เมื่อถูกหักหลังเขาจึงซ่อนตัว แต่เมื่อรู้ชายคนที่เกลียดปรากฏ ทำไมใจของหวั่นไหว

ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ] - ตอนที่ 8 ความจริงทั้งหมด โดย อันยาดี @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,ยุคปัจจุบัน,นิยายรัก,boy love ,boylove ,boylove/yaoi,boylove,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายรัก,boy love ,boylove ,boylove/yaoi,boylove

รายละเอียด

ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ] โดย อันยาดี @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อถูกหักหลังเขาจึงซ่อนตัว แต่เมื่อรู้ชายคนที่เกลียดปรากฏ ทำไมใจของหวั่นไหว

ผู้แต่ง

อันยาดี

เรื่องย่อ

สารบัญ

ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 1 การมาของเขา,ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 2 ตัวช่วย,ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 3 บังคัง,ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 4 ย้ายมาอยู่ด้วย,ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 5 สอนทอ,ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 6 ใกล้ชิด,ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 7 ผ้าที่ทอเสร็จ,ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 8 ความจริงทั้งหมด,ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 9 หัวใจที่หายไป,ผมจะทอไหมให้คุณรัก Yaoi: BL [ติดเหรียญตอนจบ]-ตอนที่ 10 ตอนจบ

เนื้อหา

ตอนที่ 8 ความจริงทั้งหมด

ตอนที่ 8
ท้องฟ้าเหนือเมืองใหญ่วันนี้ขมุกขมัว เมฆหนาทึบกดทับอาคารสูงจนบรรยากาศชวนอึดอัด ราวกับสะท้อนหัวใจของจอมที่กำลังหนักหน่วง เขาเดินลากกระเป๋าใส่ผ้าไหมกลับมาถึงคฤหาสน์ใหญ่ของครอบครัว บ้านหลังนี้โอ่อ่า หรูหรา แต่ในความหรูหรากลับแฝงด้วยความเย็นชาที่เขาคุ้นชินมาตลอดชีวิต

เสียงฝีเท้าเมื่อก้าวผ่านประตูไม้ใหญ่ดังก้องไปทั่วโถงหินอ่อน ราวกับทุกก้าวย้ำเตือนว่า เขากำลังกลับมาเป็น “ลูกชายคนผิด” อีกครั้ง ไม่ใช่แค่ลูกนอกสมรส หากแต่เป็นเงาที่ถูกทาบทับด้วยชื่อเสียงและความคาดหวังของใครอีกคน

จอมวางกระเป๋าผ้าไหมลงกับโต๊ะ ถอนหายใจยาว

ประตูห้องโถงด้านในเปิดออก พ่อของเขา "นนทวัฒน์" ก้าวออกมาพร้อมกับสายตาเข้มงวด เสื้อสูทตัดเย็บอย่างดีที่สวมอยู่ทำให้ยิ่งดูเป็นคนที่เข้มแข็งและเย็นชา ทุกย่างก้าวของพ่อกดทับหัวใจจอมยิ่งกว่าคำพูดใด ๆ

“กลับมาแล้วรึ”

“ครับพ่อ…ผมเอาผ้าไหมกลับมาแล้ว” จอมก้มศีรษะเล็กน้อย ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อน

เขาเปิดกระเป๋า หยิบห่อผ้าไหมที่ห่อด้วยผ้าขาวบางออกมาอย่างทะนุถนอม คลี่ให้พ่อเห็นทีละชั้น สีทองอ่อนแทรกด้วยแสงประกายแดงและส้มสะท้อนแสงไฟในโถงจนดูราวกับพระอาทิตย์กำลังขึ้นเหนือขอบฟ้า

นนทวัฒน์ชะงักไปเล็กน้อย แต่เพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะกลับมาสวมหน้ากากเข้มงวดเช่นเดิม สายตาคมกริบกวาดมองไปทั่วลายผ้า

“ไหนสมุดบันทึก”

“ผม…ไม่ได้จดครับ”

คำตอบสั้น ๆ นั้นเหมือนระเบิดลงกลางห้อง เงียบกริบอยู่เพียงชั่วอึดใจ ก่อนเสียงตวาดของพ่อจะดังสะท้อนกำแพงสูง

“ไม่ได้จด? แกกล้ากลับมาบอกฉันแบบนี้รึไอ้จอม! สิ่งที่ฉันสั่งไว้ แกไม่ทำ! แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าผลงานได้ยังไง!!”

