" เขา…ผู้มีความรักในใจเพื่อใครคนหนึ่ง และปริศนาในความทรงจำที่หายไป…ของเธอ "

ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว - ตอนที่ 8 ช่อดอกไม้ปริศนา โดย ทิรพพย์ : T. La Pop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,แฟนตาซี,ยุคปัจจุบัน,ลึกลับ,ปริศนา,โลกคู่ขนาน,ผจญภัย,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,รัก,ความจำเสื่อม,คลั่งรัก,ตลก,ตกหลุมรัก,ความรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,แฟนตาซี,ยุคปัจจุบัน,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ปริศนา,โลกคู่ขนาน,ผจญภัย,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,รัก,ความจำเสื่อม,คลั่งรัก,ตลก,ตกหลุมรัก,ความรัก,ดราม่า

รายละเอียด

ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว โดย ทิรพพย์ : T. La Pop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

" เขา…ผู้มีความรักในใจเพื่อใครคนหนึ่ง และปริศนาในความทรงจำที่หายไป…ของเธอ "

ผู้แต่ง

ทิรพพย์ : T. La Pop

เรื่องย่อ

เป็นเพราะความบังเอิญ พรหมลิขิต ปาฏิหาริย์ โชคชะตา หรือไม่ว่าอะไรก็ตามที่ไม่สามารถอธิบายได้ ชักนำให้คน 2 คนที่ต่างกันคนละขั้ว ให้ได้มาพบกัน โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า “มีบางสิ่ง” ที่คนทั้งคู่นั้นต่างทำหายไป ณ ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต แต่กลับสามารถเติมเต็มซึ่งกันและกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ท่ามกลางปริศนาและคนแปลกหน้าที่ค่อยๆ ก่อตัวเกิดเป็นความวุ่นวายเข้ามาในชีวิตโดยที่คนทั้งคู่นั้นเองก็คาดไม่ถึง

สารบัญ

ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว-ตอนที่ 1 สัญญานะ,ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว-ตอนที่ 2 สัญญาณ,ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว-ตอนที่ 3 Grand Opening,ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว-ตอนที่ 4 แอบปลื้ม,ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว-ตอนที่ 5 คือคนเดียวกัน,ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว-ตอนที่ 6 ตัวจริงของปุ่น,ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว-ตอนที่ 7 "ภัยเงียบ" เจ้าเสน่ห์,ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว-ตอนที่ 8 ช่อดอกไม้ปริศนา

เนื้อหา

ตอนที่ 8 ช่อดอกไม้ปริศนา

“ ว่าไง เด็กใหม่ ขอขี่จักรยานหน่อยสิ ” กลุ่มเด็กผู้ชายผมทองอายุประมาณสิบขวบ 2-3 คน กระโดดออกมาขวางหน้ารถจักรยานคันน้อยที่มีเด็กหญิงในชุดเสื้อกันหนาวแสนอบอุ่นตัวหนาสีแดง สวมหมวกไหมพรมสีขาวเป็นผู้ขับเล่นไปมาภายในบริเวณสนามเด็กเล่นแห่งหนึ่ง

“ ถอยไปนะ อย่ามาขวางหนูปุ่น ออกไป....” เด็กหญิงตัวน้อยใช้มือเล็กๆ ปัดป้องการคุกคามของกลุ่มเด็กชายผมทอง ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเด็กชายกลุ่มนี้ต้องการอะไรเพราะเด็กหญิงไม่เข้าใจภาษาอังกฤษที่เด็กชายกลุ่มนั้นพูดคุยกัน

โดยการยื้อยุดจักรยานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดหนึ่งในเด็กชายที่อยู่ในกลุ่มนั้นเดินมาผลักเด็กหญิงตัวน้อยให้ออกไปจากจักรยานจนล้มลงไปก้นกระแทกกับพื้นทันที ทำให้เด็กหญิงตัวน้อยนั้นนั่งร้องไห้โฮใหญ่เพราะทำอะไรเด็กชายกลุ่มนั้นไม่ได้ ในขณะที่กลุ่มเด็กชายผมทองกำลังจูงจักรยานเดินคุยกันสนุกสนานห่างออกไปเพื่อขี่เล่นที่อื่นนั้น จู่ๆ ก็มีวัตถุบางอย่างลอยมาปะทะที่กลางหลังของเด็กชายที่ผลักเด็กหญิงตัวน้อยล้มลง

