รักเมีย หลงเมีย กินข้าวไม่ได้ร้องไห้หาเมีย
รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ครอบครัว,จีน,แม่ทัพพ่ายเมีย,นิยายรักจีนโบราณ,เกิดใหม่,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กลวิธีมัดใจสามีให้อยู่หมัดรักเมีย หลงเมีย กินข้าวไม่ได้ร้องไห้หาเมีย
เมื่อจำต้องแต่งงานโดยไม่เต็มใจโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้สิ่งที่ฟ่านซีเซียนหรือไส้ในคือดวงวิญญาณแปลกปลอมของหญิงสาวต่างยุคต่างสมัยเข้ามาอาศัยพึ่งพิงร่างตามที่โชคชะตาได้ขีดเส้นเอาไว้นั้นทำได้คือการพยายามทำตัวให้เป็นที่รักทั้งกับตัวสามีรวมไปถึงผู้คนรอบข้างเขาเพื่อความอยู่รอดอย่างสุขสงบแต่นางกลับมีอุปสรรคใหญ่คือมารหัวใจที่มาปรากฏกายในรูปแบบของน้องสาวบุญธรรมของสามี
ในเมื่อถูกลิขิตให้ได้มีชีวิตอยู่ต่อไปสิ่งที่ทำได้คือต้องสู้สุดใจขาดดิ้นในวิถีทางที่ตนเองพอจะทำได้อย่างเรื่องการขยันทำงานจนสามารถเปิดร้านอาหารเป็นของตนเองได้โดยที่มิต้องอาศัยบารมีของใครหนุนหลังอีกทั้งเอาใจใส่ดูแลในเรื่องอาหารการกินที่นางถนัดฟ่านซีเซียนตั้งใจจะมัดทั้งตัวและหัวใจของท่านแม่ทัพผู้เป็นสามีให้ไม่มีทางดิ้นหนีไปไหนได้และมีเพียงนางเป็นหนึ่งในดวงใจแต่เพียงผู้เดียว
หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ
กติกาการลงนิยาย
ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้
1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์
2. ปลดเหรียญอ่านฟรี 1สัปดาห์
3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ
สภาพอากาศในดินแดนเหนือสุดของแคว้นหนาวเย็นจนทำให้ฟ่านซีเซียนมีอาการป่วยเล็กน้อยแต่กระนั้นนางก็ถูกห้ามมิให้ออกมาจากเรือนเลยถึงเจ็ดวันเพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมซึ่งก็ไม่ใช่เฉพาะฮูหยินของท่านแม่ทัพเพียงคนเดียวที่ต้องปรับตัวแต่ทั้งน้องสาวฟางเซียนเซียว แม่นมหมี่ก้งเย่ว พี่สาวหมี่ฮุ่ยเหมยและพี่สาวหมี่หนิงเหมยต่างก็ต้องพักผ่อนให้เพียงพออยู่ในเรือนไปก่อนเช่นเดียวกัน
แต่ในทันทีที่ได้รับอนุญาตจากที่แม่ทัพให้ออกมานอกตัวเรือนได้สิ่งแรกที่ฟ่านซีเซียนทำก็คือการเดินสำรวจรอบๆ เรือนที่ตัวเองพักอาศัยอยู่และนางก็พบว่ารอบๆ เรือนหลังนี้ที่เป็นเรือนหลักของจวนแม่ทัพนั้นมีการเพาะปลูกพืชผักต่างๆ เอาไว้มากพอสมควร