เสียงของพ่อดังสะท้อนจนคนใช้ในบ้านที่อยู่ไกลยังสะดุ้งหันมามอง จอมยืนนิ่ง ร่างกายสั่นเล็กน้อยแต่พยายามประคองสายตาไม่ให้สั่นไหวไปตามความกลัว

“พ่อครับ…ผมไม่ได้จด เพราะลายนี้…มันไม่ใช่สิ่งที่จะเขียนเก็บไว้เป็นตัวหนังสือได้” จอมเงยหน้ามองพ่อด้วยสายตาหนักแน่น แม้เสียงยังสั่น

“หมายความว่ายังไง จอม? ทุกลวดลายมีที่มา ทุกแพทเทิร์นต้องมีการบันทึก นั่นคือกฎ นั่นคือสิ่งที่ทำให้มันสืบต่อได้!”

“แต่ผืนลายนี้…มันไม่มีแพทเทิร์นครับพ่อ มันไม่ตายตัว มันเปลี่ยนไปตามมือคนทอ และตามหัวใจ”

คำพูดนั้นทำให้ห้องทั้งห้องเงียบลงชั่วขณะ ราวกับแม้แต่เสียงนาฬิกาก็หยุดเดิน นนทวัฒน์เพียงขมวดคิ้ว มองผ้าที่อยู่ในมือด้วยความไม่พอใจปนสับสน

“แกกำลังบอกฉันว่า แกไม่เคารพสิ่งที่ฉันสอนมาใช่ไหม? ทุกอย่างต้องมีระบบ มีการสืบทอด ไม่ใช่แค่พูดเรื่องไร้สาระว่า…หัวใจ”

“ไม่ใช่ไร้สาระครับ! ลายนี้เกิดจากความจริง…ความรู้สึกที่ผมใส่ลงไป มันถึงออกมาเป็นแบบนี้ ถ้าผมจดเป็นเส้น เป็นตาราง ต่อให้ใครเอาไปทำ…มันก็ไม่ใช่ผืนเดียวกันแล้ว!”

มือของเขาสั่นเมื่อคลี่ผ้าออกกว้างให้แสงไฟตกกระทบ ผืนไหมเปล่งประกายราวกับแสงแรกของอรุณ ความอบอุ่นแผ่กระจายจนคนใช้ที่ยืนมองอยู่ไกล ๆ ยังรู้สึกได้

“นี่คือ…สิ่งที่ตติสอนผมครับพ่อ”

คำว่า "ตติ" ทำให้นนทวัฒน์สะดุดเล็กน้อย สายตาคมของพ่อหรี่ลง จับจ้องที่ผืนผ้าเหมือนกำลังมองหาคำตอบบางอย่าง ความโกรธเกรี้ยวเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความลังเลที่ไม่คุ้นเคย

“แกพูดเหมือน…ผืนนี้มีความหมายมากกว่าที่ฉันคิด”

“ครับพ่อ…มันไม่ใช่ อรุณสุริยาตา อย่างที่พ่อสั่งให้ผมตามหา แต่มันคือ… อรุณสุริยตติกร”

เสียงของจอมก้องกังวานไปทั่วโถง ราวกับชื่อนั้นมีพลังพิเศษที่สะท้อนเข้าไปในหัวใจของทุกคน นนทวัฒน์ชะงัก ตัวแข็งค้าง หัวใจที่ปิดตายมานานถูกสะกิดด้วยความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

“แก…พูดว่าอะไรนะ? อรุณสุริยตติกร? แกจะมาเปลี่ยนชื่อผ้าตามอำเภอใจแบบนี้ได้ยังไง!”

“ไม่ใช่การเปลี่ยนครับพ่อ แต่เป็นการคืนความจริงให้มัน…ผ้าที่พ่อเรียกว่า อรุณสุริยาตา ไม่เคยมีอยู่จริง ลายที่แท้จริงมันเกิดจากตติกร คนที่สอนผมทอ คนที่พ่อขโมยผ้ามาโดยเข้าใจผิดคิดว่าผ้านั้นคืออรุณสุริยาตาไงครับ”

“ตติ…? ตติกร?”

