รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,แอคชั่น,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,รัก,ความจำเสื่อม,คลั่งรัก,ตลก,ตกหลุมรัก,ความรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
" อ้าว แล้วยังไงดีล่ะ อนาวิณเอ๊ย นายอกหักแล้วล่ะ ” ทิวธงอุทานด้วยความประหลาดใจไม่แพ้กัน
“ แต่เอ๊ะ ยัยนักเขียนของนายนี่...หน้าตาคุ้นๆ นะ ” ทิวธงกระเซ้า
“ เฮ้ย จำได้แล้ว นั่นมันน้องผู้หญิงที่เราช่วยเอาไว้นี่ ที่สวนสาธารณะริมน้ำไงวิน อ๊อ...ทำงานที่เดียวกันกับน้องซีนี่เอง ” เขานึกขึ้นได้ร้องเสียงหลง
“ เออ ฉันรู้แล้ว ตั้งแต่หมอนั่นถอดหน้ากากออกให้ เห็นหน้าปุ๊บ ฉันก็จำได้ทันที ว่าแต่...ทิว สถานการณ์นี้ นายพอคาดเดาอะไรได้ไหมวะ ว่าเยือกทิวา ไม่สิ คุณปุ่นน่ะจะตอบกลับหมอนี่ยังไง ” ซุปตาร์หนุ่มตอบเพื่อนซี้ผู้จัดการส่วนตัวด้วยน้ำเสียงที่บอกถึงความขุ่นมัวในอารมณ์ ก่อนที่จะขอความคิดเห็นด้วยหัวใจที่ยังมีความหวังบางอย่างอยู่ลึกๆ ถึงแม้เวลานี้เหตุการณ์ทั้งหมดดูจะไม่น่ามีทางเป็นไปได้
“ อืม ฉันคิดว่านายตัดใจรอได้เลยว่ะ นอกเสียจาก...” ทิวธงกอดอกมือข้างหนึ่งลูบคางเบาๆ ไปมาพร้อมออกความเห็นแต่ยังทิ้งประโยคที่เขาไม่อยากเชื่อเอาไว้ตอนท้าย เพราะมันคือโอกาสเพียง 0.01% เท่านั้นที่จะเกิดขึ้นได้ จนทำให้คนฟังอย่างอนาวิณร้อนใจกับท่าทีนั้นของทิวธง
“ นอกจากอะไร บอกมา ไอ้ทิว อย่าโยกโย้ ” เขาเริ่มรำคาญท่าทีของเพื่อนตัวแสบ
“ ก็ นอกจากนายจะภาวนาขอให้น้องปุ่นเขาไม่ได้สนใจเจ้าทายาทไฮโซนั่นน่ะสิ และประเด็นนี้ฉันไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด เพราะอะไรรู้ไหม เพราะผู้หญิงที่ฉันเคยรักที่สุด ก็ทิ้งฉันไปกับหมอนี่แหละ เฮอะ...” เขาระเบิดความอัดอั้นที่ซุ่มเก็บซ่อนมานานเพื่อที่จะลืมความเจ็บปวดหัวใจครั้งยิ่งใหญ่ของตนเองคนเดียวเงียบๆ
“ นายกำลังจะบอกอะไรฉันวะ ทิว ” เขาถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ และแปลกใจว่าทำไมผู้ชายคนนั้นมาเกี่ยวข้องกับเรื่องอกหักช้ำรักครั้งใหญ่ของเพื่อนสนิทคนนี้ได้อย่างไร
“ นายได้ยินไม่ผิดหรอก ไอ้หมอนี่มันเป็นเสือ เสือผู้หญิงน่ะ ไม่เคยมีใครที่หมอนี่อยากได้แล้วไม่ได้ ผู้หญิงหลงเสน่ห์ลูกไม้นุ่มๆ พระเอกจากนิยายแบบนี้ทุกคน ดังนั้นนายต้องทำใจเพื่อน แล้วนี่ยังไม่นับรวมถึงระยะเวลาที่พวกเขารู้จักมักจี่กันมาก่อนด้วยนะเว้ย ” ทิวธงขยายความให้ชัดเจน
“ แต่ ฉันคิดว่าไม่ใช่กับคุณปุ่นแน่ๆ นายดูสิ ” เขาตอบพร้อมกับสะกิดให้ทิวธงหันไปดูชาย-หญิงที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
หลังจากที่ปุ่นเริ่มตั้งสติได้จากอาการอ้ำอึ้งของตนที่พูดไม่ออก ตัวชากับการสารภาพความในใจของคุณปริ๊นส์อย่างกะทันหันในคืนนี้ เธอจึงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ดวงตากลมเป็นประกายมองตรงๆ มาที่ใบหน้ากร้าวใจของผู้บริหารหนุ่มผู้เป็นเจ้านายของเธอ
“ คุณปริ๊นส์คะ ปุ่น เอ่อ... ปุ่นขอบคุณนะ สำหรับความรู้สึกที่มีให้กัน และรู้สึกเป็นเกียรติมากค่ะ แต่ปุ่นตอบคุณได้เลยตอนนี้ว่า…คุณปริ๊นส์อย่ามาเสียเวลากับคนแบบปุ่นเลยนะ ปุ่นเห็นคุณเป็นเจ้านายและเพื่อนที่ดีมากๆ คนหนึ่งค่ะ และยอมรับว่าปุ่นเองก็ไว้ใจในความจริงใจของคุณมาโดยตลอดเพียงแค่ปุ่นไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษกับคุณมากขนาดนั้นเลยค่ะ ปุ่นคิดว่ามิตรภาพแบบเพื่อนมันยาวนานกว่ามากนะคะ คำพูดปุ่นอาจฟังเหมือนคนใจร้าย แต่เพราะปุ่นแคร์ความรู้สึกของคุณนะ ไม่อยากให้เกิดความเข้าใจผิดกันหากปุ่นรับแหวนของคุณเพราะความเกรงใจในความจริงใจของคุณเท่านั้น ปุ่นจึงต้องพูดความรู้สึกจริงตั้งแต่ตอนนี้ และหลังจากคืนนี้ มิตรภาพของคุณและปุ่นจะยังคงเหมือนเดิม ความจริงใจที่มีต่อกันจะยังเหมือนเดิมค่ะ คุณปริ๊นซ์เป็นผู้ชายเพียบพร้อมที่เป็นคนดี สักวันผู้หญิงที่ดีและเหมาะสมกันทุกด้านจะปรากฏตัวเข้ามาในชีวิตของคุณปริ๊นส์เองค่ะ คุณเก็บแหวนวงนี้ไว้สำหรับคนที่ใช่คนนั้นของคุณในอนาคตดีกว่านะ ปุ่นขอโทษจริงๆ ที่ต้องปฏิเสธความรู้สึกอันมีค่าที่คุณมอบให้ในคืนนี้ค่ะ ” พูดจบ หล่อนจึงมอบแหวนและดอกไม้คืนให้กับชายหนุ่มที่เพิ่งสารภาพรักกับเธอไป นับว่าเป็นการปฏิเสธอย่างนุ่มนวลแต่ทว่าตรงไปตรงมาจากหัวใจของเธอที่สุดแล้ว พร้อมกับรอยยิ้มบางเบาแทนการปลอบใจและขอบคุณเขาก่อนเดินจากออกมา แล้วปล่อยให้ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวยืนยิ้มน้อยๆ อย่างเข้าใจหันมองตามหลังเธอไปจนลับสายตาอยู่ที่ลานโดมทะเลดาวนั้นเพียงลำพัง
“ ฮ่าๆๆ อะไรกัน นี่ฉันต้องอกหักจริงๆ หรือเนี่ย นี่ขนาดเตรียมใจมาก่อนแล้วนะเรา แต่ไม่เป็นไร แม้ว่าวันนี้คุณจะยังไม่รู้สึกรักผม แต่ไม่มีใครบอกนี่..ว่าวันต่อๆ ไปคุณจะไม่รักผม ดังนั้น ทุกๆ วันผมจะทำให้คุณรักผมให้ได้ คุณนั่นแหละปุ่น คุณคู่ควรที่สุดแล้ว คอยดูสิ ” คนบอกรักหัวเราะในความปราชัยของตนในคืนนี้และความชัดเจนในตัวเองของหญิงสาวที่เขาตกหลุมรัก แล้วพึมพำกับตัวเองเพื่อประกาศความมุ่งมั่นในการเอาชนะใจเธอคนนั้นให้ได้
