคุณอย่างมีมารยาท

"ขอบคุณค่ะ^^"

"ฉันขอร่วมวงสนทนาด้วยได้ไหมคะ?" หญิงสาวเอ่ยพลางจ้องมองผู้กำกับตรงหน้าด้วยแววตาที่คาดหวัง 

'ได้สิครับ! ยินดีมากเลยล่ะ โถ่..ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นฝ่ายเข้าหาพวกเราก่อน' ผู้กำกับเอ่ยขึ้นมาพร้อมทั้งผายมือให้เข้ามาร่วมวงกับพวกเขา

ถามว่าทำไมเธอถึงเดินมาจนถึงที่นี่ ตรงนี้ ที่ผู้กำกับซีรีส์ที่เธอไม่อยากทำน่ะเหรอ ก็เพราะเธอจะแก้แค้นไลท์ให้เขาได้รู้สึกซะบ้าง

ไม่ให้ยุ่งกับผู้ชายต่อหน้าเขางั้นเหรอ

เหอะ

อย่าได้หวังว่าเธอจะทำตามเลย

"พอดีว่า..ฉันอยากจะขอโทษน่ะค่ะ" มูนก้มหน้าลงเล็กน้อยอย่างมีเลศนัย ก่อนจะยกมือขึ้นทัดผมดำขลับที่แนบกับใบหูอย่างช้า ๆ ราวกับตั้งใจให้ทุกคนเห็นความนุ่มนวลและเปราะบางนั้น

ผู้กำกับเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ 'หือ? เรื่องอะไรเหรอครับ/คะ?'

มูนเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพวกเขา ดวงตากลมเปล่งประกายเสน่ห์ของนักแสดงจาง ๆ พร้อมรอยยิ้มที่แสนอ่อนน้อม

“ก็...เรื่องที่ฉันเคยปฏิเสธบทไปน่ะค่ะ ฉันรู้สึกผิดที่ทำให้ทีมงานลำบาก”คำพูดนั้นดูเหมือนจะจริงใจ แต่มันแฝงไปด้วยเจตนาอื่นที่ลึกซึ้งกว่า

พวกเขาที่เห็นถึงท่าทีและคำพูดของเธอ มือก็ยกขึ้นมาปิดปากตนเองทันทีราวกับช็อคที่จะมูนเป็นถึงนักแสดงชื่อดังคิดเหมือนจะรับบทของพวกเขาที่เป็นแค่เพียงบริษัทต๊อกต๋อยยื่นให้

'โอ้!!! อย่าบอกนะครับว่าคุณมูนจะรับเล่นบทที่พวกเราเสนอ!??' 

"ถ้าผู้กำกับไม่ว่าอะไร...ฉันก็อยากจะ...เล่นบทนั้นค่ะ" มูนพูดเสียงนุ่ม รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้า แต่สายตากลับเย็นชาราวกับซ่อนความตั้งใจไว้ลึกๆ

'ยินดีสิครับ!ยินดีมากๆเลยครับ!'

คนในวงสนทนาถึงกับกระซิบกันเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น

'พระเจ้า! นี่ผม..คิดถูกจริงๆที่ลงทุนจ่ายเงินเข้ามาในงานรับรางวัลนี้!!'

'ถ้ามูนเล่นจริงๆ กระแสต้องมาแรงแน่'

'ตัวแม่ของวงการขนาดนี้จะมาเล่นบทเรา! ราวกับฝันไปเลย!'

"ฮ่าๆ ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ^^"

มูนส่งยิ้มกว้างแต่แฝงความหมาย “ขอบคุณค่ะ! ฉันจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน”

บทที่มูนจะเล่น เป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆของคนดัง แน่นอนว่ามันเต็มไปด้วยฉากแอบรักกันอย่างลับๆ และฉากร้อนแรงแตะเนื้อต้องตัวกันอย่างไม่หวงตัว ค่อนไปทางเรทหนังผู้ใหญ่กึ่งวัยรุ่น ไม่ได้โป๊มากเหมือนเอวีตัดไปที่โคมไฟตลอดๆ อย่างน้อยก็ปลอดภัยเธอ

ในอดีต มูนเคยปฏิเสธบทนี้ เพราะมีไลท์และบทพระเอกที่ไม่ตรงใจ แต่คราวนี้... แผนของเธอชัดเจนกว่าที่เคย

คอยดูเถอะ! หมาไม่รักดีอย่างนายต้องเจอแฟนเก่าอย่างฉันซะบ้าง!