เมื่อสอบถามกับพ่อบ้านผู้ดูแลจวนแห่งนี้แล้วจึงได้ทราบว่าเป็นสามีของนางที่ศึกษาวิธีการปลูกผักในสภาพอากาศที่หนาวเย็นและทดลองทำดูด้วยตัวเองเมื่อมันพอที่จะประสบความสำเร็จจึงให้ในค่ายทหารปลูกผักเอาไว้กินเองรวมถึงแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์พืชและวิธีการให้ชาวบ้านอีกด้วยทำให้แดนเหนือยังพอจะหาผักที่ทนความหนาวรับประทานได้บ้างถึงแม้จะไม่หลากหลายมากเท่าเมืองหลวงก็ตามแต่มันก็ยังดีกว่าไม่มีเลย
อันที่จริงโดยปกติทั่วไปของจวนขุนนางต่อให้เป็นสามีภรรยากันก็จะมีการแยกเรือนส่วนตัวออกจากกันอย่างชัดเจนแต่สำหรับฟ่านซีเซียนและสวีซานจินนั้นเขาเป็นคนบอกเองว่าที่นี่ไม่เหมือนเมืองหลวงจึงควรอยู่ร่วมเรือนเดียวกันเพื่อเหตุผลในด้านแรงงานและการประหยัดเชื้อเพลิงแต่ไม่ต้องห่วงเพราะถึงจะอยู่ร่วมเรือนแต่นางยังจะได้รับพื้นที่ส่วนตัวซึ่งเป็นปีกฝั่งหนึ่งของเรือนหลักที่สามารถบริหารจัดการและดูแลได้ด้วยตนเองส่วนอีกฝั่งนั้นท่านแม่ทัพจับจองเอาไว้แล้ว
เมื่อเห็นพืชพรรณปลูกได้งามดีฟ่านซีเซียนจึงไม่รีรอเลยที่จะสอบถามกับพ่อบ้านเส้าว่านางสามารถเก็บผักมาปรุงอาหารได้หรือไม่เมื่อได้รับคำตอบว่าท่านแม่ทัพอนุญาตให้ฮูหยินทำอะไรก็ได้ตามใจฟ่านซีเซียนจึงไม่ลังเลเลยที่จะขอจัดเลี้ยงอาหารให้กับคนภายในจวนซึ่งมีกันไม่กี่ชีวิตเป็นการแสดงความขอบคุณที่ต้อนรับรวมถึงดูแลนางและผู้ติดตามเป็นอย่างดี
ที่จวนแห่งนี้นอกจากท่านแม่ทัพแล้วก็มีเพียงครอบครัวของพ่อบ้านเส้าอาศัยอยู่ด้วยกันทั้งหมดสี่ชีวิตโดยทุกคนจะมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยทุกๆ อย่างภายในเรือนหลักส่วนในเรือนรองและบริเวณโดยรอบนั้นจะจ้างนายทหารปลดประจำการและครอบครัวของพวกเขาเข้ามาทำความสะอาดและดูแลความเรียบร้อยทุกๆ สิบห้าวันและทางด้านสวนผักนั้นก็จะมีนายทหารจัดเวรยามมาช่วยกันดูแลช่วยให้เบาแรงของพ่อบ้านเส้าไปได้มาก
“ฮูหยินน้อยเจ้าคะให้พวกข้ากับสามีทำอาหารกันเองดีหรือไม่” ภรรยาของพ่อบ้านเส้าวิงวอนนายหญิงของจวนด้วยสายตาระหว่างที่ฟ่านซีเซียนเลือกหยิบจับเครื่องครัวและเครื่องปรุงต่างๆ ที่ตนเองต้องการนำมาใช้งานออกมาเตรียมเอาไว้
“ไม่เป็นไรเลยท่านป้าเส้าอาหารมื้อนี้ขอให้ข้าเป็นคนปรุงให้พวกท่านได้รับประทานเถิดนะเจ้าคะหลายวันที่ผ่านมานี้เป็นพวกท่านที่ต้องลำบากดูแลทั้งตัวข้าและผู้ติดตามแต่จากนี้เรามาอยู่ร่วมเรือนเดียวกันแล้วหน้าที่การงานต่างๆ ควรต้องช่วยกันทำเรื่องงานดูแลเรือนฝั่งของข้านั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนที่ข้าพามาเถิดเจ้าค่ะพวกท่านรับผิดชอบดูแลในส่วนของท่านแม่ทัพที่เคยทำมาแต่เดิมก็พอ
