เมื่อถูกหักหลังเขาจึงซ่อนตัว แต่เมื่อรู้ชายคนที่เกลียดปรากฏ ทำไมใจของหวั่นไหว

ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ] - ตอนที่ 9 หัวใจที่หายไป โดย อันยาดี @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,ยุคปัจจุบัน,นิยายรัก,boy love ,boylove ,boylove/yaoi,boylove,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายรัก,boy love ,boylove ,boylove/yaoi,boylove

รายละเอียด

ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ] โดย อันยาดี @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อถูกหักหลังเขาจึงซ่อนตัว แต่เมื่อรู้ชายคนที่เกลียดปรากฏ ทำไมใจของหวั่นไหว

ผู้แต่ง

อันยาดี

เรื่องย่อ

สารบัญ

ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 1 การมาของเขา,ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 2 ตัวช่วย,ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 3 บังคัง,ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 4 ย้ายมาอยู่ด้วย,ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 5 สอนทอ,ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 6 ใกล้ชิด,ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 7 ผ้าที่ทอเสร็จ,ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 8 ความจริงทั้งหมด,ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 9 หัวใจที่หายไป,ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 10 ตอนจบ

เนื้อหา

ตอนที่ 9 หัวใจที่หายไป

ตอนที่ 9
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ได้ หลังจากที่จอมได้ช่วยให้บริษัทของพ่อไม่ต้องล้มละลาย ลูกค้ารายงานพึงพอใจกับผ้าที่จอมทอ เพราะให้ความรู้สึกเดียวกับตอนรองชุดแต่งงานที่ทอด้วยผ้าอรุณสุริยาตา และสนใจซื้อผ้าด้วยราคาที่สูงมาก ตอนนี้บริษัทฟื้นตัวขึ้นมาในวงการผ้าของประเทศได้ พี่ชายก็กลับมาตั้งใจทำงานหลังจากที่รับบทเรียนราคาแพง ที่ตอนนี้พ่อสั่งไม่ให้ใครพูดถึงอีก

จอมขึ้นมาเป็นผู้บริษัทระดับสูงฝ่ายการคุมการทอผ้า เพราะแบบผ้าอรุณสุริยจันทรกานต์ มีเพียงเจ้าของเท่านั้นที่ทอได้ เขากลายเป็นคนสำคัญหนึ่งเดียวที่บริษัทขาดไม่ได้

ต้องขอบคุณตติที่สอนเข้ามา ถ้านึกย้อนไปวันนั้นถ้าพ่อของเขาไม่หักหลังตติ คนที่อยู่ตรงนี้ก็อาจจะเป็นตติก็ได้ นี่สินะที่เรียกว่าเล่ห์เหลี่ยม ตติอาจดูเห็นคนใจดี เงียบๆแลดูเป็นคนหัวอ่อน แต่แฝงไปด้วยคมเขี้ยวที่น่ากลัวที่ไม่ใช่ฟาดฟันคนอื่น แต่มีไว้ปกป้องและผลัดดันตัวเองให้เป็นหนึ่งเดียว ที่ใครๆก็ทดแทนไม่ได้

และคุณหญิงทิวดาวคือคนๆนั้น ด้วยเพราะคุณหญิงยินดีให้ตติใช้งาน และตติไม่ใช่คนที่ทะเยอทะยานใดๆ พอใจสิ่งที่ได้และมีทำให้อยู่มาได้ขนาดนี้ จุดที่คนดังๆมีเงินวิ่งเข้าหา และอ้อนวอนให้ทอผ้าให้

เขาก็อีกคนที่จะวิ่งเข้าหา แต่ต้องคว้าหัวใจของตติมาครอบครองให้ได้

---

จอมก้าวเท้าลงจากรถกระบะที่เช่ามาอีกครั้ง เขาใช้เวลาเกือบทั้งคืนขับขึ้นมาที่นี่ หวังจะได้เจอตติแม้เพียงเงาหลัง แต่สิ่งที่เจอคือความเงียบและสายลมที่พัดหอบกลิ่นดินชื้น

เขาเดินไปยังบ้านไม้เก่าของตติที่เคยพัก เสื่อผืนเก่า โต๊ะเตี้ย และกี่ทอผ้า ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นบาง ๆ บอกชัดว่าคนเจ้าของไม่ได้กลับมานานแล้ว

“พี่หายไปไหน หรือว่าไปเก็บไหมบนดอย”

