รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,แอคชั่น,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,รัก,ความจำเสื่อม,คลั่งรัก,ตลก,ตกหลุมรัก,ความรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
1 สัปดาห์ต่อมา
" สวัสดีครับ นี่คือรายการทอร์คโชว์ที่ทุกท่านรอคอยทุกค่ำคืนวันศุกร์ พบกับผม แน็ก ภัศณัย ไตรพิพัฒน์ ที่นี่ เพราะที่นี่คือทอร์คออฟเดอะทอร์ค ทุกเรื่องทอร์คที่นี่คือเรื่องร้อนที่ทุกคนทอร์คถึงครับ และวันนี้ผมได้รับโอกาสจากศิลปินท่านหนึ่งที่ฮอตมากในขณะนี้ ไม่ว่าคุณเดินไปที่ไหนคุณจะได้ยินแต่ผลงานเพลงของเขาทุกแห่ง เรียกได้ว่าเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ในขณะนี้จริงๆ ครับ เพราะด้วยความหล่อที่เป็นมิตรกับทุกเพศทุกวัยแถมยังมากด้วยความสามารถในด้านดนตรีและการแสดง จึงทำให้ช่วงเวลานี้เป็นของเขาจริงๆ ครับ และคงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก คุณวิน อนาวิณ ลอฟ ครับ ” พิธีกรรายการชื่อดังกล่าวเปิดรายการพร้อมปรบมือรับแขกรับเชิญ
“ แปะๆๆ กรี๊ดๆๆๆ แปะๆๆ ” เสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือของแฟนคลับรวมถึงผู้ที่มาร่วมชมรายการดังสนั่นไปทั่วสตูดิโอแห่งนั้นอื้ออึงไปหมด
แสงไฟสปอร์ตไล์ค่อยๆ สว่างขึ้น ณ มุมด้านหนึ่งของเวที ปรากฎชายหนุ่มร่างสูงในชุดกางเกงยีนส์สีเข้ม สวมเสื้อยืดสีขาว แล้วสวมทับด้วยเจ็คเก็ตสูทหนังสีดำที่ช่วยขับผิวขาวใสของใบหน้าคมนั้นให้เด่นมากยิ่งขึ้น รูปหน้าที่รับกันกับจมูกที่โด่งแต่แอบเชิดขึ้นเล็กน้อย พร้อมด้วยปากที่สวยได้รูปนั้นยิ้มต้อนรับและโบกมือให้แฟนคลับก่อนที่เขาจะนั่งลงแล้วบรรจงใช้นิ้วมือเรียวงามของเขากรีดลงบนแป้นคีย์เปียโนทีละตัวโน้ตจนเกิดเป็นเสียงเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะสบายหูสุดซึ้ง ที่ฟังดูก็รู้ว่าเป็นแนวป๊อปที่มีการออกแบบร้อยเรียงท่วงทำนองของตัวโน้ตมาอย่างละเมียดละไม ให้ความรู้สึกแสนอบอุ่นปนความเหงาด้วยเนื้อเพลงที่บรรยายถึงบทกวีในเนื้อเพลงว่า...
ความรักพลันหายไปในม่านกาลเวลา เลือนลับลาหายไปดั่งความฝัน ที่ตื่นขึ้นมาดุจไร้สายใยในความทรงจำ
ซึ่งเป็นใจความส่วนหนึ่งในเนื้อเพลงของเขา เมื่อประกอบกับเสียงร้องที่ทุ้มกังวานจึงยิ่งทำให้ชายหนุ่มที่กำลังนั่งร้องเพลงพร้อมกับเล่นเปียโนหลังใหญ่สีดำในขณะนี้ช่างดูเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และเปล่งประกายเสียเหลือเกินเมื่อรอยยิ้มแสนละมุนของเขาปรากฏออกมาประดับใบหน้าอยู่บ่อยครั้ง ทำให้บรรยากาศภายในสตูดิโอยิ่งมีชีวิตชีวามากขึ้นเมื่อบรรดาผู้ฟังทั้งสตูดิโอรวมถึงพิธีกรของรายการชื่อดังนั้นเผลอร้องเพลงคลอตามเบาๆ ด้วยความรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขอิ่มหัวใจกับเสียงดนตรีของเขา อนาวิณ ลอฟ ชายหนุ่มผู้มอบความสุขให้กับผู้คนด้วยเสียงดนตรีและรอยยิ้มแสนอบอุ่น