ที่ขอให้เป็นเช่นนั้นเพราะไม่อยากให้คิดว่าการมาของข้านั้นเป็นการเพิ่มภาระงานให้พวกท่านแม้ตัวข้าจะเพิ่งมาถึงเพียงไม่กี่วันแต่เท่าที่มองเห็นด้วยดวงตาทั้งสองข้างข้ารับรู้ได้ว่าที่ผ่านมาพวกท่านดูแลท่านแม่ทัพมาเป็นอย่างดีมากต่อจากนี้ไปตัวข้าเองก็อยากมีส่วนช่วยในการดูแลท่านแม่ทัพบ้างอย่างเช่นเรื่องของอาหารการกิน”
ไหนๆ ก็ได้มีโอกาสพูดแล้วฟ่านซีเซียนจึงเปิดปากพูดในสิ่งที่ตนเองต้องการส่วนหนึ่งเพราะผู้ดูแลเก่าแก่ทำงานของตนเองดีอยู่แล้วนางซึ่งเป็นผู้มาใหม่จะไม่ไปก้าวล่วงเพียงแต่จะชี้แจงว่าตัวเองต้องการที่จะทำอะไรต่อไปจากนี้
“หากเป็นเช่นนั้นท่านแม่ทัพน่าจะไม่พอใจนะเจ้าคะที่ฮูหยินน้อยต้องมาเหนื่อยกับเรื่องงานจุกจิก” เส้าถิงถิงเอ่ยอย่างเป็นกังวลแต่สำหรับนางการดูแลคนเพิ่มขึ้นมาอีกเพียงสี่ห้าคนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยสำหรับครอบครัวเส้าที่มีกันอยู่สี่คนพ่อแม่ลูกซึ่งจะว่าไปแล้วงานในจวนแม่ทัพนั้นเทียบไม่ได้กับการทำไร่ทำนาที่นางเคยทำตอนอยู่บ้านเกิดเลยแม้แต่นิดเดียว
“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเลยเจ้าค่ะข้าจะเป็นคนเจรจากับท่านแม่ทัพเองข้ามั่นใจว่าการอธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผลน่าจะทำให้เขาเข้าใจเจตนาของข้าได้ เอาล่ะมาดูกันเถิดว่าวัตถุดิบที่เรามีอยู่สามารถปรุงอาหารอะไรออกมาได้บ้าง” นอกจากผักที่เก็บมาสดๆ ใหม่ๆ แล้วในห้องเก็บอาหารในครัวของจวนแม่ทัพยังมีเนื้อสัตว์สดๆ ที่แช่แข็งเก็บเอาไว้อยู่มากแต่ก็ใช่ว่าฟ่านซีเซียนจะนำมันมาปรุงอาหารได้ตามใจเพราะว่ายังต้องคิดเรื่องการประหยัดอดออมเอาไว้ให้มากเข้าไว้เพราะที่นี่ไม่ใช่ว่าจะหาวัตถุดิบปรุงอาหารได้ง่ายเช่นในเมืองหลวง
ฟ่านซีเซียนที่ร้อนวิชาเพราะในชีวิตก่อนในช่วงสองปีให้หลังนั้นเธอทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการท่องอินเทอร์เน็ตอยู่บนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลจึงอยากจะทำเมนูอาหารทุกอย่างที่ตนเองนั้นได้เรียนรู้มาแต่สุดท้ายแล้วก็ต้องเลือกมาสามจานจากรายการอาหารนับร้อยที่อยู่ในหัว
