ท่ามกลางเหล่าสัตว์ในตำนาน โรงเรียนเวทมนตร์กลางป่า และปริศนาที่ผูกพันกับ “ดวงตาคู่หนึ่ง” การเดินทางของเขาเพิ่งเริ่มต้น — และความจริงที่รออยู่เบื้องหลังเงาสะท้อนนั้น อาจเปลี่ยนชะตาทั้งสองโลกตลอดกาล

ดนัยน์ ไกรกังวาร - ตอนที่3 โรงเรียนที่ไม่มีชื่อในโลกมนุษย์ โดย พิจิตร บรรจง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ลึกลับ,ผจญภัย,ย้อนยุค,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ดนัยน์ ไกรกังวาร

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ลึกลับ,ผจญภัย,ย้อนยุค,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

ดนัยน์ ไกรกังวาร โดย พิจิตร บรรจง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ท่ามกลางเหล่าสัตว์ในตำนาน โรงเรียนเวทมนตร์กลางป่า และปริศนาที่ผูกพันกับ “ดวงตาคู่หนึ่ง” การเดินทางของเขาเพิ่งเริ่มต้น — และความจริงที่รออยู่เบื้องหลังเงาสะท้อนนั้น อาจเปลี่ยนชะตาทั้งสองโลกตลอดกาล

ผู้แต่ง

พิจิตร บรรจง

เรื่องย่อ

กระจกคือประตูสู่ความจริง


แต่สำหรับ “ดนัยน์ ” มันคือคำสาปที่ปลุกอดีตต้องห้ามให้คืนชีพ


เมื่อเงาในกระจกเริ่มเคลื่อนไหวเอง และชื่อของเขาปรากฏในตำราโบราณของโลกที่ไม่ควรมี


ดนัยน์เริ่มต้นการเดินทางจาก “เด็กหนุ่มธรรมดา” สู่ “ผู้ถูกเลือกแห่งรากทั้งเจ็ด”

เขาเริ่มค้นหาความจริงเกี่ยวกับต้นกำเนิดของตนเอง เงาที่มีชีวิต และเหตุผลว่าทำไมโลกทั้งสองกำลังจะเชื่อมเข้าหากัน


ทว่าเงาสะท้อนในน้ำนั้น — ยังมี อีกตัวตนหนึ่งของเขา ที่รอเวลาจะหลุดพ้น

สารบัญ

ดนัยน์ ไกรกังวาร-ตอนที่1 เสียงในความฝัน,ดนัยน์ ไกรกังวาร-ตอนที่2 ประตูที่สะท้อนในน้ำ,ดนัยน์ ไกรกังวาร-ตอนที่3 โรงเรียนที่ไม่มีชื่อในโลกมนุษย์,ดนัยน์ ไกรกังวาร-ตอนที่4 เสียงจากต้นไม้ทองคำ,ดนัยน์ ไกรกังวาร-ตอนที่5 ประตูแห่งรากและเสียงจากวังทองทมิฬ,ดนัยน์ ไกรกังวาร-ตอนที่6 เงาแห่งผู้สร้างและความลับของวังทองทมิฬ,ดนัยน์ ไกรกังวาร-ตอนที่7 คืนที่ต้นโพธิ์พันภพลุกไหม้,ดนัยน์ ไกรกังวาร-ตอนที่8 เงาที่มีหัวใจ และการตื่นของวังทั้งเจ็ด,ดนัยน์ ไกรกังวาร-ตอนที่9 หัวใจแห่งเพลิง และบัลลังก์ของผู้สร้าง,ดนัยน์ ไกรกังวาร-ตอนที่10 เสียงจากวังวารี และความลับใต้สายน้ำ

เนื้อหา

ตอนที่3 โรงเรียนที่ไม่มีชื่อในโลกมนุษย์


รุ่งอรุณแรกใน “อรัญเวทยสถาน”