และแน่นอนที่สุด เหนือสิ่งอื่นใดนั่นคือความหล่อ ความขาว ความใสของผิวและบุคลิกที่นิ่งปนลึกลับแต่เข้าถึงได้ของเขานั้นยิ่งทำให้เขาเป็นที่นิยมและใฝ่ฝันของสาวๆ ทั่วทั้งประเทศได้ไม่ยาก รวมถึงประเทศภูมิภาคเอเชียที่เขาได้เดินทางไปร่วมโปรโมตผลงานมาแล้วหลายต่อหลายประเทศ ทุกครั้งที่แฟนคลับเหล่านั้นได้เห็นรอยยิ้มละมุนแสนอบอุ่นที่เขาส่งมาให้พร้อมด้วยดวงตาโต คมเข้ม สีดำสนิท แต่แฝงความแวววาวอันคมกริบทั้ง 2 ข้างนั้นมองสบกลับมาก็ทำเอาหัวใจของพวกเธอแทบจะละลายไปตามๆ กันทีเดียว และนั่นจึงทำให้เขากลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ดวงใหม่ที่ใครๆ ก็ฝันถึงได้ไม่ยากนัก
เมื่ออนาวิณบรรเลงเพลงจบลง เสียงปรบมือและเสียงกรี้ดก็ดังสนั่นขึ้นพร้อมกันทั่วทั้งสตูดิโอ ทีมงานส่งสัญญาณปล่อยคิวพิธีกรต่อไป
ทางฝ่ายพิธีกรรายการชื่อดังจึงเดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับปรบมือให้ด้วยความชื่นชม โดยแขกรับเชิญหนุ่มเองก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับด้วยเช่นกัน
" และค่ำคืนนี้เราได้อยู่กับ อนาวิณ ลอฟ ครับ!! " เสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดจึงดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับที่ทีมงานได้นำเก้าอี้สตูลบาร์ทรงสูงมาวางไว้บริเวณด้านหน้าเปียโนหลังใหญ่
หลังจากที่สิ้นเสียงปรบมือ พิธีกรชื่อดังของรายการจึงเริ่มการสัมภาษณ์แขกรับเชิญหนุ่มหลังจากที่ทั้งคู่เดินมานั่งที่เก้าอี้สตูลบาร์แล้ว
“ ช่างเป็นบทเพลงที่ไพเราะมากเลยครับคุณวิน ยอดเยี่ยมจริงๆ ผมทราบมาว่าเพลงในอัลบั้มนี้เกือบจะทั้งหมดเป็นเพลงที่คุณแต่งเองใช่ไหมครับ ” พิธีกรรายการชื่อดังเริ่มคำถาม
“ ขอบคุณครับ โดยส่วนใหญ่เป็นเพลงที่ผมแต่งเก็บไว้ตั้งแต่สมัยเรียนครับ ” แขกรับเชิญหนุ่มตอบ
“ โอ้โห!! คุณแต่งเพลงตั้งแต่สมัยเรียนเลยหรือครับ เก่งจริงๆ ผมทึ่งความสามารถของคุณมากเลยนะคุณวิน หลังจากที่ผมได้รู้ว่าจะต้องมาสัมภาษณ์คุณน่ะ ผมทำการบ้านมา ยิ่งผมศึกษาประวัติคุณผมเลยยิ่งรู้ถึงประสบการณ์และผลงานของคุณมากขึ้น ต้องบอกเลยว่าผมไม่แปลกใจนะว่าทำไมผลงานของคุณจึงได้ขึ้นชาร์ต 5 อันดับแรกภายใน 1 สัปดาห์ ชื่นชมจริงๆ ครับ ” พิธีกรรายการชื่อดังกล่าวชมแขกรับเชิญหนุ่มด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง
“ ครับ คงจะมีท่านผู้ชมหลายท่านที่กำลังสงสัยว่าหนุ่มคนนี้มีที่มาอย่างไรก่อนที่จะเข้าวงการ แล้วกลายมาเป็นคนดังได้ขนาดนี้ และคืนนี้คุณวินได้ให้เกียรติผมมาเปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวของเขาให้ทุกท่านได้ทราบในรายการของเราเป็นที่แรกครับ ” พิธีกรชื่อดังหันมาพูดกับผู้ชมในสตูดิโอ
“ เริ่มจากครอบครัวก่อนดีกว่าคุณวิน คุณเป็นคนที่ไหนครับ ทำไมผิวพรรณดีขนาดนี้ ” พิธีกรรายการชื่อดังหันมาตั้งคำถามจนผู้ชมต่างหัวเราะในมุกเรียกความฮาของเขา แล้วแขกรับเชิญหนุ่มก็ยิ้มให้ก่อนที่จะตอบ
“ ครับ ก่อนอื่น ต้องบอกว่าความจริงแล้วผมไม่ใช่ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ อย่างที่ทุกคนเข้าใจนะครับ ผมเป็นคนไทย 100% ครับ และสาเหตุที่นามสกุลของผมเป็น ลอฟ เพราะว่าคุณแม่ผมได้แต่งงานใหม่กับแด๊ดดี้ครับ ท่านพาผมไปอยู่ที่อังกฤษตั้งแต่เล็กๆ ครับ ดังนั้นผมจึงเติบโตและจบการศึกษาที่อังกฤษด้านการดนตรีครับ ”
