ชาย-ชาย,รัก,ไทย,ยุคปัจจุบัน,นิยายรัก,boy love ,boylove ,boylove/yaoi,boylove,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฟ้าเหนือดอยในตอนสายเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็วจากกลายเป็นหม่นเทา เมฆครึ้มแผ่กว้างบดบังแสงอาทิตย์จนแสงทั้งผืนป่าดูหม่นหมอง ลมเย็นจัดพัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ ใบไม้เสียดสีกันจนเกิดเสียงดังเหมือนเสียงกระซิบจากธรรมชาติ
ตติเดินนำอยู่ด้านหน้า แบกตะกร้าไม้ไผ่ใส่รังไหมที่แม่เฒ่าจุนเพิ่งแบ่งให้มาทดลองเลี้ยง ส่วนจอมก็เดินตามมาติด ๆ เสื้อเชิ้ตแขนยาวถูกม้วนขึ้นสูง เปื้อนเหงื่อและดินฝุ่นจากเส้นทางดอย ทั้งสองยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดคุย เสียงฟ้าร้องก็คำรามก้อง
ครืนนนนน!
“ฝนมาเร็วกว่าที่คิด รีบเดินเถอะ เดี๋ยวไม่ทันถึงที่พัก” ตติหยุดก้าว หันมามองฟ้าแล้วขมวดคิ้ว
“ได้ครับพี่” ยกมือป้องตา มองไปข้างหน้า เห็นม่านฝนเริ่มโปรยจากยอดดอยสูง
ไม่ทันขาดคำ สายฝนเม็ดใหญ่ก็เริ่มโปรยปรายลงมา กลิ่นดินหอมชื้นลอยฟุ้งไปทั่ว ตติรีบยกผ้าขาวม้าที่พกติดตัวขึ้นคลุมตะกร้า ส่วนจอมใช้แขนทั้งสองป้องศีรษะ ก่อนจะวิ่งตามชายหนุ่มที่เร่งฝีเท้าขึ้นจนมาถึงบ้าน
ฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักจนเสื้อผ้าของทั้งคู่เปียกชุ่มไปหมด เสียงฝีเท้าวิ่งกระทบโคลนดังแฉะ ๆ ตลอดทาง จนในที่สุดก็เจอบ้านไม้ยกพื้นเล็ก ๆ ริมทางที่เคยใช้เป็นที่พักของคนขึ้นดอยหาของป่า ตติผลักประตูไม้ที่ผุเก่าเข้าไปทันที
“เหมือนในหนังเลยนะครับ วิ่งตากฝนเข้าบ้าน ยังดีที่ไม่ใช่ร้าง”
จอมทั้งหอบแฮ่ก และหัวเราะเบา ๆ ทั้งที่ตัวเองเปียกโชก
“ถ้าไม่อยากไม่สบายก็เงียบ ๆ แล้วนั่งพักซะ” ตติถอนหายใจแรง สะบัดน้ำออกจากแขนเสื้อ ดวงตายังเคร่งเครียด
เสียงฝนกระทบหลังคาดังไม่หยุด ราวกับตีกลองจังหวะถี่ ๆ กลิ่นไม้เก่าและความอับชื้นตลบอบอวล แต่กลับกลายเป็นที่หลบภัยอันอบอุ่นชั่วคราว ทั้งสองนั่งลงข้างกันในมุมหนึ่งของบ้าน หัวไหล่แทบจะชนกันเพราะพื้นที่แคบ
“พี่ตติเปียกเหมือนกัน… ตัวสั่นเลยไหมครับ”
“ไม่ต้องห่วงฉัน รีบไปเอาผ้ามาเช็ดตัวเลย เดี๋ยวจะไม่สบาย ไม่อยากให้ยุ่งยากทีหลังเท่านั้นแหละ”
"ครับผม"
