" เขา…ผู้มีความรักในใจเพื่อใครคนหนึ่ง และปริศนาในความทรงจำที่หายไป…ของเธอ "

ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว - ตอนที่ 5 คือคนเดียวกัน โดย ทิรพพย์ : T. La Pop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,แอคชั่น,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,รัก,ความจำเสื่อม,คลั่งรัก,ตลก,ตกหลุมรัก,ความรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,แอคชั่น,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,รัก,ความจำเสื่อม,คลั่งรัก,ตลก,ตกหลุมรัก,ความรัก,ดราม่า

รายละเอียด

ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว โดย ทิรพพย์ : T. La Pop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

" เขา…ผู้มีความรักในใจเพื่อใครคนหนึ่ง และปริศนาในความทรงจำที่หายไป…ของเธอ "

ผู้แต่ง

ทิรพพย์ : T. La Pop

เรื่องย่อ

เป็นเพราะความบังเอิญ พรหมลิขิต ปาฏิหาริย์ โชคชะตา หรือไม่ว่าอะไรก็ตามที่ไม่สามารถอธิบายได้ ชักนำให้คน 2 คนที่ต่างกันคนละขั้ว ให้ได้มาพบกัน โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า “มีบางสิ่ง” ที่คนทั้งคู่นั้นต่างทำหายไป ณ ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต แต่กลับสามารถเติมเต็มซึ่งกันและกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ท่ามกลางปริศนาและคนแปลกหน้าที่ค่อยๆ ก่อตัวเกิดเป็นความวุ่นวายเข้ามาในชีวิตโดยที่คนทั้งคู่นั้นเองก็คาดไม่ถึง

สารบัญ

ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว-ตอนที่ 1 สัญญานะ,ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว-ตอนที่ 2 สัญญาณ,ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว-ตอนที่ 3 Grand Opening,ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว-ตอนที่ 4 แอบปลื้ม,ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว-ตอนที่ 5 คือคนเดียวกัน,ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว-ตอนที่ 6 ตัวจริงของปุ่น

เนื้อหา

ตอนที่ 5 คือคนเดียวกัน

ณ ลานโดมทะเลดาว

ในขณะนี้ แสงไฟสปอร์ตไลท์ต่างๆ ได้หยุดการทำงานลงและเริ่มมีทีมงานบางส่วนของสำนักพิมพ์ เดอะ คาสเซิล บุ๊ค ที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บอุปกรณ์เครื่องเสียงต่างๆ ก่อนที่จะเก็บงานโครงสร้างของงานเปิดตัวผู้บริหารคนใหม่และพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มใหม่ล่าสุดเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา แล้วเหลือไว้เพียงมุมสำคัญมุมหนึ่งที่มีหญิงสาวปริศนาในชุดดำสวมหน้ากากผู้ใช้นามปากกา เยือกทิวายังคงยืนอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น เธอกำลังเซ็นต์ลายเซ็นต์สุดท้ายให้แก่แฟนคลับที่เป็นเจ้าของหนังสือเล่มสุดท้ายของค่ำคืนนี้ 

“ นี่ค่ะคุณป้า ขอให้โชคดีนะคะ ”หล่อนยื่นหนังสือให้หญิงสูงวัยหน้าตาใจดีและอบอุ่นคนนั้น

“ ขอบใจจ้ะ นี่หนู รู้มั้ย งานเขียนของหนูนะจัดการเจ้าพวกเด็กแสบที่บ้านป้าซะอยู่หมัดเลยล่ะ ” หญิงสูงวัยเอ่ยชมผลงานของหล่อน