'ฉันนึกว่าเราจะต้องทิ้งโปรเจ็คไปแล้วซะอีก! ฮืออ ขอบคุณนะคะที่กอบกู้มันกลับมาให้พวกเรา' มือของผู้หญิงที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้ช่วยผู้กำกับเข้ามาจับมือของเธอเอาไว้เขย่าๆไปมาจนน้ำในแก้วที่มูนถือกระเพื่อมไปมาเล็กน้อย

สองวันต่อมาภายในห้องประชุมโปรเจกต์ซีรีส์

มูนยืนอยู่หน้าโต๊ะอ่านบท ผู้กำกับและทีมงานล้อมรอบเธออย่างตื่นเต้น บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยคาดหวังและกล้องมือถือที่เริ่มแอบถ่ายเธออย่างเงียบ ๆราวกับจะทำเป็นเบื้องหลัง

แน่นอนว่าขอแค่มีมูนอยู่ในกอง ไม่ว่าทางไหนก็จะดังเปรี้ยงปร้างฉุดไม่อยู่แน่นอน

'บทนี้จะท้าทายคุณมากนะครับคุณมูน' ผู้กำกับยิ้ม 'โดยเฉพาะ...ฉากสัมผัสที่ใกล้ชิดและลึกซึ้งกว่าที่คุณเคยเล่น'

มูนเพียงยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันพร้อมอยู่แล้ว”

ตึง...

ประตูเปิดออก ไลท์ก้าวเข้ามาอย่างเงียบงันในชุดสูทสีดำสนิท ดวงตาเรียบนิ่งไม่แสดงอาการ 

แต่เมื่อผู้กำกับหันไป สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนไปทันทีเต็มไปด้วยรอยยิ้มและท่าทีของคนที่อ่อนน้อม

‘ขอโทษที่มาช้าครับ‘ น้ำเสียงเขานุ่มทว่าเยือกเย็น ’แต่ได้ข่าวว่ากำลังคัดนักแสดงนำชายกันอยู่นี่ครับ?‘

ทุกคนหันขวับไปมอง ก่อนที่จะอึ้งจนปากค้างไปกับลัศมีความหล่อของไลท์ที่ถึงจะอยู่ตั้งไกลแต่ก็กระแทกตาไม่น้อย

เขาเดินตรงมาหยุดข้างเธอ ดวงตาคู่คมจับจ้องไปที่ผู้กำกับด้วยสีหน้ายิ้มๆ

'ผมมาเพื่อขอเสนอชื่อของตัวเองในบทพระเอก' เขาพูดชัดถ้อยชัดคำ 

'จะไม่มีใครเข้าถึงตัวละครนี้ได้ดีเท่าผม และ...ไม่มีใครจะเข้าใจตัวมูนเท่าผมด้วยครับ'

'หา!?? คุณไลท์ บทนี้มันค่อนข้าง..'

'ครับ ผมรู้อยู่แล้ว'

'แต่คุณ..คุณ'

คุณดังมากเลยนะครับToT

ผู้กำกับเขาไม่ได้พูดออกไปแต่กลับกัน น้ำตาแทบจะไหลถึงเท้า เพราะความช็อค

จากเรื่องของมูนยังผ่านมาไม่เท่าไหร่

เรื่องของไลท์ก็มาต่อ

ตัวแม่ตัวพ่อมาปรากฏตัวบอกจะรับบทตั้งสองคนแบบนี้ ซีรีส์ของพวกเขาคงจะเกินฝันไปแล้ว

เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบห้อง มูนรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปหนึ่งจังหวะ

เขาเสนอชื่อเอง?

ทั้งที่เมื่อก่อนเป็นคนห้ามเธอไม่ให้เล่นบทนี้แท้ ๆ

ไลท์ยังไม่หยุดพูด เขาหันมามองเธอ รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าคม แต่ในรอยยิ้มนั้น...กลับไม่มีความอ่อนโยนหลงเหลืออยู่ มีแต่สายตาที่จริงจังท้าทาย ค่อยๆโน้มใบหน้าลงมาหาหญิงสาวแล้วกระซิบข้างๆใบหูเสียงแผ่ว

'ในเมื่อคุณตั้งใจจะ ‘เล่น’ กับไฟ ผมก็จะเป็นไฟกองนั้นให้คุณเอง'

มูนเงียบไปอย่างคนไม่อาจต่อกรได้ ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันแน่นจนแทบจะเป็นเส้นตรง

บ้าจริง 

กว่าพี่เมเนจะยอมให้ฉันมาเล่นบทนี้มันยากขนาดไหนรู้ไหม แต่นายนี่กลับเข้ามาขัดฉันให้มันได้เรื่องทุกที!