ในครัวมีถั่วเหลืองเมล็ดอวบๆ อยู่มากฟ่านซีเซียนจึงตั้งใจจะทำเต้าหู้แล้วนำมาผัดกับน้ำมันพริกที่มีรสชาติเผ็ดร้อนใส่ผักเป็นอาหารจานที่หนึ่ง ส่วนจานที่สองจะเป็นหัวไชเท้าอวบๆ ตุ๋นกับซีอิ๊วและหมูสับมีรสชาติหวานเค็มอ่อนๆ จานนี้แม่นมและน้องสาวของนางน่าจะชอบใจส่วนจานสุดท้ายนั้นจะเป็นน้ำแกงผักกาดดองรสเผ็ดที่ใส่เต้าหู้ทอดแทนเนื้อสัตว์เพราะไหนๆ ก็ทำเต้าหู้กันแล้วจึงต้องนำมาใช้เสียให้คุ้ม
การปรุงอาหารสามอย่างสำหรับคนสิบกว่าคนนั้นไม่ใช่เรื่องยากเพราะว่ามีพี่สาวสกุลหมี่ทั้งสองมาเป็นผู้ช่วยซึ่งทั้งคู่ต่างก็ถนัดในการทำงานครัวเมื่อใกล้เวลาที่ท่านแม่ทัพจะกลับมาถึงเรือนอาหารทั้งหมดก็จัดเตรียมเอาไว้พร้อมรับประทานได้เลย
“ยินดีต้องรับกลับเรือนเจ้าค่ะท่านพี่” เสียงทักทายหวานหูที่มาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ แต่ว่าหวานล้ำทำเอาท่านแม่ทัพอุดรที่ไม่คุ้นชินกับความอ่อนโยนมีสีหน้าประหลาดใจไปชั่วขณะแต่ก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยดังที่เคยเป็น
“ขอบคุณฮูหยินน้อย ได้ข่าวว่าวันนี้ได้ออกมานอกเรือนเป็นครั้งแรกก็เริ่มซุกซนเลยอย่างนั้นหรือ” อย่างไรแล้วสวีซานจินก็มิใช่คนใจร้ายใจดำอะไรเขายังมีแก่ใจหยอกเย้าภรรยาในเรื่องที่ได้รับรายงานมาตลอดทั้งวัน
ในจวนแม่ทัพที่เงียบสงบใช่ว่าจะหละหลวมในเรื่องการคุ้มกันแต่คนนักที่จะรู้ว่าที่นี่มีองครักษ์เงาที่ได้รับพระราชทานเป็นกรณีพิเศษจากฮ่องเต้คอยเป็นหูเป็นตาและคอยดูแลความเรียบร้อยปลอดภัยของทุกชีวิตภายในจวนและคนเหล่านี้เองที่คอยรายงานการเคลื่อนไหวของฮูหยินน้อยให้เขาได้รับทราบอยู่ตลอดทั้งวัน
“ข้าเพียงสำรวจที่อยู่ใหม่เท่านั้นเองเจ้าค่ะ วันนี้ข้าทำอาหารเลี้ยงทุกคนภายในเรือนด้วยนะเจ้าคะตั้งใจจะตอบแทนที่ท่านพี่และครอบครัวของพ่อบ้านเส้าให้การต้อนรับดูแลพวกเราเป็นอย่างดีตั้งแต่วันแรกที่มาถึงและหลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้วข้าก็มีเรื่องที่อยากปรึกษาหารือกับท่านด้วยเจ้าค่ะ
แต่ว่าตอนนี้ท่านพี่ไปอาบน้ำให้สบายเนื้อสบายตัวก่อนเถิดอาหารเย็นจะพร้อมในอีกสองเค่อนะเจ้าคะ” ฟ่านซีเซียนจัดการพูดในสิ่งที่ตนเองต้องการออกมาในคราวเดียวด้วยเข้าใจว่าเวลาทุกนาทีของท่านแม่ทัพนั้นมีค่าเหลือเกินจากที่สังเกตมาหลายวันหลังจากที่รับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้วเขาก็ยังมีภารกิจต้องทำอีกมาก