“ แบบไหนคะ ที่ว่าเอาอยู่ ” หญิงสาวหัวเราะถามเสียงใส

“ อู๊ย...ป้าอ่านงานของหนูให้พวกหลานๆ ฟังก่อนนอนติดใจกันทุกคนเลย ชุดนิทานแสนอุ่นน่ะจ้ะ ฟังแล้วก็ฟังอีก ขนาดจะนอนกลางวันยังยอมเลิกเล่นกันเลยนะ แต่ขอให้ป้าอ่านนิทานของหนูให้ฟังด้วย ” หญิงสูงวัยนินทาหลานๆ ให้หญิงสาวเจ้าของผลงานฟังด้วยแววตาที่แสนจะมีความสุข

“ ฟังดูน่ารักมากเลยค่ะคุณป้า เด็กๆ คงน่ารักมาก หนูขออนุญาตเรียนเชิญคุณป้าและเด็กๆ เป็นไพรเวทเมมเบอร์นะคะ มีเงื่อนไขอย่างเดียวค่ะคือ คุณป้าต้องมายื่นใบสมัครที่สำนักพิมพ์พร้อมกับหลานๆ นะคะ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เลยค่ะ หนูจะรอนะคะ ” เธอยิ้มแล้วมอบใบสมัครไพรเวทเมมเบอร์ให้แก่หญิงสูงวัยคนนั้น

“ ขอบใจจ้ะ ถ้าเจ้าพวกนั้นได้ยินต้องดีใจมากๆ แน่เลย ป้าไปก่อนนะ ” หญิงสูงวัยยิ้มกว้างด้วยความดีใจแทนหลานๆ ก่อนเดินจากไป

เมื่อหญิงสูงวัยคนนั้นเดินลับตาไปเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวปริศนาในชุดดำสวมหน้ากากจึงเดินออกมาจากจุดที่เคยยืนเมื่อครู่ แล้วมาทรุดตัวลงนั่งที่สตูหนังสีดำทรงกลมกลางบริเวณงานด้วยความเหนื่อยและเมื่อยล้า หันหน้าเข้าหาเวทีที่อยู่ตรงหน้า โดยรอบตัวของเธอในตอนนี้เหลือเพียงสตูหนังสีดำทรงกลมไม่กี่ตัวที่ยังวางอยู่บนพื้นพรมด้านหน้าเวที บางส่วนของเวทีเริ่มมีการรื้อถอนบ้างแล้ว และแสงสว่างในตอนนี้มีเพียงแสงหลอดไฟสีขาวที่ส่องลงมาจากเพดานกลางลานโดมทะเลดาวเท่านั้นเพราะตอนนี้เป็นเวลาเริ่มปิดทำการของอาคารและศูนย์การค้าแล้ว ระบบไฟของอาคารจึงทยอยปิดจนเกือบหมดเหลือไว้เพียงจุดที่สำคัญและหลอดไฟดวงเล็กตามทางเดินเท่านั้น แล้วตอนนี้ทีมงานส่วนหนึ่งได้เริ่มทยอยขนของกลับออกไปบ้างแล้ว เพื่อที่จะได้เปลี่ยนให้อีกทีมเข้ามาจัดการรื้อถอนเวทีและเคลียร์พื้นที่ตรงลามโดมทะเลดาวให้กลับเข้าสู่สภาพเดิมต่อไป
หญิงสาวปริศนาในชุดดำสวมหน้ากากผู้ใช้นามปากกา เยือกทิวา ยังคงนั่งทอดสายตาอยู่ตรงหน้าเวทีเพียงลำพัง สมองของหล่อนคิดทบทวน และซึมซับบรรยากาศพิเศษเมื่อช่วงหัวค่ำที่แสนพิเศษนี้ไว้ให้มากที่สุด เพื่อเก็บไว้เป็นแบตเตอรี่ความทรงจำยามที่เธอต้องการแรงบันดาลใจ หรือแม้กระทั่งกำลังใจในยามฉุกเฉิน เวลาเนิ่นนานผ่านไปมากเท่าใดไม่มีใครรู้ อิริยาบทต่างๆ ของเธอนั้นอยู่ในสายตาของเขาตลอดมาจากมุมไกลมุมหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็น