แสงทองอมชมพูรินผ่านยอดไม้เหนือยอดเขา เงาไหวของหมอกเคลื่อนไปเหมือนม่านบาง ๆ ที่โอบล้อมอาณาจักรนี้ไว้ ดนัยน์ตื่นขึ้นท่ามกลางเสียงระฆังเงินกังวาน เสียงนั้นไม่ได้ดังจากโลหะ หากแต่เป็นเสียงของ “ลม” ที่สั่นไหวอยู่ในดวงแก้วบนหอระฆังเอง


เขามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นท้องฟ้าที่แต่งแต้มด้วยสีอ่อนของรุ่งอรุณ แสงนั้นลอดผ่าน “ต้นโพธิ์พันภพ” ต้นไม้ยักษ์กลางลานกว้างซึ่งแตกกิ่งก้านเป็นพันใบของมันสะท้อนแสงเหมือนทองคำและมีกลีบเรณูเรืองแสงปลิวว่อนอยู่ในอากาศราวละอองฝัน


เมื่อเขาสวมเครื่องแบบใหม่ — เสื้อคอจีนสีขาวขลิบทอง ผ้าคาดเอวสีแดงเลือดหมู และผ้าพาดไหล่สีทองที่มีกลิ่นกำยานอ่อน ๆ — เขารู้สึกถึงความขลังที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง

มันไม่ใช่เพียงเครื่องแต่งกาย แต่เป็น “ตราแห่งการยอมรับ” ของโลกที่อยู่เหนือโลกมนุษย์


“เรือนอัคนีของครุฑ… เรือนวารีของนาค… เรือนวาโยของกินรี… เรือนปฐพีของยักษ์…”

เสียงขรัวไกรยังดังก้องในหู

“แต่เจ้าจะอยู่ในเรือนขวัญ มนุษย์กึ่งอาคมเพียงคนเดียวในยุคนี้”



เรือนขวัญ ตั้งอยู่ริมเนินที่มองเห็นลานโพธิ์ได้ถนัดตา ตัวอาคารสร้างจากไม้สีดำสนิทประดับลายทองรูปขนนกและเปลวไฟ บรรยากาศสงบแต่เย็นยะเยือกในยามเช้า ดนัยน์เป็นผู้อยู่อาศัยเพียงคนเดียว ห้องเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเองสะท้อนกลับ


เช้านั้น เขาเดินผ่านทางลาดที่ปูด้วยแผ่นหินเรืองแสงไปยัง “ห้องเรียนเวทหิมพานต์”

ห้องเรียนตั้งอยู่บนยอดแท่นหินทรงกลมกลางทะเลหมอก รอบข้างมีลำธารใสไหลรอบราวกับเป็นขอบของโลก



ครูผู้สอนยืนรออยู่ก่อนแล้ว —

หญิงสาวผมยาวสีเงินขาว ดวงตาสีฟ้าอมม่วง สวมอาภรณ์ยาวที่ปลายชายลอยเบา ๆ ราวกับอยู่ในน้ำ

เธอคือ ครูปาริชาต ครูใหญ่และครูผู้ดูแลวิชา “เวทแห่งธาตุในร่างตน” และยังเป็นอดีตกินรีผู้พิทักษ์ต้นโพธิ์พันภพ


“ต้อนรับสู่โรงเรียนที่ไม่มีชื่อในโลกมนุษย์… ที่นี่คือจุดกึ่งกลางระหว่างภพ”

เสียงของเธอนุ่มแต่กังวาน

“จงจำไว้ — เวทมิใช่ของที่เราครอบครอง แต่คือสิ่งที่ครอบครองเรา”


เธอยกไม้เท้าหิมพานต์ขึ้น ปลายไม้มีคริสตัลเรืองแสงซึ่งสะท้อนภาพของธาตุทั้งสี่ — เพลิง, น้ำ, ลม, ดิน — หมุนวนอยู่รอบ



ในห้องนั้นมีเพื่อนร่วมชั้นสิบกว่าคนจากเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ

เสียงกระพือปีกของ ภวิษย์ ลูกครึ่งครุฑผู้มีดวงตาแหลมคมและขนแววทองสะท้อนแสงแดด

ใกล้กันคือ กัลยา สาวนาคินีที่ผิวขาวอมฟ้า มีลายเกล็ดเงินอ่อนใต้ตา และพูดด้วยเสียงราบเรียบแต่ทิ่มใจ

เตโช เด็กหนุ่มผู้มีรอยเพลิงแผ่วอยู่ตามปลายนิ้ว เป็นลูกหลานแห่งเผ่าไกรสรราชสีห์ที่หัวร้อนง่ายแต่ซื่อสัตย์

และยังมี มาลินี สาวกินรีปีกชมพูที่มีเสียงหัวเราะใสเหมือนระฆังแก้ว

รวมถึง โศลก เด็กยักษ์ผิวเข้มผู้สูงใหญ่แต่มีนิสัยอ่อนโยน รักดอกไม้มากกว่าการต่อสู้


พวกเขาทั้งหมดจ้องมอง “มนุษย์คนเดียว” ในห้องด้วยความสงสัย บางคนแฝงความดูถูก บางคนแค่แปลกใจ



เมื่อครูปาริชาตเริ่มสอน เธอให้แต่ละคนจับไม้เท้าหิมพานต์เพื่อ “ปลุกธาตุแห่งตน”

รอบห้องเต็มไปด้วยแสงสีต่าง ๆ — เปลวไฟของภวิษย์ลุกพรึ่บขึ้นเหมือนปีกทอง,

สายน้ำของกัลยาไหลเวียนในอากาศเป็นวงกลม,

ส่วนเตโชหัวเราะเมื่อประกายไฟของเขาแผดเผาอากาศจนเกิดเสียง “ซู่”


แต่เมื่อถึงดนัยน์ —

ทุกอย่างเงียบลง


เขาหลับตาแน่น มือจับไม้เท้าสีขาวที่เย็นราวน้ำแข็ง

แล้วอยู่ ๆ ความรู้สึกแปลกประหลาดแผ่ซ่านไปทั่วร่าง

หัวใจเขาเต้นแรง — แล้วแสงทองก็แผ่ออกจากดวงตากลางหน้าผาก


วูบเดียวเท่านั้น — เปลวเพลิงระเบิดขึ้นจากฝ่ามือ

แต่แทนที่จะเป็นไฟ มันกลับรวมตัวกันกลายเป็น ต้นไม้ทองคำขนาดเล็ก

รากของมันเต้นเหมือนชีพจร และปลายยอดสั่นราวกับหายใจ


ทั้งห้องนิ่งงัน


“เลือดของผู้สร้าง…”

ครูปาริชาตกระซิบ เสียงแผ่วจนแทบไม่เป็นคำพูด


แววตาเธอสั่นระริก —

เพราะสิ่งที่ปรากฏนั้น เป็นสัญลักษณ์ของ “เชื้อสายที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างสวรรค์หิมพานต์ขึ้นมา”

และในบัดนี้ มันปรากฏในตัวของเด็กมนุษย์คนหนึ่ง



ภวิษย์เผลอขยับปีกด้วยความตกใจ

กัลยาหรี่ตา พึมพำเบา ๆ


“ต้นไม้…ที่มีชีพ มันเป็นของเทพสมัยแรกมิใช่หรือ?”


เตโชจ้องเพลิงที่ดับไปแล้ว เหมือนเพิ่งรู้ว่าความร้อนของตนเทียบไม่ได้เลยกับแสงนั้น


ดนัยน์มองต้นไม้นั้นในมือ เขาไม่รู้ว่าควรยินดีหรือหวาดกลัว

เพราะขณะที่มันเต้นรัวอยู่ — เขาได้ยินเสียงหนึ่งกระซิบในใจเบา ๆ


“เจ้ามิได้เป็นเพียงผู้มาเรียน…แต่คือผู้ถูกเรียกกลับบ้าน”