“ใช่ครับพ่อ เพื่อนสนิทที่ไว้ใจพ่อที่สุด เพื่อนคนที่ทอผ้าด้วยมือและใจ มันไม่มีแพทเทิร์น ตอนนั้น คุณตติบอกอะไรพ่อบ้าง หรือกำลังจะบอกอะไรพ่อเกี่ยวกับผ้าผืนนี้”

"ไม่รู้ ฉันไม่รู้"

"เพราะพ่อถูกความโลภครอบงำ จนไม่ได้สนใจความจริง พ่อขโมยผ้าแค่สองหลานั่นมาสร้างชื่อเสียงจนโด่งดัง จนมีทุกวันนี้วันที่บริษัทของพ่อที่สร้างมาจะล้มละลาย พ่อคิดดูดี ๆ ถ้าวันนั้นพ่อกับคุณตติร่วมมือกันเดินทางมาพร้อม ๆ กัน บริษัทคงไม่มาถึงจุดนี้แน่นอน พ่อรู้จักนิสัยคุณตติดีที่สุดใช่มั้ยครับ?"

นนทวัฒน์ก้าวถอยไปหนึ่งก้าว ร่างสูงที่เคยยืนมั่นคงดูสั่นคลอนขึ้นอย่างประหลาด คำว่า หัวใจ ที่จอมย้ำ ไม่ได้เพียงกระแทกหู แต่เหมือนแทงลึกลงไปในชั้นในสุดของความทรงจำ

“ไม่…มันจะเป็นไปได้ยังไง… ผืนผ้านี้…คือสิ่งสำคัญที่ฉัรสร้างเพื่อให้เป็นมรดกของตระกูล”

นนทวัฒน์เงียบงัน ราวกับถูกดึงเข้าสู่ความขัดแย้งในใจ ลมหายใจหนักหน่วง หัวใจเต้นแรง ความเย่อหยิ่งที่เคยปิดบังความผิดพลาดเริ่มร้าวลงทีละน้อย

“อรุณ…สุริยตติ…กร ถ้ามันเป็นจริง…ฉัน…อาจจะ…ผิดมาตลอด”

“พ่อไม่ได้ผิดที่อยากสร้างมรดกของตระกูล…แต่พ่อผิดตรงที่พ่อไม่เคยฟังใครเลย แม้แต่เพื่อนสนิทที่ช่วยพ่อสร้างผ้าผืนนี้ขึ้นมา”

คำพูดนั้นเหมือนคมมีดกรีดลงกลางอก นนทวัฒน์เผลอกำมือแน่น ดวงตาแดงวาวคล้ายจะหลั่งน้ำตา แต่ความเป็นหัวหน้าครอบครัวยังทำให้เขากัดกรามกลั้นไว้

“แล้ว…ตติล่ะ? เขาอยู่ที่ไหน? พาฉันไปหาเขา”

ดวงตาของจอมไหววูบ เขาหันไปยังมุมห้อง ที่ก่อนหน้านี้ตตินั่งเงียบเป็นเงาร่าง แต่เมื่อมองอีกครั้ง…เก้าอี้ว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่แล้ว

"พี่เขาสั่งไม่ให้ผมกลับไปแล้วครับ เขาได้สอนการทอผ้าพื้นนี้ให้กับผมแล้ว และไม่จำเป็นต้องมาเจอใครอีก แม้แต่ผม"

“ไม่…ตติ…ฉัน…”

“พ่อเคยมีโอกาส แต่โอกาสนั้น…พ่อปล่อยให้มันหลุดมือไปแล้วตั้งแต่วันที่พ่อเอาผ้ามาเป็นของตัวเอง”

ความเงียบกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นความเงียบที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด นนทวัฒน์ยืนพ่ายแพ้ให้กับความจริงที่เขาหลบเลี่ยงมาตลอด ขณะที่จอมยืนนิ่ง หัวใจสั่นไหวไม่เพียงเพราะพ่อ แต่เพราะความว่างเปล่าที่ตติทิ้งไว้

"ผมจะทอผ้าอรุณสุริยาตา ไม่สิ อรุณสุริยจันทรกานต์ ให้กับลูกค้าครับ"