อนาวิณ ลอฟ นักร้องซุปเปอร์สตาร์หนุ่มผู้หลงใหลในงานเขียนของเธอ...เยือกทิวา และนี่คือมุมมองอีกด้านหนึ่งของเธอซึ่งมีน้อยคนนักจะได้พบเห็นและในสายตาของเขาแล้ว "เยือกทิวา" ในขณะนี้เหมือนกับภาพเขียนล้ำค่าที่มีชีวิต เขาเฝ้ามองมาที่เธออย่างห่วงใยและใส่ใจอยากรู้อยากเห็นว่าเธอจะกลับบ้านอย่างไรแล้วจะมีความปลอดภัยไหม

“ นี่เจ้านายครับ มันจะมากเกินไปแล้วนะ มาแอบซุ่มดูเค้าแบบนี้ เป็นไอ้โรคจิตไปได้ ” ทิวธงบ่นด้วยความรำคาญในความแปลกของอนาวิณวันนี้มาก

“ อย่าบอกนะ ว่านายชอบนักเขียนคนนี้เกินความเป็นติ่งไปแล้ว ไม่ใช่ชื่นชอบเค้าแค่ผลงาน ” ทิวธงพูดดักทางเดาใจอย่างรู้ทัน

“ เปล่า ฉันแค่อยากอยู่ให้กำลังใจเค้าน่ะ เพราะไม่รู้ว่ากว่าจะถึงคนสุดท้ายจะใช้เวลานานแค่ไหนเท่านั้นเอง อย่าคิดมากน่า ” ซุปเปอร์สตาร์หนุ่มหันมาทำท่าดุใส่ทิวธงแก้เก้อ มีเพียงแววตาเท่านั้นที่เขาไม่สามารถกลบเกลื่อนคนฉลาดอย่างทิวธงได้ แต่ก่อนที่ทิวธงจะพูดอะไรต่อไป เสียงโทรศัพท์มือถือของเยือกทิวาก็ดังขึ้น ทำให้ทั้งอณาวินและทิวธงต้องหันกลับไปมอง

“ ว่าไงซี จ้า เสร็จแล้ว ไม่ขึ้นไปแล้วนะ เหนื่อยมากเลย นั่งรอแกที่ลานโดมนี่แหละ แล้วเจอกัน ” เธอจบการสนทนากับปลายสาย เมื่อเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ หล่อนจึงเห็นว่ามีใครบางคนยื่นแก้วแชมเปญมาให้ตรงหน้า หล่อนยิ้มละไม แล้วรับแก้วแชมเปญนั้นมาถือไว้อย่างว่าง่าย ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนหันมาคุยกับเจ้าของแก้วใบนั้น ซึ่งเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง คิ้วเข้ม ที่มีแนวหนวดแถวยาวที่เล็มให้สั้นอยู่เหนือริมฝีปากสวยได้รูปของเขาซึ่งช่วยให้หน้าหวานๆ ตาสองชั้นของเขาไม่ดูละมุนจนเกินไปเมื่อสวมชุดสูทสีขาว

“ ขอบคุณค่ะ คุณปริ๊นส์ แล้วแก้วของคุณล่ะ ” หล่อนถาม

“ ไม่ละครับ สำหรับคืนนี้ผมดื่มมากแล้ว แต่ผมอยากจะฉลองกับ เยือกทิวา มากกว่า ” ปริญหรือปริ๊นส์ ทายาทรุ่นที่ 3 ของ เดอะ คาสเซิล ตอบพร้อมกับยืนเอามือไพล่หลัง ส่งสายตาหวานเยิ้มของตนให้หญิงสาวตรงหน้าเจือด้วยแววตาออดอ้อนอยากเอาใจ

ชาย-หญิงที่ยืนอยู่ตรงกลางของลานโดมทะเลดาวในขณะนี้กำลังตกเป็นเป้าสายตาของทั้งอนาวิณและทิวธง โดยเฉพาะอนาวิณที่กำลังจ้องมองมาตาไม่กระพริบพร้อมด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำราวกับมีกลองสักสิบตัวตีรัวพร้อมกันอยู่ภายในอกเมื่อภาพต่อไปนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าของเขา

