ชาย-ชาย,รัก,ไทย,ยุคปัจจุบัน,นิยายรัก,boy love ,boylove ,boylove/yaoi,boylove,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ร่างสูงของจอมก้าวผ่านประตูไม้บานใหญ่ หัวใจเขาเต้นแรงทุกย่างก้าว ชายหนุ่มไม่ไม่ได้มานี่นานโข และถ้าไม่มีเหตุจำเป็นก็ไม่อยากมารบกวนเวลาอันมาค่าของท่านเจ้าของบ้าน แต่ในเมื่อทุกทางตัน เหลือเพียงที่นี่ที่อาจจะหยิบยื่นโอกาสให้เขาได้
แม่บ้านนำทางเขาไปยังระเบียงเรือนใหญ่ คุณหญิงทิวดาวนั่งรออยู่แล้วในชุดผ้าไหมสีครามเข้ม ผมสีดอกเลาสะท้อนแดดอ่อน ๆ ขับให้บุคลิกของเธอดูทั้งน่าเกรงขามและสง่างาม
“อ้าว...พ่อจอม ไม่เจอกันเสียนาน สบายดีมั้ย ?” คุณหญิงทิวดาวทากทายชายหนุ่ม ด้วยความเป็นกันเอง แต่แฝงด้วยอำนาจ
"สบายดีครับ คุณหญิงยังคนสวยเหมือนตอนที่งานเลี้ยงอังกฤษเลยครับ ไม่ว่ากี่ปีผ่านไปคุณหญิงยังคงสวยเหมือนเดิม"
"แหม...ปากหวานกับคนแก่ก็ไม่ได้อะไรหรอกนะพ่อคุณ เห็นเลขาบอกว่าพ่อจอมมีเรื่องหรือ เรื่องอะไรล่ะ?"
คุณหญิงทอดสายตาคมดุจมีดไปยังชายหนุ่มตรงหน้า เพราะรู้จักนิสัยขี้เกรงใจของชายหนุ่ม ถ้าไม่สุดวิสัยจริงๆ หรือหาทางออกไม่ได้ก็ไม่บากหน้าพึกพาใครแน่ๆ
เพียงแววตาก็ทำให้จอมรู้สึกเหมือนถูกตรวจสอบทุกแง่มุมของหัวใจ เขากำมือแน่น พยายามข่มไม่ให้เสียงตัวเองสั่นไหว
"ผมทราบว่าคุณหญิงรู้จักคุ้นเคยกับคุณตติกร"
"ใช่จ้ะ ตติคนเก่งของฉัน ผ้าทุกผืนที่ฉันใส่ก็เป็นฝีมือมือของตติ"
"เป็นเรื่องของผ้าอรุณสุริยาตาครับ"
"ฉันรู้จักผ้านี้ เป็นผ้าประจำตระกูลของเธอ ฉันเคยติดต่อมาจัดแสดงอยู่ และอยากจะซื้อผ้าสักหลาสองหลามาตัดชุด"
"ใช่ครับ ตอนนี้ผ้าเหล่านั้นตัดเป็นชุดและจำหน่ายให้กับลูกค้าของคุณพ่อ และมีชุดหนึ่งเป็นเป็นชุดเจ้าสาว"
คุณหญิงฟังเงียบๆ พยายามทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมด
"แต่ชุดเจ้าสาวชำรุดระหว่างลูกค้าคนนั้นรองครับ และต้องการให้เราปรับชุดให้ใส่ได้ทันงานแต่งพฤศจิกานี้ แต่ผ้าเราไม่พอและจะทอขึ้นใหม่ก็ไม่เหมือนเดิม"
"ฉันไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับตติตรงไหน?"
"ผ้าลายอรุณสุริยาตา เป็นผ้าไหมสีชมพูฟ้าและเหลืองอ่อนเป็นลายเฉพาะที่คุณพ่อกับคุณตติช่วยกันติดและทอขึ้นมา แต่ว่าคุณพ่อของผมทำเรื่องไม่น่าให้อภัยกับคุณตติครับ"
"อ๋อ...ฉันเข้าใจแล้ว ถึงจะช่วยกับคิดค้นและทอมันขึ้นมา แต่คนที่ทอจริงๆคือตติใช่มั้ย ?"
คุณหญิงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด และรู้สึกเคืองแทนตติ มิน่าล่ะตติถึงหลบไปอยู่เสียไกลและตัดขาดโลกภายนอกแบบนั้น
“ผมรู้ครับ รู้ว่าคุณตติไม่อยากเห็นหน้า แต่ผมไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริง ๆ … ตอนนี้ครอบครัวของผมวิกฤษจากโควินทำให้ขาดทุนมาตลอดจนถึงวันนี้ มีลูกค้ารายใหญ่คนนี้เข้ามา เราจะ...จะ...”
