ความสัมพันธ์ที่จบกันไปแล้ว มีเหรอจะปะทุขึ้นมาอีก? ตามหลัก มันก็ควรเป็นแค่อดีตที่ไม่ควรนึกถึงหรือให้ค่าทั้งนั้นสิ..แต่แล้วทำไม เขาถึงไม่ยอมจบสักที!?
รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,นางเอกเก่งมาก,นางเอกสวยมาก,นางเอกร้ายลึก,นางเอกรวย,นางเอกฉลาด,พระเอกขี้แกล้ง,พระเอกคลั่งรักมาก,พระเอกครั่งรัก,พระเอกขี้หวง,ตบจูบ,รักต้องห้าม,รักดุเดือด,รักตลก,รักดราม่า,รักplaylist,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
รักลับๆของยัยแฟนเก่าความสัมพันธ์ที่จบกันไปแล้ว มีเหรอจะปะทุขึ้นมาอีก? ตามหลัก มันก็ควรเป็นแค่อดีตที่ไม่ควรนึกถึงหรือให้ค่าทั้งนั้นสิ..แต่แล้วทำไม เขาถึงไม่ยอมจบสักที!?
ในโลกใบนี้ ถ้าหากอยู่ในสถานะแฟนเก่าแล้ว
ก็ต้องไม่แยแส ไม่สนใจ ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเองไม่ใช่เหรอ?
โลกรู้ ทุกคนรู้
แล้วทำไม...แฟนเก่าของฉัน!?
เขาถึงไม่รู้ตัวเองสักทีว่าควรทำแบบนั้น!?
นี่สติของเขา...มันหายไปพร้อมกับคำบอกเลิกแล้วเรอะ!?
รักลับๆ ของยัยแฟนเก่า
เลิกกันแล้วก็ใช่จะ ‘หนี’ กันพ้น
เสียงเพลงบรรเลงเบาๆ จากวงดนตรีสดคลอไปกับเสียงพูดคุยจอแจของผู้คนที่แต่งกายอย่างหรูหรา
แสงไฟระยิบระยับสะท้อนจากโคมไฟคริสตัลตัดกับเงาของตึกตระหง่านด้านนอกที่มืดมิด เสริมให้ค่ำคืนนี้ดูเหมือนความฝันที่แฝงไว้ด้วยความจริงอันแสนขม
ริมระเบียงของชั้นสองที่มองเห็นโถงเบื้องล่าง มูนยืนพิงราวเหล็กนิ่งงัน มือข้างหนึ่งถือแก้วไวน์แดงที่เหลือเพียงครึ่ง ริมฝีปากมีรอยลิปสติกจางๆ
บ่งบอกว่าเธอไม่ได้ใส่ใจลุคของตัวเองอีกต่อไปในตอนนี้ แววตาเธอเหม่อลอย มองผู้คนตรงหน้าของเธอเงียบๆเหมือนหาคำตอบที่ไม่มีใครพูดออกมา
'เขาพูดแบบนั้นกับเธอจริงๆเหรอ?' เมเนยืนพิงเสาด้านข้างของมูน เท้าเอวด้วยท่าทีที่ดูเหมือนตกใจไม่น้อยหลังฟังเรื่องราวจนจบ
"อะไรกันคะ หน้าตาที่ไม่เชื่อที่ฉันพูดแบบนั้น" มูนตอบกลับเมเนด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อเสียเองมากกว่า เหมือนเธอกำลังทบทวนสิ่งที่พูดอยู่ในใจ มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ?
'ถ้างั้น ก็แปลว่าเขามีเหตุผลที่เขาไม่ได้บอกเธอจริงๆ แล้วเธอถามมารึเปล่ามูน'
"('-')---( '-')ก็..ถา.."