นอกจากจะต้องมาดูแลความสงบเรียบร้อยของดินแดนในตอนเหนือแล้วเขาก็ยังทำหน้าที่ไม่ต่างจากขุนนางกินเมืองแถบนี้ที่ต้องดูแลทุกข์สุขของชาวบ้านอย่างรอบด้านซึ่งจากการที่สวีซานจินสร้างคุณูปการให้บ้านเมืองมากมายถึงเพียงนี้เขาและบุตรหลานทั้งหมดสกุลสวีจึงได้สิทธิพิเศษจากโอรสสวรรค์ในการงดเว้นสมรสพระราชทานได้หากไม่เป็นเช่นนั้นดูแล้วชายหนุ่มที่เพียบพร้อมน่าจะมิได้รอดมาถึงมือฟ่านซีเซียนเป็นแน่
“หากเป็นเช่นนั้นวันนี้ก็ให้พ่อบ้านเส้าตั้งโต๊ะใหญ่ในห้องโถงเลยก็แล้วกันพวกเราจะกินข้าวเย็นด้วยกันทุกคน”
ในทุกๆ วันสวีซานจินนั้นมักจะรับประทานอาหารตามลำพังที่ห้องอาหารห้องเล็กแต่ก็มีบางวันที่ครอบครัวเส้ามานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนเพราะมีเรื่องสำคัญต้องปรึกษาหารือแม้จวนแม่ทัพจะใหญ่โตแต่คนอาศัยอยู่กลับมีน้อยนิดเขาจึงไม่ได้ใส่ใจในพิธีการอะไรให้มันยุ่งยากวุ่นวายมากนักเรื่องกินข้าวกับครอบครัวของพ่อบ้านนั้นเขาทำมันเป็นปกติอยู่แล้ว
อาหารเย็นที่รสชาติไม่คุ้นลิ้นแต่กลับทำให้เจริญอาหารขึ้นมากอย่างปฏิเสธไม่ได้วันนี้ท่านแม่ทัพจึงกินข้าวเสียสองชามใหญ่ๆ อีกทั้งยังเอ่ยชมรสมือของภรรยาเพราะทราบอยู่แล้วว่าฮูหยินน้อยเป็นคนลงมือปรุงอาหารทั้งหมดด้วยตัวของนางเอง
หลังจากอิ่มจากมื้อเย็นแล้วทั้งท่านแม่ทัพและฮูหยินน้อยต่างก็พากันย้ายตัวเองเข้าไปในห้องตำราซึ่งที่นี่เป็นทั้งห้องทำงาน ห้องประชุมและห้องอ่านหนังสือของท่านแม่ทัพเบ็ดเสร็จภายในห้องห้องเดียวและที่นี่เองที่เขามักจะใช้เวลาเกือบทั้งหมดของตัวเองอยู่ด้านในแม้แต่ห้องนอนก็ยังใช้เวลาไปเพียงครึ่งเดียวของที่ใช้ไปในห้องตำราเท่านั้น
“ไม่มีปัญหาหรอกในเรื่องของการจัดการภายในเรือนเป็นเจ้าที่มีอำนาจและสิทธิ์ขาดในเรือนนี้เท่าเทียมกับตัวข้าส่วนเรื่องที่อยากจะทำอาหารพิเศษเลี้ยงอาหารในกองทัพนั้นเจ้ามั่นใจหรือว่าจะทำได้เพราะทหารในปกครองของข้านั้นมีนับหมื่นนายเลยทีเดียวแม้ตอนนี้จะประจำการอยู่ในค่ายไม่กี่พันคนแต่ก็นับว่ามากอยู่ดี”