ใช่แล้วลายผ้าเจ้าปัญหา ชื่อไม่ได้ตายตัวไม่มีแบบหรือแพดเทิร์นใดๆทั้งนั้น มันมาจากไหมชนิดพิเศษที่แม่เฒ่าจุนผู้ชำนาญการเลี้ยงไหมปั่นด้ายให้เท่านั้น เมื่อคนได้สัมผัสไหมก็ทำให้รู้สึกนุ่มสบาย แล้วบังเอิญเป็นลายผ้าที่ตติกรทอมือเท่านั้น เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพียงสิ่งที่พ่อของเขาเข้าใจผิดไปเอง

แต่เพราะความเข้าใจผิดนั้นทำให้เขาได้เจอกับ "รัก" รักที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน แฟนเก่าที่เป็นถึงดาราสาวชื่อดังก็ไม่เคยรู้สึกแบบที่เกิดกับตติมาก่อนเลย

จบตอน

ท้องฟ้าเหนือเมืองใหญ่วันนี้ขมุกขมัว เมฆหนาทึบกดทับอาคารสูงจนบรรยากาศชวนอึดอัด ราวกับสะท้อนหัวใจของจอมที่กำลังหนักหน่วง เขาเดินลากกระเป๋าใส่ผ้าไหมกลับมาถึงคฤหาสน์ใหญ่ของครอบครัว บ้านหลังนี้โอ่อ่า หรูหรา แต่ในความหรูหรากลับแฝงด้วยความเย็นชาที่เขาคุ้นชินมาตลอดชีวิต

เสียงฝีเท้าเมื่อก้าวผ่านประตูไม้ใหญ่ดังก้องไปทั่วโถงหินอ่อน ราวกับทุกก้าวย้ำเตือนว่า เขากำลังกลับมาเป็น “ลูกชายคนผิด” อีกครั้ง ไม่ใช่แค่ลูกนอกสมรส หากแต่เป็นเงาที่ถูกทาบทับด้วยชื่อเสียงและความคาดหวังของใครอีกคน

จอมวางกระเป๋าผ้าไหมลงกับโต๊ะ ถอนหายใจยาว

ประตูห้องโถงด้านในเปิดออก พ่อของเขา "นนทวัฒน์" ก้าวออกมาพร้อมกับสายตาเข้มงวด เสื้อสูทตัดเย็บอย่างดีที่สวมอยู่ทำให้ยิ่งดูเป็นคนที่เข้มแข็งและเย็นชา ทุกย่างก้าวของพ่อกดทับหัวใจจอมยิ่งกว่าคำพูดใด ๆ

“กลับมาแล้วรึ”

“ครับพ่อ…ผมเอาผ้าไหมกลับมาแล้ว” จอมก้มศีรษะเล็กน้อย ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อน

เขาเปิดกระเป๋า หยิบห่อผ้าไหมที่ห่อด้วยผ้าขาวบางออกมาอย่างทะนุถนอม คลี่ให้พ่อเห็นทีละชั้น สีทองอ่อนแทรกด้วยแสงประกายแดงและส้มสะท้อนแสงไฟในโถงจนดูราวกับพระอาทิตย์กำลังขึ้นเหนือขอบฟ้า

นนทวัฒน์ชะงักไปเล็กน้อย แต่เพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะกลับมาสวมหน้ากากเข้มงวดเช่นเดิม สายตาคมกริบกวาดมองไปทั่วลายผ้า

“ไหนสมุดบันทึก”

“ผม…ไม่ได้จดครับ”

คำตอบสั้น ๆ นั้นเหมือนระเบิดลงกลางห้อง เงียบกริบอยู่เพียงชั่วอึดใจ ก่อนเสียงตวาดของพ่อจะดังสะท้อนกำแพงสูง

“ไม่ได้จด? แกกล้ากลับมาบอกฉันแบบนี้รึไอ้จอม! สิ่งที่ฉันสั่งไว้ แกไม่ทำ! แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าผลงานได้ยังไง!!”

เสียงของพ่อดังสะท้อนจนคนใช้ในบ้านที่อยู่ไกลยังสะดุ้งหันมามอง จอมยืนนิ่ง ร่างกายสั่นเล็กน้อยแต่พยายามประคองสายตาไม่ให้สั่นไหวไปตามความกลัว

“พ่อครับ…ผมไม่ได้จด เพราะลายนี้…มันไม่ใช่สิ่งที่จะเขียนเก็บไว้เป็นตัวหนังสือได้” จอมเงยหน้ามองพ่อด้วยสายตาหนักแน่น แม้เสียงยังสั่น

“หมายความว่ายังไง จอม? ทุกลวดลายมีที่มา ทุกแพทเทิร์นต้องมีการบันทึก นั่นคือกฎ นั่นคือสิ่งที่ทำให้มันสืบต่อได้!”