"ลูกค้าคนนี้ทุ่มไม่อั้นสินะ กับชุดแต่งงานที่ทำงานผ้าไหมทออรุณสุริยาตา"
"ใช่ครับ ตอนนี้เขาจ่ายมาครึ่งหนึ่งแล้วบริษัทของคุณพ่อกำลังจะฟื้น หาอีกครึ่งหนึ่งก็จะผ่านวิกฤษได้ครับ ผมเลยต้องขอร้องให้คุณตติช่วยทอให้"
“แล้วทำไมถึงต้องเป็นตติ? พ่อของเธอเป็นคนช่วยคิดด็น่าจะรู้จักอรุณสุริยาตาบ้างล่ะ”
“เพราะ…ผ้าอรุณสุริยาตา ไม่มีใครทอได้อีกแล้วนอกจากคุณตติ พ่อผมเป็นเพียงคนทำให้ผ้าพื้นนี้โด่งดังและมีมูลค่าเท่านั้น” จอบรู้สึกอับอายที่ต้องเล่าเรื่องความผิดของพ่อตัวเองให้คนนอกฟัง
"เธอล่ะ ก็เก่งเรื่องผ้าไม่ใช่หรือ น่าจะแกะลายและทอมันออกมาได้"
"ผมเคยลองแล้วครับ แต่มันยังไม่ดีพอ และลูกค้าบอกว่ามันไม่ใช่ผ้าอรุณสุริยาตา ผมจนปัญญาแล้วครับ"
คำพูดนั้นทำให้ความเงียบปกคลุมระเบียงไปชั่วขณะ เสียงลมพัดใบปีบหล่นลงมากระทบพื้นเป็นจังหวะ คุณหญิงทิวดาวจ้องมองเขานิ่งนาน ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักระหว่างความผิดพลาดในอดีตของผู้เป็นพ่อ กับแววตาที่ไม่ยอมแพ้ของลูกชาย
“เธอรู้ไหม…ว่าพ่อเธอเคยทำให้คนในวงการสิ้นศรัทธาขนาดไหน ขโมยลายผ้าไปขายเพื่อประโยชน์ของตนเอง เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของคนที่ไว้ใจเขาที่สุด ตติเป็นคนมีฝีมือและผ้าทุกชิ้นที่ฉันจัดแสดง เป็นฝีมือทอของตติเป็นส่วนใหญ่ พ่อของเธอตัดอนาคตของนักทอมือดีไป เฉือนหัวใจของคนๆหนึ่งไปให้โลดแล่นในวงการผ้าทอของประเทศไปตั้งหนึ่งคน คนแก่ๆแบบฉันก็ไม่รู้จะช่วยประคองวงการนี้ไปอีกกี่ปี ไม่น่าทำกันเลย”
คุณหญิงทิวดาว ถอนหายใจยาว เอ่ยช้า ๆ
“ผมรู้ครับ…และผมก็ไม่เห็นด้วยสิ่งที่คุณพ่อทำ” จอมก้มหน้า น้ำเสียงสั่น "ผมต้องขอโทษแทนคุณพ่อด้วยครับ"
คุณหญิงเลื่อนสายตามองเขาอย่างพิจารณาอีกครั้ง เงียบงันอยู่นานจนจอมรู้สึกเหมือนเวลาแทบหยุดเดิน เขาแทบไม่กล้าหายใจ แต่ก็ยังยืนนิ่งตรงนั้น ไม่ยอมก้าวถอย
“ขอโทษแทน…มันง่ายเกินไปนะจอม ความผิดที่เขาก่อ…ไม่ใช่เรื่องที่จะชดใช้ได้ด้วยคำพูดสองสามคำ”
“ผมเข้าใจครับ…ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อให้คุณหญิงหรือตติให้อภัยพ่อของผม…แค่ขอโอกาสให้ผม…ในฐานะลูกคนหนึ่งที่ต้องกอบกู้บริษัทของครอบครัว”
แววตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจ แม้แฝงด้วยความเจ็บปวด คุณหญิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอนกายพิงพนักเก้าอี้ หันมองสวนด้านหน้าเหมือนรำลึกความหลัง
“ในโลกนี้…ใครทำผิดก็ต้องรับกรรม ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม…ฉันเชื่ออย่างนั้นมาตลอด” ก่อนจะหันกลับมามองจอม “แต่ลูก…ไม่ควรถูกทอดทิ้งกลางทางเพียงเพราะความผิดของพ่อ”
ถ้อยคำนั้นเหมือนมีดที่เฉือนลึกลงในหัวใจจอม น้ำตาที่เขาอดกลั้นไว้สั่นคลออยู่ที่ขอบตา แต่เขายังพยายามฝืนยิ้มบาง ๆ
"ฉันจะบอกตติให้"
“…ขอบพระคุณครับ คุณหญิง ขอบพระคุณครับ”
“แต่เธอต้องจำไว้…ตติคือคนที่มีค่ามากสำหรับวงการผ้าทอมือ และกับฉันม อย่าทำให้เขาเสียใจ”
“ครับคุณหญิง ผมสัญญาจะไม่ทำให้คุณตติเสียใจเหมือนคุณพ่อเด็ดขาด"
คุณหญิงทอดมองเขาอย่างพิจารณาอีกครั้ง เธอเห็นทั้งความเหนื่อยล้าและแววตาแห่งความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ แววตานั้น…แตกต่างจากบิดาของเขาอย่างสิ้นเชิง
"อย่างไรเสียผ้าลายนั้นก็เป็นของพ่อเธอ ถ้าจะให้ตติทอให้ก็คงทำร้ายจิตใจกันเกินไป มันก็เหมือนเอามีดกรีดใจให้ลึกลงไปเท่านั้น"
"..."
"ถ้าเธออยากได้ผ้าอรุณสุริยาตา ก็ต้องลงแรงด้วยมือตัวเอง…ให้ตติสอนเธอ ให้เธอเป็นคนทอ เธอถึงจะได้ในสิ่งที่เธอต้องการ และอาจ…ได้สิ่งที่มากกว่านั้น”
หัวใจของจอมเต้นแรง ความคิดแรกคือความไม่มั่นใจ...แต่เพียงชั่ววินาทีถัดมา ความรู้สึกนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างร้อนแรง
“ถ้ามันคือทางเดียว ที่จะได้ทั้งผ้าและไม่ทำร้ายคุณตติ…ผมจะทำครับ!”
คุณหญิงยิ้มบาง ๆ เป็นรอยยิ้มที่หาได้ยากจากสตรีผู้สูงศักดิ์ผู้นี้
“จงพิสูจน์ด้วยตัวเองเถิดจอม บางทีงานนี้อาจจะเป็นสิ่งที่จะพาเธอออกจากเงาของพ่อเธอก็ได้”
“ขอบพระคุณครับ คุณหญิง”
บทสนทนาสิ้นสุดลงพร้อมเสียงลมที่พัดผ่าน เหมือนฟ้าเบื้องบนกำลังเปิดทางใหม่ให้แก่เขา
หลังจากร่ำลา คุณหญิงทิวดาว จอมกลับมาที่บ้าน ใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลปนความหวัง เสียงกระซิบจากคำของคุณหญิงยังดังชัดเจน “ให้ตติสอน ให้เธอทำเอง”
เขาเดินวนไปมา ก่อนจะตัดสินใจแน่วแน่ ถึงเวลาที่เขาต้องบากหน้าไปหาคนที่เกลียดเขาที่สุดอีกครั้ง
----
จอมขับรถขึ้นเชียงใหม่อีกครั้งพร้อมความหวังและความมั่นใจเต็มเปลี่ยนม เขาขับรถคู่ใจไปบนทางเดินดินที่มุ่งไปยังบ้านสวนของตติ
จอมย่างก้าวช้า ๆ ทุกฝีก้าวหนักเหมือนมีหินถ่วง แต่ดวงตาของเขากลับมั่นคงกว่าครั้งก่อน เขาตรงไปหาตติที่โรงทอผ้า
“กลับมาอีกทำไม ?” ตติปรากฏที่ระเบียงกี่
เสียงไม้กระทบกระทั่งของกี่ทอผ้ายังดังสม่ำเสมอ ตติไม่แม้แต่จะหันมามองผู้มาเยือน ราวกับจอมเป็นเพียงเงาลมที่พัดผ่าน
“ครั้งนี้…ผมไม่ได้มาขอให้พี่ทอผ้าให้ แต่…ผมอยากขอให้พี่ สอนผม”
ทันทีที่สิ้นคำ กระสวยในมือของตติชะงักค้างกลางอากาศ เสียงกี่เงียบลงกะทันหัน ความเงียบปกคลุมทั่วเรือน เหลือเพียงเสียงลมหอบใหญ่ที่พัดผ่าน
ใช่...เมื่อวานคุณหญิงทิวดาวโทรมาบอกเขาแล้ว และว่านล้อมให้เขารับปากสอนจอมทอผ้าลายเจ้าปัญหานั้น "...ตติเอ๊ย! บางทีการสอนลายผ้านี้ให้จอม อาจจะเป็นการเยียวยาจิตใจของเธอก็ได้นะ เหมือนหนามยอกเอาหนามบ่ง จะได้ไม่กลัดหนองอักเสบเหมือนอย่างที่เป็นมา" และเขาเองก็ไม่เคยคิดจะกลัดหนองนั้นออกเลย จนคุณหญิงแนะนำ
“พูดว่าอะไรนะ” ตติหันมาช้า ๆ แววตาเย็นชา
“ผมจะทอเองครับ ผมจะพยายาม ถึงจะล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า…แต่ผมขอสู้ ขอทำทุกอย่างที่ต้องทำ ขอเพียงพี่…อย่าปิดประตูใส่หน้าผมอีกเลย” จอมมองตาไม่หลบ น้ำเสียงจริงใจ สรรพนามเรียกขานก็เปลี่ยนไป ซึ่งปกติทุกคุณจะเรียก "คุณตติ" แต่เด็กคนนี้เรียกเขาว่า "พี่" รู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ดี
"คุณหญิงบังคับฉันมา ฉันคงขับอะไรไม่ได้ แต่จำไว้ ฉันไม่เต็มใจ"
"ขอบคุณครับพี่"
ได้เพียงเท่านี้ก็ทำให้จอมมีความหวัง และเขาก็จะได้ทำตามแผนที่เขาได้วางไว้ แน่นอนว่าเขาจะต้องทำสำเร็จให้ได้
จบตอน