ความสัมพันธ์ที่จบกันไปแล้ว มีเหรอจะปะทุขึ้นมาอีก? ตามหลัก มันก็ควรเป็นแค่อดีตที่ไม่ควรนึกถึงหรือให้ค่าทั้งนั้นสิ..แต่แล้วทำไม เขาถึงไม่ยอมจบสักที!?
รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,นางเอกเก่งมาก,นางเอกสวยมาก,นางเอกร้ายลึก,นางเอกรวย,นางเอกฉลาด,พระเอกขี้แกล้ง,พระเอกคลั่งรักมาก,พระเอกครั่งรัก,พระเอกขี้หวง,ตบจูบ,รักต้องห้าม,รักดุเดือด,รักตลก,รักดราม่า,รักplaylist,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
รักลับๆของยัยแฟนเก่าความสัมพันธ์ที่จบกันไปแล้ว มีเหรอจะปะทุขึ้นมาอีก? ตามหลัก มันก็ควรเป็นแค่อดีตที่ไม่ควรนึกถึงหรือให้ค่าทั้งนั้นสิ..แต่แล้วทำไม เขาถึงไม่ยอมจบสักที!?
ในโลกใบนี้ ถ้าหากอยู่ในสถานะแฟนเก่าแล้ว
ก็ต้องไม่แยแส ไม่สนใจ ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเองไม่ใช่เหรอ?
โลกรู้ ทุกคนรู้
แล้วทำไม...แฟนเก่าของฉัน!?
เขาถึงไม่รู้ตัวเองสักทีว่าควรทำแบบนั้น!?
นี่สติของเขา...มันหายไปพร้อมกับคำบอกเลิกแล้วเรอะ!?
รักลับๆ ของยัยแฟนเก่า
เลิกกันแล้วก็ใช่จะ ‘หนี’ กันพ้น
“ชิ อึดอัดชะมัด…สถานการณ์แบบนี้น่ะ”
มูนบ่นพึมพำกับตัวเองในมุมหนึ่งของห้องจัดเลี้ยงหลังจบงานรับรางวัล ที่แม้จะถูกประดับประดาอย่างหรูหรา แต่กลับรู้สึกเหมือนถูกกักไว้ในกรงแก้วที่คนมองเห็นทุกการเคลื่อนไหว
แก้วไวน์ในมือ…หมดไปอีกหนึ่ง
เธอไม่แน่ใจว่ากี่แก้วแล้ว รู้แค่ว่ามันยังไม่พอจะกลบความรู้สึกทั้งหมดได้ พี่เมเนขมวดคิ้วเล็กน้อย ขยับเข้ามากระซิบเบาๆ ข้างหู
‘เดี๋ยวพี่ไปเอาเครื่องยาแก้แฮงค์มาเพิ่ม เธออยู่ที่นี่ก่อนนะมูน’
เสียงของพี่เมเนยังคงนิ่ง สุภาพ แต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง เมเนรู้ดีว่า…เธอไม่ควรอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก เธอไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำ แต่กำลังทำตรงกันข้ามกับตัวเอง
มูนพยักหน้าตอบรับเบาๆ แต่ไม่ได้ตอบกลับอะไรนอกจากจ้องไปยังฝูงคนในงานที่กำลังหัวเราะ พูดคุย ดื่ม และเต้นรำ
เสียงหัวเราะ เสียงชนแก้ว เสียงดนตรีแผ่วๆ เคล้าคลอในห้องจัดเลี้ยงหรู
‘ไลท์ ฉันไม่เคยมางานแบบนี้เลยค่ะ’
สายตาของเขา กลับไม่ได้สนใจอะไรเลย แม้กระทั่งการ์ตาร์ นอกจาก…เธอ มูน
มูน ยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง
ชุดเดรสสีขาวของเธอยังสะกดสายตาได้เหมือนเดิม แต่ไม่เหมือนตอนอยู่บนพรมแดง ตอนนี้เธอดู “เปราะบาง” กว่าเดิมนิดหน่อย