เสียงลมพัดสวนตอบ ไม่มีใครเอ่ยรับ เหลือเพียงหัวใจที่เต้นแรงด้วยความกลัวที่จะสูญเสีย

---

“คุณจอม…มาหาใครคะ?” แม่เฒ่าจุนทัก หญิงชรากำลังจะเดินไปโรงไหมพอดี จอมจจึงเดินตามไปช่วยด้วย

"มาหาคุณตติครับ"

"ทำไมล่ะ"

“พี่…เขาอยู่ไหนครับ ผมถามใครก็ไม่มีใครเห็นเลย เลยคิดว่าเค้าขึ้นมาที่นี่”

“ไม่มานะคะ ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้ขึ้นมาอีกเลย คิดถึงอยู่เหมือนกัน”

"เหรอครับ ผมเป็นห่วงจัง"

“บางที…คุณตติคงอยากอยู่คนเดียวก็ได้ค่ะ คุณกับคุณตติมีเรื่องไม่เข้าใจกันหรือคะ?”

จอมก้มหน้าลง กำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นที่ข้อมือ หัวใจเขาเต้นแรงราวกับจะระเบิด ความว่างเปล่าที่ได้ยินยิ่งทำให้เจ็บปวด

"ครับ"

"ใจเย็น ๆ นะคะ คุณตติไม่หนีไปไหนหรอกคะ"

“แล้วผมควรทำยังไงครับ? ผมไม่อยากเสียเขาไป”

"รอค่ะ รอให้คุณเขาปรากฎตัวเอง"

แม้แม่เฒ่าจะเห็นใจ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก จึงทำได้แค่ปลอบเท่านั้น

---

หลายสัปดาห์ต่อมา ในเมืองกรุงที่เต็มไปด้วยตึกสูงและเสียงรถยนต์ กลับไม่สามารถทำให้ใจของจอมสงบลงได้เลย แม้ภายนอกเขาจะกลับมาในฐานะ “ผู้กอบกู้บริษัท” แต่ภายในกลับว่างเปล่า เหมือนหายใจอยู่ท่ามกลางอากาศที่ขาดออกซิเจน

ห้องประชุมใหญ่ของบริษัทคราคร่ำไปด้วยผู้บริหารที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม พวกเขายกมือปรบมือให้กับชายหนุ่มผู้เป็นทายาทที่สามารถสร้างผ้าทอชิ้นสำคัญจนกอบกู้ชื่อเสียงของบริษัทได้

“คุณจอม เราต้องขอบคุณจริง ๆ ที่ทำให้แบรนด์เราไม่ถูกลบหายจากวงการ คราวนี้หุ้นขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน” กรรมการบริษัทคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงยกย่อง

“สื่อทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจ ‘ลายอรุณสุริยจันทรกานต์’ อย่างมากค่ะ ตอนนี้ออร์เดอร์เข้ามาไม่หยุดเลย” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดสบทบ

เสียงชื่นชมดังก้องไปทั่ว แต่จอมกลับนั่งเงียบ มือประสานแน่นบนโต๊ะ ราวกับกำลังฟังอะไรที่ไม่ได้ยิน

“จอม…ลูกทำได้เกินกว่าที่พ่อคิดไว้มาก พ่อยอมรับ…ลูกมีความสามารถจริง ๆ”

ในที่สุดผู้เป็นพ่อที่ไม่เคยใยดีลูกชายนอกสมรสคนนี้ก็ยอมรับ คำพูดที่ครั้งหนึ่งเขาเฝ้ารอมาทั้งชีวิต แต่เมื่อได้ยินจริง ๆ กลับไม่ทำให้หัวใจอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขารู้สึกว่างเปล่ายิ่งกว่าเดิม

“ครับ…ถ้ามันช่วยบริษัทได้ ผมก็ดีใจครับ”

ทุกคนในห้องประชุมลุกขึ้นปรบมืออีกครั้ง เสียงดังสนั่น แต่สำหรับจอม มันเหมือนเสียงที่ก้องอยู่ไกลแสนไกล เขามองรอบตัว เห็นแต่ใบหน้าที่แสดงความยินดี แต่ไม่มีใบหน้าที่เขาต้องการเห็น

“ยินดีด้วยนะจอม แกเก่งจริงๆ…แต่ทำไมดูไม่ดีใจเลยล่ะ?” นนทกรพี่ชายต่างแม่เข้ามาจับมือ และขอบคุณอย่างสุดใจ เพราะน้องชายคนนี้ทำให้เขายังมีที่ยืนในบริษัทแห่งนี้ ทั้งที่การกระทะที่ผ่านมามันไม่น่าให้อภัย

"เห็นเป็นแบบนั้นเหรอ ?"

