รักเมีย หลงเมีย กินข้าวไม่ได้ร้องไห้หาเมีย
รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ครอบครัว,จีน,แม่ทัพพ่ายเมีย,นิยายรักจีนโบราณ,เกิดใหม่,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กลวิธีมัดใจสามีให้อยู่หมัดรักเมีย หลงเมีย กินข้าวไม่ได้ร้องไห้หาเมีย
เมื่อจำต้องแต่งงานโดยไม่เต็มใจโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้สิ่งที่ฟ่านซีเซียนหรือไส้ในคือดวงวิญญาณแปลกปลอมของหญิงสาวต่างยุคต่างสมัยเข้ามาอาศัยพึ่งพิงร่างตามที่โชคชะตาได้ขีดเส้นเอาไว้นั้นทำได้คือการพยายามทำตัวให้เป็นที่รักทั้งกับตัวสามีรวมไปถึงผู้คนรอบข้างเขาเพื่อความอยู่รอดอย่างสุขสงบแต่นางกลับมีอุปสรรคใหญ่คือมารหัวใจที่มาปรากฏกายในรูปแบบของน้องสาวบุญธรรมของสามี
ในเมื่อถูกลิขิตให้ได้มีชีวิตอยู่ต่อไปสิ่งที่ทำได้คือต้องสู้สุดใจขาดดิ้นในวิถีทางที่ตนเองพอจะทำได้อย่างเรื่องการขยันทำงานจนสามารถเปิดร้านอาหารเป็นของตนเองได้โดยที่มิต้องอาศัยบารมีของใครหนุนหลังอีกทั้งเอาใจใส่ดูแลในเรื่องอาหารการกินที่นางถนัดฟ่านซีเซียนตั้งใจจะมัดทั้งตัวและหัวใจของท่านแม่ทัพผู้เป็นสามีให้ไม่มีทางดิ้นหนีไปไหนได้และมีเพียงนางเป็นหนึ่งในดวงใจแต่เพียงผู้เดียว
หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ
กติกาการลงนิยาย
ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้
1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์
2. ปลดเหรียญอ่านฟรี 1สัปดาห์
3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ
ท้ายที่สุดแล้วก็ผ่านพ้นช่วงเวลาในการเตรียมเปิดร้านอาหารที่แสนวุ่นวายมาได้ในที่สุด ในวันเปิดร้านอาหารเล็กๆ ของฟ่านซีเซียนแน่นอนว่าคนที่มาทำพิธีเปิดป้ายที่เรียบง่ายให้นางจะเป็นใครไปมิได้นอกจากท่านแม่ทัพไร้พ่ายแห่งเป่ยเปียนผู้เป็นสามี
เมื่อครั้งแรกที่ได้ยินว่าฮูหยินท่านแม่ทัพสวีซานจินผู้ปกครองแดนเหนือจะเปิดร้านขายอาหารชาวบ้านต่างก็จินตนาการไปต่างๆ นานาว่าร้านจะต้องออกมาใหญ่โตหรูหราขายอาหารเหลาแต่ผู้คนกว่าครึ่งเมืองดูจะประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าร้านอาหารของภรรยาท่านแม่ทัพนั้นเป็นเพียงร้านอาหารที่ค่อนข้างจะธรรมดาๆ แต่ทว่าแปลกใหม่อีกทั้งยังมีบรรยากาศที่อบอุ่นสวนทางกับอากาศที่หนาวเย็นของแดนเหนือเสียเหลือเกิน
“ขอบคุณทุกท่านที่มาอุดหนุนในวันเปิดร้านนะเจ้าคะในวันนี้ข้ามีความยินดีที่จะแจ้งว่าเราจะลดราคาค่าอาหารลงครึ่งหนึ่งเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ” ฮูหยินท่านแม่ทัพหรือเถ้าแก่เนี้ยคนงามแห่งร้านหม้อร้อนกล่าวกับลูกค้าทุกท่านด้วยน้ำเสียงหวานล้ำทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่อย่างท่านแม่ทัพสวีถึงกับมีอาการคันยุบๆ ยิบๆ ข้างในหัวใจแต่ยังคงต้องรักษาสีหน้าและอาการของตนเองเอาไว้อยู่