“ เฮ้ นั่นพวกนายทำอะไรน่ะ รังแกเด็กผู้หญิงหรอ ” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังเด็กกลุ่มนั้นหลังจากที่เจ้าของเสียงเพิ่งปาบางสิ่งออกไปเพื่อให้อีกฝ่ายหยุดเดิน

 ทันทีที่สิ้นเสียงตะโกน เด็กชายผมทองคนที่ถูก "บางสิ่ง" ปาเข้าที่หลังนั้นก็ถูกเด็กชายผู้เป็นเจ้าของเสียงตะโกนออกแรงดึงกระชากคอเสื้อแจ็คเก็ตสสีกรมทางด้านหลังให้ออกห่างจากรถจักรยานของเด็กหญิงที่ขณะนี้กำลังนั่งร้องไห้อยู่ทางหนึ่ง และด้วยเพราะอีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้เด็กชายผมทองหันกลับมามองก็ป้องกันตัวเองไม่ทันแล้วเพราะเขาเสียการทรงตัวจากแรงกระชากจนหงายหลังล้มไปกองกับพื้น

จากนั้นเด็กชายในชุดกางเกงขาสั้นสีเทากับเสื้อเชิ้ตสีขาวผูกไทด์ที่ถูกสวมทับด้วยสเวตเตอร์แขนยาวสีเขียวเข้มตรงเข้าไปต่อยเด็กชายอีกคนที่กำลังตกใจที่เห็นเพื่อนถูกเล่นงานจนหงายหลังลงไปกองกับพื้น ส่วนเด็กชายอีกคนรีบใช้จังหวะที่เพื่อนของตนถูกต่อยหน้าวิ่งหนีไปทางตรอกทรุดโทรมข้างทางด้านหนึ่งของสนามเด็กเล่น ส่วนเด็ก 2 คนที่โดนเล่นงานมองเห็นเพื่อนอีกคนวิ่งหนีไปแล้วก็เลยรีบลุกวิ่งตามกันไปด้วยความกลัว เมื่อทุกอย่างสงบลงเด็กชายตัวสูงที่ตอนนี้เหลือรองเท้าที่ใส่อยู่เพียงข้างเดียวนั้นรีบเดินมาดูเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ยอมหยุดยิ่งได้เห็นว่าจักรยานคันโปรดของตนถูกปล่อยให้ล้มกระแทกพื้น

 “ หยุดร้องเถอะ วินไล่เด็กเกเรพวกนั้นไปแล้วนะ นี่ มีชื่อไหม เราชื่อวินนะ ” เด็กชายตัวสูงแนะนำตัว พร้อมกับส่งมือให้เด็กหญิงตัวน้อยตรงหน้า

 “ ชื่อวินนะหรอ ” เด็กหญิงสะอึกสะอื้นถามน้ำตาคลอเบ้ามองคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ชัด

 “ เปล่า ไม่ใช่วินนะ เราชื่อ วิน ” เด็กชายหัวเราะกับคำถามของเด็กหญิงตรงหน้าพลางจับแก้มทั้ง 2 ข้างของเด็กหญิงแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้านกนะเป๋ากางเกงของตนซับน้ำตาและเช็ดหน้าที่เลอะเทอะให้อย่างอ่อนโยน

 “ ฮือออ....ขอบคุณนะ... ขอบคุณ...” เด็กหญิงยังคงสะอื้นต่อไปจนกระทั่งเสียงนั้นเริ่มจางหายไปในความทรงจำ

 “ ขอบคุณนะ....ขอบคุณ... ” เสียงเบาๆ ที่ดังพอได้ยินลอดออกมาจากปากบางเรียวสวยได้รูปของหญิงสาวที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงหนานุ่มสีคาราเมล ในชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อเชิ้ตตัวยาวๆ สีฟ้าอ่อน