'หึ' เสียงหัวเราะในลำคอของไลท์ดังขึ้น เมื่อเห็นว่ามูนแสดงความรู้สึกผ่านท่าทีได้อย่างไม่ปิดบัง 

"เอ๊ะ?" เมื่อหญิงสาวที่ได้ยินเสียงนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมองเขาอย่างเอาเรื่องประมาณว่า คิดจะทำอะไรของนายอีก อย่างออกนอกหน้า

'เอาล่ะ! งั้นไหนๆพวกคุณก็เป็นมืออาชีพกันแล้ว ผมคงจะข้ามขั้นเรื่องอธิบายรายละเอียดยิบย่อยไปเลยนะครับ' ผู้กำกับพูดขึ้นอย่างคนตื่นเต้น พลันรีบสั่งคนของตัวเองให้ไปเซ็ตฉากทันที

'พวกเราจะต้องถ่ายภาพปกก่อน ได้ไหมครับ?' ผู้กำกับหันมาหาพวกเขาที่กำลังปะทะกันทางสายตาอย่างไม่ยอมกัน คล้ายกับว่าถ้าหากว่าพวกเขามีปืนอยู่คนที่ถือก็คงเป็นมูน ส่วนคนที่ทำหน้าทะเล้นกึ่งยอมกึ่งไม่ยอมให้เธอก็คงเป็นไลท์...

'ได้ไหม..น้าาครับ' ผู้กำกับลองถามอีกครั้งด้วยรอยยิ้มที่ลำบากใจเล็กๆ พยายามหาช่องว่างของพวกเขาเพื่อเสนอหน้าตัวเองออกไปกลางบทสนทนาอันรุนแรงของทั้งคู่

มูนพ่นลมหายใจแรงเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ผู้กำกับโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าไลท์

“แน่นอนค่ะ ถ่ายเลยก็ได้ค่ะ ฉันพร้อม”

คำพูดของเธอเหมือนจะบอกว่า “ฉันไม่ถอย...แม้จะต้องยืนตรงข้ามนาย”

'ดีมากครับ!! โอเค ทีมเซ็ตฉากเลย ขอเป็นฉากบนโซฟาหรูในห้องพักดารา ส่วนคอนเซ็ปต์ภาพ ‘แอบรักกันในความลับ แต่ไฟสวาทไม่เคยหลบซ่อน’ โอเคนะครับ!'

ทีมงานกรูกันเข้าไปจัดแสง เปลี่ยนฉาก และปรับโฟกัสกล้อง

บรรยากาศภายในห้องถ่ายภาพกว้างใหญ่ ถูกจัดแสงไว้อย่างลงตัว แสงไฟขาวอมเหลืองส่องมาจากทุกทิศ มีเสียงพูดคุยของทีมงานแว่วไปทั่ว พร้อมกล้องตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่หน้าฉากจำลองห้องนอนหรู

มูน ปรากฏตัวและก้าวออกมาทีละก้าวในชุดเดรสผ้าซาตินสีทองรัดรูปที่แนบไปกับร่างกายทุกสัดส่วน เผยให้เห็นความโค้งมนที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยความหรูหรา พร้อมกับเครื่องประดับเล็กๆน้อยๆที่ส่งให้หญิงสาวยิ่งสง่า

มูนหยุดยืนตรงกลางห้อง ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นไล้ปอยผมออกจากใบหูอย่างช้า ๆ

ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากเธอแม้แต่น้อย แต่สะกดทุกสายตาไว้ได้อยู่หมัด

'พร้อมไหมครับคุณมูน' ตากล้องพูดขึ้นทำลายความเงียบที่ทุกคนนิ่งอึ้งไปกับลุคของเธอ

เธอเพียงพยักหน้าเบา ๆ และหันไปมองคนที่ก้าวตามมาอย่างไร้เสียง…

ตึง...