ตอนนี้ภายในร้านมีแม่นมหมี่ทำหน้าที่ช่วยคิดเงินคู่กับหลงจู๊คนใหม่อดีตทหารผ่านศึกที่สามีช่วยคัดเลือกมาส่วนคนงานที่คอยดูแลลูกค้าและคนครัวก็ล้วนแต่เป็นบุตรหลานและครอบครัวของทหารผ่านศึกด้วยกันทั้งนั้น
คนงานใหม่นั้นมาจากสามครอบครัวที่มากันทั้งพ่อ แม่และลูกๆ ชายหญิงเนื่องจากพวกเขาโตพอที่จะทำงานกันได้แต่เดิมก็เพียงช่วยบิดามารดารับจ้างทำงานทั่วไปเป็นครั้งคราวครอบครัวมิได้มีรายได้ประจำนอกจากเบี้ยหวัดทหารผ่านศึกเล็กน้อยของบิดา
ครอบครัวแรกนั้นเป็นครอบครัวของท่านลุงม่อที่หลังจากจบสงครามแม้จะไม่ได้สูญเสียอวัยวะแต่ทว่าการเดินของเขาก็ไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้อีกแต่สมองและความจำยังดีก่อนหน้านี้จึงรับหน้าที่ช่วยตรวจสอบเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างของกองทัพแต่ในตอนนี้อยากมาช่วยดูแลร้านอาหารเล็กๆ ของฮูหยินน้อยของท่านแม่ทัพมากกว่าจึงเสนอทั้งครอบครัวที่มีทั้งภรรยาและบุตรสาวมาทำงานด้วยกัน
ครอบครัวที่สองเป็นครอบครัวของท่านลุงจิวที่สูญเสียภรรยาไปหลายปีเมื่อปลดประจำการจึงใช้ชีวิตอยู่กับบุตรชายสองคนแต่เดิมทำหน้าที่ปลูกพืชผักส่งค่ายทหารของท่านแม่ทัพและครอบครัวที่สามคือครอบครัวของท่านลุงฉินที่มีกันอยู่สี่คนพ่อแม่ลูกซึ่งคนงานใหม่ทั้งหมดนี้ฟ่านซีเซียนเป็นคนจัดวางตำแหน่งงานให้พวกเขาด้วยตัวของนางเอง
โดยฝั่งของบุรุษเว้นแต่ท่านลุงม่อซวินนั้นจะทำหน้าที่ดูแลลูกค้าที่เข้ามาในร้าน จัดอาหารและเก็บโต๊ะ ส่วนบรรดาภรรยาและบุตรสาวจะทำหน้าที่อยู่ในครัวด้วยเมืองนี้มีผู้คนแปลกหน้าพลุกพล่านการใช้คนงานชายทั้งหมดในการต้อนรับลูกค้าน่าจะเป็นการปลอดภัยที่สุด
“เฟยลี่หม้อมันร้อนเจ้ามาช่วยข้าเสียบอาหารใส่ไม้ทางนี้ดีกว่าเรื่องตักน้ำแกงให้พี่ๆ เขาทำไปเถิด” หมี่หนิงเหมยเรียกม่อเฟยลี่เด็กที่เป็นคนงานหญิงอายุน้อยที่สุดภายในร้านให้ออกห่างหม้อน้ำแกงร้อนๆ แล้วมาช่วยนางเตรียมอาหารอย่างอื่นแทนด้วยความเป็นห่วงด้วยตัวเด็กหญิงก็เล็กเพียงเท่านั้นจะให้ไปตักน้ำแกงเดือดๆ ใส่หม้อก็ใช่ที่แม้ตัวนางจะมีความรับผิดชอบที่ดีแต่เรื่องอุบัติเหตุป้องกันเอาไว้ก่อนมันจะเกิดได้ก็น่าจะเป็นการดีมิใช่น้อย
“ข้าเพียงเห็นว่าพี่ชายกับพี่สาวทางนั้นกำลังยุ่งมากเจ้าค่ะเลยอยากจะไปช่วย” ม่อเฟยลี่ไม่ได้ดื้อดึงยอมทำตามที่พี่สาวหนิงเหมยบอกแต่นางก็ยังอธิบายสาเหตุที่ตัวเองกล้าเข้าใกล้หม้อน้ำแกงร้อนๆ ที่ตั้งอยู่บนเตาที่สูงเกือบจะเทียมอกของนางอยู่แล้ว
