ชาย-ชาย,รัก,ไทย,ยุคปัจจุบัน,นิยายรัก,boy love ,boylove ,boylove/yaoi,boylove,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ทั้งสองคนไปลาแม่เฒ่าก่อนจะอาศัยรถของเอี๊ยงไปส่งที่บ้าน จอมหัวเสียที่ถูกตติหลอกให้เดินขึ้นเขาทั้งที่มีทางรถวิ่งอย่างดีแต่ตรงไปยังหมู่บ้านเลย
ตติไม่สนใจแต่แอบขำในใจ
---
จนมาถึงบ้านสวนที่แสนสงบ
"ขอบคุณมาเอี๊ยง"
"ครับผม ไว้ผมมาที่นี่นะ"
"อย่าเลย ให้พี่ไปหาที่ร้านดีกว่า"
"แหม...ก็กว่าพี่จะไปหาที่ร้าน ต้องรอผ้าทะเสร็จ นี้ก็ยังไม่ได้เริ่มทอนานกว่าพี่จะไปหาผม ให้ผมมาหาพี่ดีกว่า" เอี๊ยงหยอกตติไม่จริงจังนัก แค่อยากจะแกล้งแหยจอมให้หึงเล่น ผู้ชายด้วยกันมองออกมาจอมคิดยังไงกับตติ สำหรับเขาตติให้ฐานะเขาแค่เพียงพี่น้องเท่านั้น แต่คนมันอยากแหย่
"จ้า ไปทำงานได้แล้ว แค่นี้ก็เปิดร้านสายแล้วนะ"
"ครับ ผมไปนะพี่ ไปก่อนนะครับคุณจอม"
จอมได้แค่พยักหน้า ไม่อยากคุยด้วยนาน แต่จะแสดงตัวว่าไม่ชอบก็กลัวว่าตติจะดุใส่
---
“วันนี้ฉันจะเริ่มสอนจริง ๆ แล้ว อย่าคิดว่ามันง่ายเหมือนที่เคยเห็นผ่าน ๆ" ตติเสียงเรียบแต่จริงจัง ยกตะกร้าไหมวางลงบนพื้นกี่ “วันนี้ฉันจะเริ่มสอนจริง ๆ แล้ว อย่าคิดว่ามันง่ายเหมือนที่เคยเห็นผ่าน ๆ”
“ผมพร้อมแล้วครับพี่… ต่อให้ยาก ผมก็อยากเรียนให้ได้”
“คำว่าพร้อมไม่ช่วยอะไรหรอก สิ่งที่จะพิสูจน์คือความอดทน” ตติกอดอก มองชายหนุ่มอย่างพิจารณา
จอมพยักหน้า ดวงตาแน่วแน่เกินกว่าจะถอย ทั้งคู่คุกเข่านั่งข้างตะกร้าไหม ตติค่อย ๆ หยิบเส้นไหมขึ้นมา คลี่ออกเบา ๆ ราวกับกำลังสัมผัสสิ่งมีชีวิตที่บอบบาง
“นี่คือเส้นไหมจากรังที่คัดมาแล้ว ก่อนจะกลายเป็นผืนผ้า มันต้องผ่านไฟ ผ่านน้ำ ผ่านมือคนมากมาย… จำไว้นะ มันไม่ใช่แค่เส้นด้าย ต้องสม่ำเสมอกัน”
"ครับ" จอมกำลังจะจดใรสมุด
"อ้อ...ลืมบอก"
"ครับ?"
"ห้ามจด ให้จำเอา"
"หา? แล้วถ้าผมลืมล่ะ จะทำยังไง"
"แล้วที่มาอยู่ด้วยกันเนี่ย เคยเห็นอะไรที่แบบของผ้าอรุณสุริยาตามั้ยล่ะ"
"ก็..."
"มันไม่เคยมีแบบแผนตั้งแต่แรกแล้ว เพราะตอนนั้นฉันทอมันด้วยใจ ฉันจดจำมันด้วยใจ ไม่ใช่จดในกระดาษ"
"แต่พ่อบอกว่ามันมี..."
"เธอจะเชื่อฉัน หรือพ่อเธอล่ะ?"