 “ ปุ่น...ปุ่น....แกละเมอหรอปุ่น ” เสียงใสๆ ของซีปลุกเพื่อนเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงและอาการกระสับส่ายของเพื่อนสาว

 “ หือออ....ซีหรอ.....ว่าไง อือ...โอ๊ย! ....ปุ่นปวดหัวจัง ” หญิงสาวค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นจากภวังค์ความฝันอันเลือนลางของตน

 “ มาๆ ลุกขึ้นมาทานข้าวก่อน แกจะได้ทานยา ฉันเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ” ซีดึงมือเพื่อนให้ลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างยากลำบาก

 “ อื้อ....นี่กลิ่นข้าวต้มไก่นี่นา โอ้โห! .....หอมจัง ปุ่นมีแรงลุกแล้วล่ะ ” หญิงสาวผู้ตื่นจากนิทรายังคงนั่งนิ่งสูดกลิ่นอาหารที่กำลังลอยกรุ่นภายในบ้านของตนอยู่บนเตียงเพื่อกระตุ้นระบบประสาททั้งหมดให้เริ่มตื่นตัวมากกว่าเดิม แต่ดูเหมือนว่าจะมีเพียงจมูกเท่านั้นที่ทำงานได้เร็วที่สุดในเวลานี้

 “ โอ๊ะ! จมูกไวดีนี่ แบบนี้แสดงว่าอาการดีขึ้นมากแล้วละสิ ยัยปุ่น ไปเลย เร็วค่ะ ลุก! เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกมาก ” ซีดึงแกมลากปุ่นให้ลุกออกมาจากเตียงตรงไปที่ระเบียงริมแม่น้ำที่มีโต๊ะขนาดกลางที่เตรียมไว้สำหรับ 3 คน ถูกจัดไว้เรียบร้อยแล้ว

ภายในเวลาไม่กี่นาทีหญิงสาวที่เพิ่งตื่นเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าเช็ดหน้าในมือก็เดินออกมาที่ระเบียงริมน้ำพร้อมกับยืนสูดอากาศอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเธอก็ถูกเพื่อนสาวผู้เป็นแม่ครัวทำอาหารสำหรับเช้านี้เดินมาจูงมือของเธอมาที่โต๊ะอาหารพร้อมกับจัดให้นั่งลงที่เก้าอี้มุมประจำมุมเดิมคือมุมที่หันหน้าออกแม่น้ำ เพื่อรับลมเย็นที่พัดมาเป็นระลอกจากแม่น้ำสายใหญ่ และแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดมาจากทางด้านหลัง โดยมีตัวอาคารของบ้านช่วยบังแสงที่ค่อยๆ จ้าและแรงขึ้นไว้ให้ ซึ่งเป็นมุมโปรดมุมประจำที่หล่อนชอบมานั่งพักสายตา ซึ่งเพื่อนซี้ของเธออย่างซีก็รู้ใจดีอยู่แล้ว ซึ่งแต่เดิมตรงระเบียงริมน้ำที่เธอกำลังนั่งอยู่ขณะนี้เป็นเพียงทางเดินแคบๆ ที่ปูด้วยก้อนอิฐและหินกรวดกลมๆ ขนาดเล็ก มีความกว้างเพียง 1.5 เมตรเท่านั้น โดยเธอให้ช่างเปลี่ยนผนังด้านนี้เป็นบานกระจกใสที่มีด้านหนึ่งเป็นประตูบานสไลด์ เพื่อเชื่อมทางเดินด้านที่ติดริมน้ำกับเรือนกระจกขนาดกะทัดรัดที่เธอสร้างไว้เพื่อปลูกไม้ประดับและไม้ดอกขนาดเล็ก และสิ่งที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งในเรือนกระจกนั้นก็คือ สวนหินแบบเซนขนาดเล็กที่อยู่ตรงกลาง เธอบรรจงจัดเองด้วยความตั้งใจ แทบจะทุกสัปดาห์ที่เธอต้องออกมากรีดทรายบนสวนหินนั้นด้วยตัวเอง บางครั้งก็หยิบเอากระถางแคตตัสลงมาวางประดับไว้เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและมุมมองของมัน แล้วก็ใช้เวลานั่งมอง นั่งเล่น บางทีก็มานั่งหมกตัวอ่านหนังสืออยู่อย่างนั้นได้เป็นวันๆ เลยทีเดียว หรือแม้กระทั่งมาหลบนอนบนโต๊ะตัวใหญ่ที่วางไว้ตรงหน้าต่างกระจกด้านที่มองเห็นแม่น้ำชัดเจน เรียกได้ว่าเรือนกระจกนี้คือโลกส่วนตัวของเธอที่มอบความสุข ความอบอุ่นและความปลอดภัยมาให้เสมอ