“ อ๋อ หมายความว่าเพลงของคุณในอัลบั้มชุดนี้เป็นเพลงที่ถูกแต่งขึ้นช่วงที่คุณวินศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ถูกไหมครับ แต่ผมว่า ผมได้ยินมามากกว่านั้นนะครับ เกี่ยวกับการได้ร่วมงานกับศิลปินชื่อดังฝั่งอังกฤษหลายท่าน ลองเล่าให้ผมฟังหน่อยสิ ” พิธีกรรายการชื่อดังซักต่อด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความตื่นเต้น
“ ฮ่าๆๆ มันไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมแค่ไปเป็นเด็กฝึกงาน ทำงานพิเศษในห้องอัดเองครับ ก็อาศัยได้เรียนรู้จากการทำงานจริงเท่านั้น เรียกได้ว่าผมโชคดีมากกว่า ที่ได้รู้จักรุ่นพี่ที่จบไปก่อน 3 ปี พอดีเขาได้ร่วมทีมของศิลปินโฟล์คคนหนึ่งครับ แล้วจังหวะเขากำลังหาคนไปช่วยงานทำให้ครั้งนั้นสำหรับผมแล้วมันเป็นประสบการณ์ที่วิเศษมากครับพี่แน็ก " แขกรับเชิญหนุ่มตอบสีหน้าเปื้อนรอยยิ้มละลายโลกก่อนที่จะเล่าต่อ
" ผมได้รับการฝึกสอนและชี้แนะต่างๆ จากทีมงานศิลปินหลากหลายแนวมากครับ แล้วแต่โปรเจ็คที่รุ่นพี่ผมรับมา หรือบางทีผมก็ได้รับการแนะนำงานผ่านทีมงานหลายคนที่เขาเคยเห็นผลงานของผมครับ กว่าจะมีประสบการณ์ได้เท่าทุกวันนี้ ผมก็ฝึกฝนตัวเองมาอย่างหนักโดยตลอดครับ หลายครั้งที่ผลงานของผมเข้าท่าบ้างไม่เข้าท่าก็เยอะนะพี่ ฮ่าๆๆ ” แขกรับเชิญหนุ่มหัวเราะเล็กน้อยด้วยอาการถ่อมตน
“ ว้าว แล้วคุณวินได้เคยร่วมทำเพลงแนวไหนมาบ้างครับ " พิธีกรชื่อดังถามต่อ
" อืม ก็มีโฟล์ค ร็อค และบริทป็อปครับ " แขกรับเชิญหนุ่มตอบ
" แล้วคุณวินเข้าวงการมาได้อย่างไรครับ ใครเป็นผู้ชักชวน ” พิธีกรรายการชื่อดังยิงคำถามต่อทันที
“ ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะมาเป็นศิลปินนะพี่แน็ก อาจจะเป็นเรื่องของจังหวะชีวิตมั้งครับ หลังจากเรียนจบผมก็กลับมากรุงเทพฯ ก็เตร็ดเตร่เข้าไปสมัครงานตามค่ายเพลงดังต่างๆ แต่ไม่สำเร็จอยู่หลายเดือนนะ จนวันหนึ่ง เขาหาผมเจอครับที่ผับแห่งหนึ่งในโรงแรม 5 ดาว ที่หัวหินครับ คือผมได้รับการติดต่อให้ไปเล่นดนตรีที่ผับแจ๊สของโรงแรมนั้น แล้วพี่เขาก็บังเอิญไปนั่งฟังเพลงที่นั่นพอดีครับ ” แขกรับเชิญหนุ่มเล่าถึงความทรงจำเมื่อหลายปีก่อนที่เขาได้พบใครคนหนึ่ง
“ อ่ะ ถ้าให้ผมเดานะคุณวิน เขาคนนั้นที่คุณวินพูดถึงก็คือพี่โทมัส โปรดิวเซอร์ชื่อดังของเมืองไทย ตอนนั้นคุณวินทราบไหมครับว่าเขาเป็นใคร ” พิธีกรรายการชื่อดังถามต่อ
“ ไม่ทราบครับ เพราะผมไม่รู้จักใครที่นี่นอกจากญาติๆ ครับ พี่โทมัสได้ให้นามบัตรผมไว้แล้วนัดให้เข้าไปคุยที่ออฟฟิศของเขาเมื่อถึงกรุงเทพฯ ครับ ผมจึงได้มาเป็นผู้ช่วยพี่โทมัสก่อน แล้วระหว่างที่ทำงาน ทุกครั้งที่ว่างผมมักจะแต่งเพลงซึ่งมันเป็นงานที่ผมรักครับ จนพี่โทมัสเข้ามาถามเพราะเขาเห็นอยู่หลายครั้งแล้ว ผมจึงเอาให้พี่โทมัสกลับไปดูที่บ้านครับ จน 2-3 วันผ่านไป พี่โทมัสก็เข้ามาบอกกับผมว่าแกอยากโปรดิวซ์งานชุดนี้ให้ผมครับ สุดท้ายจึงเกิดมาเป็นผมจนถึงทุกวันนี้ละครับ” เขาตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มสดใสอีกครั้ง จนพิธีกรรายการชื่อดังเองยังแอบนิยมชมชอบในตัวเขามากขึ้นเหมือนกับคนอื่นๆ
“ เท่าที่ฟัง ผมคิดว่าคุณเองเป็นคนเก่งอยู่แล้วนะคุณวิน นี่ๆ ไม่เชื่อลองถามแฟนคลับคุณดูสิ จริงไหมครับ อ่ะ!! เห็นไหมแฟนคลับคุณยังพยักหน้าเห็นด้วยเลย แล้วผมได้ยินมาว่าคุณได้รับการทาบทามให้แสดงภาพยนต์ด้วย จริงไหมครับเรื่องนี้ ” พิธีกรรายการชื่อดังถามเกี่ยวกับกระแสข่าวของแขกรับเชิญคนดังตรงหน้า