ตติจ้องตาจอม แล้วส่งเส้นไหมให้
จอมก้มมองเส้นไหมในมืออีกครั้ง รู้สึกถึงน้ำหนักและความหมายที่มากกว่าความเป็นเพียงเส้นใย เขาลูบมันอย่างทะนุถนอมเหมือนกลัวว่ามันจะขาด
“ผมไม่คิดเลยว่าแค่การจับไหมจะรู้สึกแบบนี้… มันเหมือนจับความพยายามของใครหลายคนไว้ในมือ”
“ถ้าเข้าใจได้ขนาดนี้ ก็ดีแล้ว”
ตติขยับเข้ามาใกล้ เอื้อมมือจับข้อมือของจอมเบา ๆ เพื่อปรับท่าการถือไหม จอมสะดุ้งเล็กน้อยที่ถูกแตะต้อง แต่ไม่ได้ดึงมือกลับ เขาปล่อยให้ตติจับมือเขาไว้ ขยับเส้นไหมช้า ๆ ให้ตึงพอดี
“ต้องดึงให้พอดี ไม่ตึงเกิน ไม่หย่อนเกิน ถ้าตึงไปไหมจะขาด ถ้าหย่อนไปผ้าจะไม่แน่น”
“เหมือนการรักษาความสัมพันธ์เลยนะครับ… ถ้ากดดันเกินไปก็ขาด ถ้าปล่อยเกินไปก็ไม่มั่นคง”
ตติชะงักอีกครั้งกับคำเปรียบเปรยที่ตรงเกินไป ใจหนึ่งอยากจะดุว่าไร้สาระ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันจริงทุกถ้อยคำ
"ตั้งใจครับ" ตติถอนหายใจเบา ๆ “อย่าพูดมาก มือต่างหากที่ต้องทำงาน”
“ครับพี่ ผมจะจำให้ขึ้นใจ”
ทั้งสองนั่งเคียงกันตรงหน้ากี่ไม้ แสงแดดลอดผ่านช่องฝาเรือนกระทบเส้นไหมเป็นประกาย จอมขยับมือช้า ๆ ตามคำสอนของตติ ทุกครั้งที่มือเขาสั่นหรือทำพลาด ตติก็เอื้อมมือเข้ามาจับปรับให้อย่างใจเย็น ความใกล้ชิดทำให้หัวใจของจอมเต้นแรงกว่าที่ควร แต่เขาพยายามเก็บมันไว้เงียบ ๆ
---
บ่ายวันนั้น แดดร้อนจัดจนเงาไม้รอบเรือนทอดลงยาวบนพื้นดิน กี่ไม้ที่ตั้งอยู่กลางห้องเต็มไปด้วยเสียงไม้กระทบกันเป็นจังหวะ ทุกจังหวะเป็นฝีมือจอม แม้ยังเก้ ๆ กัง ๆ แต่ก็พยายามอย่างเต็มที่จนเหงื่อไหลซึมเต็มแผ่นหลัง
“พี่… ผมทำถูกหรือยังครับ"
ตตินั่งกอดอก มองเส้นไหมที่ขึงอยู่บนกี่ สายตานิ่ง
“เส้นขวาเอียงไปนิดหนึ่ง ต้องใจเย็น อย่ารีบ… การทอไม่ใช่การแข่งวิ่ง”
“แต่ถ้าไม่รีบ…ผมก็กลัวว่าตัวเองจะตามไม่ทัน”
"มันไม่ใช่ปัญหาของฉัน"
ตติเลิกคิ้วกับคำพูดนั้น แววตาจอมไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องทอผ้า แต่กำลังซ่อนบางสิ่งไว้ลึก ๆ
"โถพี่..."
"ทอต่อ"
"ครับผม"
คำตอบเหมือนเล่น ๆ แต่แววตาที่ฉายชัดทำให้ตติรู้ว่าไม่ใช่แค่การหยอกล้อ เสียงกระทบไม้ยังคงดังต่อ แต่บรรยากาศกลับแน่นขึ้นราวกับเต็มไปด้วยความจริงที่กำลังรอถูกเปิดเผย
จอมวางมือจากกี่ สูดลมหายใจลึก
“จริง ๆ แล้ว… ผมอยากทำให้พ่อเห็น ว่าผมมีตัวเอง ไม่ใช่ลูกที่ถูกมองข้าม”
ตติหันมามองเต็มตา ใจหนึ่งอยากตำหนิว่าไม่ควรใช้การทอผ้าเพื่อเอาชนะใคร แต่ก็เห็นแววเจ็บปวดในสายตาของจอมที่ไม่อาจปฏิเสธ
“ก็พอจะรู้...แต่การทอผ้า…ไม่ใช่อาวุธสำหรับพิสูจน์ตัวตนให้ใครเห็น การทอคือการพิสูจน์หัวใจตัวเอง”
“พี่รู้?”