“เด็กดีเอาไว้เจ้าโตอีกนิดค่อยเข้าใกล้หม้อน้ำแกงก็แล้วกันนะ เอาล่ะมาช่วยข้าม้วนผักกาดขาวไส้หมูกับถุงทองดีกว่านะ” เพราะมีลูกค้าจำนวนมากเข้ามาที่ร้านพร้อมๆ กันในคราวเดียวอาหารที่เตรียมไว้อย่างละร้อยไม้จึงพร่องลงไปอย่างรวดเร็วแต่ก็เสียเวลาทำเพิ่มไม่นานเพราะส่วนมากฮูหยินน้อยเตรียมวัตถุดิบเอาไว้เป็นแบบกึ่งสำเร็จรูปแค่เพียงนำไส้ที่ปรุงสำเร็จไว้มาม้วนเข้ากับใบผักลวกไม่ก็สอดไส้ใส่ลงไปในถุงเต้าหู้จากนั้นก็นำไปต้มไม่นานก็พร้อมรับประทานแล้ว
นอกจากอาหารเสียบไม้ที่มีหลากหลายแล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้อีกหนึ่งอย่างก็คือไข่ไก่ต้มสุกที่นำไปปอกเปลือกก่อนจะนำลงไปต้มในน้ำแกงที่ทำมาจากปลาแห้งหอมกรุ่นซึ่งฟ่านซีเซียนทำมันเองกับมือด้วยการนำเอาปลาทะเลมารมควันจนแห้งเพื่อใช้เป็นส่วนผสมหลักในการต้มน้ำแกงเพื่อขายให้ลูกค้า
แม้วัตถุดิบที่หาได้จะไม่ตรงตามสูตรที่อยู่ในความทรงจำแต่กระนั้นนางก็ยังดัดแปลงทำตามของที่มีในมือผ่านการลองผิดลองถูกรวมถึงการชิมครั้งแล้วครั้งเล่าจนท้ายที่สุดแล้วก็ได้ออกมาเป็นน้ำแกงปลาแห้งและน้ำแกงรสเผ็ดร้อนที่ฟ่านซีเซียนแสนจะภาคภูมิใจ
“เถ้าแก่เนี้ยอาหารของท่านแม้จะแปลกตานักแต่เมื่อกินเข้าไปกลับทำรู้สึกอุ่นท้องเป็นอย่างมากช่างเป็นอาหารที่เหมาะกับอากาศเมืองนี้เหลือเกินเจ้าค่ะ” เป็นท่านยายเฉิงเจ้าของร้านขายยาสมุนไพรเก่าแก่ในแดนเหนือที่เดินทางมาอุดหนุนฮูหยินท่านแม่ทัพด้วยตัวของนางเอง
“อาหารของข้านั้นเมื่อรับประทานยามร้อนๆ ก็จะช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นอย่างที่ท่านยายว่าจริงๆ เจ้าค่ะแต่ถ้าหากอยากให้อยู่ท้องมากขึ้นข้าแนะนำให้ท่านสั่งบะหมี่เส้นใหญ่หรือข้าวมากินคู่กับน้ำแกงปลาแห้งหรือจะเป็นน้ำแกงรสเผ็ดก็ได้รับรองว่าจะอิ่มได้นานขึ้น”
“ดียิ่งนักขอบคุณที่ฮูหยินน้อยแนะนำจะว่าไปแล้วอาหารเสียบไม้ที่ทำจากปลาในตอนแรกข้ากลัวว่ามันจะมีกลิ่นคาวแต่เมื่อลองชิมแล้วกลับไม่มีสักนิดนับว่าปรุงได้ยอดเยี่ยมมากน้ำแกงปลาแห้งนั้นข้าก็ชอบมากแต่ส่วนน้ำแกงรสเผ็ดดูแล้วจะรสจัดเกิดหญิงชราอย่างข้าจะรับประทานไหวแต่น่าจะถูกใจหนุ่มๆ สาวๆ มากกว่า นี่ข้าก็สั่งซื้อกลับไปที่บ้านเสียหลายไม้เอาไปฝากหลานๆ ให้พวกเขาได้รับประทานกันหลังจากกลับมาจากสำนักศึกษา” หลังจากที่ได้ลองชิมอาหารหลายอย่างรวมทั้งน้ำแกงสองชนิดที่มีขายผู้อาวุโสจึงสามารถติชมอาหารของฟ่านซีเซียนได้
“ขอบคุณท่านยายที่มาอุดหนุนเจ้าค่ะ”