“ สำหรับเรื่องนี้จริงครับ แต่ผมตอบปฏิเสธไป เนื่องจากผมมีคิวหลักที่ผมต้องรับผิดชอบอยู่ก่อนเกรงว่าจะทำงานอื่นได้ไม่ดีครับพี่แป๊ก แต่ก็มีรับเชิญให้ไปเดินแบบบ้าง เฉพาะงานของคนที่สนิทๆ กันน่ะครับ ” เขาตอบพร้อมชี้แจง
“ เรียกได้ว่าเป็นคนหนุ่มที่มีแนวทางการทำงานที่ชัดเจนทีเดียวเลยนะครับคุณวิน แล้วเวลาที่ว่างคุณมีวิธีพักผ่อนอย่างไรครับโดยส่วนใหญ่ ” พิธีกรรายการชื่อดังถามคำถามต่อเนื่อง
“ ส่วนใหญ่ผมจะอ่านหนังสือครับ ผมชอบอ่านหนังสือเงียบๆ และตอนนี้ผมกำลังติดตามงานเขียนของนักเขียนท่านหนึ่งอยู่ครับชอบมากๆ อ่านแล้วรู้สึกสบายใจผ่อนคลายดีครับ เหมือนกับเราได้ชาร์ตแบต แต่มีบ้างที่เหนื่อยมากก็หลับไปกับกองหนังสือเลยครับ ถ้าไม่อ่านหนังสือ ผมก็เล่นเปียโน หรือไม่ก็กีต้าร์ไปตามเรื่องครับเพลินๆ ง่วงก็หลับ ” ถึงตอนนี้แขกรับเชิญเล่าอย่างออกรส ด้วยความรู้สึกชอบจากภายในล้วนๆ
“ โอ้ งานอดิเรกของคุณนี่ช่างดูดีเหมือนหน้าหล่อๆ ของคุณจริงๆ นับถือครับ นับถือ ผมว่านะ คุณน่าจะเป็นไอดอลที่ดีให้กับเด็กรุ่นใหม่ๆ นี้ได้มากเลยนะ สำหรับเรื่องการอ่านหนังสือนี่ เอาไว้เป็นแบบอย่างนะครับหนูๆ ถ้าชอบพี่วินต้องอ่านหนังสือนะครับ เอาล่ะครับเข้าสู่คำถามสุดท้ายของคืนนี้ ฮ่าๆ อย่าเพิ่งขำสิคุณ บอกสาวๆ นิดนึงน่ะว่าสเป็คสาวในฝันของคุณเป็นอย่างไร ได้ข่าวว่าคุณเองก็มีคบหาอยู่บ้าง ใช่ไหม สาว Q ตระกูลดัง ที่เป็นข่าวลอยเข้าหูผมมาน่ะ ” พิธีกรรายการชื่อดังชื่นชมจากใจจริงแล้วจึงถามคำถามยอดฮิตยิ้มๆ สายตามีแววเจ้าเล่ห์คาดหวังในคำตอบ ทำเอาแขกรับเชิญหนุ่มอดที่จะขำอายๆ ไม่ได้
“ ครับ ไม่มีสเป็คครับ และผมก็ยังไม่ได้คบใครครับ ทุกคนคือเพื่อนที่ดีและน้องสาวที่น่ารักครับ ที่สำคัญผมยังไม่คิดที่จะคบใครครับ เพราะผมกำลังรอให้คนในฝันปรากฏตัวออกมาเจอกันในโลกความจริงครับพี่แน็ก ถ้าผมได้เจอคนในฝันคนนั้น ผมอยากดูแลเค้าด้วยเวลาที่มีคุณภาพมากกว่านี้ครับ ” แขกรับเชิญหนุ่มชี้แจงและตอบทีเล่นทีจริงพร้อมรอยยิ้มละมุนใสซื่อ
" ว้าว คุณเล่นตอบปิดประตูหมดเลยนะคุณวิน เห็นใจสาวๆ ทั้งประเทศบ้างสิ แง้มนิดนึงนะว่าสาวในฝันของคุณหน้าตาแบบไหน " พิธีกรชื่อดังแซวพร้อมกับอ้อนวอนแทนผู้ชมในสตูดิโอ
" คนในฝันนะครับพี่แป๊ก เอาไว้ผมเจอเธอในโลกความจริงแล้วผมจะพามา Grand Opening ที่รายการพี่ที่แรกเลย ดีไหม ผมสัญญา ฮ่าๆๆ " แขกรับเชิญหนุ่มตอบทีเล่นทีจริง แต่มีแววจริงจังปนอยู่ในอาการ
แว่บหนึ่งในใจ เขาเองนั้นรู้อยู่แก่ใจว่ามีสาวๆ หลายคนที่พยายามเข้ามาหาเขาด้วยจุดประสงค์เดียวกันที่หวังในตัวเขา แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกพิเศษกับสาวคนไหนเลยและเขาจะแกล้งคบกับสาวๆ เหล่านั้นเขาเองก็ทำไม่ได้ เพราะเขาจะไม่ทรยศต่อความรู้สึกของตัวเองเด็ดขาด ประหนึ่งว่าหัวใจของเขานั้นถูกผนึกด้วยผลึกน้ำแข็งที่หนาแน่นเป็นเมตรๆ มาเป็นเวลาช้านาน จนกระทั่งเขาได้มาพบกับหญิงสาวที่ชื่อปุ่นคนนั้น ผู้ที่ทำให้หัวใจของเขาในเวลานั้นเต้นแรงจนรู้สึกได้ หรือแม้กระทั่งในเวลานี้เช่นกัน