 “ ซี อีกที่นึงของใครล่ะ แกนัดเพื่อนคนไหนมาหรอ ” ปุ่นเอ่ยถามเมื่อเพื่อนซี้กำลังตักข้าวต้มออกมาจากหม้อขนาดเล็กทรงสูง

ยังไม่ทันที่ซีจะได้ตอบอะไรออกไป เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น 2 ครั้ง หล่อนทำท่าจะลุกออกไปดูแต่ถูกซีห้ามไว้เสียก่อนเพราะยังไม่หายดี ไม่อยากให้ขยับมาก ซีจึงอาสาออกไปดูเอง

เมื่อซีเดินออกมาถึงประตูหน้าบ้านกลับไม่พบใครเลยนอกจากดอกทานตะวันช่อใหญ่ที่ไม่มีชื่อผู้ส่งและผู้รับ มีเพียงข้อความที่แนบมาว่า “ ขอให้สดชื่น เหมือนทานตะวันช่อนี้นะ " และอิโมจิรูปยิ้มแทนชื่อผู้ส่ง เสียบไว้ที่รั้วหน้าประตูบ้านเท่านั้น ซีจึงมองซ้ายมองขวาหาที่มาที่ไปอยู่สักพักจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรที่อันตราย จึงได้หอบช่อดอกทานตะวันเดินเข้ามาในบ้านด้วยอาการบ่นอุบแบบหมีกินผึ้ง จนปุ่นเองยังสงสัยแต่ก็กลั้นหัวเราะไว้เพราะตลกกับสภาพเพื่อนสาวที่ปกติจะมีมาดคุณเลขาที่สวยเนี้ยบตั้งแต่ศรีษะจรดเท้าแต่เช้านี้ซีกลับดูเป็นแม่ครัวหัวยุ่งที่เหมือนคนนอนหลับไม่พอจึงทำให้อารมณ์ไม่ค่อยคงที่เวลาเจอกับเรื่องไม่สบอารณ์เล็กน้อยและคงเพราะใบหน้าเรียวสวยนั้นปราศจากเครื่องสำอางค์แต่งแต้มให้มีสีสันอย่างที่เธอเคยเห็นจนชินตาด้วยนั่นเอง

เมื่อนั่งสังเกตเพื่อนสาวอย่างเพลิดเพลิน เธอจึงยิ้มแล้วพูดกับตัวเองเบาๆ ว่า " ครั้งสุดท้ายที่เห็นภาพแบบนี้ของซีคือเมื่อไหร่นะ "

ทันใดนั้น เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เจ้าของเสียงกริ่งคือ คุณปริ๊นส์เจ้านายหนุ่มของซีนั่นเอง วันนี้เขามาในชุดที่ดูสบายๆ คือเสื้อยืดพิมพ์ลายกราฟิกโทนสีเทากับกางเกงยีนส์สีซีดๆ รองเท้าผ้าใบสีขาว เมื่อซีที่ยังเดินเข้าบ้านมาไม่ถึง 5 นาที หันกลับไปมองตามเสียงกริ่ง จึงรีบเดินกลับไปเปิดประตูให้เจ้านายทันที

“ เชิญค่ะเจ้านาย มาทันยัยปุ่นกำลังจะทานข้าวพอดีเชียว ” ซีปิดประตูเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาแล้ว

“ เอ๊ะ แล้วหนุ่มที่ไหนส่งดอกไม้ช่อใหญ่มาให้คุณล่ะ ” เขาตั้งคำถามแซวเลขาฯ คนเก่งอย่างอารมณ์ดี