ระหว่างที่ฮูหยินเดินทักทายลูกค้าท่านแม่ทัพก็ยืนมองอยู่ห่างๆ ด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดาความรู้สึกได้เพราะมันรวบรวมความรู้สึกตั้งแต่เมื่อเห็นร้านนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างจะกระทั่งมาถึงวันที่สามารถเปิดให้บริการกับลูกค้าได้ในวันนี้สวีซานจินก็พูดได้คำเดียวว่ามันคุ้มค่าแล้วกับการที่เขาไม่ได้รับประทานอาหารฝีมือภรรยามาเสียหลายวัน
“ฮูหยินน้อยเจ้าเหนื่อยหรือไม่มานั่งพักดื่มชาสักหน่อยก่อนไม่ดีกว่าหรือ” เมื่อเห็นว่าภรรยาเดินไปทางนั้นทางนี้ตลอดเวลากว่าหนึ่งชั่วยามโดยที่ไม่ได้นั่งพักท่านแม่ทัพจึงเป็นห่วงถึงขนาดเดินไปประคองนางให้มานั่งลงยังโต๊ะที่ว่างโดยที่ฟ่านซีเซียนยังไม่ได้ทันที่จะอ้าปากตอบรับหรือปฏิเสธแต่กระนั้นนางก็ไม่ได้ขืนตัวหนียอมโอนอ่อนตามแรงดึงเบาๆ ของเขาอย่างว่าง่ายและแน่นอนว่าพอบั้นท้ายหย่อนถึงเก้าอี้ปุ๊บคนงานของนางก็วางกาน้ำชาให้แทบจะทันที
“ขอบใจเจ้ามากนะเสี่ยวอี้”
ถ้าไม่นับม่อเฟยลี่แล้วก็มีเด็กชายจิวหยุนอี้วัยสิบสองปีที่เป็นคนงานเด็กสุดในร้านอาหารแต่ด้วยความที่อยู่กับพี่ชายและบิดาจึงค่อนข้างที่จะมีอุปนิสัยที่เข้มแข็งและมีร่างกายแข็งแรงเกินอายุนักทำให้สามารถทำงานในร้านได้อย่างคล่องแคล่วไม่แพ้ผู้ใหญ่
“ข้าเพิ่งรู้ตัวว่ากระหายน้ำถึงเพียงนี้” ฟ่านซีเซียนดื่มชาอุ่นๆ เข้าไปรวดเดียวเสียสองแก้วช่วงเวลาที่น้ำชาที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกมะลิถูกกลืนลงไปในลำคอก็พาความชุ่มชื้นไปหล่อเลี้ยงความแห้งผากภายในร่างกายของนางจนรู้สึกเหมือนว่าตนเองไม่ต่างจากต้นไม้ที่ได้น้ำมารินรด
“ตั้งแต่เปิดร้านมาเจ้ายังไม่หยุดพูดและก็ไม่หยุดเดินเลยจึงไม่แปลกที่จะเป็นเช่นนี้ ฮูหยินข้ารู้ดีว่าเจ้ามีความพยายามและความตั้งใจซึ่งนั่นล้วนแต่เป็นเรื่องดีแต่นอกจากเรื่องงานแล้วเรื่องสุขภาพก็เป็นเรื่องที่เจ้าจะต้องใส่ใจด้วยเช่นเดียวกัน
ในตอนนี้ที่ร้านก็มีคนงานมากมายช่วงแบ่งเบาภาระแล้วจากนี้ไปเจ้าก็ลงมือทำเองให้น้อยลงสักหน่อยเถิดนะหากป่วยไข้ไปแล้วมันจะไม่เป็นการดีที่แดนเหนือนั้นหากคนต่างถิ่นมาเจ็บป่วยแล้วค่อนข้างจะฟื้นตัวได้ยากเพราะไม่ชินกับสภาพอากาศแต่ถ้าหากอยู่ไปสักสองสามปีแล้วก็จะสามารถปรับตัวได้เองเจ้าลองตรองดูหากเจ็บป่วยขึ้นมาก็ต้องเก็บตัวอยู่แต่ในเรือนและดื่มแต่ยาต้มขมๆ หากเป็นเช่นนั้นก็คงไม่ชอบใจใช่ไหมเล่า”
ท่านแม่ทัพไม่ได้ตำหนิแต่ถือโอกาสอธิบายให้เห็นถึงโทษของการที่หักโหมทำงานจนไม่ได้ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีมากพอของภรรยา ที่ผ่านมานับว่านางยังหัวแข็งยิ่งนักที่อดหลับอดนอนได้โดยไม่ล้มหมอนนอนเสื่อซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นเพราะนางมีแม่นมหมี่ที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิดคอยต้มยาบำรุงร่างกายรวมถึงดูแลเรื่องการรับประทานอาหารให้ตรงเวลาที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้มิเช่นนั้นหากปล่อยให้ฟ่านซีเซียนดูแลตัวเองตามลำพังนางคงล้มหมอนนอนเสื่อไปนานแล้ว