"เดาได้ไม่อยาก อีกอย่าง นายไม่ใช่โง่ การขึ้นกี่นายทำอย่างชำนาญ แต่แกล้งทำไหมหย่อน หรือแอบบดึงตึง แต่ก็ยังดีที่ทำในจุดที่ไม่สำคัญ"
"พี่รู้แล้ว ทำไมยังสอนผม" จอมรู้สึกละอายใจที่แกล้งทำ
เงียบงันปกคลุมชั่วขณะ จอมยกมือขึ้นแตะเส้นไหมที่ตึงตรงหน้าอย่างเบามือ ตติสังเกตความมุ่งมั่นผสมความปวดร้าวนั้น และหัวใจที่เคยแข็งกระด้างก็พลันอ่อนลงเล็กน้อย
"ทอผ้าให้เสร็จแล้วนายจะเข้าใจ"
สายตาทั้งสองสบกันอยู่เนิ่นนาน ไม่มีใครหลบก่อน ความเงียบเต็มไปด้วยความหมายที่เป็นปริศนา ซึ่งตติไม่ยอมบอกว่ามันคืออะไร จอมสูดลมหายใจอีกครั้ง ก่อนยกฟืมทอผ้า กระแทกเบา ๆ ให้เส้นไหมแน่นขึ้น เหมือนใช้ทุกแรงใจยืนยันกับตัวเองว่าเขาจะไม่ถอย
---
เย็นวันนั้น แสงอาทิตย์คล้อยต่ำลอดผ่านชายคาเข้ามาในเรือน เงาของเส้นไหมสะท้อนเป็นประกายสีทองบนพื้นไม้ กี่ทอผ้าเงียบสงัดหลังจากจอมวางฟืมลง เขานั่งนิ่ง ราวกับกำลังต่อสู้กับบางสิ่งที่อัดแน่นในอก
“พี่…รู้ไหมครับว่าผมพยายามเรียนรู้ทุกอย่างก็เพราะอะไร”
ตติยืนนิ่ง หันมามอง สีหน้าเรียบ แต่สายตาแฝงความสงสัย
“ก็เพราะอยากพิสูจน์ตัวเอง ไม่ใช่หรอ”
“ไม่ใช่แค่นั้น… ที่จริง ผมอยากพิสูจน์กับพี่ด้วย ว่าผมไม่ได้มาที่นี่เพราะคำสั่งใคร แต่เพราะใจของผมเอง”
ตติชะงักไปเล็กน้อย มือที่กอดอกคลายออกช้า ๆ จอมสูดหายใจลึก แรงสั่นในเสียงเผยความจริงที่เขาซ่อนมานาน
จอมก้าวเข้าใกล้ทีละก้าว
“ผม…อาจจะเริ่มจากการอยากเอาชนะใจพ่อ แต่ตอนนี้…ทุกครั้งที่ได้เรียนกับพี่ ทุกครั้งที่ได้เห็นพี่ตั้งใจสอน ผมกลับรู้สึกว่า…สิ่งที่ผมอยากได้ ไม่ใช่ชัยชนะ”
“แล้วมันคืออะไร ?”
“คือพี่… ผมอยากได้ใจของพี่”
คำพูดนั้นเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ ตติยืนนิ่งไปครู่ใหญ่
“จอม… เธอรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรอยู่” ตติเสียงเบา แทบกระซิบ
“ผมรู้ตัวดี… และผมจะไม่หนี ไม่ปิดบังอีกแล้ว”
วินาทีนั้น จอมยกมือขึ้นจับไหล่ตติ สายตาจริงจังและมั่นคง ตติพยายามปัดออก แต่กลับชะงักเมื่อเห็นแววตาแน่วแน่ที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ความลังเลในใจสั่นคลอน
“ถ้าพี่ไม่ผลักผมออก… ผมจะถือว่าพี่ให้โอกาส”
ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้อง เหลือเพียงเสียงหัวใจที่ดังสะท้อนในอกของทั้งคู่ ตติไม่พูด ไม่ผลักออก จอมจึงโน้มตัวเข้าไป…
ริมฝีปากทั้งสองแตะกันเบา ๆ ครั้งแรกเหมือนกลัวจะทำลายสิ่งเปราะบาง แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ขยับหนี จอมก็กดจูบหนักแน่นขึ้น ความอบอุ่นแล่นผ่านราวกับสายฟ้าปะทะกลางอก
ตติหลับตาแน่น สองมือกำชายเสื้อ ไม่ผลักออก แต่ไม่ดึงเข้าหาเช่นกัน
เมื่อจอมถอนริมฝีปากออกเล็กน้อย
“นี่คือคำยืนยัน…ว่าผมจริงใจกับพี่”
ตติยังคงนิ่ง ดวงตาแดงวาวราวกับซ่อนความรู้สึกบางอย่างที่ไม่กล้าเปิดเผย จอมมองอยู่อย่างนั้น ไม่เซ้าซี้ ไม่บังคับ เพียงยืนเคียงข้าง รอคอยคำตอบในวันข้างหน้า
จบตอน