แล้วทันใดนั้น เขาก็นึกถึงเธอขึ้นมาทันทีเพราะเขาอยากเจอเธออีกครั้ง ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม แค่รู้สึกอยากเจอและคงไม่มีความหวังเสียแล้ว เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเจอเธอได้อย่างไร ในเมื่อเขาเคยพยายามกลับไปที่สวนสาธารณะแห่งนั้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบแม้กระทั่งเงาของเพื่อนสาวของผู้หญิงที่ชื่อปุ่นคนนั้น
" แหม คุณวิน คุณนี่ก็ชั้นเชิงไม่ธรรมดานะ ปากแข็งมาก ทุกท่านครับเป็นพยานให้ผมนะ คุณวินสัญญากับผมไว้ว่าหากเจอสาวในฝันแล้วเขาจะให้เกียรติผมด้วยการพาเธอคนนั้นมาเปิดตัวในรายการของผมนะครับ ฮ่าๆๆ ได้เลยครับ ผมจะรอวันนั้นนะคุณวิน " พิธีกรชื่อดังตัดพ้อพร้อมหันไปฟ้องแฟนคลับของแขกรับเชิญหนุ่มคนดังด้วยความเอ็นดูในวิธีการตอบของเขาก่อนที่จะถามคำถามพิเศษ
" งั้นผมขอถามอีกเรื่องสิ ข้องใจตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว ทำไมบริษัทดังๆ ที่คุณสมัครเขาถึงไม่รับคุณเข้าทำงานล่ะ ผมเองยังรู้สึกอยากร่วมงานกับคุณเลยนะ ที่นั่งคุยกันไม่กี่นาทีตรงนี้เนี่ย "
" ฮ่าๆๆ ผมก็ไม่ทราบนะครับ แต่พี่โทมัสบอกกับผมว่าเพราะโปรไฟล์ผมเพอร์เฟคเกินไป มีความเป็นบริเตนมากเกินไปครับ " แขกรับเชิญหนุ่มตอบเขินๆ ก่อนที่จะจบการสัมภาษณ์
หลังจากจบการสัมภาษณ์รายการทอล์คโชว์ชื่อดังแล้ว ศิลปินหนุ่มคนดังอนาวิณกล่าวขอโทษแฟนคลับที่มาให้กำลังใจในวันนี้ เรื่องที่เขาไม่สามารถอยู่ทักทายกับทุกคนต่อได้ เพราะยังมีคิวสำคัญที่ต้องรีบไปเป็นแขกรับเชิญพิเศษให้กับร้านเพชรแบรนด์ดังที่ติดต่อผ่านมาทางคุณแม่ของผู้จัดการส่วนตัวคนเก่งอย่างทิวธง ผู้ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนและทั้งญาติของเขาด้วย
“ เฮ่ย วิน รีบเถอะ ฉันกลัวว่ารถจะติดนะ ” ทิวเดินเข้ามากระซิบเสียงเครียด จากทางด้านหลัง
“ เออ ไปสิ ทุกคนครับ ครั้งหน้าผมขอเลี้ยงขนมเป็นการไถ่โทษนะ แล้วจะแจ้งกำหนดการทีหลังนะครับ ไปละ บ๊าย บาย ” วินหันไปตอบรับทิว ก่อนที่จะหันมากล่าวคำอำลากับแฟนคลับแล้วเดินออกมาโบกมือให้ทุกคนในระหว่างทางที่เดินตามทิวธงไปขึ้นรถ
“ ทิว คิวต่อไปที่ไหนวะ ” วินหันไปถาม พร้อมกับก้าวขึ้นแลนด์ โรเวอร์ สีดำคันเก่งของเขา โดยให้ทิวรับหน้าที่เป็นผู้ขับ
“ เราจะไปที่ เดอะ คาสเซิล ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ไฮโซมากและบริษัทชั้นนำต่างๆ พากันมาเช่าพื้นที่เปิดร้านของที่นี่เยอะมาก โหย แกเอ๊ย!! ธุรกิจระดับแนวหน้าทั้งนั้น” ทิวอธิบายด้วยเสียงตื่นเต้นยิ่งใหญ่ที่ทำให้คนฟังรู้สึกถึงความใหญ่โตแกมหมันไส้คนพูดนิดหน่อย
“ ฉันรู้สึกว่า นายไม่อยากจะรับงานนี้เลยนะ ” วินแกล้งพูดแซวเพื่อนเล็กน้อยพร้อมกับขำในท่าทีที่ดูเหมือนถูกขัดใจของทิวธง
“ เงียบไปเลย ฉันรู้นะเว้ย ว่านายคิดอะไร ไม่ต้องมาขำ ก็คุณหญิงป้าของนายนั่นแหละ!! ตัวตั้งตัวตี เอาแต่ใจน่าดู อยากจะเอาหลานซุปตาร์คนดังไปอวดเพื่อน ฉันก็เลยปฏิเสธไม่ได้ เพราะคิวนายมันลงได้พอดีเชียว ” ทิวพูดดักทางวินอย่างรู้ทัน พร้อมกับเหยียบคันเร่งเมื่อเห็นว่าถนนข้างหน้านั้นโล่งมาก ทำให้รถกระชากเล็กน้อยแต่ด้วยความที่วินยังไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยจึงทำให้ตัวเขาพุ่งไปข้างหน้าโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
