ท่ามกลางเหล่าสัตว์ในตำนาน โรงเรียนเวทมนตร์กลางป่า และปริศนาที่ผูกพันกับ “ดวงตาคู่หนึ่ง” การเดินทางของเขาเพิ่งเริ่มต้น — และความจริงที่รออยู่เบื้องหลังเงาสะท้อนนั้น อาจเปลี่ยนชะตาทั้งสองโลกตลอดกาล
แฟนตาซี,ลึกลับ,ผจญภัย,ย้อนยุค,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ดนัยน์ ไกรกังวารท่ามกลางเหล่าสัตว์ในตำนาน โรงเรียนเวทมนตร์กลางป่า และปริศนาที่ผูกพันกับ “ดวงตาคู่หนึ่ง” การเดินทางของเขาเพิ่งเริ่มต้น — และความจริงที่รออยู่เบื้องหลังเงาสะท้อนนั้น อาจเปลี่ยนชะตาทั้งสองโลกตลอดกาล
กระจกคือประตูสู่ความจริง
แต่สำหรับ “ดนัยน์ ” มันคือคำสาปที่ปลุกอดีตต้องห้ามให้คืนชีพ
เมื่อเงาในกระจกเริ่มเคลื่อนไหวเอง และชื่อของเขาปรากฏในตำราโบราณของโลกที่ไม่ควรมี
ดนัยน์เริ่มต้นการเดินทางจาก “เด็กหนุ่มธรรมดา” สู่ “ผู้ถูกเลือกแห่งรากทั้งเจ็ด”
เขาเริ่มค้นหาความจริงเกี่ยวกับต้นกำเนิดของตนเอง เงาที่มีชีวิต และเหตุผลว่าทำไมโลกทั้งสองกำลังจะเชื่อมเข้าหากัน
ทว่าเงาสะท้อนในน้ำนั้น — ยังมี อีกตัวตนหนึ่งของเขา ที่รอเวลาจะหลุดพ้น
รุ่งอรุณแรกใน “อรัญเวทยสถาน”
แสงทองอมชมพูรินผ่านยอดไม้เหนือยอดเขา เงาไหวของหมอกเคลื่อนไปเหมือนม่านบาง ๆ ที่โอบล้อมอาณาจักรนี้ไว้ ดนัยน์ตื่นขึ้นท่ามกลางเสียงระฆังเงินกังวาน เสียงนั้นไม่ได้ดังจากโลหะ หากแต่เป็นเสียงของ “ลม” ที่สั่นไหวอยู่ในดวงแก้วบนหอระฆังเอง
เขามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นท้องฟ้าที่แต่งแต้มด้วยสีอ่อนของรุ่งอรุณ แสงนั้นลอดผ่าน “ต้นโพธิ์พันภพ” ต้นไม้ยักษ์กลางลานกว้างซึ่งแตกกิ่งก้านเป็นพันใบของมันสะท้อนแสงเหมือนทองคำและมีกลีบเรณูเรืองแสงปลิวว่อนอยู่ในอากาศราวละอองฝัน
เมื่อเขาสวมเครื่องแบบใหม่ — เสื้อคอจีนสีขาวขลิบทอง ผ้าคาดเอวสีแดงเลือดหมู และผ้าพาดไหล่สีทองที่มีกลิ่นกำยานอ่อน ๆ — เขารู้สึกถึงความขลังที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง
มันไม่ใช่เพียงเครื่องแต่งกาย แต่เป็น “ตราแห่งการยอมรับ” ของโลกที่อยู่เหนือโลกมนุษย์
“เรือนอัคนีของครุฑ… เรือนวารีของนาค… เรือนวาโยของกินรี… เรือนปฐพีของยักษ์…”
เสียงขรัวไกรยังดังก้องในหู
“แต่เจ้าจะอยู่ในเรือนขวัญ มนุษย์กึ่งอาคมเพียงคนเดียวในยุคนี้”
⸻
เรือนขวัญ ตั้งอยู่ริมเนินที่มองเห็นลานโพธิ์ได้ถนัดตา ตัวอาคารสร้างจากไม้สีดำสนิทประดับลายทองรูปขนนกและเปลวไฟ บรรยากาศสงบแต่เย็นยะเยือกในยามเช้า ดนัยน์เป็นผู้อยู่อาศัยเพียงคนเดียว ห้องเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเองสะท้อนกลับ
เช้านั้น เขาเดินผ่านทางลาดที่ปูด้วยแผ่นหินเรืองแสงไปยัง “ห้องเรียนเวทหิมพานต์”
ห้องเรียนตั้งอยู่บนยอดแท่นหินทรงกลมกลางทะเลหมอก รอบข้างมีลำธารใสไหลรอบราวกับเป็นขอบของโลก
⸻
ครูผู้สอนยืนรออยู่ก่อนแล้ว —