“ ไม่ใช่ของซีหรอกค่ะ เจ้านาย ” ซีปฏิเสธยิ้มๆ พร้อมกับเดินนำชายหนุ่มเข้าไปในบ้าน

“ โอ้โห ทานตะวันช่อนี้ ท่านได้แต่ใดมา ” ปุ่นแซวออกไปเป็นกลอนเมื่อเห็นซีเดินหอบดอกทานตะวันช่อใหญ่เข้ามาพร้อมกับคุณปริ๊นส์

“ ดูดีขึ้นเยอะเลยนะครับปุ่น แซวได้แบบนี้แสดงว่าโอเคแล้วสินะ ” เขาเดินเข้าไปนั่งยองๆ ข้างตัวหล่อนแล้วใช้สองมือประคองใบหน้าที่เพิ่งตื่นหมุนซ้ายหมุนขวา

“ เอ่อ คุณปริ๊นส์ ปุ่นว่าเราคุยกันเข้าใจแล้วนะ ” ขณะนี้หล่อนกำลังรู้สึกล้า หมดแรง จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการปฏิบัติอย่างใกล้ชิดของชายหนุ่มตรงหน้าได้

“ ครับ เข้าใจ แต่ผมห่วงคุณมากกว่านี่นา คุณห้ามผมห่วงเพื่อนไม่ได้นะปุ่น ” เขารีบแก้ต่างต่อการกระทำที่ตรงข้ามกัน

“ ปุ่น ฉันว่ามีคนส่งเจ้าช่อนี้มาให้แกนะ เมื่อวานก็มีมาเสียบไว้ที่หน้าบ้าน ช่อแบบนี้แหละ แกดูเองสิ ที่สำคัญมาเวลาเดียวกันเลยนะ ในการ์ด ก็ไม่มีชื่อบอกว่าใคร ” ซีเล่าน้ำเสียงจริงจังด้วยความระแวง

“ เอ๊ะ จะใช่หรอ เรื่องที่ปุ่นไม่สบาย มีรู้กันแค่เราสามคนเองนี่ อาจจะมีการส่งผิดบ้านก็ได้นะซี ” หล่อนรับช่อดอกทานตะวันมาดูแล้วหยิบการ์ดมาอ่าน

“ อืม ผมขอเสนอนะ ลองดูพรุ่งนี้อีกวันสิ ให้คุณซีไปยืนรอแถวๆ หน้าบ้านไง พอถึงเวลาที่คนส่งดอกไม้มา เราก็จะได้เจอตัวแล้วสอบถามว่ามาส่งให้บ้านไหน เผื่อเขามาผิดบ้านอย่างที่ปุ่นคาด ” ชายหนุ่มเสนอความคิด

“ ปุ่นว่าก็ดีเหมือนกันนะซี เราจะได้ไม่ต้องมัวแต่หวาดระแวงไปฝ่ายเดียว ” เธอเห็นด้วยกับคุณปริ๊นส์

“ โอเค พรุ่งนี้เรามาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น เฮ้อ ทานข้าวกันเถอะ ซีหิวแล้วล่ะ ” เพื่อนสาวเดินนำช่อดอกไม้ไปวางที่โต๊ะภายในบ้านแล้วจึงเดินกลับมานั่งลงข้างๆ

“ เอาล่ะ คราวนี้มาหารือเรื่องของแกแล้วนะปุ่น สรุปว่า...เรื่องราวมันเป็นมาอย่างไร แกถึงเกือบจะโดนลักพาตัว ” ซีเป็นฝ่ายเปิดประเด็นสอบปากคำ ระหว่างที่เริ่มรับประทานอาหาร

“ นั่นสิปุ่น ครั้งแรกตอนผมได้ยินเสียงปืนที่ลานจอดรถก็รีบวิ่งไป พอไปถึงผมไม่พบใครเลย จึงสั่งให้ รปภ.ไปแจ้งตำรวจไว้ก่อน พอคุณซีโทรมาผมตกใจมากที่รู้ว่าพวกนั้นต้องการจับปุ่น ” คุณปริ๊นส์ถ่ายทอดเหตุการณ์ให้ฟัง