“ เฮ้ย ไอ้ทิว ขับดีๆ สิวะ หัวฉันเกือบชนกระจกแน่ะ เราไม่ได้ไปตามจับใครนะเว้ย ” วินร้องเสียงหลง
“ นี่แกยังไม่ชินอีกหรอวะ บอกหลายครั้งแล้วว่าให้คาดเข็มขัด คาดเข็มขัด ” ทิวบ่นกวนๆ รู้สึกสมน้ำหน้าเพื่อนซุปตาร์คนดัง
“ อ้าว ก็คาดแล้ว นี่ไง ” อนาวิณกวนกลับ แถมยังถกเสื้อขึ้นโชว์หัวเข็มขัดกางเกงเรียบหรูให้เพื่อนดูแล้วยิ้มแฉ่ง
“ วะ ฉันหมายถึงคาดเข็มขัดนิรภัยเว้ย หรือจะเอาอีกรอบ ” ทิวโวยลั่นรถ เพราะตอนนี้ทิวกำลังต้องการสมาธิเพื่อทำเวลาในการไปให้ถึงที่หมายโดยปลอดภัยและทันเวลา แต่วินไม่ใส่ใจได้แต่หัวเราะ และชวนคุยเรื่องอื่นๆ ต่อไป
ในที่สุดทั้งอนาวิณและทิวธงก็มาถึงงานที่จัดด้วยเวลาที่เฉียดฉิว งานนั้นจัดที่บริเวณลานน้ำพุด้านล่างของอาคารที่อยู่ตรงหน้าร้านเพชรพอดี พื้นที่งานไม่ใหญ่มาก แต่ดูมีความหรูหรา เรียบง่าย เท่ห์สมาร์ท สมกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ เมื่ออณนาวิณเดินมาถึงทีมงานทำการนัดหมายคิวการแสดงกับเขาทันทีและไม่นานนักคิวของเขาได้เริ่มขึ้น
ในระหว่างที่เขากำลังทำหน้าที่ของตนเองอยู่บนเวทีโดยที่ด้านล่างมีทั้งช่างภาพ นักข่าวจากสำนักข่าวต่างๆ มากมาย พร้อมทั้งแขกผู้มีเกียรติคนสำคัญหลายคนที่มาร่วมในงานนั้น และภายในศูนย์การค้าเดียวกันได้มีอีกมุมหนึ่งของลานน้ำพุที่มีทางเดินยาวลึกเข้าไป ซึ่งทางเดินนี้พาไปสู่อีกบริเวณหนึ่งที่มีชื่อว่า ลานโดมทะเลดาว ซึ่งเป็นลานสำคัญของอาคารสำนักงาน เดอะ คาสเซิล ทาวเวอร์ ที่มีทางเดินเชื่อมต่อไปถึงศูนย์การค้า เดอะ คาสเซิล นั่นเอง
หากมองจากจุดเริ่มต้นของทางเดินที่อยู่อีกฟากหนึ่งของลานน้ำพุนั้น จะพบว่ามีป้ายชื่องานแนวตั้งขนาดใหญ่วางต้อนรับแขกและผู้สนใจไว้ด้านหน้า โดยงานนั้นถูกจัดขึ้น ณ อีกฟากหนึ่งของทางเดินนี้ มีชื่อว่า Grand Opening ความงามสีเทา โดย เยือกทิวา ณ ลานโดมทะเลดาว เวลา 19.00 น.
“ นี่คุณ ดูสิ วันนี้นักเขียนที่คุณเป็นแฟนคลับน่ะ เปิดตัวหนังสือใหม่นี่นา คุณจะเข้าไปดูไหม ” ชายวัยกลางคนเอ่ยกับภรรยาที่เดินโอบเอวมาด้วยกัน
“ อุ๊ย จริงด้วยค่ะ ดูท่าทางจะเป็นงานที่สำคัญมากเลยนะคะ เอาไงดีล่ะ เราต้องไปทานข้าวกับเพื่อนคุณนี่นา ” ฝ่ายภรรยาเริ่มลังเล
“ นี่เธอ บอกช่างภาพแล้วหรือยังว่าวันนี้เราจะได้เจอกับนักเขียนที่เป็นเจ้าของนามปากกา เยือกทิวา ตัวจริงเสียงจริงนะ ห้ามพลาดเลย ทุกภาพต้องคมชัด รู้ไหม
” นักข่าวสาวคนหนึ่งสั่งงานกับทีมงาน เดินผ่านหน้าคู่สามีภรรยาไปอย่างเร่งรีบ
“ นี่คุณ วันนี้จะได้เจอตัวนักเขียนด้วยนะ คุณอยากได้ลายเซ็นต์ไม่ใช่หรอ เอาแบบนี้นะ ผมเลื่อนนัดเพื่อนก็ได้ คุณจะได้สบายใจ เพราะเราเจอกันบ่อยอยู่แล้ว ตกลงไหมจ๊ะ “ ชายวัยกลางคนยื่นข้อเสนอแก่ภรรยาของเขาพร้อมรอยยิ้ม
“ จริงหรอคะ น่ารักจัง ขอบคุณค่ะ งั้นเราไปทานอะไรกันก่อนดีกว่าค่ะ ” ภรรยาขอบคุณด้วยความดีใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินจากไป
ในขณะที่คู่สามีภรรยากำลังจะเดินจากไปนั้น ทิวธงได้เดินผ่านมาแล้วหยุดยืนอ่านป้ายหน้างานอยู่ก่อนแล้ว ทำให้เขายังทันที่จะได้ยินเนื้อความในบทสนทนานั้น เขายืนจ้องป้ายใหญ่อยู่นาน เหมือนกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่ในใจก่อนที่จะเดินจากไป