“แต่ผืนลายนี้…มันไม่มีแพทเทิร์นครับพ่อ มันไม่ตายตัว มันเปลี่ยนไปตามมือคนทอ และตามหัวใจ”

คำพูดนั้นทำให้ห้องทั้งห้องเงียบลงชั่วขณะ ราวกับแม้แต่เสียงนาฬิกาก็หยุดเดิน นนทวัฒน์เพียงขมวดคิ้ว มองผ้าที่อยู่ในมือด้วยความไม่พอใจปนสับสน

“แกกำลังบอกฉันว่า แกไม่เคารพสิ่งที่ฉันสอนมาใช่ไหม? ทุกอย่างต้องมีระบบ มีการสืบทอด ไม่ใช่แค่พูดเรื่องไร้สาระว่า…หัวใจ”

“ไม่ใช่ไร้สาระครับ! ลายนี้เกิดจากความจริง…ความรู้สึกที่ผมใส่ลงไป มันถึงออกมาเป็นแบบนี้ ถ้าผมจดเป็นเส้น เป็นตาราง ต่อให้ใครเอาไปทำ…มันก็ไม่ใช่ผืนเดียวกันแล้ว!”

มือของเขาสั่นเมื่อคลี่ผ้าออกกว้างให้แสงไฟตกกระทบ ผืนไหมเปล่งประกายราวกับแสงแรกของอรุณ ความอบอุ่นแผ่กระจายจนคนใช้ที่ยืนมองอยู่ไกล ๆ ยังรู้สึกได้

“นี่คือ…สิ่งที่ตติสอนผมครับพ่อ”

คำว่า "ตติ" ทำให้นนทวัฒน์สะดุดเล็กน้อย สายตาคมของพ่อหรี่ลง จับจ้องที่ผืนผ้าเหมือนกำลังมองหาคำตอบบางอย่าง ความโกรธเกรี้ยวเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความลังเลที่ไม่คุ้นเคย

“แกพูดเหมือน…ผืนนี้มีความหมายมากกว่าที่ฉันคิด”

“ครับพ่อ…มันไม่ใช่ อรุณสุริยาตา อย่างที่พ่อสั่งให้ผมตามหา แต่มันคือ… อรุณสุริยตติกร”

เสียงของจอมก้องกังวานไปทั่วโถง ราวกับชื่อนั้นมีพลังพิเศษที่สะท้อนเข้าไปในหัวใจของทุกคน นนทวัฒน์ชะงัก ตัวแข็งค้าง หัวใจที่ปิดตายมานานถูกสะกิดด้วยความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

“แก…พูดว่าอะไรนะ? อรุณสุริยตติกร? แกจะมาเปลี่ยนชื่อผ้าตามอำเภอใจแบบนี้ได้ยังไง!”

“ไม่ใช่การเปลี่ยนครับพ่อ แต่เป็นการคืนความจริงให้มัน…ผ้าที่พ่อเรียกว่า อรุณสุริยาตา ไม่เคยมีอยู่จริง ลายที่แท้จริงมันเกิดจากตติกร คนที่สอนผมทอ คนที่พ่อขโมยผ้ามาโดยเข้าใจผิดคิดว่าผ้านั้นคืออรุณสุริยาตาไงครับ”

“ตติ…? ตติกร?”

“ใช่ครับพ่อ เพื่อนสนิทที่ไว้ใจพ่อที่สุด เพื่อนคนที่ทอผ้าด้วยมือและใจ มันไม่มีแพทเทิร์น ตอนนั้น คุณตติบอกอะไรพ่อบ้าง หรือกำลังจะบอกอะไรพ่อเกี่ยวกับผ้าผืนนี้”

"ไม่รู้ ฉันไม่รู้"

"เพราะพ่อถูกความโลภครอบงำ จนไม่ได้สนใจความจริง พ่อขโมยผ้าแค่สองหลานั่นมาสร้างชื่อเสียงจนโด่งดัง จนมีทุกวันนี้วันที่บริษัทของพ่อที่สร้างมาจะล้มละลาย พ่อคิดดูดี ๆ ถ้าวันนั้นพ่อกับคุณตติร่วมมือกันเดินทางมาพร้อม ๆ กัน บริษัทคงไม่มาถึงจุดนี้แน่นอน พ่อรู้จักนิสัยคุณตติดีที่สุดใช่มั้ยครับ?"

