ท่ามกลางเหล่าสัตว์ในตำนาน โรงเรียนเวทมนตร์กลางป่า และปริศนาที่ผูกพันกับ “ดวงตาคู่หนึ่ง” การเดินทางของเขาเพิ่งเริ่มต้น — และความจริงที่รออยู่เบื้องหลังเงาสะท้อนนั้น อาจเปลี่ยนชะตาทั้งสองโลกตลอดกาล
แฟนตาซี,ลึกลับ,ผจญภัย,ย้อนยุค,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ดนัยน์ ไกรกังวารท่ามกลางเหล่าสัตว์ในตำนาน โรงเรียนเวทมนตร์กลางป่า และปริศนาที่ผูกพันกับ “ดวงตาคู่หนึ่ง” การเดินทางของเขาเพิ่งเริ่มต้น — และความจริงที่รออยู่เบื้องหลังเงาสะท้อนนั้น อาจเปลี่ยนชะตาทั้งสองโลกตลอดกาล
กระจกคือประตูสู่ความจริง
แต่สำหรับ “ดนัยน์ ” มันคือคำสาปที่ปลุกอดีตต้องห้ามให้คืนชีพ
เมื่อเงาในกระจกเริ่มเคลื่อนไหวเอง และชื่อของเขาปรากฏในตำราโบราณของโลกที่ไม่ควรมี
ดนัยน์เริ่มต้นการเดินทางจาก “เด็กหนุ่มธรรมดา” สู่ “ผู้ถูกเลือกแห่งรากทั้งเจ็ด”
เขาเริ่มค้นหาความจริงเกี่ยวกับต้นกำเนิดของตนเอง เงาที่มีชีวิต และเหตุผลว่าทำไมโลกทั้งสองกำลังจะเชื่อมเข้าหากัน
ทว่าเงาสะท้อนในน้ำนั้น — ยังมี อีกตัวตนหนึ่งของเขา ที่รอเวลาจะหลุดพ้น
หลังจากเหตุการณ์ในห้องเรียนเวทหิมพานต์ ทุกสายตายังคงจับจ้องมาที่ดนัยน์ —
เด็กหนุ่มมนุษย์ผู้สร้างต้นไม้ทองคำได้จากพลังของตนเอง
ต้นไม้ต้นนั้นลอยกลางอากาศ รากของมันชอนไชไปทั่วเหมือนเส้นแสง ใบเรืองสีทองระยับ และลมหายใจทุกครั้งของดนัยน์ทำให้มันเต้นแรงขึ้น
แต่เมื่อเขาหลุดจากสมาธิ แสงทั้งหมดก็ดับลง เหลือเพียงเงาอุ่น ๆ ในฝ่ามือ
ครูปาริชาตนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนกล่าวเสียงเบาแต่มั่นคง
“เจ้าควรพัก… เวทในร่างเจ้ามิได้ตื่น แต่ถูกปลุกขึ้นโดยสิ่งที่อยู่เหนือธาตุทั้งสี่”
เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา — แววตาที่เหมือนซ่อน “ประตู” อีกบานหนึ่งไว้ข้างใน
“เจ้ามาจากโลกมนุษย์ แต่เลือดของเจ้ามิใช่มนุษย์โดยแท้…”
คำพูดนั้นทำให้ทั้งห้องเงียบราวกับเวลาหยุด
เสียงกระซิบเบา ๆ ดังจากเพื่อนบางคน
“มนุษย์กึ่งอาคมงั้นหรือ… หรือมากกว่านั้น?”
แต่ครูปาริชาตไม่ได้อธิบายต่อ เธอเพียงโบกมือเบา ๆ ต้นไม้ทองคำค่อย ๆ จางหายเหมือนละอองฝุ่น
⸻
หลังเลิกเรียน ดนัยน์เดินกลับเรือนขวัญคนเดียว
ลมเย็นพัดผ่านแนวไม้หิมพานต์ ใบไม้เรืองแสงสะท้อนแสงจันทร์ที่เริ่มโผล่เหนือขอบฟ้า
ระหว่างทาง เขาได้ยินเสียงขลุ่ยเบา ๆ ลอยมากับสายลม เสียงนั้นชวนให้หัวใจเต้นช้าลงราวต้องมนตร์
เขาหันไปตามเสียง —
และเห็น “กัลยา” ยืนอยู่ข้างลำธารเรืองแสง ผมสีดำของเธอไหลยาวไปจนถึงปลายหางนาคที่สะท้อนแสงน้ำ
ในมือเธอถือขลุ่ยไม้ไผ่บาง ๆ ที่มีเครือเถาเกาะ
“ข้าชอบเล่นขลุ่ยยามน้ำขึ้น… เสียงจะดังไปถึงโพรงบาดาล”
เธอพูดโดยไม่หันมามอง
ดนัยน์ยืนนิ่ง ก่อนเอ่ยถามอย่างลังเล
“เธอคิดว่าฉัน… แปลกหรือ?”