ณ ลานโดมทะเลดาว ขณะนี้ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามด้วยโทนสีขาว เทา ดำ เพื่อให้เป็นไปตามคอนเซ็ปของหนังสือและตัวของนักเขียน เยือกทิวา ที่ไม่มีใครเคยพบหรือรู้จักว่าเป็นชายหรือหญิง นอกจากทางสำนักพิมพ์ เดอะ คาสเซิล บุ๊ค ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น
“ เป็นไงครับพี่ซี ฝีมือพวกผม ถูกใจไหมครับ” ชายหนุ่มผิวเข้ม อวดผลงานที่ได้รับมอบหมายมากับรุ่นพี่
“ อืม คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ให้แกมาช่วยงาน แต่ถ้าให้ดีต้องให้เจ้าของงานในค่ำคืนนี้ตัดสินเองดีกว่านะ ” หญิงสาวที่ถูกเรียกว่า พี่ซี ในชุดเดรสเบาสบายสีดำ ที่มีความหนาและบางของชั้นผ้าเล็กน้อย แขนยาว สั้นแค่เข่า เดินยิ้มเข้ามาก่อนที่จะเอ่ยชมกับผู้จัดสถานที่หนุ่มผิวเข้ม
“ แล้วใครล่ะครับ ต้องสำคัญมากเลยใช่ไหมพี่ซี เขาถึงใช้ลานโดมนี้จัดงาน เพราะพวกผมนะ พยายามมาหลายครั้งละที่จะขอเช่าลานโดมเพื่อจัดอีเว้นท์ต่างๆ แต่เขาไม่ยอมเลย บอกแค่ว่า ลานนี้อภิสิทธิ์เฉพาะงานที่ฝ่ายบริหารสั่งเท่านั้น เล่นเอาผมอกหักไปตั้งหลายรอบพี่ แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นมือผม ฮ่าๆๆ สุดยอดไปเลยเราเนี่ย ดีใจมากครับ เยส!! ” หนุ่มผิวเข้มแสดงความตื่นเต้น ดีใจ ที่เก็บไว้ไม่มิด
“ ใช่ สำคัญมาก และเธอเองก็รู้จักด้วยนะต๊อบ เดี๋ยวฉันขอไปดูความเรียบร้อยส่วนอื่นๆ ก่อนนะ ต้องรายงานกับคุณปริ๊นส์ ให้ทันก่อนงานเริ่ม “ ซีมองแล้วยิ้มขำๆ ก่อนที่จะบอกใบ้เป็นปริศนาแก่รุ่นน้องผิวเข้มที่ชื่อต๊อบ
หลังจากที่ซีได้เดินดูความเรียบร้อยของงานจนทั่วแล้ว เธอจึงเดินออกมาโทรศัพท์หาเพื่อนสาวที่เป็นเจ้าของนามปากกา เยือกทิวา ณ มุมหนึ่งของลานน้ำพุ ซึ่งบัดนี้งานของร้านเพชรแบรนด์ดังที่อยู่บริเวณนั้นได้จบลงแล้ว
“ ฮัลโหลปุ่น ใกล้ถึงหรือยัง ” ซีถามปลายสาย
“ ถึงแล้วเจ้าค่ะ กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ จะให้ไปเจอที่ไหน “ ปลายสายรายงานเสียงใส
“ โอเค ดีมาก เดี๋ยวถ้าแกเสร็จแล้ว แกตามฉันไปที่ห้องทำงานของคุณปริ๊นส์เลยนะ “ หล่อนนัดแนะกับปลายสายก่อนที่จะกดวางหูโทรศัพท์ พร้อมกับเดินออกมาจากบริเวณลานน้ำพุ แล้วทันใดนั้นเอง
“ ว้าย... ” ซีร้องเสียงหลง พร้อมกับเซไปด้านหน้า หลังจากที่เดินชนและรองเท้าส้นสูงของเธอเกิดสะดุดเข้ากับเท้าของใครบางคนอย่างจัง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะล้มลงไปถึงพื้น มีบางอย่างยึดตัวเธอไว้จากด้านข้าง
“ โอ๊ะ คุณ ขอโทษนะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ” เสียงนุ่มๆ ดังขึ้นที่ข้างหูของซี หลังจากที่เขาคว้าเอวประคองไว้ไม่ให้เธอล้มลงไป
“ ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ อ้าว นี่คุณ... ” ซีรีบกล่าวขอบคุณเจ้าของเสียงนุ่มๆ นั้น แล้วต้องตกใจเมื่อได้มองเห็นชัดเต็มตาว่าเจ้าของเสียงนุ่มๆ นั้นคือ ทิวธง นั่นเอง
“ ครับ เอ๊ะ เราเคยเจอกันหรือเปล่าเนี่ย “ ทิวเองก็เริ่มคุ้นหน้าของซี