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านพี่ ว่าแต่ถ้าการหักโหมทำงานไม่ดีต่อสุขภาพเช่นนั้นท่านพี่ก็ควรออกจากห้องหนังสือก่อนยามจื่อดีหรือไม่เจ้าคะท่านพี่อยู่แดนเหนือมานานร่างกายแข็งแรงทนต่อสภาพอากาศแล้วแต่ว่าการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอก็ยังคงเป็นสาเหตุให้ล้มป่วยได้ง่ายอยู่ดีนะเจ้าคะ” เรื่องนี้ฟ่านซีเซียนไม่ได้ตั้งใจจะยอกย้อนแต่นางคิดมานานแล้วว่าอยากถือโอกาสพูดคุยให้สามีรู้จักหลับจักนอนพักผ่อนเสียบ้างเมื่อเขาพูดเรื่องการดูแลสุขภาพของตนเองกับนางก่อนนางจึงใช้โอกาสนี้พูดคุยกับเขาเสียเลยเพื่อความเสมอภาคกัน
“งานของเจ้ากับของข้าไม่เหมือนกันแต่ก็เอาเถอะข้าจะพยายามนอนให้เร็วมากขึ้นกว่าเดิมก็แล้วกันนะ” เนื่องจากไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่จะสามารถโต้แย้งภรรยาได้เต็มปากเต็มคำนักท่านแม่ทัพสวีจึงรับปากนางไปเสียด้วยไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องยากอะไรเท่าไหร่การเข้านอนไวกว่าเดิมสักหนึ่งชั่วยามก็น่าจะช่วยให้สมองของเขาปลอดโปร่งหลังจากที่ได้นอนเต็มตื่นขึ้นมาบ้างก็ได้
“ข้าเองก็มอบหมายงานในร้านค้าให้คนงานรับผิดชอบกันไปตามหน้าที่ของตนเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะจากนี้ไปการลงแรงทำงานก็ให้เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของพวกเขาไปส่วนตัวข้านั้นก็มีหน้าที่เพียงคอยควบคุมคุณภาพและบริการ
วันนี้เพิ่งเปิดร้านยังต้องจัดการเรื่องต่างๆ ให้เข้ารูปเข้ารอยอีกทั้งคุณภาพต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานที่วางไว้เท่านั้นข้าจึงจะวางใจได้จริงๆ เจ้าค่ะ” ระหว่างที่พูดไปดวงตาของฟ่านซีเซียนก็กวาดมองไปทั่วร้านด้วยความชื่นชมปลื้มปีติที่ในที่สุดแล้วร้านอาหารที่นางตั้งใจสร้างมันก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่างอีกทั้งยังสามารถจับต้องได้ในวันนี้
“ยินดีกับฮูหยินน้อยด้วยกับร้านที่เปิดใหม่ในวันนี้ข้าขออวยพรให้ร้านของเจ้าขายดิบขายดีสามารถรักษาคุณภาพให้ได้เช่นนี้ต่อไปลูกค้าจะได้เข้ามาอุดหนุนไม่มีขาดในภายภาคหน้าก็ขอให้มีสาขากระจายไปจนทั่วแคว้น” เมื่อคิดได้ว่าตนเองยังไม่ได้มีโอกาสแสดงความยินดีกับภรรยาอย่างเป็นทางการสวีซานจินจึงตั้งใจอวยพรให้การค้าของนางประสบความสำเร็จและเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป