" เขา…ผู้มีความรักในใจเพื่อใครคนหนึ่ง และปริศนาในความทรงจำที่หายไป…ของเธอ "

ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว - ตอนที่ 2 สัญญาณ โดย ทิรพพย์ : T. La Pop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,แอคชั่น,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,รัก,ความจำเสื่อม,คลั่งรัก,ตลก,ตกหลุมรัก,ความรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,แอคชั่น,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,รัก,ความจำเสื่อม,คลั่งรัก,ตลก,ตกหลุมรัก,ความรัก,ดราม่า

รายละเอียด

ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว โดย ทิรพพย์ : T. La Pop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

" เขา…ผู้มีความรักในใจเพื่อใครคนหนึ่ง และปริศนาในความทรงจำที่หายไป…ของเธอ "

ผู้แต่ง

ทิรพพย์ : T. La Pop

เรื่องย่อ

เป็นเพราะความบังเอิญ พรหมลิขิต ปาฏิหาริย์ โชคชะตา หรือไม่ว่าอะไรก็ตามที่ไม่สามารถอธิบายได้ ชักนำให้คน 2 คนที่ต่างกันคนละขั้ว ให้ได้มาพบกัน โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า “มีบางสิ่ง” ที่คนทั้งคู่นั้นต่างทำหายไป ณ ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต แต่กลับสามารถเติมเต็มซึ่งกันและกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ท่ามกลางปริศนาและคนแปลกหน้าที่ค่อยๆ ก่อตัวเกิดเป็นความวุ่นวายเข้ามาในชีวิตโดยที่คนทั้งคู่นั้นเองก็คาดไม่ถึง

สารบัญ

ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว-ตอนที่ 1 สัญญานะ,ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว-ตอนที่ 2 สัญญาณ,ภารกิจคลั่งรักของดวงดาว-ตอนที่ 3 Grand Opening

เนื้อหา

ตอนที่ 2 สัญญาณ

ณ ห้องนอนสีน้ำตาลเข้มห้องเดิม ในขณะนี้มีเพียงแสงสว่างของดวงอาทิตย์ที่สาดส่องทะลุม่านบางเข้ามา ทำให้มองเห็นทุกรายละเอียดภายในห้องนั้นอย่างชัดเจน บนที่นอนสีขาวละมุนปรากฏร่างสูงของชายหนุ่ม ผิวขาวใส ใบหน้าคมที่มีเหลี่ยมสันของคางและรูปหน้าที่ชัดรับกันกับจมูกที่โด่งแต่แอบเชิดขึ้นเล็กน้อย พร้อมด้วยปากที่สวยได้รูปกำลังนอนหลับตาพริ้ม ท่อนบนเปลือยเปล่าทำให้เห็นแนวลอนคลื่นของมัดกล้ามเนื้อตามตัวที่สะท้อนแสงแดดยามเช้าได้เด่นชัด ลักษณะเช่นนี้เป็นการบ่งบอกถึงความเอาใจใส่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี มีผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างกายท่อนล่างที่สวมกางเกงขาสั้นไว้เท่านั้น

" แกร๊งๆๆๆ " นาฬิกาที่อยู่บนโต๊ะข้างที่นอนนั้นบอกเวลา 6 นาฬิกา 30 นาที

ทันใดนั้นเอง ประตูห้องนอนก็เปิดอ้าออกพร้อมกับร่างของชายหนุ่มอีกคนที่ปรากฏตัวเข้ามาพร้อมกับนกหวีดเสียงแหลมปรี๊ดในชุดกางเกงผ้าร่มขายาวสีดำและเสื้อกล้ามสีขาวพร้อมเสื้อคลุมผ้าร่มเนื้อเบาบางสีดำ

" วี้ดๆๆ วี้ดๆๆ " เสียงนกหวีดดังยาวต่อเนื่องเป็นชุดรัวๆ

“ ตื่นได้แล้วคร้าบ พ่อพระเอก พ่อซุปตาร์ ตื่นๆๆ ได้เวลาฝึกแล้วโว้ย ”

พร้อมกับเดินไปเปิดม่านตรงหน้าต่างกระจกบานใหญ่เพื่อให้แสงแดดอ่อนช่วยสาดแสงเข้ามากระตุ้นทางสายตาของชายหนุ่มอีกคนที่กำลังพลิกตัวลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ 

หลังจากรวบม่านเสร็จ ชายหนุ่มในชุดกีฬาก็หันมากำชับต่อด้วยวาจาสีหน้าที่ดูกวนประสาทนิดๆ

“ คุณอนาวิณ ลอฟ ครับ กระผมมีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า หลังจากที่คุณออกกำลังกายเสร็จแล้วเนี่ย คิวงานของคุณวันนี้คือ 10.00 น. ไปอัดรายการที่สตูดิโอ แถวลาดพร้าวนะครับ แต่อย่าเพิ่งรีบร้อนไป ทางรายการนั้นเขาโทรมาแจ้งผมว่ามีความขัดข้องบางอย่างจึงขอเลื่อนการถ่ายทำเป็นสัปดาห์หน้า สรุปคือ เราทั้งคู่ได้หยุด 1 วันนะครับผม เย่ ๆๆ ดีใจชะมัดเลย ”

ชายหนุ่มในชุดกีฬาเต้นแร้งเต้นกาแสดงความดีใจจนออกนอกหน้า แต่ก็ต้องชะงักกับอาการนิ่งเฉยของอีกฝ่ายที่ถูกเรียกว่า อนาวิณ ลอฟ 

“ อ้าว นาย... เอ่อ... ไม่ดีใจสักหน่อยหรอ นี่เป็นวันหยุดแรกของนายในรอบ 2 ปีเลยนะ ”

ไม่มีการตอบโต้ใดๆ จากอีกฝ่ายที่ได้แต่นั่งนิ่งเงียบ สายตามองทอดยาวออกไปไกลแสนไกล คล้ายกับว่าประสาทสัมผัสการรับรู้ต่างๆ นั้นแทบจะดับสิ้นไปหมดแล้ว แม้กระทั่ง ชายหนุ่มในชุดกีฬาเองก็รับรู้อารมณ์นิ่งสงัดของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ทำให้เขาก็หมดอารมณ์ตื่นเต้นใดอีกต่อไป เขาจึงเดินมาหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ ชายหนุ่ม จึงทำให้เขาได้เห็นความผิดปกติบางอย่างของอีกฝ่าย

“ เฮ้ย...วิน อย่าบอกนะ...ว่านายฝันเรื่องเดิมซ้ำอีกแล้ว ” ชายหนุ่มในชุดกีฬาถามด้วยความรู้สึกเอะใจบางอย่างกับท่าทีที่อีกฝ่ายแสดงออกมา

“ อืม ใช่ ฉันฝันถึงเด็กน้อยคนนั้นอีกแล้ว แต่แปลก ที่ครั้งนี้ทุกๆ อย่างมันค่อยๆ ชัดเจนมากขึ้น ดูเหมือนจริงมากขึ้น และที่สำคัญคือ แม้แต่เวลานี้หัวใจของชั้นยังรู้สึกเต้นแรง เปี่ยมไปด้วยความหวังและรู้สึกดี ภายในใจมันโล่ง เบา มีความสุขยิ่งกว่าทุกครั้ง ”เขาพูดออกมาด้วยความรู้สึกที่สับสนแต่ปนความรู้สึกดีอยู่ลึกๆ ข้างในหัวใจอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน

“ เหมือนกับ...ไม่รู้สิ บอกไม่ถูกว่ะ แล้วนายคิดว่าไงล่ะ ทิว ” ชายหนุ่มขอความเห็นในเรื่องที่ตนกำลังสับสน จากผู้ที่กำลังนั่งมองหน้าของเขาอยู่ข้างกาย ที่มีนามว่า ทิว 

“ ว้า...มาถามแบบนี้ ฉันก็ตอบนายไม่ได้ว่ะ วิน "

" ตัวฉันเองก็ไม่ได้เชื่อเรื่องมหัศจรรย์ทางจิต ทางวิญญาณ หรือพรหมลิขิตอะไรเทือกนั้นซะด้วย ขอโทษจริงๆ ว่ะเพื่อน ฉันคิดว่าไม่มีอะไรน่ากังวลหรอก ครั้งนี้ฝันนั่นมันทำให้นายรู้สึกดีกว่าที่ผ่านมา มันก็ดีแล้ว ทำใจสบายๆ เถอะไม่ต้องคิดมาก ” ทิวได้แต่ตบไหล่ปลอบใจชายหนุ่มเบาๆ ก่อนที่จะพูดทีเล่นทีจริงตามประสากวนๆ ของเขาว่า

" หากไอ้ความฝันประหลาดต่างๆ ของนายที่มันเริ่มตั้งแต่นายเดินทางกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยคือสัญญาณของอะไรสักอย่างนะ บางที สักวันนายคงได้รู้เองว่ามันต้องการบอกอะไร " พูดจบเขาจึงเดินออกมาแล้วปล่อยให้ชายหนุ่มใช้เวลาส่วนตัวอีกสักพัก

หลังจากที่ชายหนุ่มในชุดออกกำลังกายเดินออกมาจากห้องนอน เขาเองก็เดินมานั่งที่โซฟาหนังสีเข้มในห้องนั่งเล่นที่เข้าชุดกันกับการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นลักชัวรี่ด้วยแววตาที่มีความกังวลซ่อนลึกอยู่ในนั้น

เขาอดเป็นห่วงวินไม่ได้เพราะทุกครั้งที่วินฝันมักจะละเมอถึงใครสักคนที่อยู่ในความฝัน แล้วตื่นขึ้นมาพร้อมกับคราบน้ำตาและจิตใจของเขาที่รู้สึกห่อเหี่ยว ไม่สดใสดังเช่นปกติ โดยทั้งวันนั้นวินจะเฝ้าแต่ครุ่นคิด เหม่อ ใจลอยจนไม่เป็นอันทำอะไร เพราะไม่มีใครให้คำตอบได้เกี่ยวกับความฝันนี้ของวินหรือแม้แต่จิตแพทย์ก็ตาม 

3 ปีก่อน

“ ผมอธิบายได้เพียงว่า ความฝันของคุณวินต้องเป็นเรื่องอะไรบางอย่างที่ตัวคุณวินเองต้องการที่จะฝังมันไว้ให้ลึกที่สุด ไม่ต้องการที่จะจำช่วงเวลานั้นอย่างรุนแรงครับ ” จิตแพทย์สรุปอาการให้เขาฟัง

“ แล้วผมจะรู้ได้อย่างไรครับหมอ ว่าเจ้าวินมันมีอดีตอะไรฝังหัว ฝังใจมันอยู่ ” เขาขอคำแนะนำ

“ ในทางตรงข้ามครับคุณทิว จิตใจของคุณวินเองกลับโหยหาเรื่องราวนั้นมาตลอด โดยที่คุณวินเองก็ไม่รู้ตัวหรอกครับ ทางที่ดีผมแนะนำว่าคุณทิวต้องช่วยคุณวินสืบย้อนกลับไปแก้ไขที่ต้นเหตุครับ นั่นคือเราต้องรู้ให้ได้ว่าเรื่องอะไรที่คุณวินไม่ต้องการแม้แต่จะจดจำครับ ”

หลังจากการรับคำปรึกษาครั้งนั้นอาการของวินดีขึ้น ความฝันเรื่องเดิมค่อยๆ ห่างหายไป จนกระทั่งเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง ที่วินเริ่มฝันถึงเรื่องราวเดิมอีกครั้งแต่ในความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม ความฝันนั้นไม่ได้ทำร้ายวินจากข้างในจิตใจอีกแล้ว หรืออาจเพราะวินเองก็มีจิตใจที่เข้มแข็งมากขึ้นจากการใช้ชีวิตที่ผ่านมาและประสบการณ์จากการทำงานที่หลากหลายก็เป็นได้ และบัดนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยวินปลดล็อคเรื่องนี้โดยการหาคำตอบของเรื่องราวความฝันแปลกๆ ของวินให้ได้

2 สัปดาห์ ก่อนหน้านี้

ณ สวนสาธารณะริมแม่น้ำซึ่งตอนนี้เป็นเวลา 6.00 น. บรรยากาศภายในสวนยังมีผู้คนมาออกกำลังกายไม่มากนัก ชายหนุ่ม 2 คน ขี่จักรยานมาจอดบริเวณลานด้านที่ติดแม่น้ำ แล้วยืนสูดหายใจเอาอากาศเข้าไปเต็มปอด

“ เฮ้ ทิว แกให้ฉันใส่แค่แว่นอันนี้อันเดียวออกมาข้างนอกนี่ ไม่กลัวแฟนคลับฉันจำหน้าได้หรอวะ ” ชายหนุ่มใส่แว่นกรอบหนาเตอะ ในชุดเสื้อกล้ามสีเข้าชุดกับกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินเข้มบ่น

“ ฮ่าๆๆ นี่แกไม่รู้หรอ ว่าเรื่องทำให้แกขี้เหร่น่ะ เป็นงานถนัดของฉันเชียวนะ เพราะแกมันหล่อไงวิน แต่วางใจได้ นายไม่โดนแฟนคลับรุมทึ้งหรอกน่า ไอ้ทิวคนนี้การันตี ” ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดสีครีมแขนกุดและกางเกงขายาวสีดำคุยโวด้วยสีหน้าท่าทางที่มีแววความยียวนกวนอารมณ์เป็นพื้นฐาน

“ คร้าบ เชื่อคร้าบ ไอ้คุณทิว ” วินผู้ซึ่งถูกจับใส่แว่นกรอบหนาเตอะเพื่อความขี้เหร่กำลังหัวเราะในความอารมณ์ดีของอีกฝ่าย

ทันใดนั้น ในขณะที่ทั้ง 2 หนุ่มกำลังคุยเล่นกันอยู่

“ กรี๊ด...ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ มีคนโดนงูกัดอยู่ตรงนี้ ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากทางด้านข้างของสวนนั้น

ทั้งวินและทิวต่างมองหน้ากันแล้วรีบวิ่งไปแทบจะในทันที เมื่อไปถึงทั้งคู่ได้พบกับหญิงสาว 2 คน คนหนึ่งกำลังจับประคองตัวเพื่อนที่ถูกงูกัดอยู่ใกล้ๆ ส่วนเพื่อนที่ถูกงูกัดนั้นหน้าซีดไม่มีเรี่ยวแรงด้วยความตกใจกลัวสุดขีด และเจ็บแผลคละกันไป

“ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยเพื่อนฉันด้วย “ เพื่อนสาวของคนเจ็บรีบขอร้อง เมื่อเห็นชายแปลกหน้า 2 คน วิ่งตรงเข้ามาหาพวกเธอ

“ ไม่เป็นไรนะครับ ใจเย็นๆ อย่ากลัว เอ่อ คุณเห็นงูที่กัดเพื่อนคุณไหม เดี๋ยวผมขออนุญาตดูแผลก่อนนะ ” ทิวผู้ซึ่งวิ่งมาถึงก่อน นั่งลงข้างๆ พูดกับหญิงสาวที่ถูกงูกัด แล้วจึงหันไปถามเพื่อนของหญิงสาวที่นั่งประคองคนเจ็บไว้

“ ค่ะ เห็นค่ะ เป็นงูเขียวหางไหม้ค่ะ พอดีเราวิ่งแล้วแวะเล่นกันไม่ได้ระวังค่ะขาก็เลยไปปัดเอาที่พุ่มไม้ที่มันอยู่พอดี ” เพื่อนสาวอธิบายเร็วปร๋อ

“ เดี๋ยวผมจะปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ก่อนนะครับ แล้วเราต้องรีบพาไปหาหมอที่ใกล้ที่สุดกัน ” ทิวพูดพลางจัดการกับแผลงูกัดที่มีเลือดไหลออกซิบๆ ไปพลาง 

“ วิน นายช่วยฉันพยุงน้องคนนี้ไปขึ้นรถที เราต้องพาไปส่งที่โรงพยาบาลที่ใกล้แถวนี้ก่อน ฉันอยากมั่นใจว่างูที่กัดไม่มีพิษจริงๆ เอ่อ น้องชื่ออะไรครับ ” ทิวหันมาสั่งวินที่ถูกทำให้ขี้เหร่ แล้วจึงหันมาถามชื่อของเพื่อนหญิงสาวที่บาดเจ็บ

“ เอ่อ ชื่อซีค่ะ ส่วนเพื่อนซี ชื่อปุ่นค่ะ ” หล่อนตอบ

“ โอเคครับ พี่ชื่อทิวนะ ส่วนเพื่อนพี่ชื่อวิน เดี๋ยวน้องซี มากับพวกพี่เลยนะ อ่ะ จัดการแผลเบื้องต้นเสร็จพอดี ” เขาแนะนำตัวพร้อมกับยิ้มปลอบใจ

ทันใดนั้นเอง ในขณะที่วินกำลังเข้าไปช่วยพยุงร่างของหญิงสาวที่ชื่อปุ่นเอาไว้ เขาได้เห็นใบหน้าของเธออย่างใกล้ชิด เพียงแว่บหนึ่งที่เขาชะงักไป เพราะใบหน้านั้นช่างเป็นใบหน้าที่คุ้นตาในความรู้สึก แต่ติดตรงที่เขานึกไม่ออกว่าเคยเห็นเค้าโครงรูปหน้าแบบนี้จากที่ไหน เขาจึงตัดสินใจอุ้มร่างนั้นด้วยสองแขนของเขาแทน แล้วเดินนำหน้าไปที่รถทันที โดยปล่อยให้ทิวและซียืนงงอยู่เบื้องหลัง เพราะหญิงสาวที่ชื่อซีเองก็สู้แรงของวินฝืนรั้งตัวเพื่อนไว้ไม่ไหว

“ เฮ้ย วิน นายอุ้มไหวแน่นะ อย่าทำน้องเขาตกล่ะ เฮ้อ...เจ้านี่ คงจะกลัวว่ามัวประคองเดินไปขึ้นรถ คงไปถึงโรงพยาบาลช้าแน่ครับ ต้องขอโทษน้องซีด้วยนะ รีบเดินเถอะ ” ทิวตะโกนไล่หลังแก้เก้อในสิ่งที่วินแสดงออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แล้วแก้ต่างให้เพื่อน พร้อมกับชวนสาวซีเดินตามไปให้ทันพร้อมกับกดโทรศัพท์

“ เออ จ่า ตื่นแล้วใช่ไหม ฝากเก็บจักรยานตรงลานแม่น้ำในสวนสาธารณะข้างบ้านจ่าหน่อยสิ เสร็จธุระแล้วเดี๋ยวมาเอา ” ทิวสั่งใครบางคนที่ปลายสายอย่างผู้มีอำนาจในน้ำเสียงจนคนข้างๆ ที่เดินมาข้างกันกับเขาต้องหันมามองหน้า 

ระหว่างที่วินเดินอุ้มร่างของหญิงสาวคนเจ็บมาที่รถนั้น ตลอดทุกย่างก้าวของเขากลับรู้สึกถึงพลังงานความรู้สึกอะไรบางอย่างที่คุ้นเคย สั่นไหวอยู่ภายในอก และเขาพยายามที่จะนึกให้ออกว่าเคยพบเธอคนนี้ที่ไหนมาก่อนหรือไม่แต่ก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งเดินมาถึงรถ เขาตัดสินใจให้ทิวเป็นคนขับ โดยมีซีเพื่อนสาวของคนเจ็บนั่งด้านข้างคนขับแทนโดยให้เหตุผลว่า...

“ เดี๋ยวให้คุณปุ่นนั่งด้านหลังกับผมน่าจะสะดวกกว่าเวลาลงรถนะครับ ” พร้อมกับเปิดประตูรถเพื่อวางคนเจ็บลงที่เบาะด้านหลัง

ส่วนสาวคนเจ็บที่ชื่อปุ่นตอนนี้เธอเองก็ไร้เรี่ยวแรงต้านทานใดๆ เพราะสติสัมปชัญญะของตัวเธอเองก็ใกล้จะดับลงทุกทีแต่ยังคงพยายามฝืนเอาไว้ ซึ่งเธอเองก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าอาการนี้เป็นเพราะพิษงูหรือขวัญหนีดีฟ่อจนลมจับ และสภาวะตอนนี้ของเธอคือรู้สึกสลึมสลือ

เพียงไม่ถึง 10 นาที ทิวก็ขับรถมาถึงโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด และได้ส่งคนเจ็บสาวเข้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลได้ทันท่วงที นับว่าเป็นความโชคดีที่เช้าวันนี้ถนนโล่งเพราะเป็นวันหยุด แต่ 10 นาทีของวินนั้นช่างยาวนานนัก เพราะทุกนาทีที่เขาเฝ้าแต่มองหน้าหญิงสาวที่ชื่อปุ่น เขาพยายามนึกให้ออกว่าใบหน้าแบบนี้ ความรู้สึกที่ได้รับเมื่อสัมผัสร่างของเธอแบบนี้ ซึ่งเขารู้สึกเหมือนเคยได้รับจากใครสักคน แล้วคนๆ นั้นคือใคร ทำไมหญิงสาวที่ชื่อปุ่นคนนี้จึงมีอิทธิพลกับความรู้สึกภายในใจของเขาได้ขนาดนี้ทั้งๆ ที่เพิ่งพบกันครั้งแรก และในที่สุด ห้วงเวลาแห่งการครุ่นคิดของเขาได้จบลงและไม่ได้คำตอบใดๆ เลย จนกระทั่ง...

“ ใครเป็นญาติคนไข้ที่ชื่อคุณนิปุณ วรุณดุษฎี คะ ” นางพยาบาลประจำห้องฉุกเฉินเปิดประตูออกมาเรียก

“ ค่ะ ฉันเองค่ะ ” ซีแสดงตัว แล้วเดินตามนางพยาบาลเข้าไปข้างใน ปล่อยให้วินและทิวที่นั่งรออยู่ด้วยกันไว้ด้านนอก

“ วรุณดุษฎี ฟังดูคุ้นหูเหมือนรู้จักใครสักคนที่ใช้นามสกุลนี้ แต่นึกไม่ออกแฮะ ใครกัน ” อนาวิณพรึมพรำกับตัวเอง แต่กิริยาอาการต่างๆ ของเขาไม่เคยหลุดลอดสายตาอันคมเฉียบของคนอย่างทิวได้เลย รวมถึงอาการจ้องมองแปลกๆ ที่เขามีต่อหญิงสาวคนเจ็บในขณะที่นั่งมาในรถ

ทั้งสองหนุ่ม ทิวและวินได้ตัดสินใจกันว่าจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลให้ปุ่นเอง เพราะความที่เป็นคนใจดีชอบช่วยเหลือของอนาวิณเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว รวมถึงความรู้สึกที่เป็นปริศนาต่างๆ ที่เขาได้รับจากสาวคนเจ็บเมื่อแรกสัมผัส หลังจากจ่ายค่ารักษาพยาบาลไว้ที่เคาท์เตอร์ชำระเงินแล้ว ทั้งคู่ได้ฝากกระดาษโน้ตข้อความไว้ให้ซีและปุ่นด้วย

“ ขอโทษนะครับที่ถือวิสาสะจ่ายค่ายาให้ พอดีได้ยินห้องยาเรียกญาติคนไข้ให้ติดต่อชำระเงิน แต่น้องซีเข้าไปข้างในยังไม่ออกมา พวกพี่จึงขอนุญาตดูแลส่วนนี้ให้ แล้วพอดีพวกพี่มีงานด่วนที่ต้องรีบกลับก่อน ขอตัวนะครับ ส่วนนายวินเพื่อนพี่ฝากบอกว่าขอให้น้องปุ่นหายเร็วๆ นะครับ ” สิ้นเสียงอ่านของซี พร้อมด้วยหน้าตาที่บ่งบอกถึงความประหลาดใจมากๆ

“ อะไรเนี่ย อีตาสองคนนั่นเขาคิดว่าตัวเองเป็นนักบุญหรือพระเอกละครหรอแก ” ซีอุทานเสียงแหลมใส่เพื่อนที่นอนอยู่บนเตียงหนานุ่มที่บ้านริมแม่น้ำเจ้าพระยา

“ ฮ่าๆๆ แกก็ พูดไป ปุ่นว่าเขาก็ดูใจดีนะ  ถึงปุ่นจะสลึมสลือไปบ้าง เราสิที่ต้องขอบคุณพวกเขา ถ้าไม่ได้พวกเขานะ ปุ่นแย่แน่ๆ เลย เฮ้อ...ดีกว่าบางคนจะหวังพึ่งพาก็ไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง ” หญิงสาวเตือนเพื่อนอย่างเอ็นดู พร้อมตลบหลังด้วยการแซวกวนๆ และปรายหางตาไปมองขำๆ

“ จ้า แม่ผู้หญิงคิดบวก ใช่ซี้ ก็ช่วงนี้แกถูกโฉลกกับงูนี่นะ ฉันจำได้ แกบอกว่าฝันถึงอยู่บ่อยๆ นี่ ฝันว่าโดนงูรัด งูใหญ่กัดบ้างล่ะ ฮ่าๆๆ โบราณเขาว่าจะเจอเนื้อคู่นะ แต่นี่อะไรกัน ฝันที่เป็นจริงโดนงูจริงๆ กัดซะเลย " ซีไม่ยอมลดละ ต่อปากต่อคำแซวกลับเพื่อนรัก พร้อมกับถอนหายใจบ่นอุบก่อนที่จะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

" อ้อ แล้ววันนั้นที่แกอาการสะลึมสะลือขนาดนั้นน่ะ คุณหมอบอกซีมานะว่าแกน่ะคงจะเป็นลมเพราะพักผ่อนไม่เพียงพออยู่ก่อนแล้ว พอเจอเรื่องตกใจลมก็เลยจับค่ะ ซีนะ ตกใจแทบแย่ นึกว่าแกแพ้พิษงูหรือว่างูที่กัดเป็นงูพิษซะอีก ”

“ บ้า ยายซีบ๊อง เนื้อคู่อะไรกันล่ะ ห่ามๆ แบบปุ่นเนี่ยนะ เลอะเทอะค่ะ เอาล่ะ แกจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ ปุ่นอยู่ได้และจะพักผ่อนเยอะๆ ตามแพทย์สั่งด้วย และก่อนกลับแกช่วยปิดบานประตูกระจกตรงระเบียงริมน้ำให้หน่อยนะคะ เผื่อฝนตก ” หญิงสาวขอพักรบกับเพื่อนก่อนที่จะบานปลายกว่านี้และเธอรู้สึกว่ายาเริ่มออกฤทธิ์แล้วเช่นกัน

“ จ้า แกนอนพักเถอะ ห้ามผิดคำพูดนะ ซีจัดอาหารกับยามื้อเย็นไว้ให้แล้ว ช่วยกินให้ตรงเวลาด้วยนะจ๊ะ เดี๋ยวท่านซีอีโอของสำนักพิมพ์จะหาว่าซีไม่ดูแลนักเขียนฝีมือดีของเขา อ้อ อีกอย่างนะปุ่นดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ อีกแค่ 3 สัปดาห์ จะถึงงานแกรนด์โอเพนนิ่งแล้วนะ ” ซีกำชับอย่างเป็นงานเป็นการ แต่ไม่วายพาดพิงบุคคลที่สามจนได้

“ ทราบแล้วเจ้าค่ะ คุณเลขาท่านซีอีโอ ” หญิงสาวรับคำน้ำเสียงเชิงล้อเลียนเพื่อน ก่อนจะแอบถอนหายใจ หลังจากที่เพื่อนสาวได้เดินออกจากห้องไป และภายในใจของเธอเองมักรู้สึกกระอักกระอ่วนทุกครั้งที่เพื่อนสาวเอ่ยถึงบุคคลที่ 3 คนนั้น