'ไม่สินะ= =' เมเนถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยหน่าย มูนตอนนี้ดูเหมือนจะเมาเข้าให้จริงๆ ไม่อย่างนั้นคงมีสติพอจะถามเขาดีๆ เหมือนอย่างทุกที
เฮ้อ...ให้ตายเถอะ
'เอาเถอะ ยังไงซะเหตุผลที่เขาทำแบบนี้กับเธอก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี' เมเนมองหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ภายใต้แสงไฟสลัวของงานเลี้ยง ถึงแม้คำพูดจะดูตัดรอน แต่ก็ยังแฝงความห่วงใย
เมื่อใดที่มูนเจอไลท์ ความรู้สึกเก่าๆ ก็ย้อนกลับมาเสมอ โดยเฉพาะความเจ็บปวดที่เขาทิ้งเธอไป มันรุนแรงเกินกว่าผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งจะให้อภัยได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน
เมเนหันไปมองรอบๆ เพียงไม่นาน คนที่โดดเด่นที่สุดภายในงานอย่างไลท์ก็ปรากฎตัวขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่หายไปครู่หนึ่ง ทำอย่างทุกที..เหมือนในอดีต
เขาทำเพื่อให้มูนได้ออกมาก่อน ไม่ให้ตกเป็นข่าวฉาวในทางไม่ดี
ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ ทั้งที่ความจริงก็ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้น เพราะเขาเองก็มี “การ์ตาร์” ที่เปรียบเหมือนเกราะคุ้มภัยตัวเองอยู่แล้ว
'อื่ม..ประหลาดจริงๆนั่นแหละ' เมเนพึมพำออกมา พลางเท้าเอวอย่างไม่เข้าใจ คิ้วขมวดจนยุ่งราวกับคนกำลังใช้ความคิด
สถานการณ์แบบนี้มันเหมือนกับ..แมวป่าที่พร้อมจะเชือดเฉือน หมาตัวนั้นให้ตายคามือไปเลยซะมากกว่า
ดูสายตามูนนั่นสิ จ้องเขาจนจะทะลุอยู่แล้ว ในหัวคิดอะไรอยู่กัน
มันเหมือนฉากในสารคดีสัตว์ป่า ที่นักล่ากับเหย้ามองกันผ่านพุ่มไม้ แต่ครั้งนี้...ไม่รู้แน่ชัดว่าใครเป็นใคร
...เหมือนแมวป่า ที่พร้อมจะเชือดหมาตัวนั้นให้ตายคามือ
เมเนคิดในใจขณะมองมูนที่ยังยืนนิ่ง ราวกับประติมากรรมที่ทำจากอารมณ์กรุ่นร้อน
มีเพียงสายตาของมูนที่เต็มไปด้วยคำถามนับร้อย...และความโกรธที่เงียบงัน
ราวกับกำลัง เค้นถาม ไลท์แบบไร้คำพูด
“อย่ากล้าทำเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น”
เมื่อเมเนมองลงไปยังเบื้องล่าง ไลท์เองก็กำลังมองมูนไม่ต่างกัน
แต่สายตาของเขานั้น นิ่งงัน เย็นชา นิ่งเสียจนไม่อาจอ่านได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
แต่คนที่โดนมองอย่างมูนเขากลับมองได้อย่าง ทะลุปรุโปร่ง จนเหมือนเขา อ่านทุกคำในใจของเธอได้ทั้งหมด
และเขาเองก็ตอบ...ผ่านการมองกลับ แบบที่ไม่ยอมหลบ ไม่ยอมอ่อน ไม่ยอมพ่ายต่อสงครามเย็นที่พวกเขาเป็นคนสร้างขึ้น
เมเนเบือนสายตาออกจากภาพตรงหน้าถอนหายใจยาว เหมือนรับมือกับอารมณ์ที่ไม่ใช่ของตัวเอง
'ในหัวเธอคิดอะไรอยู่กันนะ มูน...'
เมเนรู้ดีว่านี่...ไม่ใช่แค่การมองธรรมดา
แต่มันคือ “การฟาดฟัน” ของสองหัวใจที่ยังไม่ยอมวางอาวุธ แม้จะเลือดโชกภายในไปแล้วครึ่งหนึ่งก็ตาม
แต่ไม่ทันที่เมเนจะได้คิดอะไรต่อ เสียงฝีเท้าของผู้หญิงอีกคนก็ดังแทรกเหตุการณ์ระหว่างพวกเขาเข้ามา...
ตึง... ตึง... ตึง...
เสียงส้นสูงกระทบพื้นกระเบื้อง...ไม่ดังนัก แต่ก็พอจะทำให้ทั้งมูนและไลท์ต้อง “ขยับความสนใจ” แม้เพียงนิด
มูนเบือนหน้าหนี เสี้ยววินาทีก่อนจะก้าวเดินไป เธอปรายสายตา ที่เปลี่ยนจาก ความโกรธ เป็น การเหยียดหยันบางเบา
ราวกับจะบอกเขาว่า...
“ไม่ต้องพูดก็รู้แล้ว ว่าคุณมันขี้ขลาด”
ไลท์ยังยืนนิ่ง ดวงตาไม่ได้กะพริบเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เหมือนยอมรับ แต่ก็เหมือนปฏิเสธ และเหมือน... เจ็บ ไม่น้อยในเวลาเดียวกัน
'ไลท์! ฉันไปเอาเครื่องดื่มมา จากตรงนั้นค่ะ^^' การ์ตาร์เอ่ยบอกชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว มือเรียวยกแก้วเครื่องดื่มในมือของตนขึ้นให้เขาดู ใบหน้าสดใสเหมือนคนที่คิดว่าคุมจังหวะของบทสนทนาได้ แต่เหมือน..จะไร้ซึ่งคำตอบที่ต้องการ
เพราะชายหนุ่มไม่แม้แต่จะก้มลงมามองเธอเลยแม้แต่น้อย
'มองอะไรกันคะ?' การ์ตาร์นึกสงสัยพลันการ์ตาร์หัวเราะแผ่วๆ พลางหันตามสายตาของไลท์ ก่อนที่ใบหน้านั้นจะชะงักเล็กน้อย เมื่อสายตาของเธอไปหยุดอยู่ที่... ผู้หญิงบนระเบียง แผ่นหลังที่เรียบบาง มีโซ่เครื่องประดับไขว้คล้องไปตามแผ่นหลังของเธอเชื่้อมกับชุดเดรสสีขาวสะอาดตาที่หญิงสาวสวมใส่ ใบหน้าเรียบนิ่งที่ถึงจะเห็นจากข้างหลังนั้นก็เป็นราวเจ้าหญิงน้ำแข็ง กำลังยืนคุยกับใครบางคนที่เป็นคล้ายกับเมเนเจอร์ด้วยท่าทีที่นิ่งเรียบ
'เธอคือมูนไนท์..เหรอคะ' น้ำเสียงเล็กเอ่ยชื่อของเธอออกมาอย่างเบาบาง แต่นั่นกลับส่งให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆเธอชะงักไปไม่น้อย คล้ายกับคนที่เพิ่งได้สติกลับมา
เหมือนคนที่โดนเรียกกลับเข้าความเป็นจริงที่พยายามหนีมาตลอดเวลา และเมื่อ การ์ตาร์หันกลับมามองเขา แต่สิ่งที่เธอเห็นในแววตาของไลท์
คือความรู้สึก...ที่ไม่เคยเป็นของเธอเลยแม้แต่วันเดียว
'ไม่มีอะไรหรอกครับการ์ตาร์' น้ำเสียงปฎิเสธแผ่วเบาของเขา ทั้งปฏิกิริยาโต้ตอบที่หันไปคุยกับคนที่เข้ามาทักทันที ชวนให้เข้าใจผิดแบบนี้ ยิ่งเป็นคำตอบที่เด่นชัด
ว่าไลท์นั้น..กำลังคะนึงหาคนที่เขารัก โดยการ์ตาร์เป็นเพียงแค่เครื่องมือของเขาเพื่อให้เขาสำเร็จภารกิจเท่านั้น
ก็รู้ตัวอยู่หรอกนะ แต่แบบนี้ก็เกินไปหน่อยมั้ง
ดวงตาวาวโรจน์ไม่พอใจต่อหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงระเบียงไร้ซึ่งการตอบสนองอะไรกับชายหนุ่ม
ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความรู้สึกที่เธออยากเห็น
เพราะทุกอย่างในสายตาของไลท์...มีแต่เธอคนนั้น
เธอที่ยืนอยู่บนระเบียง เธอที่ไม่แม้แต่จะหันมามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว
การ์ตาร์หัวเราะในลำคอ เบา และสั้น เหมือนกลั้นไม่อยู่
มือเรียวที่ถือแก้วเครื่องดื่มแน่นขึ้น หัวใจที่เคยเย่อหยิ่ง เริ่มสั่นคลอน
เธอไม่แม้แต่จะหันมามองคุณเลยนะไลท์...
แต่คุณกลับมองเธอ...มันเหมือนจะสยบแทบเท้าเธออยู่แล้ว
ความโกรธพุ่งขึ้นในอกอย่างไร้เสียง หญิงสาวที่ใครๆ ต่างมองว่า “เพียบพร้อม” กลายเป็นแค่ เงาสะท้อน ของใครอีกคน
ที่ไม่แม้แต่จะแสดงความสนใจแม้เพียงแวบเดียว
นี่มันเกินไปแล้วนะ...คุณไม่ไว้หน้าฉันเลย
การ์ตาร์ไม่ได้พูดออกมาแต่สายตาของเธอกรีดไปถึงกระดูกของเขาเธอแค้นใจไม่ใช่เพราะเขาไม่รัก
แต่เพราะเขา...ไม่เคยแม้แต่จะพยายามแสร้งรักเลยต่างหาก
ตึก ตึก ตึก
การ์ตาร์สาวเท้าเข้ามาอย่างสงบ เสียงส้นสูงเคาะกระเบื้องหินอ่อน แว่วเบาแต่กังวานในความเงียบยามค่ำคืน บ่งบอกได้ดีว่าคนที่กำลังเดินมานั้นไม่ใช่คนที่มูนจะเดาได้ยากเลย
กึก
เสียงเท้าของการ์ตาร์หยุดอยู่ข้างๆหญิงสาว ไม่ใกล้จนน่าอึดอัด และก็ไม่ได้ไกลเกินไปจนห่างเหิน
มูนทำเสียงแค่ปรายตามองชั่วครู่ ก่อนที่จะหันกลับไปมองเบื้องหน้าของเธอตามเดิม แสร้งทำเหมือนการ์ตาร์ไม่มีตัวตน
'กลิ่นไวน์ขาวแรงไปนิดนะคะ ไม่ใช่สไตล์ฉันเท่าไหร่'
มูนยังคงนิ่ง ทำราวกับการ์ตาร์ไม่มีตัวตน
การ์ตาร์หัวเราะเบาๆ แทบจะเป็นเสียงลมหายใจ
เธอวางแก้วไวน์ของตัวเองลงบนราวระเบียงด้วยมืออันมั่นคง แล้วหันหน้ามองหญิงสาวตรงหน้ามองจากด้านข้าง เห็นโครงหน้าคมชัดของมูนสะท้อนใต้แสงไฟ
เธอคนนี้...คือคนที่ฉันไม่มีวันเทียบได้จริงๆ งั้นเหรอ?