ไลท์ยืนนิ่งอยู่ไม่ไกลนัก แขนของการ์ตาร์คล้องเขาไว้ แต่เขาไม่ได้สนใจ ดวงตาคมของเขา จับจ้องมูนที่เพิ่งยกแก้วไวน์ขึ้นอีกแก้ว…รวดเดียวหมด
’คุณดื่มเกินไปแล้ว…’ เขาคิดในใจ ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
เสียงเพลงเปลี่ยนไปเป็นจังหวะที่ช้าลงกว่าก่อนหน้านี้เหมือนบรรยากาศก็รู้ดีว่าความเงียบกำลังเข้ามาแทนที่ความวุ่นวาย มูนกำลังจะยกแก้วไวน์ขึ้นอีกครั้ง ก่อนมีมือหนึ่งยื่นเข้ามาหยุดเธอไว้
‘ผมว่า…คุณน่าจะพอได้แล้วนะครับ’
ชายหนุ่มในชุดทักซิโดสีเข้ม หน้าตาหล่อสะอาดแบบผู้ดี เดินเข้ามาทักด้วยรอยยิ้มสุภาพ
ใบหน้าที่ขึ้นริ้วแดงจางๆ หันไปมองผู้ที่มายืนอยู่ข้างกาย เธออย่างคนนึกสงสัย แต่ไม่นานเธอก็ระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย
”แล้วถ้าฉันไม่อยากพอล่ะคะ“ รอยยิ้มที่เป็นดั่งท่าไม้ตายของเธอเผยออกมาเล็กน้อยคล้ายกัยคนสติบางเบา ส่งผลให้คนที่เห็นใจเต้นตึกตักไม่น้อย
‘ถ้างั้นให้ผมเป็นคู่เต้นรำไหมครับ ผ่อนคลายบรรยากาศ’ เขาเป็นนักแสดงชื่อดังจากฝั่งยุโรป ที่เพิ่งคว้ารางวัลมาในคืนนี้ ก็ว่า..ทำไมถึงกล้าเข้ามาหาเธอที่เป็นถึงนักแสดงระดับแนวหน้าของวงการ งี้นี่เอง
ทั้งห้องเริ่มหันมาสนใจทันทีเมื่อเริ่มเห็นว่ามูนกำลังสนทนากับใครบางคนอย่างใกล้ชิด กล้องหลายตัวหันเลนส์มาอีกครั้ง
มูนชะงักนิดหน่อย…แต่ก็ยิ้ม
เธอมองเลยไปด้านหลังผู้ชายคนนั้น ดวงตาเธอสบกับไลท์ ที่ตอนนี้สีหน้าแทบไม่เหลือความเย็นชาอีกแล้วหรือนิ่งงันอย่างตอนแรกที่พบกัน
รอยยิ้มบาง ปรากฏขึ้นบนใบหน้ามูน
“แน่นอนค่ะ…”
เธอยื่นมือให้ชายคนนั้นอย่างอ่อนโยน
สบตากับเขาแค่พอประมาณ แล้วหันกลับมาทางกล้อง ส่งยิ้มให้สื่อมวลชนอย่างคนที่ ไม่สะทกสะท้านกับอะไรอีกต่อไปแล้ว
แต่ไลท์…
แววตาเริ่มเปลี่ยนไป
จากที่นิ่งเรียบในยามที่มองเธอ บัดนี้กลับเป็นแววตาของหมาที่หวงก้างอย่างแท้จริง
หึ ก็ไม่ได้ตายด้านซะทีเดียวนี่
เธอคิดในใจ
ไลท์ยังคงจ้องมูนอย่างไม่ละสายตา
แต่คราวนี้…ในดวงตาคมกลับซ่อนความร้อนแรงของอาการหึงที่ค่อยๆเก็บกดทีละนิด
ในขณะที่มูนยังยิ้ม ให้กับคนที่มาเชิญเธอเต้นรำ
เธอรู้ดีว่ามองไปทางไหน ไลท์ก็ยังคงจับจ้องเธอเหมือนเหยื่อที่วิ่งหนีไม่พ้น แต่ยิ่งเห็นเขาหึงหวงแบบนั้น…เธอก็ยิ่งสนุก
สนุกกับการได้กดดันเขา สนุกได้กับการ..เล่นกับไฟ
“ช่างเถอะ…ฉันไม่แคร์แล้วจริงๆ” มูนแอบกระซิบกับตัวเอง ก่อนจะก้าวออกไปในจังหวะเพลง
และในจังหวะนั้นเองที่...
หมับ!
“อ๊ะ!”