“ นั่งลงก่อนนะ ” หนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีขาวใช้มือทั้งสองข้างของเขาจับที่ต้นแขนทั้งสองข้างของหญิงสาวอย่างทนุถนอม เพื่อให้เธอนั่งลงตามแรงจับของเขา โดยที่เขานั่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นต่อหน้าของเธอ

“ มีอะไรหรือเปล่า คุณปริ๊นส์ วันนี้ดูแปลกๆ นะ ” หญิงสาวในชุดดำสวมหน้ากากหัวเราะถามกลบเกลื่อนในสิ่งที่เธอเองไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย แต่มือของปริญหรือคุณปริ๊นส์เร็วกว่าความคิดของเธอมาก เขาใช้มือทั้งสองข้างอ้อมผ่านหน้าหล่อนไปด้านหลังเพื่อปลดเชือกของหน้ากากที่ผูกไว้ออก ทำให้ใบหน้าคมเข้มของเขาอยู่ห่างจากใบหน้าที่กำลังฉงนใจของเธอเพียงฝ่ามือเดียว เธอได้แต่นั่งนิ่งอึ้ง ตัวเกร็ง อยู่ในวงแขนของเขา ในใจนั้นรู้สึกว่าเวลาแห่งความทรมานนี้ มันช่างนานเหลือเกิน
จริงอยู่ที่ปริ๊นส์นั้นเป็นชายหนุ่มใบหน้าคมเข้มด้วยริ้วบางๆ ของหนวดสั้นที่อยู่เหนือริมฝีปากได้รูปนั้น ทำให้สาวเล็กสาวใหญ่รวมไปถึงครอบครัวนักธุรกิจในแวดวงธุรกิจต่างๆ ในสังคมต่างก็อยากได้เขามาเป็นคนในครอบครัว เป็นคนที่คบหาดูใจกันเพื่อสร้างครอบครัวส่งเสริมอาณาจักรของตนในทางธุรกิจ แต่สำหรับตัวเธอเองแล้ว คุณปริ๊นส์เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนที่ดีและมีความจริงใจมากคนหนึ่งเท่านั้น เธอไม่เคยคิดอะไรเกินเลยไปกว่านี้จริงๆ 

“ อื้ม วันนี้ปุ่นใช้น้ำหอมที่ผมซื้อให้ด้วยหรอ ดีใจจังครับ ” เขาพูดทั้งๆ ที่มือกำลังแกะเชือกอยู่ จากนั้นจึงดึงหน้ากากออกมาเผยให้เห็นใบหน้าเรียวที่มีดวงตากลมโตเป็นประกาย จมูกโด่ง คิ้วเข้มที่สวยได้รูป ทำให้ใบหน้านั้นดูไม่หวานแต่มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะเวลาที่อยู่ภายใต้เครื่องสำอางค์หลากสีสัน แล้วเขาก็มองหน้าหล่อนนิ่งๆ ครู่หนึ่ง

“ ปุ่นครับ วันนี้เป็นวันที่พิเศษที่สุดของทั้งคุณและผม ผมไม่อยากปล่อยให้มันผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ” ปริ๊นส์พูด

“ เอ่อ.... คือ..... คุณปริ๊นส์ ปุ่นว่าคุณคงดื่มมากไปนะวันนี้ อืม...หรือว่ากินยาไม่ได้เขย่าขวดนะ ฮ่าๆๆ ชัวร์เลย อาการแบบนี้กินยาไม่เขย่าขวด ชัวร์ ” เธอแกล้งทำเป็นตลกกลบเกลื่อนในความหมายที่ชายตรงหน้าเอ่ย