"ก็ใช่น่ะสิ เป็นฉันถ้ามีผู้บริหารระกับสูงลงมาชมแบบนี้ ฉันดีใจยิ้มทั้งวันแน่ๆ มันอิ่มใจ แต่แกกลับตาเศร้าๆ ไม่ดีใจเลยหรือ ?"

จอมชะงัก หันมามองนนทกรด้วยแววตาว่างเปล่า ไร้หัวใจ

“…มันไม่มีค่าอะไรหรอก ถ้าไม่มีเขาอยู่ตรงนี้ด้วย”

“เขา? …หมายถึงใครกัน?”

"...."

ไม่ตอบ สะพายกระเป๋าเอกสารแล้วเดินออกไปเงียบ ๆ

ภาพชายหนุ่มในสูทเรียบหรูเดินออกจากห้องประชุมราวกับผู้ชนะ แต่ดวงตาที่ทอดยาวกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ทุกย่างก้าวคือความรู้สึกชัดเจนว่า ความสำเร็จใด ๆ ในโลกนี้ไม่อาจแทนที่ “ตติ” ได้

“คุณจอมคะ มีเอกสารสัญญาต่างประเทศรอเซ็นอยู่ค่ะ อีกทั้งสื่อใหญ่ ๆ อยากนัดสัมภาษณ์คุณเกี่ยวกับเรื่องการพลิกฟื้นบริษัท” เลขานุการเคาะประตูเบา ๆ

“เอาไว้ก่อนก็ได้ครับ…วันนี้ผมอยากขอเวลาอยู่เงียบ ๆ สักหน่อย”

"ค่ะ งั้นดิฉันจะจัดการเลื่อนไว้ให้”

เมื่อประตูปิดลง ความเงียบเข้าปกคลุมห้องอีกครั้ง จอมเอนหลังพิงเก้าอี้ หยิบผ้าทอชิ้นเล็กที่เขาเก็บติดตัวออกมาจากกระเป๋า สูดลมหายใจลึก

---

ตกค่ำคืน แสงไฟในตึกสำนักงานใหญ่ทยอยดับลงทีละชั้น จนเหลือเพียงแสงสลัวจากชั้นบนสุด ห้องทำงานของ "จอม จันทรกานต์" ยังคงสว่างอยู่ ร่างสูงของจอมยืนพิงขอบโต๊ะ มองผ้าทอผืนเล็กในมือเหมือนกำลังชั่งน้ำหนักระหว่าง หน้าที่ กับ หัวใจ

“แกยังไม่ไปงานอีกเหรอ พ่อกับบอร์ดกำลังฉลองความสำเร็จอยู่นะ” นนทกรพี่ชายเข้ามาในห้อง ขนาดเคาะประตูแล้วน้องชายก็ไม่ได้ยิน

“ฉลองอะไรล่ะพี่…ฉลองที่ผมกลายเป็นหุ่นยนต์ที่ทำทุกอย่างได้ แต่ไม่มีหัวใจอย่างนั้นหรอ”

“แกเหนื่อยนะ” นนทกรไม่เข้าใจสิ่งที่น้องพูดเท่าไหร่ แต่เห็นน้องดูโทรมไปมากคิดว่าคงเหนื่อย "ลาพักร้อนมั้ยน้อง ไปตามหาหัวใจ ถ้าเจอค่อยกลับมา"

“ก็ดีครับ ผมจะลาพักร้อน…ไม่มีกำหนด”

“จอม! แกบ้าไปแล้วรึไง? บริษัทเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา แกหายไปแบบนี้มัน…”

"บริษัทมีพี่ มีพ่อ มีผู้บริหารคนอื่น อยู่แล้ว อีกผมไม่ได้หายไปไหนซักหน่อยแค่พักร้อน”
น้ำเสียงมั่นคงจนพี่ถึงกับพูดไม่ออก จอมเซ็นชื่ออย่างหนักแน่น วางปากกาลง ก่อนหยิบผ้าทอใส่กระเป๋าเสื้อ สูดลมหายใจลึก

"ฝากพี่ชายด้วยนะครับ ผมจะไปตามหาหัวใจ"

เสียงประตูห้องทำงานปิดลงเบา ๆ ทิ้งความว่างเปล่าไว้ข้างใน นนทกรมองตามแผ่นหลังกว้างของน้องชายที่เดินออกไปอย่างมุ่งมั่น รู้ดีว่า ไม่มีใครหยุดจอมได้อีกแล้ว และไม่มีใครกล้าหยุดคนที่เป็นผู้กอบกู้บริษัทได้หรอก

"รีบ ๆ หาให้เจอนะ ฉันทำคนเดียวไม่ได้"

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ได้ หลังจากที่จอมได้ช่วยให้บริษัทของพ่อไม่ต้องล้มละลาย ลูกค้ารายงานพึงพอใจกับผ้าที่จอมทอ เพราะให้ความรู้สึกเดียวกับตอนรองชุดแต่งงานที่ทอด้วยผ้าอรุณสุริยาตา และสนใจซื้อผ้าด้วยราคาที่สูงมาก ตอนนี้บริษัทฟื้นตัวขึ้นมาในวงการผ้าของประเทศได้ พี่ชายก็กลับมาตั้งใจทำงานหลังจากที่รับบทเรียนราคาแพง ที่ตอนนี้พ่อสั่งไม่ให้ใครพูดถึงอีก

จอมขึ้นมาเป็นผู้บริษัทระดับสูงฝ่ายการคุมการทอผ้า เพราะแบบผ้าอรุณสุริยจันทรกานต์ มีเพียงเจ้าของเท่านั้นที่ทอได้ เขากลายเป็นคนสำคัญหนึ่งเดียวที่บริษัทขาดไม่ได้

ต้องขอบคุณตติที่สอนเข้ามา ถ้านึกย้อนไปวันนั้นถ้าพ่อของเขาไม่หักหลังตติ คนที่อยู่ตรงนี้ก็อาจจะเป็นตติก็ได้ นี่สินะที่เรียกว่าเล่ห์เหลี่ยม ตติอาจดูเห็นคนใจดี เงียบๆแลดูเป็นคนหัวอ่อน แต่แฝงไปด้วยคมเขี้ยวที่น่ากลัวที่ไม่ใช่ฟาดฟันคนอื่น แต่มีไว้ปกป้องและผลัดดันตัวเองให้เป็นหนึ่งเดียว ที่ใครๆก็ทดแทนไม่ได้

และคุณหญิงทิวดาวคือคนๆนั้น ด้วยเพราะคุณหญิงยินดีให้ตติใช้งาน และตติไม่ใช่คนที่ทะเยอทะยานใดๆ พอใจสิ่งที่ได้และมีทำให้อยู่มาได้ขนาดนี้ จุดที่คนดังๆมีเงินวิ่งเข้าหา และอ้อนวอนให้ทอผ้าให้

เขาก็อีกคนที่จะวิ่งเข้าหา แต่ต้องคว้าหัวใจของตติมาครอบครองให้ได้

---

จอมก้าวเท้าลงจากรถกระบะที่เช่ามาอีกครั้ง เขาใช้เวลาเกือบทั้งคืนขับขึ้นมาที่นี่ หวังจะได้เจอตติแม้เพียงเงาหลัง แต่สิ่งที่เจอคือความเงียบและสายลมที่พัดหอบกลิ่นดินชื้น

เขาเดินไปยังบ้านไม้เก่าของตติที่เคยพัก เสื่อผืนเก่า โต๊ะเตี้ย และกี่ทอผ้า ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นบาง ๆ บอกชัดว่าคนเจ้าของไม่ได้กลับมานานแล้ว

“พี่หายไปไหน หรือว่าไปเก็บไหมบนดอย”

เสียงลมพัดสวนตอบ ไม่มีใครเอ่ยรับ เหลือเพียงหัวใจที่เต้นแรงด้วยความกลัวที่จะสูญเสีย

---

“คุณจอม…มาหาใครคะ?” แม่เฒ่าจุนทัก หญิงชรากำลังจะเดินไปโรงไหมพอดี จอมจจึงเดินตามไปช่วยด้วย

"มาหาคุณตติครับ"

"ทำไมล่ะ"

“พี่…เขาอยู่ไหนครับ ผมถามใครก็ไม่มีใครเห็นเลย เลยคิดว่าเค้าขึ้นมาที่นี่”

“ไม่มานะคะ ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้ขึ้นมาอีกเลย คิดถึงอยู่เหมือนกัน”

"เหรอครับ ผมเป็นห่วงจัง"

“บางที…คุณตติคงอยากอยู่คนเดียวก็ได้ค่ะ คุณกับคุณตติมีเรื่องไม่เข้าใจกันหรือคะ?”