กัลยาหยุด เป่าขลุ่ยอีกครั้ง แล้วหันมามองด้วยดวงตาใสสีเงิน
“แปลก… ใช่ แต่ข้าไม่กลัว เจ้ากลับมีบางอย่างที่ทำให้ในใจของข้าสงบ”
เธอมองเขาอีกครู่ แล้วพูดต่อด้วยเสียงเบาราวกระซิบ
“แต่อย่าให้ใครรู้เรื่องต้นไม้ทองคำ… โดยเฉพาะพวกจากเรือนอัคนี พวกนั้นจะมองว่าเจ้าเป็นภัย”
ก่อนที่ดนัยน์จะถามต่อ กัลยาก็เลื้อยลงสู่ลำธาร ร่างเธอค่อย ๆ จางหายไปพร้อมเสียงน้ำกระเพื่อม
⸻
คืนนั้น เขากลับถึงเรือนขวัญ เห็นแสงสีนวลจากเทียนลอยกลางห้อง
และมี “จดหมาย” วางอยู่บนโต๊ะไม้โบราณ —
ซองทำจากกระดาษสีดำสนิท ปิดผนึกด้วยตราสัญลักษณ์รูป “ขนนกสีทองไขว้กับเปลวไฟ”
เมื่อเปิดออก กลับไม่มีข้อความ
มีเพียงเศษใบไม้ทองคำแห้งหนึ่งใบ ซึ่งมีอักษรโบราณสลักอยู่ด้านใน
“เมื่อรากตื่น ใบจะชี้ทางสู่วังทองทมิฬ”
ทันใดนั้น ใบไม้เปล่งแสงวาบ แล้วหายไปในอากาศ
ดนัยน์ตกใจ — และได้ยินเสียงกระซิบอีกครั้งในหัว
“เจ้าคือผู้ถูกเลือก… จงตามเสียงแห่งรากไป”
เขากวาดตามองรอบห้อง — เห็นเพียงเงาของต้นไม้เล็ก ๆ จากตอนเช้า ปรากฏบนผนังเรือน
เงานั้นสั่นไหวเหมือนมีลมหายใจ และค่อย ๆ ยืดกิ่งก้านจนกลายเป็น “เงาประตู”
⸻
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง
“เจ้าก็ได้ยินมันด้วยหรือ…”
ดนัยน์หันขวับ — พบว่า ภวิษย์ ยืนอยู่ที่ประตู
แววตาของเขาจริงจังผิดจากทุกครั้ง
“ต้นไม้ทองคำนั่น… ข้าเคยเห็นมันในบันทึกของเผ่าครุฑ ว่ามันคือสัญลักษณ์ของ ‘ต้นกำเนิดแห่งภพ’… และยังเชื่อมกับสิ่งต้องห้ามในวังทองทมิฬ”
เขาเดินเข้ามาใกล้ จ้องเงาบนผนังที่ขยับราวมีชีวิต
“ถ้าเจ้าคือผู้ปลุกมัน… งั้นพวกเราก็ไม่มีทางหนีจากโชคชะตานี้ได้แล้ว”
เงาของต้นไม้ทองคำบนผนังเริ่มแผ่กว้าง
กิ่งก้านของมันกลายเป็นรูปร่างคล้าย “ประตู”
และภายในประตูนั้น — มีเงาสีดำส่องแสงอยู่ลึกเข้าไป เหมือนเชิญให้ใครสักคน “ก้าวเข้าไปดู”
แสงเทียนในห้องดับลงทีละดวง
เหลือเพียงเสียงหัวใจของดนัยน์ที่เต้นดังขึ้นเรื่อย ๆ —
พร้อมเสียงกระซิบจากอีกโลกหนึ่ง
“เจ้าจะเลือกมอง… หรือเลือกข้ามไป?”