“ ปุ่น ทำไมคุณชอบทำลายบรรยากาศดีๆ แบบนี้ทุกทีเลย แต่ผมไม่ว่าปุ่นหรอก เพราะคุณเป็นแบบนี้ยังไงล่ะ... ” เขาหัวเราะเอ็นดูกับอาการเอาตัวรอดของเธออย่างรู้เท่าทันตลอด แล้วเขาใช้มือข้างหนึ่งลูบผมเธอเบาๆ ก่อนที่มืออีกข้างของเขาจะหยิบดอกกุหลาบดอกใหญ่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้านหลัง 2 ดอกมีดอกสีขาวและสีแดง แล้วมือที่ลูบผมข้างนั้น เขากำบางอย่างออกมา แล้วแบมือออกให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน มันคือ แหวนทองคำขาวประดับเพชรเม็ดเล็กสีชมพูอ่อนน้ำงามที่ฝังอยู่ในตัวเรือนของแหวนวงบางซึ่งเหมาะกับมือเรียวสวยของหญิงสาวมาก และเขาก็เงยหน้ามองตาของเธอก่อนที่จะถามคำถามสำคัญที่ทำให้คนฟังแถวนั้นถึงกับสะดุ้งเฮือกทันที

“ ปุ่น คุณช่วยฟังผมเงียบๆ อย่าเพิ่งพูดอะไรออกมาได้ไหม ” เขายิ้มให้อย่างอ่อนหวาน

“ ปุ่น ผมรักคุณ เรามาคบกันนะครับ ผมชอบและรู้สึกเป็นตัวของตัวเองเมื่ออยู่ใกล้ๆ คุณ แล้วผมก็ชอบตัวตนของคุณตั้งแต่ที่ผมได้รู้จักคุณเมื่อวันแรกที่ผมมารับตำแหน่งเป็น บก. ที่นี่ ” เขายังคงยิ้มขำเมื่อเห็นหน้าที่ซีดเป็นไก่ต้มของหญิงสาวตรงหน้าก่อนที่จะพูดต่อไป

“ ปุ่น แล้วคุณล่ะ คุณรู้สึกยังไง ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมไม่คิดจะมัดมือชกคุณแน่นอน ผมแค่อยากบอกความรู้สึกให้ปุ่นรู้เท่านั้น วันนี้ผมจึงมีทางเลือกมาให้คุณ คือ หนึ่ง ถ้าปุ่นรู้สึกแบบเดียวกับผมปุ่นก็หยิบแหวนวงนี้มาคล้องไว้ที่ก้านใบของดอกสีแดง แต่ถ้าตอนนี้ปุ่นเห็นผมเป็นเพียงเพื่อนคุณก็หยิบมาคล้องที่ก้านใบของดอกสีขาว แล้วเอามาวางไว้ที่โต๊ะผมนะครับ ผมให้เวลาปุ่นคิดจนถึงวันที่กลีบดอกกุหลาบจะเริ่มร่วง ” เขาพูดกับเธอเหมือนกำลังปลอบเด็กน้อยที่กำลังตกใจให้ผ่อนคลาย ในขณะที่เธอเองทำได้เพียงนั่งตัวแข็งทื่อ สมองว่างเปล่า เท่านั้น

ส่วนอีกคนที่ต้องประหลาดใจที่สุดในค่ำคืนนี้กลับกลายเป็น อนาวิณ เพราะเขาต้องประหลาดใจถึง 2 เรื่องด้วยกัน คือเรื่องนักเขียนคนโปรดของเขาที่เพิ่งเคยได้คุยกันครั้งแรกนั้นคือ " คนเดียวกัน " กับผู้หญิงที่ชื่อ ปุ่น คนที่เขากำลังพยายามตามหาเพื่อพบกับเธออีกครั้ง และที่ต้องประหลาดใจอีกครั้งคือ เขากำลังจะโดนปาดหน้าเค้ก!! โดยที่เขาเองยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย ที่สำคัญเขาก็ไม่รู้ว่าปุ่นคิดอย่างไรกับเรื่องคืนนี้