นนทวัฒน์ก้าวถอยไปหนึ่งก้าว ร่างสูงที่เคยยืนมั่นคงดูสั่นคลอนขึ้นอย่างประหลาด คำว่า หัวใจ ที่จอมย้ำ ไม่ได้เพียงกระแทกหู แต่เหมือนแทงลึกลงไปในชั้นในสุดของความทรงจำ

“ไม่…มันจะเป็นไปได้ยังไง… ผืนผ้านี้…คือสิ่งสำคัญที่ฉัรสร้างเพื่อให้เป็นมรดกของตระกูล”

นนทวัฒน์เงียบงัน ราวกับถูกดึงเข้าสู่ความขัดแย้งในใจ ลมหายใจหนักหน่วง หัวใจเต้นแรง ความเย่อหยิ่งที่เคยปิดบังความผิดพลาดเริ่มร้าวลงทีละน้อย

“อรุณ…สุริยตติ…กร ถ้ามันเป็นจริง…ฉัน…อาจจะ…ผิดมาตลอด”

“พ่อไม่ได้ผิดที่อยากสร้างมรดกของตระกูล…แต่พ่อผิดตรงที่พ่อไม่เคยฟังใครเลย แม้แต่เพื่อนสนิทที่ช่วยพ่อสร้างผ้าผืนนี้ขึ้นมา”

คำพูดนั้นเหมือนคมมีดกรีดลงกลางอก นนทวัฒน์เผลอกำมือแน่น ดวงตาแดงวาวคล้ายจะหลั่งน้ำตา แต่ความเป็นหัวหน้าครอบครัวยังทำให้เขากัดกรามกลั้นไว้

“แล้ว…ตติล่ะ? เขาอยู่ที่ไหน? พาฉันไปหาเขา”

ดวงตาของจอมไหววูบ เขาหันไปยังมุมห้อง ที่ก่อนหน้านี้ตตินั่งเงียบเป็นเงาร่าง แต่เมื่อมองอีกครั้ง…เก้าอี้ว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่แล้ว

"พี่เขาสั่งไม่ให้ผมกลับไปแล้วครับ เขาได้สอนการทอผ้าพื้นนี้ให้กับผมแล้ว และไม่จำเป็นต้องมาเจอใครอีก แม้แต่ผม"

“ไม่…ตติ…ฉัน…”

“พ่อเคยมีโอกาส แต่โอกาสนั้น…พ่อปล่อยให้มันหลุดมือไปแล้วตั้งแต่วันที่พ่อเอาผ้ามาเป็นของตัวเอง”

ความเงียบกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นความเงียบที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด นนทวัฒน์ยืนพ่ายแพ้ให้กับความจริงที่เขาหลบเลี่ยงมาตลอด ขณะที่จอมยืนนิ่ง หัวใจสั่นไหวไม่เพียงเพราะพ่อ แต่เพราะความว่างเปล่าที่ตติทิ้งไว้

"ผมจะทอผ้าอรุณสุริยาตา ไม่สิ อรุณสุริยจันทรกานต์ ให้กับลูกค้าครับ"

ใช่แล้วลายผ้าเจ้าปัญหา ชื่อไม่ได้ตายตัวไม่มีแบบหรือแพดเทิร์นใดๆทั้งนั้น มันมาจากไหมชนิดพิเศษที่แม่เฒ่าจุนผู้ชำนาญการเลี้ยงไหมปั่นด้ายให้เท่านั้น เมื่อคนได้สัมผัสไหมก็ทำให้รู้สึกนุ่มสบาย แล้วบังเอิญเป็นลายผ้าที่ตติกรทอมือเท่านั้น เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพียงสิ่งที่พ่อของเขาเข้าใจผิดไปเอง

แต่เพราะความเข้าใจผิดนั้นทำให้เขาได้เจอกับ "รัก" รักที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน แฟนเก่าที่เป็นถึงดาราสาวชื่อดังก็ไม่เคยรู้สึกแบบที่เกิดกับตติมาก่อนเลย

จบตอน