การ์ตาร์ยกคิ้วบางๆ ก่อนจะเอียงหน้ามาเล็กน้อย สบตากับมูนเต็มๆ เป็นครั้งแรก
"ถ้าคุณอยากให้เขาลำบากใจ..." มูนพูดออกมาพร้อมกับมุมปากที่กระตุกเล็กๆ เพราะรู้ดีว่าคนข้างล่างกำลังอารมณ์เสียขนาดไหนที่การ์ตาร์ขึ้นมาหาเธอถึงที่
"...คุณก็ทำสำเร็จแล้วล่ะค่ะ" มูนวางแก้วไวน์ของตัวเองลงช้าๆ แล้วหันหน้ามามองเธอด้วยท่วงท่าที่นิ่งงันไม่ต่างจากไลท์ คล้ายกับคนที่ถอดแบบกันมาไม่มีผิด ด้วยสีหน้าเรียบเย็น แววตาไม่ได้มีความโกรธ ไม่ได้มีความเสียใจ
มีเพียง...ความว่างเปล่าและเหนือกว่าอย่างชัดเจน
'ลำบากใจเหรอคะ' การ์ตาร์พูดต่อและหัวเราะออกมาเสียงแผ่ว รอยยิ้มเล็กๆที่ริมฝีปากยกขึ้นนิดเดียวอย่างเยาะเย้ย
'ขอโทษนะ ฉันแค่ยืนอยู่เฉยๆ ยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ'
มูนหันกลับมาสบตาการ์ตาร์ ใบหน้าเรียบเฉย แววตานิ่งสนิท ราวกับกำลังประเมินบางอย่างในใจ
เธอเอ่ยขึ้น...เสียงเบา แต่ชัดเจนในทุกพยางค์
“นั่นสินะคะ คุณยัง ‘ไม่ได้ทำ’ อะไรเลย...แต่ทุกอย่างมันก็พังไปหมดแล้ว” การ์ตาร์ชะงัก คำพูดนั้นไม่ได้ดุดัน แต่มันเฉือนลึก...คมกว่าอาวุธใด
มูนเอนตัวเล็กน้อย วางศอกลงบนราวระเบียง สบตาตรงๆ ใกล้พอจะสะท้อนแววตาอีกฝ่ายในดวงตาของตัวเอง
“บางที...คนที่ไม่ ‘ทำอะไรเลย’ อาจจะน่ากลัวกว่าคนที่ดิ้นรนเสียอีก”
การ์ตาร์เม้มปากแน่นในเสี้ยววินาที แต่ยังยิ้มไว้ไม่ให้สะดุด มือข้างหนึ่งที่วางบนราวระเบียงกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย
'แล้วคุณล่ะคะ คุณคิดว่าคุณ ‘ทำอะไรแล้ว’ อย่างนั้นเหรอ?'น้ำเสียงของการ์ตาร์เริ่มแข็งขึ้นทีละนิด
แต่...มูนไม่ตอบ เธอเพียงแค่ยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ไม่ต้องอธิบายอะไรเลย
เพราะในความเงียบนั้น...มีเพียงคนที่พยายามอธิบายเท่านั้นที่กำลังรู้สึกพ่ายแพ้
เสียงดนตรีจากชั้นล่างยังดำเนินต่อ แต่บนระเบียงนั้น เหมือนเวลาแทบหยุดนิ่ง
'งั้น...ขอให้สนุกกับเกมของคุณนะคะ' การ์ตาร์ว่าทิ้งท้าย แต่แววตาเริ่มสั่นคลอนเล็กน้อย แม้จะยังพยายามไม่แสดงออก
มูนยกแก้วไวน์ขึ้นมาช้าๆ และพูดอย่างแผ่วเบา โดยไม่มองอีกฝ่ายเลย
“เกมนี้ไม่สนุกหรอกค่ะ…"
"สำหรับคนที่ไม่เคยรู้ว่าอยู่ในเกมตั้งแต่แรก”