“ เฮ้ย จำได้แล้ว น้องซี แหม วันนี้สวยกว่าวันนั้นที่เจอกันในสวนนะครับ ฮึๆ สวยจนพี่จำเกือบไม่ได้แน่ะ แล้วนี่จะรีบไปไหนครับ ” ทิวทบทวนความจำ จึงนึกออกว่าสาวตรงหน้านี้คือใคร แล้วเผลอเอ่ยชมซีในแบบฉบับของตัวเอง ที่มักชอบใช้สายตาตี่ๆ มองจ้องนิ่งๆไปยังสาวผู้ถูกชม แล้วทิ้งจังหวะในน้ำเสียง เป็นการล้อเล่นทางสายตา ซึ่งโดยส่วนใหญ่มันมักได้ผลในทางที่ดีมาก โดยสาวผู้นั้นก็จะต้องอายจนแก้มแดงหรือไม่ก็แสดงอาการเขินบางอย่างออกมา แต่ครั้งนี้ผลไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ และที่สำคัญเขายังคงจับประคองตัวซีเอาไว้อยู่อย่างนั้น
“ ค่ะ ขอบคุณที่ชมนะคะ แล้วก็ช่วยปล่อยซีด้วยค่ะคุณทิว ซียืนเองได้แล้ว และซีก็สวยแบบนี้อยู่ทุกวันล่ะค่ะ แล้วก็เรื่องวันนั้นต้องขอบคุณนะคะ รู้สึกเกรงใจจริงๆ ซีจะคืนเงินให้ค่ะ ” ซีตอบทิวธงด้วยเสียงที่แสดงถึงความไม่พอใจนิดๆ กับการทักทายของเขา พร้อมกับเปิดกระเป๋าถือสีดำเพื่อหยิบเงินออกมาคืนแก่เขา
“ ไม่เป็นไรครับน้องซี พี่รับไว้ไม่ได้หรอก แต่ถ้าอยากขอบคุณกันจริงๆ เลี้ยงกาแฟพี่ถ้วยเดียวก็พอครับ ” หลังจากรู้สึกตัวทิวรีบเก็บแขนเก็บมือตัวเองออกมาทันที แล้วก็โบกไม้โบกมือเป็นพัลวัลเพื่อปฏิเสธ และสุดท้ายจึงยื่นข้อเสนอดีๆ ให้กับหล่อนแทนพร้อมรอยยิ้มหวานๆ ที่อยากผูกมิตรด้วย
ทันใดนั้น สายตาของทิวก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือของซีที่ตกอยู่ข้างตัวเขาจึงก้มลงหยิบขึ้นมาและเห็นว่าหน้าจอไม่ได้ล็อค
“ นี่ใช่โทรศัพท์ของน้องซีหรือเปล่าครับ ” เขาถามพร้อมกับกดเบอร์ตัวเองลงไปแล้วโทรออกหน้าตาเฉย
“ นี่คุณ ทำอะไรน่ะ “ ซีร้องถามอย่างตกใจ ก่อนที่จะกระโดดคว้าโทรศัพท์ของตนออกจากมือของทิวอย่างรวดเร็ว
“ ถ้าว่าง พร้อมเลี้ยงกาแฟเมื่อไหร่ก็โทรมานะครับ พี่จะรอ ” ทิวบอกพร้อมกับโปรยยิ้มหวานๆ ให้อีกครั้งก่อนเดินจากไป ปล่อยให้ซีเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงกลับเข้าไปยังลานโดมทะเลดาวตามลำพัง
รู้ตัวอีกที ซีก็ได้เดินมาถึงหน้าห้องทำงานชั้นบนสุดของ เดอะ คาสเซิล ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นห้องทำงานของคุณปริ๊นส์ หรือ ปริญ ทินนฤบาล ผู้เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของผู้ก่อตั้ง เดอะ คาสเซิล และเป็นบรรณาธิการคนใหม่แห่งสำนักพิมพ์ เดอะ คาสเซิล บุ๊ค ผู้ซึ่งเป็นเจ้านายของซีและปุ่นนั่นเอง เมื่อซีเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปจึงได้พบว่าปุ่นและเจ้านายของตนได้นั่งรออยู่นานแล้ว
“ เป็นอะไรไปคุณซี หน้ามุ่ยมาเชียว คุณปุ่น ดูสิ ฮ่าๆๆ ” ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายนามปริ๊นส์ เอ่ยทักทันทีเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ ของเลขาสาว พร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ ช่างซีเถอะค่ะเจ้านาย แค่เจอคนประหลาดยั่วโมโหค่ะ คุยเรื่องคิวงานกันเถอะค่ะ ” ซีสูดลมหายใจรวบรวมอารมณ์ให้พร้อมทำงาน
เมื่อเวลาผ่านไป หลังจากที่ทั้งสามคนคุยเรื่องคิวงานกันเรียบร้อยแล้ว จึงเดินสวมหน้ากากออกมาเพื่อลงลิฟท์มายังชั้นล่างซึ่งเป็นลานโดมทะเลดาวที่ใช้จัดงาน ภายในงานแขกที่ได้รับเชิญทุกคนจะมีหน้ากากสวมเข้ามาในงานไม่เว้นแม้กระทั่งทีมงาน ในที่สุดเวลาเริ่มงานก็มาถึงพีธีกรเดินขึ้นเวทีและมีการแสดงต่างๆ มากมาย