จอมก้มหน้าลง กำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นที่ข้อมือ หัวใจเขาเต้นแรงราวกับจะระเบิด ความว่างเปล่าที่ได้ยินยิ่งทำให้เจ็บปวด

"ครับ"

"ใจเย็น ๆ นะคะ คุณตติไม่หนีไปไหนหรอกคะ"

“แล้วผมควรทำยังไงครับ? ผมไม่อยากเสียเขาไป”

"รอค่ะ รอให้คุณเขาปรากฎตัวเอง"

แม้แม่เฒ่าจะเห็นใจ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก จึงทำได้แค่ปลอบเท่านั้น

---

หลายสัปดาห์ต่อมา ในเมืองกรุงที่เต็มไปด้วยตึกสูงและเสียงรถยนต์ กลับไม่สามารถทำให้ใจของจอมสงบลงได้เลย แม้ภายนอกเขาจะกลับมาในฐานะ “ผู้กอบกู้บริษัท” แต่ภายในกลับว่างเปล่า เหมือนหายใจอยู่ท่ามกลางอากาศที่ขาดออกซิเจน

ห้องประชุมใหญ่ของบริษัทคราคร่ำไปด้วยผู้บริหารที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม พวกเขายกมือปรบมือให้กับชายหนุ่มผู้เป็นทายาทที่สามารถสร้างผ้าทอชิ้นสำคัญจนกอบกู้ชื่อเสียงของบริษัทได้

“คุณจอม เราต้องขอบคุณจริง ๆ ที่ทำให้แบรนด์เราไม่ถูกลบหายจากวงการ คราวนี้หุ้นขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน” กรรมการบริษัทคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงยกย่อง

“สื่อทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจ ‘ลายอรุณสุริยจันทรกานต์’ อย่างมากค่ะ ตอนนี้ออร์เดอร์เข้ามาไม่หยุดเลย” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดสบทบ

เสียงชื่นชมดังก้องไปทั่ว แต่จอมกลับนั่งเงียบ มือประสานแน่นบนโต๊ะ ราวกับกำลังฟังอะไรที่ไม่ได้ยิน

“จอม…ลูกทำได้เกินกว่าที่พ่อคิดไว้มาก พ่อยอมรับ…ลูกมีความสามารถจริง ๆ”

ในที่สุดผู้เป็นพ่อที่ไม่เคยใยดีลูกชายนอกสมรสคนนี้ก็ยอมรับ คำพูดที่ครั้งหนึ่งเขาเฝ้ารอมาทั้งชีวิต แต่เมื่อได้ยินจริง ๆ กลับไม่ทำให้หัวใจอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขารู้สึกว่างเปล่ายิ่งกว่าเดิม

“ครับ…ถ้ามันช่วยบริษัทได้ ผมก็ดีใจครับ”

ทุกคนในห้องประชุมลุกขึ้นปรบมืออีกครั้ง เสียงดังสนั่น แต่สำหรับจอม มันเหมือนเสียงที่ก้องอยู่ไกลแสนไกล เขามองรอบตัว เห็นแต่ใบหน้าที่แสดงความยินดี แต่ไม่มีใบหน้าที่เขาต้องการเห็น

“ยินดีด้วยนะจอม แกเก่งจริงๆ…แต่ทำไมดูไม่ดีใจเลยล่ะ?” นนทกรพี่ชายต่างแม่เข้ามาจับมือ และขอบคุณอย่างสุดใจ เพราะน้องชายคนนี้ทำให้เขายังมีที่ยืนในบริษัทแห่งนี้ ทั้งที่การกระทะที่ผ่านมามันไม่น่าให้อภัย

"เห็นเป็นแบบนั้นเหรอ ?"

"ก็ใช่น่ะสิ เป็นฉันถ้ามีผู้บริหารระกับสูงลงมาชมแบบนี้ ฉันดีใจยิ้มทั้งวันแน่ๆ มันอิ่มใจ แต่แกกลับตาเศร้าๆ ไม่ดีใจเลยหรือ ?"