‘มากับผม’ ยังไม่ทันที่จะจบเพลง ร่างของหญิงสาวก็ถูกดึงออกจากคู่เต้นรำที่เธอเต้นอยู่จนร่างบางเซเข้าหาเจ้าของมือที่จับข้อมือของเธอพร้อมกับดึงออกมาอย่างแรงจนเธอเจ็บแสบไปหมด
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าของชายหนุ่มและหญิงสาวดังขึ้นเร็วๆ บ่งบอกว่าคนที่ลากเธออยู่เบื้องหน้าอารมณ์ปะทุขนาดไหน
“ไลท์!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” มูนโวยวายออกมาเสียงดังเมื่อพ้นสายตาของผู้คนแล้วแต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุดเดิน หนำซ้ำข้อมือของเธอก็ยิ่งเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ
“ฉันบอกให้หยุดไง!!” เขายังคงเงียบไม่ตอบสนองอะไรกับหญิงสาวที่ร้องโวยวายทั้งพยายามจิกแกะมือของตัวเองออกจากมือของเขาก็ไม่เป็นผล
หมอนี่! จะเกินไปแล้วนะ- -*
“ไลท์!!!”
ปึง
”ว้าย!” ไลท์หยุดเดินกะทันหันพร้อมทั้งหันกลับมาดันหญิงสาวเข้าใส่กำแพงอย่างจัง ถึงจะไม่แรงจนเธอเจ็บตัว แต่ก็ตกใจไม่น้อยจนต้องร้องออกมาอย่างคนกลั้นไม่ได้ โดยที่มีมือหนาทั้งสองข้างยันกำแพงปิดกั้นทางหนีเธอเอาไว้
‘ใครให้คุณทำแบบนั้น เมเนเหรอ’ สายตาของเขาที่จ้องมองเธอแสดงถึงความโกรธจัดอย่างชัดเจน
“ทำ..ทำอะไร” เสียงของหญิงสาวสั่นเครือเล็กน้อยด้วยความหวาดกลัวปนกับความตื่นตระหนกที่อยู่ๆ เขาก็ทำแบบนี้
‘อยู่กับผู้ชายคนอื่นต่อหน้าผม‘
”...“ มือเรียวกำแน่นจนเล็บจิกลงกับเนื้อมือของตัวเองทันทีที่ได้ยินคำถาม อะไรกัน..จี้ใจชะมัด
”แล้วนายล่ะ!? นายกล้าดียังไงถึงมาบอกเลิกฉันแล้วก็ไปคบกับผู้หญิงคนนั้น!“ เธอพูดขึ้นพร้อมทั้งเงยหน้าสบตากับเขาอย่างไม่ยอมแพ้ สายตาของเธอที่จ้องมองเขาราวกับเป็นคำถามว่า กล้าดีนักนะ ที่มาพูดแบบนี้ใส่เธอในสถานการณ์แบบนี้
‘...’ เขากลับเงียบ
”เห็นไหมล่ะ!? นายก็ตอบอะไรฉันไม่ได้ เหอะ! น่าสมเพช ไอ้ผู้ชายเฮ็งซว..“ ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดต่อ คำพูดที่อยากจะพูดใส่เขากลับหายไปอย่างรวดเร็วด้วยสายตาที่โหดเหี้ยมของชายหนุ่ม
’คุณจะด่าจะว่าผมยังไงก็ได้ แต่ อย่าให้ผมเห็นว่าคุณไปอยู่กับผู้ชายคนอื่นแบบนั้นอีก’
”นายมีสิทธิ์อะ..”
เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้จนเธอต้องหดคอเบือนหน้าหนีโดยอัตโนมัติ หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุอก สัมผัสจากดวงตาของเขาไม่ใช่แค่โกรธ แต่มันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด และบางอย่างที่เธอไม่กล้าจะแปลความหมาย
“สิทธิ์ที่เคยเป็นของผม…‘
เธอสะอึก
อะไรกัน คำพูดแบบนี้มันพูดได้กับแฟนเก่าอย่างเธองั้นเหรอ?