แม้จะพูดแข็ง แต่ในใจตติกลับรู้สึกบางอย่างสั่นไหว ภาพของจอมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวเปียกฝนแต่ยังพยายามยิ้มออกมา ทำให้บรรยากาศอึดอัดในอกคลายลงเล็กน้อย เสียงฝนยังคงตกหนักราวกับจะกักทั้งคู่ให้อยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ ร่วมกันนานกว่าที่ตั้งใจไว้
จอมเอาผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาเผื่อตติด้วย
“ฝนตกแบบนี้…บางทีก็เหมือนฟ้าอยากให้คนได้หยุดพักบ้างนะครับ” จอมนั่งริมหน้าต่าง มองดูฝนตกเหมือนตติ
ตติไม่ตอบ แต่ในใจกลับเห็นด้วยโดยไม่รู้ตัว สายฝนที่โปรยลงมาอาจไม่ใช่แค่สิ่งรบกวนการเดินทาง หากแต่กำลังบังคับให้เขาและจอมต้องนั่งเผชิญหน้ากับความจริงที่ต่างพยายามหลบเลี่ยงมาตลอด
จอมขยับกายเล็กน้อย มองไปยังรอยฝนที่ซึมลงตามรอยแตกของฝาไม้ ก่อนจะสูดลมหายใจลึกเหมือนกำลังตัดสินใจบางอย่าง
“พี่ตติ… ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”
“อะไร”
“พี่…เคยคิดเกลียดผมมากจริง ๆ ใช่ไหมครับ เพราะเรื่องที่พ่อผมทำ”
ตติชะงักไปทันที คำถามนั้นเหมือนหอกที่แทงตรงมาที่หัวใจ เขาเม้มปากแน่น แววตาสั่นไหวชั่วขณะ แต่สุดท้ายกลับฝืนเสียงให้แข็ง
“ใช่…ฉันเกลียดเธอ เกลียดที่เธอเป็นลูกของเขา”
คำพูดนั้นเย็นชาเหมือนคมมีด แต่จอมกลับยิ้มบาง ๆ ออกมา รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดมากกว่าความสุข
“ผมก็เกลียดตัวเองเหมือนกันครับ…ที่เกิดมาในฐานะ ‘ลูกคนนอก’ คนที่ไม่มีสิทธิ์จะใช้คำว่าครอบครัวเหมือนคนอื่น” จอมเงยหน้าขึ้น สายตาขื่นขม
“หมายความว่ายังไง” ตติขมวดคิ้ว เผลอถามออกไป
จอมเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความขมขื่น
“ตั้งแต่เด็ก ผมไม่เคยได้ยินคำว่าลูกจากปากพ่อเลยสักครั้ง… ไม่เคยได้ยินว่าเขาภูมิใจในตัวผม มีแต่คำว่า ‘อย่าให้คนอื่นรู้’ หรือไม่ก็ ‘อยู่ห่าง ๆ หน่อย’ เหมือนผมเป็นตราบาปที่เขาไม่อยากให้ใครเห็น”
“….”
“แม่ผมก็ลำบากมาตลอด แม่ของผมก็เป็นคนเลี้ยงไหมแบบแม่เฒ่านี้แหละ สาวสวยประจำหมู่บ้าน วันหนึ่งพ่อไปหาซื้อไหมและเจอกับแม่ แม่บอกว่าพ่อมีแต่คำหวานมากมายจนแม่หลงรักและตกเป็นของพ่อจนท้อง พ่อไม่รับรู้อะไรเพราะได้ไหมที่ต้องการไปแล้ว แม่ของผมถูกชาวบ้านนินทาเป็นผู้หญิงใจงาน ผมก็เป็นลูกไม่มีพ่อ จนแม่ใกล้ตายผมจึงรู้ว่าพ่อเป็นใคร...”