“หากข้าทำด้วยตนเองทั้งหมดแขนคงหักพอดีเจ้าค่ะแต่ท่านพี่ไม่ต้องกังวลไปเพราะข้าจะจ่ายแจกวัตถุดิบและสูตรในการปรุงอาหารให้กับโรงครัวของกองทัพโดยข้าเลือกไว้แล้วว่าจะให้พวกเขาปรุงน้ำแกงเต้าหู้รสเผ็ดใส่ผักกาดดองหากกลัวผักดองจะไม่พอสามารถดองเพิ่มได้นะเจ้าคะเพราะพ่อบ้านเส้าบอกกับข้าเองว่าในค่ายทหารปลูกผักกาดเขียวปลีเอาไว้มากมาย อีกอย่างหนึ่งอาหารเผ็ดร้อนจะช่วยทำให้ร่างกายของนายทหารอุ่นขึ้นด้วย” ก่อนจะมาพูดคุยกับสามีแน่นอนว่าฟ่านซีเซียนต้องเตรียมข้อมูลมาพร้อมแล้วเผื่อว่าเขาจะซักถามหรือว่าโต้แย้งนางจะได้นำมาหักล้างกันได้
“ผักกาดดองที่ค่ายทหารเรามีเหลือเฟือเลยล่ะอย่างที่เจ้าเห็นว่าที่นี่หนาวเย็นยิ่งนักพืชผักเติบโตได้ไม่กี่ชนิดเมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวก็จำเป็นที่จะต้องดองไม่ก็ตากแห้งเอาไว้เพื่อจะทำให้มีเสบียงเก็บเอาไว้กินไปได้นานๆ
แต่นอกจากจะต้องเตรียมเสบียงที่เป็นพืชผักแล้วเราจะมีฤดูกาลที่ทหารจะออกไปล่าสัตว์ทั้งเพื่อเก็บเสบียงของกองทัพและนำไปแจกจ่ายหรือไม่ก็ขายในราคาถูกให้กับชาวบ้าน ในทุกๆ ปีเราจะเปิดรับอาสาสมัครจากหมู่บ้านต่างๆ ออกไปล่าสัตว์ด้วยกันใครส่งคนมาก็จะได้ส่วนแบ่งแต่หมู่บ้านไหนที่ไม่มีคนมาช่วยก็จะต้องซื้อเนื้อโดยใช้เงินไม่ก็สิ่งของอื่นๆ มาแลกเปลี่ยนที่นี่เราไม่หยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับคนที่งอมืองอเท้า”
แดนเหนือแม้จะหนาวเย็นแต่หากปรับตัวได้และใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่อากาศอุ่นได้เต็มที่แล้วก็นับว่าเป็นดินแดนที่สามารถอยู่อาศัยได้ไม่แย่เลยแต่สิ่งที่ยากที่สุดก็คงจะไม่พ้นระยะแรกของการปรับตัวซึ่งออกจากยากลำบากไปสักนิดหากทนได้ก็จะรอดหากทนไม่ได้ก็ย่อมจะเกิดปัญหาขึ้นมาอย่างแน่นอน
และวิธีการเตรียมเสบียงอาหารที่สวีซานจินกล่าวมานั้นเขาก็ทำมาได้หลายปีแล้วแรกๆ ชาวบ้านที่ไม่คุ้นเคยกับการแลกเปลี่ยนเคยชินกับการแบมือขอก็แสดงอาการต่อต้านแต่แล้วเมื่อรับรู้และเห็นด้วยตาตนเองแล้วว่าท่านแม่ทัพผู้นี้นั้นเป็นคนจริงจังและยึดมั่นในคำสัญญาชาวบ้านก็ค่อยๆ ปรับตัวรวมถึงฝั่งกองทัพก็พยายามปรับปรุงสิ่งต่างๆ คอยถ้อยทีถ้อยอาศัยกันตลอดมาจนท้ายที่สุดสิ่งนี้ก็ทำให้ท่านแม่ทันไร้พ่ายแห่งเป่ยเปียนได้ใจของชาวบ้านในที่สุด
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านพี่ อันที่จริงข้าก็มีสูตรการดองผักที่แปลกใหม่อยู่หลายสูตรเอาไว้ข้าจะทดลองทำจากผักที่ปลูกในเรือนก่อนหากที่ท่านพี่ลองชิมแล้วชอบต่อไปก็จะนำไปเผยแพร่ให้ชาวบ้านและกองทัพได้ลองทำดูนะเจ้าคะจะได้มีเสบียงใหม่ๆ ที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น”