หญิงสาวผมยาวสีเงินขาว ดวงตาสีฟ้าอมม่วง สวมอาภรณ์ยาวที่ปลายชายลอยเบา ๆ ราวกับอยู่ในน้ำ
เธอคือ ครูปาริชาต ครูใหญ่และครูผู้ดูแลวิชา “เวทแห่งธาตุในร่างตน” และยังเป็นอดีตกินรีผู้พิทักษ์ต้นโพธิ์พันภพ
“ต้อนรับสู่โรงเรียนที่ไม่มีชื่อในโลกมนุษย์… ที่นี่คือจุดกึ่งกลางระหว่างภพ”
เสียงของเธอนุ่มแต่กังวาน
“จงจำไว้ — เวทมิใช่ของที่เราครอบครอง แต่คือสิ่งที่ครอบครองเรา”
เธอยกไม้เท้าหิมพานต์ขึ้น ปลายไม้มีคริสตัลเรืองแสงซึ่งสะท้อนภาพของธาตุทั้งสี่ — เพลิง, น้ำ, ลม, ดิน — หมุนวนอยู่รอบ
⸻
ในห้องนั้นมีเพื่อนร่วมชั้นสิบกว่าคนจากเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ
เสียงกระพือปีกของ ภวิษย์ ลูกครึ่งครุฑผู้มีดวงตาแหลมคมและขนแววทองสะท้อนแสงแดด
ใกล้กันคือ กัลยา สาวนาคินีที่ผิวขาวอมฟ้า มีลายเกล็ดเงินอ่อนใต้ตา และพูดด้วยเสียงราบเรียบแต่ทิ่มใจ
เตโช เด็กหนุ่มผู้มีรอยเพลิงแผ่วอยู่ตามปลายนิ้ว เป็นลูกหลานแห่งเผ่าไกรสรราชสีห์ที่หัวร้อนง่ายแต่ซื่อสัตย์
และยังมี มาลินี สาวกินรีปีกชมพูที่มีเสียงหัวเราะใสเหมือนระฆังแก้ว
รวมถึง โศลก เด็กยักษ์ผิวเข้มผู้สูงใหญ่แต่มีนิสัยอ่อนโยน รักดอกไม้มากกว่าการต่อสู้
พวกเขาทั้งหมดจ้องมอง “มนุษย์คนเดียว” ในห้องด้วยความสงสัย บางคนแฝงความดูถูก บางคนแค่แปลกใจ
⸻
เมื่อครูปาริชาตเริ่มสอน เธอให้แต่ละคนจับไม้เท้าหิมพานต์เพื่อ “ปลุกธาตุแห่งตน”
รอบห้องเต็มไปด้วยแสงสีต่าง ๆ — เปลวไฟของภวิษย์ลุกพรึ่บขึ้นเหมือนปีกทอง,
สายน้ำของกัลยาไหลเวียนในอากาศเป็นวงกลม,
ส่วนเตโชหัวเราะเมื่อประกายไฟของเขาแผดเผาอากาศจนเกิดเสียง “ซู่”
แต่เมื่อถึงดนัยน์ —
ทุกอย่างเงียบลง
เขาหลับตาแน่น มือจับไม้เท้าสีขาวที่เย็นราวน้ำแข็ง
แล้วอยู่ ๆ ความรู้สึกแปลกประหลาดแผ่ซ่านไปทั่วร่าง
หัวใจเขาเต้นแรง — แล้วแสงทองก็แผ่ออกจากดวงตากลางหน้าผาก
วูบเดียวเท่านั้น — เปลวเพลิงระเบิดขึ้นจากฝ่ามือ
แต่แทนที่จะเป็นไฟ มันกลับรวมตัวกันกลายเป็น ต้นไม้ทองคำขนาดเล็ก
รากของมันเต้นเหมือนชีพจร และปลายยอดสั่นราวกับหายใจ
ทั้งห้องนิ่งงัน
“เลือดของผู้สร้าง…”
ครูปาริชาตกระซิบ เสียงแผ่วจนแทบไม่เป็นคำพูด
แววตาเธอสั่นระริก —
เพราะสิ่งที่ปรากฏนั้น เป็นสัญลักษณ์ของ “เชื้อสายที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างสวรรค์หิมพานต์ขึ้นมา”
และในบัดนี้ มันปรากฏในตัวของเด็กมนุษย์คนหนึ่ง
⸻
ภวิษย์เผลอขยับปีกด้วยความตกใจ
กัลยาหรี่ตา พึมพำเบา ๆ
“ต้นไม้…ที่มีชีพ มันเป็นของเทพสมัยแรกมิใช่หรือ?”
เตโชจ้องเพลิงที่ดับไปแล้ว เหมือนเพิ่งรู้ว่าความร้อนของตนเทียบไม่ได้เลยกับแสงนั้น
ดนัยน์มองต้นไม้นั้นในมือ เขาไม่รู้ว่าควรยินดีหรือหวาดกลัว
เพราะขณะที่มันเต้นรัวอยู่ — เขาได้ยินเสียงหนึ่งกระซิบในใจเบา ๆ
“เจ้ามิได้เป็นเพียงผู้มาเรียน…แต่คือผู้ถูกเรียกกลับบ้าน”