“ตลกชะมัด สุดท้ายมันก็ไม่ต่างอะไรกับการนอกใจดีๆนั่นแหละ ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ?” รอยยิ้มเหยียดหยันแสดงออกมา สบตาเข้ากับดวงตาดุดันตรงหน้าอย่างคนนึกสมเพชตัวเอง อาจจะเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เธอถึงกล้าพูดกล้าทำขนาดนี้
แต่แล้วมันทำไมล่ะ เขาทำเธอก่อนนี่
เขายืนนิ่ง แต่แววตาสำนึกไหววูบอยู่ในนั้นชั่วขณะก่อนจะกลบหายด้วยความแข็งกร้าว
“เพราะผมต้องปกป้องคุณ ไม่ใช่ปล่อยให้คุณต้องรับผลจากสิ่งที่ตามผมมา”
“แล้วนายเคยถามฉันไหม ว่าฉันอยากถูกปกป้อง หรือแค่อยากอยู่ข้างๆ นายไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
เงียบ…
เฮ้อ
“พอที อยากจะทำอะไรก็เชิญ ฉันเองก็มีทางเดินของฉัน” หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างคนเหลืออดในขณะที่เขาทำเป็นแต่เงียบใส่เธอ เฮ็งซวยชะมัด
“ทีนี้ ปล่อยฉันไปได้รึยัง” หญิงสาวยืนกอดอก เชิดหน้ามองคนที่สูงกว่าอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาที่เย็นชาราวกับมองคนที่เกลียดเข้าไส้
จนคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอดูตกใจไม่น้อย ก็ใช่น่ะสิ มีเหรอ มูนสุดที่รักของเขาจะทำอย่างนี้
‘...‘
เมื่อท่อนแขนแกร่งที่กั้นเธอไว้ค่อยๆลดแขนลงอย่างเงียบงัน
ถึงแม้ว่าเธอจะได้แต่ความเงีบบ แต่ความเงียบนั้นก็ชัดมากซะจนเจ็บลึกไปถึงขั้วหัวใจ
ตึก ตึก ตึก
เท้าของเธอก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง…แต่หัวใจกลับแตกสลาย
มูนเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่หันกลับ เสียงฝีเท้าของตัวเองคือสิ่งเดียวที่เธอได้ยิน ไม่มีเสียงไล่ตาม ไม่มีเสียงเรียก ไม่มีอะไรเลย
เธอกัดริมฝีปากล่างแน่นจนรู้สึกถึงรสเลือด หัวใจเต้นแรงจนอึดอัด มือทั้งสองข้างกำแน่น พยายามสะกดตัวเองไม่ให้ทรุดลงไปตรงนั้น
อย่าร้องไห้… อย่าหันกลับไปเด็ดขาด…
‘อ้าว!! มูน อยู่นี่นี่เอง พี่ก็หาอยู่ตั้งนาน!‘
เสียงของพี่เมเนดังขึ้นก่อนที่เธอจะพังลงตรงนั้น
มูนหันไปช้าๆ ตามต้นเสียง เมเนของเธอเดินจ้ำตรงมาหาในมือถือยากับขวดน้ำเปล่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“อือ…ค่ะ ฉันอยู่นี่”
เธอตอบกลับเสียงเบา พยายามกลั้นทุกอย่างไว้ในใจ แต่พอเมเนได้เห็นหน้าชัดๆ เขาก็ชะงักไป
ดวงตาของเธอปูดบวมแดงเป็นจ้ำ ผิวแก้มขึ้นแดงเป็นริ้วๆ เครื่องสำอางที่จางลงกว่าเดิมอย่างเด่นชัด
มันชัดเจนมากว่าเธอร้องไห้… มากจนแม้เธอจะฝืนยิ้ม ก็หลอกใครไม่ได้เลย
โดยเฉพาะเมเน
‘เป็นอะไร… ใครมันกล้าทำคนสวยของพี่แบบนี้เนี่ย?‘
เมเนพูดเสียงจริงจังขณะยื่นขวดน้ำให้เธอ สีหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยกลับยิ่งทำให้มูนต้องกลืนก้อนสะอื้นลงไปอีกครั้ง
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามเรียกสติ…ก่อนจะพูดออกมา
“หมาค่ะ”
‘…หมา?‘
มูนหลุบตาต่ำ เสียงเย็นลงชัดเจนจนคนฟังยังขนลุก
คำต่อไปที่หลุดออกจากปากเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดปนความขยะแขยง
“ค่ะ หมาที่มันไม่รักดี”