เสียงรองเท้าหนังแตะพื้นดังขึ้นเบา ๆ

ไลท์ ปรากฏตัวใรสูทสีดำเข้มถูกตัดเย็บมาอย่างดี แนบไปกับลำตัวสูงสง่าอย่างพอดิบพอดี

เขาใส่เชิ้ตขาว...แต่ปลดกระดุมสองเม็ดบน เผยแผงอกแน่นเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่ราวกับปั้น ผูกไทหลวมราวกับเพิ่งออกจากห้องซ้อมเต้น หรือไม่ก็จากเตียงนอนของใครสักคน

สายตาของไลท์จ้องมองเธอด้วยความเย้ายวนและท้าทาย ราวกับว่าทั้งคู่กำลังเล่นเกมที่ไม่มีใครยอมใคร

“เหอะ” มูนทำเสียงเสียดสี พร้อมเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่แยแสก่อนที่จะหมุนกายเดินไปทางโซฟา

ตึง... ตึง...

เสียงรองเท้าหนังยังคงดังเป็นจังหวะช้า ๆ ไล่ตามหลังมา ราวกับจะกดดันให้หัวใจของมูนเต้นเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว

เธอทรุดตัวลงบนโซฟาหรู ดึงปลายผ้าคลุมไหล่ให้เข้าที่อย่างเฉยชา ขณะสายตาก็ยังไม่เหลือบแลไปทางเขาแม้แต่น้อย

'ยังโกรธอยู่หรือไง?'

 เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเหนือศีรษะเธอ ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก

 น้ำเสียงของเขาราบเรียบ ราวกับกำลังเอ่ยเรื่องอากาศ… แต่กลับมีประกายเย้ยหยันซ่อนอยู่ในถ้อยคำนั้น

มูนหัวเราะขึ้นจมูกเบา ๆ “หลงตัวเองเกินไปหน่อยไหม?”

เสียงผ้าเสียดสีกันแผ่วเบาตอบกลับมาแทนคำพูด

ไลท์ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆเธอ ลำตัวเอนพิงพนักท่าทีสบายๆ แต่สายตาคมเข้มนั้นยังไม่ละไปจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว

กระดุมสองเม็ดบนยังคงปลดอยู่เช่นเดิม แสงไฟนวลสะท้อนผิวแทนสีน้ำผึ้งของเขาอย่างจงใจ ราวกับต้องการให้เธอเห็น และจดจำ

'หลงตัวเองเหรอ..' เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วโน้มตัวมาข้างหน้า

 'งั้นคุณก็มองผมนานเกินไปแล้วล่ะ' คำพูดนั้นที่พูดออกมาจากปากไลท์ราวกับจงใจกระซิบ

 มูนสะบัดหน้าหนีเล็กน้อย แต่ไม่ทันหลบสายตาเขาที่มองเจาะลึกเข้ามาเหมือนรู้ทันทุกความคิด

‘เกมอีกแล้ว... เขาเล่นตลอด...’

 เธอบอกตัวเองในใจ แต่ปลายนิ้วกลับเผลอกำชายกระโปรงแน่น..มากกว่าที่ควร

'ถ้างั้นก็แปลว่า..คุณยังโกรธผมอยู่ใช่ไหม มูน'

คำถามนั้นไม่ได้ต้องการคำตอบ มันคือคำประกาศ ว่าเขารู้ดีว่าตัวเองคืออะไรสำหรับเธอ

และนั่น... ทำให้เธอเกลียดเขายิ่งกว่าเดิม

โซฟาหรูตั้งอยู่กลางฉาก

มูน นั่งไขว่ห้างเรียบร้อย แต่สายตาเฉือดเฉือนจะบีบคอไลท์ให้ตายเสียให้ได้

'มองกล้องครับ...เอ่อ คุณไลท์ขอมือพาดพนักโซฟาหลังคุณมูนหน่อยครับ ใช่…แบบนั้น'

แขนของเขาพาดไปด้านหลังเธอเหมือนเป็นแค่ ‘ท่าทาง’ สำหรับกล้อง แต่ความร้อนจากปลายนิ้วที่เฉียดหลังเปล่าเปลือยเล็กน้อยของมูนทำเอาเธอสะดุ้งนิดๆ จากที่จะปล่อยไปกับระยะห่างที่ไม่เว้นให้เธอกลับต้องพูดออกมาอย่างอดไม่ได้

“นายตั้งใจ” เธอกระซิบ เบาเหมือนเสียงลมหายใจ

ไลท์ตอบกลับโดยไม่หันมามอง

'คุณเริ่มก่อน'

แชะ

แฟลชวาบ

'สุดยอด! คู่นี้แม่ง…ของจริง!! ขออีกเซ็ตนะครับ!' ผู้กำกับตะโกนออกมาในระหว่างถ่าย 

มูนกัดฟันในใจ “ฉันจะไม่แพ้นายเด็ดขาด”