“ ปุ่นเองก็ไม่รู้ว่าพวกมันเป็นใคร ทุกคนใส่หมวกไหมพรมปิดหน้ากันหมด จำได้ว่า...ปุ่นพยายามต่อสู้ แต่สุดท้ายโดนพวกมันล็อคแขนจากด้านหลังและบังคับให้ปุ่นเดินขึ้นรถ แต่จู่ๆ มีใครไม่รู้ปามีดมาปักที่ไหล่คนที่ล็อคแขนปุ่น ปุ่นจึงได้จังหวะวิ่งหนีออกมา จนมาเจอกับซีนี่ล่ะ ” สาวเจ้าของบ้านเรียบเรียงความทรงจำเล่าให้สองหนุ่มสาวตรงหน้าฟังพร้อมกับตักข้าวต้มในถ้วยเข้าปาก

“ แล้วแกไม่ได้หันไปดูเลยหรอว่าใครที่เข้ามาช่วยแกไว้ ” ซีซักถามต่อเพราะอยากรู้ว่ารายละเอียดของคนที่เข้ามาช่วยเพื่อนสาวของตนไว้ให้มากขึ้น

“ เปล่า ปุ่นทั้งตกใจ ทั้งกลัวจะโดนจับได้อีก ก็เลยวิ่งไม่หยุด จึงไม่ได้หันไปดูว่าจากนั้นเกิดอะไรขึ้น หรือคนที่มาช่วยเป็นใครมีหน้าตาอย่างไร ” หญิงสาวผู้ถูกซักถามตอบพลางส่ายหน้า

“ จากที่ได้ฟังปุ่นเล่า สถานการณ์ตอนนั้นคือมีคนเข้ามาช่วยไว้ แล้วพวกคนร้ายมันคงตกใจเพราะไม่คิดว่าจะมีคนแปลกหน้ามาขัดขวางการลักพาตัวปุ่น จึงมีการปะทะกันแล้วปุ่นเองก็ได้โอกาสวิ่งหนีรอดจากพวกมันไปได้ ส่วนพวกมันเมื่อไม่ได้ตัวปุ่นจึงรีบถอยหนีไปก่อน และผมคิดว่ามันต้องหาโอกาสลงมืออีกครั้งแน่ๆ และก็ถือว่าโชคดีที่ไม่มีใครเป็นอันตรายร้ายแรง จากที่ หัวหน้ารปภ.มารายงานผมว่าตรงที่เกิดเหตุไม่มีรอยเลือดอะไรเลย อย่างน้อยเราก็สบายใจได้ว่าคนที่เข้ามาช่วยปุ่นไว้วันนั้น เขาไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน ” ชายหนุ่มปิดสรุปเรื่องราว ก่อนที่จะวกกลับมาคุยเรื่องความปลอดภัยของเพื่อนที่เขาห่วงใยตรงหน้าต่อ

“ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงนับแต่วินาทีนี้คือความปลอดภัยของปุ่นนะครับ ทางตำรวจเองก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า แต่ผมก็นำเทปกล้องวงจรปิดตรงบริเวณนั้นไปมอบให้ตำรวจไว้แล้วล่ะ และขอให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยจัดการสืบเรื่องนี้ให้เงียบที่สุดโดยที่นักข่าวต้องไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น และผมคิดว่าคุณควรย้ายที่พักสักระยะดีไหม ผมมีห้องว่างๆ ที่คอนโดหลายแห่งเลยนะ คุณลองเลือกไว้สักห้องสิ หรือจะมาอยู่คอนโดเดียวกับผมก็ได้นะครับ ผมจัดการให้ ” คุณปริ๊นส์ตั้งประเด็นสีหน้าจริงจังแต่ก็ยังอดที่จะพูดหยอกๆ แต่หยอดจริงกับเพื่อนคนโปรดตรงหน้าไม่ได้