จอมชะงัก หันมามองนนทกรด้วยแววตาว่างเปล่า ไร้หัวใจ

“…มันไม่มีค่าอะไรหรอก ถ้าไม่มีเขาอยู่ตรงนี้ด้วย”

“เขา? …หมายถึงใครกัน?”

"...."

ไม่ตอบ สะพายกระเป๋าเอกสารแล้วเดินออกไปเงียบ ๆ

ภาพชายหนุ่มในสูทเรียบหรูเดินออกจากห้องประชุมราวกับผู้ชนะ แต่ดวงตาที่ทอดยาวกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ทุกย่างก้าวคือความรู้สึกชัดเจนว่า ความสำเร็จใด ๆ ในโลกนี้ไม่อาจแทนที่ “ตติ” ได้

“คุณจอมคะ มีเอกสารสัญญาต่างประเทศรอเซ็นอยู่ค่ะ อีกทั้งสื่อใหญ่ ๆ อยากนัดสัมภาษณ์คุณเกี่ยวกับเรื่องการพลิกฟื้นบริษัท” เลขานุการเคาะประตูเบา ๆ

“เอาไว้ก่อนก็ได้ครับ…วันนี้ผมอยากขอเวลาอยู่เงียบ ๆ สักหน่อย”

"ค่ะ งั้นดิฉันจะจัดการเลื่อนไว้ให้”

เมื่อประตูปิดลง ความเงียบเข้าปกคลุมห้องอีกครั้ง จอมเอนหลังพิงเก้าอี้ หยิบผ้าทอชิ้นเล็กที่เขาเก็บติดตัวออกมาจากกระเป๋า สูดลมหายใจลึก

---

ตกค่ำคืน แสงไฟในตึกสำนักงานใหญ่ทยอยดับลงทีละชั้น จนเหลือเพียงแสงสลัวจากชั้นบนสุด ห้องทำงานของ "จอม จันทรกานต์" ยังคงสว่างอยู่ ร่างสูงของจอมยืนพิงขอบโต๊ะ มองผ้าทอผืนเล็กในมือเหมือนกำลังชั่งน้ำหนักระหว่าง หน้าที่ กับ หัวใจ

“แกยังไม่ไปงานอีกเหรอ พ่อกับบอร์ดกำลังฉลองความสำเร็จอยู่นะ” นนทกรพี่ชายเข้ามาในห้อง ขนาดเคาะประตูแล้วน้องชายก็ไม่ได้ยิน

“ฉลองอะไรล่ะพี่…ฉลองที่ผมกลายเป็นหุ่นยนต์ที่ทำทุกอย่างได้ แต่ไม่มีหัวใจอย่างนั้นหรอ”

“แกเหนื่อยนะ” นนทกรไม่เข้าใจสิ่งที่น้องพูดเท่าไหร่ แต่เห็นน้องดูโทรมไปมากคิดว่าคงเหนื่อย "ลาพักร้อนมั้ยน้อง ไปตามหาหัวใจ ถ้าเจอค่อยกลับมา"

“ก็ดีครับ ผมจะลาพักร้อน…ไม่มีกำหนด”

“จอม! แกบ้าไปแล้วรึไง? บริษัทเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา แกหายไปแบบนี้มัน…”

"บริษัทมีพี่ มีพ่อ มีผู้บริหารคนอื่น อยู่แล้ว อีกผมไม่ได้หายไปไหนซักหน่อยแค่พักร้อน”
น้ำเสียงมั่นคงจนพี่ถึงกับพูดไม่ออก จอมเซ็นชื่ออย่างหนักแน่น วางปากกาลง ก่อนหยิบผ้าทอใส่กระเป๋าเสื้อ สูดลมหายใจลึก

"ฝากพี่ชายด้วยนะครับ ผมจะไปตามหาหัวใจ"

เสียงประตูห้องทำงานปิดลงเบา ๆ ทิ้งความว่างเปล่าไว้ข้างใน นนทกรมองตามแผ่นหลังกว้างของน้องชายที่เดินออกไปอย่างมุ่งมั่น รู้ดีว่า ไม่มีใครหยุดจอมได้อีกแล้ว และไม่มีใครกล้าหยุดคนที่เป็นผู้กอบกู้บริษัทได้หรอก

"รีบ ๆ หาให้เจอนะ ฉันทำคนเดียวไม่ได้"

จบตอน