ส่วนไลท์กลับเพียงแค่ยิ้มน้อยๆเท่านั้นกับสายตาของเธอ ราวกับจะบอกว่า 'ก็ลองดูสิ'

'งั้น…ภาพนี้มูนลองนั่งบนตักไลท์นะครับ โอเคมั้ย?' ผู้กำกับพูดขึ้นอย่างเกรงใจ แต่เสียงก็ลอยแผ่วเบาในอากาศหนืด ๆ ของแรงตึงประสาท

มูนเหลือบตาไปมองไลท์ในจังหวะที่ค่อยๆขยับตัว

เขายังยิ้มอยู่ ยิ้มแบบคนรู้ทัน

น่าหมั่นไส้ชะมัด

“ตามสคริปต์ค่ะ ฉันมืออาชีพ” เธอพูดเสียงเรียบ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวลงนั่งบนตักเขาอย่างระมัดระวังให้ได้มากที่สุด

จากนั้นไม่นานมือของไลท์ขยับมาวางไว้ที่สะโพกเธอ “เพื่อความสมจริง” แต่แรงกดนั้น…แน่นไปกว่าที่จำเป็นเล็กน้อย

หมอนี่ - -*

เธอจึงจงใจเอนหลังพิงอกเขา แรงพอที่จะทำให้เขาต้องยกมืออีกข้างขึ้นมาประคองหลัง

“ระวังสิคะ…เดี๋ยวกล้องจะจับได้ว่าไม่ได้เต็มใจ” เธอกระซิบเสียงหวาน ในระหว่างที่เริ่มเอนหัวเข้าไปซบบ่าของเขา

ไลท์กระตุกยิ้มช้า ๆ ชอบใจไปกับคำพูดของเธอที่พยายามจิกกัดเขาตลอดเวลา

'ถ้าคุณจะประหม่า…ผมก็ไม่ว่า'

'เพราะสุดท้ายคนควบคุม...มันคือผมอยู่ดี'

"แหม...ค่ะ^^"

ชิ - - ไอหมาไม่รักดีเอ๊ย

แฟลชกล้องวาบขึ้นอีกครั้ง

แต่แววตาของทั้งคู่กลับไม่ใช่แค่รักใคร่ มันคือสงครามทางสายตาเหมือนสัตว์สองตัวที่ต่างคนต่างจะไม่ยอมให้ใครขี่คอได้

มูนพลิกตัวเล็กน้อย ยกมือขึ้นลูบแนวกรามของไลท์เบา ๆ

“แน่ใจเหรอว่าเป็นคนควบคุม...ไม่ใช่เหยื่อที่กำลังถูกหลอกให้เชื่องนะคะคุณไลท์?” น้ำเสียงเธอเย็นชาขึ้นเล็กน้อย ดวงตาที่เคยดูอ่อนหวาน กลายเป็นมีไฟแห่งความท้าทายที่จะทำให้เขาตกมาอยู่ในกำมือของเธอให้ได้

มือของเธอลากจากคางไลท์ขึ้นไปที่ปอยผมที่หน้าผากของเขาอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มเธออ่อนหวาน แต่สายตาคือปีศาจที่กำลังหมายจะครอบงำชายตรงหน้า

ไลท์ไม่หลบ เขากลับประคองมือเธอไว้ด้วยความนุ่มนวล ก่อนจะกดจูบหลังมือบางช้า ๆ แล้วช้อนมองเธอด้วยแววตาที่ท้าทายเฉกเช่นเดียวกันกับเธอ ทำให้หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อยกับออร่าของเขาที่ เกือบ จะทำให้เธอหวั่นไหว

'เอาสิ... ลองดูว่าคุณจะควบคุม ‘ผม’ ได้จนถึงเมื่อไหร่'

ลมหายใจของทั้งคู่ผสานกันในอากาศ แรงดึงดูดที่ไม่ใช่แค่เพียงการแสดง กลายเป็นสงครามแห่งอำนาจที่ทั้งคู่ไม่มีใครยอมใคร

เสียงชัตเตอร์ดังพรึ่บพรั่บ

ทุกคนในกองถ่ายต่างอ้าปากค้าง หยุดหายใจราวกับถูกสะกด เวลาหยุดนิ่งเมื่อภาพถ่ายนั้นบันทึกไว้ได้ว่า… ความใกล้ชิดและความตึงเครียดผสมผสานกันจนกลายเป็นพลังที่ควบคุมทุกสายตาได้อย่างลงตัว