“ เจ้านายคะ อย่าเกลี้ยกล่อมให้เหนื่อยเปล่าเลยค่ะ  ซีน่ะพยายามมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว พูดจนปากจะฉีกถึงหูแล้วค่ะ ซีเกลี้ยกล่อมตื๊ออยู่ทั้งวัน แต่ยัยปุ่นมันไม่ยอมค่ะ นางกลัวคุณยายกับคุณน้าจะเป็นห่วง ที่จู่ๆ หลานสาวคนดียวกลับจะเปลี่ยนที่พักหรือย้ายกลับไปที่บ้านสวนแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย " เพื่อนสาวเลขามือหนึ่งแกล้งพูดแทรกเพื่อทำลายบรรยากาศโลกสีชมพูของเจ้านายเพราะกลัวว่าจะยิ่งทำให้คนป่วยทานข้าวไม่ลง

ปุ่นทำได้เพียงยิ้มรับและพยักหน้าให้กับคุณปริ๊นส์แล้วตามด้วยสูดลมหายใจเข้าช้าๆ ผ่อนคลายไปกับความจริงใจของชายหนุ่มตรงหน้าที่แลดูสดใสตามนิสัยส่วนตัวของเขา แล้วเธอจึงส่ายหน้าช้าๆ เป็นการปฏิเสธ ก่อนที่จะบอกเล่าความคิดในมุมของเธอออกมาให้ทั้งเพื่อนสาวเลขาและเจ้านายหนุ่มฟัง

“ ปุ่นจะไม่ไปไหนทั้งนั้นค่ะคุณปริ๊นส์ เพราะ...หนึ่ง ปุ่นไม่อยากย้ายไปที่ไหนเพราะที่ไหนก็ไม่เหมือนบ้านค่ะ สอง ถ้าปุ่นหนีมันก็ต้องหาปุ่นเจออยู่ดี และปุ่นเองก็อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ปุ่นไม่เคยทำร้ายใครทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ ปุ่นเชื่อว่าทุกอย่างมีที่มาที่ไปค่ะ และ สาม ปุ่นสัญญาว่าจะระวังตัวให้มากขึ้น ตกลงตามนี้นะคะ ” ทั้ง 2 หนุ่มสาวตรงหน้าเข้าใจถึงเหตุผลของเธอแต่ก็ยังคงเป็นห่วงอยู่เหมือนเดิม

“ โอเค ปุ่น ฉันจะอยู่ช่วยแกฝ่าเรื่องบ้าๆ นี่ไปด้วยกัน แกสบายใจได้ ” ซีเอื้อมมือไปจับแขนเพื่อนคนป่วยที่นั่งอยู่ข้างๆ เพื่อให้รู้สึกอุ่นใจมากขึ้น สายตามีแววมุ่งมั่น

“ ได้ ตกลงตามนี้ครับปุ่น ดังนั้นคุณซี นับตั้งแต่วันนี้ผมให้คุณมาเป็นผู้ช่วยของเยือกทิวาชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและดีขึ้นกว่านี้ ถึงวันนั้นคุณค่อยกลับมาช่วยงานผมเหมือนเดิม ” เจ้านายหนุ่มมอบหมายงานใหม่ให้เลขาคนเก่งของเขา ภายในใจนั้นเขาเองยังอดที่จะเป็นห่วงความปลอดภัยของเพื่อนสาวคนโปรดตรงหน้าไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรทั้งคู่ก็คือผู้หญิงที่มีแรงสู้ได้ไม่เท่าผู้ชายหากเกิดสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงแบบวันนั้นอีกครั้ง ดังนัน เขาจึงตั้งใจไว้แล้วว่าจะแวะเวียนมาคอยดูแล คอยมากวนใจให้บ่อยขึ้นกว่าเดิม หากเขาไม่ติดภาระหน้าที่ในตำแหน่งงานที่เพิ่งได้รับส่งมอมาจากครอบครัว เขาแทบอยากจะอยู่ที่บ้านริมน้ำนี้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ เขาแทบไม่อยากให้เพื่อนคนโปรดคนนี้คลาดไปจากสายตาของเขาเลยแม้แต่สักวินาทีเดียวและเขาจะไม่ยอมให้มีอันตรายหรือใครหน้าไหนมาทำร้ายเธอคนนี้ได้แม้เพียงปลายเล็บ