เสียงฝนภายนอกดูเหมือนเบาลงไปชั่วขณะ ทว่าหัวใจของตติกลับหนักอึ้งกว่าเดิม ภาพของจอมที่มักพยายามยิ้มตลอดเวลาเริ่มแตกสลาย เหลือเพียงเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยรอยแผลในใจ
"แล้วทำไมถึงเลือกไปอยู่กับพ่อล่ะ อยู่บ้านเลี้ยงไหมก็มีความสุขกว่าอยู่กับคนแบบนั้น”
"แม่บอกว่าผมจะได้เรียนสูงๆ และเมื่อเรียนสูงๆจะมีคนยอมรับ แต่จริงๆแล้วผมก็แต่เฟืองตัวเล็กๆที่ทำงานให้บริษัทของพ่อ พี่ชายก็ไม่เอาไหนสร้างปัญหา จนผมต้องมาที่นี่ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของผมเลย"
"แต่ก็ยังมา"
จอมเงยหน้าสบตาตติ น้ำเสียงจริงใจ
“เพราะนี่เป็นโอกาสของผม… ถ้าบริษัทล้ม ลูกน้องและทีมของผมก็จะตกงาน แล้วก็...บางครั้งผมก็คิดนะครับ…ว่าถ้าผมมีสิทธิ์เลือกเกิดก็คงดี อย่างน้อย…คงไม่ต้องมาเจอสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังแบบนี้” จอมมองไปที่ตติ
“จอม…” เสียงของตติแผ่ว พูดแทบไม่ออก รู้สึกผิดลึก ๆ ที่ตนเองตัดสินจอม เพียงเพราะเป็นลูกของเพื่อนทรยศ
“นายไม่ควรเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฉันฟัง” ตติเอ่ยเสียงต่ำ สั่นเล็กน้อย
“เพราะพี่จะเกลียดผมมากขึ้นใช่ไหมครับ”
“เปล่า… แต่เพราะฉัน…ไม่รู้จะมองนายยังไงแล้ว” ตติเบือนหน้า ซ่อนแววตาสะท้อนความสับสน
คำพูดนั้นทำให้จอมชะงักไป แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ เขาค่อย ๆ ยกมือขึ้นลูบต้นแขนตัวเองอย่างประหม่า ก่อนเอ่ยออกมาอย่างจริงใจ
“ถ้าพี่ไม่รู้จะมองยังไง… ก็ลองมองผมเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งได้ไหมครับ ไม่ใช่ลูกของใคร แค่ ‘จอม’ ที่อยากยืนตรงหน้าพี่ตติเท่านั้น”
ตติหันกลับมาช้า ๆ ดวงตาสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด ความแข็งกร้าวที่เคยโอบรัดหัวใจเขากำลังค่อย ๆ หลุดออกทีละชั้น
“นายนี่…มันดื้อจริง ๆ”
“ก็ติดมาจากพี่” จอมหัวเราะเบา ๆ แต่แฝงความอบอุ่น
ความเงียบโรยตัวลงอีกครั้ง ทว่าในความเงียบนั้นเต็มไปด้วยแรงดึงดูดมหาศาล จอมค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้ แววตาเต็มไปด้วยความลังเลแต่ก็แน่วแน่ในเวลาเดียวกัน
“อย่า… เราไม่ควรทำแบบนี้” ตติยกมือดันอกอีกฝ่ายไว้เล็กน้อย เสียงสั่น แต่ตามันไม่ได้ห้ามอย่างที่ปากบอก
วินาทีนั้น สายฟ้าแลบวาบสว่างกลางท้องฟ้า ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องก้อง แต่กลับไม่มีใครสะดุ้ง มีเพียงสายตาสองคู่ที่มองกันไม่วางตา จอมค่อย ๆ โน้มใบหน้าเข้าใกล้ และแม้ตติจะพยายามห้าม แต่ริมฝีปากกลับไม่ขยับหนี
จูบแรกเกิดขึ้นกลางเสียงฝนและความเงียบงัน… อบอุ่น อ่อนโยน แต่แฝงด้วยความโหยหาที่เก็บกดมานาน ตติแทบลืมหายใจ รู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกจากอก จอมกดสัมผัสนั้นไว้เพียงแผ่วเบา ก่อนจะผละออกเล็กน้อย
“ผม…ไม่ได้อยากให้พี่สงสาร แต่ผมอยากให้พี่รู้ว่าผมรู้สึกยังไง”
"มันเร็วไป" ตติดวงตาสั่นไหว หายใจถี่
"แต่พี่ก็ไม่ได้ปฏิเสธจูบของผม"
ตติไม่ตอบอะไร เขาหลับตาลงชั่วครู่เพื่อกลบเกลื่อนความวุ่นวายในใจ แต่ริมฝีปากกลับเผยอรับจุมพิตครั้งที่สองที่จอมโน้มเข้ามาอย่างอ่อนโยนกว่าเดิม คราวนี้ตติไม่ผลักไสอีกแล้ว เขาปล่อยให้หัวใจพาไปไกลกว่าที่เคยตั้งกำแพงไว้
---
สายฝนภายนอกยังคงตกหนัก แต่ในบ้านไม้หลังเล็กกลับอบอุ่นราวกับมีแสงสว่างซ่อนอยู่ จอมกับตติยังคงจ้องมองกันในระยะใกล้ แววตาไม่หลบหนีอีกต่อไป… และนี่คือจูบแรกที่เปลี่ยนทุกอย่างระหว่างพวกเขา
จบตอน