หลังจากที่ปุ่นเดินออกมาจากลานโดมทะเลดาวแล้ว ชายหนุ่มคู่ซี้ทั้งสองจึงหลบเดินตามออกมาเงียบๆ จนกระทั่งปุ่นเดินมาถึงลานจอดรถด้านหนึ่งของศูนย์การค้า ซึ่งปุ่นกำลังยืนคอยรถของซีที่จะขับมารับที่จุดนัดอยู่เพียงลำพังคนเดียว
ทันใดนั้นเอง มีรถตู้สีดำเงาวับคันหนึ่งขับมาจอดตรงหน้าเธออย่างกะทันหัน
เอี้ยด..........!!!! เสียงล้อรถบดลงกับถนนดังลั่น
“ เฮ้ย ทิว ฉันว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีว่ะ ดูนั่น ” อนาวิณรับรู้ถึงสัญญาณอันตรายบางอย่างจากเสียงรถที่เบรคกะทันหันที่ดังอยู่ตรงหน้าหญิงสาวที่เขาห่วงใยพร้อมกับตั้งท่าจะออกไปช่วย
” เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งออกไป ” ทิวธงร้องห้าม มองไปยังเหตุการณ์ตรงหน้าตาไม่กระพริบ ทั้งคู่แอบเฝ้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด
ปึง.......!!! เสียงประตูรถตู้สีดำสนิทไม่มีหน้าต่างเปิดออก ปรากฏเป็นกลุ่มชายชุดดำ สวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้ากลุ่มหนึ่งกระโจนลงมาจากรถ
“ เฮ้ย!! มึง 2 คน ไปเอาตัวผู้หญิงมา ” คนที่ดูเป็นหัวหน้าสั่งทันที
“ พวกแกเป็นใคร ” หญิงสาวตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า ถามเสียงดังลั่นพร้อมกับถอยหลังกรูดให้ห่างทันที เมื่อรับรู้ถึงสัญญาณอันตรายตรงหน้า มองซ้ายมองขวาหาทางหนีทีไล่พร้อมกับนึกขึ้นได้ว่าในมือของตนมีรองเท้าส้นสูงปลายเข็มที่เพิ่งถอดออกเพราะความเมื่อยล้าอยู่ เธอจึงกำไว้แน่น
ชายชุดดำ 2 คนที่ถูกสั่งการรีบเดินพุ่งตรงเข้ามาทันที และก่อนที่จะเข้าถึงตัวของหญิงสาว เธอรีบเอียงตัวหลบการจับกุมอย่างรวดเร็ว แล้วใช้ส้นแหลมของรองเท้าข้างหนึ่งฟาดเข้ากับมือของชายชุดดำคนแรกอย่างไม่ทันตั้งตัวก่อนที่จะใช้รองเท้าในมืออีกข้างตบลงไปที่หน้าอย่างแรง ซึ่งสร้างบาดแผลถลอกและความเจ็บปวดได้ไม่น้อยตามด้วยแรงฟาดที่กลางลำตัว จากนั้นต่อด้วยลูกถีบโดมิโน ทำให้ชายชุดดำอีกคนที่เดินตามมาหงายหลังลงไปด้วย แต่ยังไม่ทันที่ปุ่นจะหันหลังออกวิ่ง เธอได้ถูกใครบางคนเข้ามารวบแขนทั้งสองข้างไว้จากด้านหลังพร้อมกับปลดอาวุธทันที แล้วดันตัวให้เดินไปยังรถตู้สีดำคันนั้น
“ ปล่อยนะ พวกแกจะพาฉันไปไหน ปล่อย ปล่อย!! ” ปุ่นร้องเสียงหลงดังลั่นพร้อมกับพยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุม
2 เพื่อนซี้เห็นว่าปุ่นกำลังเสียท่าและกำลังถูกจับขึ้นรถ ทำให้เปิดช่องว่างให้พวกเขาวิ่งเข้ามาใกล้รถได้โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ระวังตัวมากนัก ทิวธงดึงมีดพกออกมาจากพื้นรองเท้าอันหนาเตอะของเขา ขว้างตรงไปยังชายชุดดำที่ล็อคแขนปุ่นไว้อย่างเชี่ยวชาญ จนทำให้ชายคนนั้นต้องคลายมือทันที ทำให้ปุ่นได้จังหวะวิ่งหนีออกไปโดยไม่คิดชีวิต
” โอ๊ย ใครวะ ” ยังไม่ทันสิ้นเสียงร้องร่างของอนาวิณก็พุ่งกระโจนเข้าจู่โจมทันที แล้วต่อยเสยเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง ทำให้อีกฝ่ายต้องลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ส่วนทิวธงวิ่งตะโกนตามหลังมา
“ เฮ้ย ตำรวจ ตำรวจมา ตำรวจ ทางนี้ ตำรวจ ” พร้อมกับควัก Walther PPK/S 9mm ขนาดจิ๋ว สีดำทั้งด้ามที่เหน็บไว้ในถุงเท้าออกมายิงขู่ไปที่ขาของชายชุดดำอีกคนอย่างแม่นยำ อีกคนที่ต้นแขนและคนที่เป็นหัวหน้าโดนถากๆ ที่แก้มด้านขวาซึ่งเป็นผลมาจากการหลบกระสุนที่ถูกยิงออกมาจากปืนของทิวธง ทำให้กลุ่มชายชุดดำทั้งหมดต้องถอยทัพหนีกลับไปอย่างไม่เป็นท่า
หลังจากที่เหตุการณ์ทุกอย่างสงบลงแล้ว ชายหนุ่มทั้งคู่ต่างวิ่งวุ่นมองหาตัวปุ่นอย่างรวดเร็ว แต่ไม่พบแม้แต่เงา พบเพียงรองเท้าส้นสูงคู่ที่หล่อนใช้เป็นอาวุธในคราวแรกกับโทรศัพท์มือถือที่ตกอยู่ใกล้ๆ เท่านั้น
ในขณะที่ปุ่นวิ่งหนีหน้าตาตื่นออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ทางฝ่ายสาวซีเพื่อนสนิทเองก็กำลังขับรถอ้อมออกมารับปุ่นที่จุดนัดพบ แต่ระหว่างทางต้องเหยียบเบรคกะทันหันเพราะตกใจกับภาพปุ่นที่กำลังวิ่งหน้าตื่นสวนทางมา
“ ปุ่น!! เกิดอะไรขึ้น ” ซีถามเพื่อนสาวที่เปิดประตูรถขึ้นมานั่งหายใจหอบแฮ่กใหญ่ๆ
“ ปุ่น...ปุ่น วิ่งหนี คนร้ายมา ออกรถเถอะซี รีบไปจากที่นี่เร็ว มันไม่ปลอดภัย " ปุ่นนั่งหอบ หายใจถี่ๆ พร้อมกับบอกเพื่อนออกมาเป็นช่วงๆ สลับกับการหายใจเข้าและออก
ฝ่ายซีเมื่อเห็นอาการตื่นตระหนกของเพื่อนจึงตกใจและเมื่อได้ยินเพื่อนนักเขียนสาวละล่ำละลักให้หนีเธอจึงรีบกลับรถออกไปอีกทางด้านหนึ่งทันที โดยไม่ขับออกถนนใหญ่เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ต้องเสี่ยงเจอกับรถของกลุ่มคนร้ายด้วย รถยนต์สีขาวคันงามของซีกำลังวิ่งลัดเลาะไปตามทางเชื่อมภายในซอยที่นำไปสู่ถนนใหญ่สายหนึ่งที่อยู่ไกลออกมาพอสมควร
และเพราะเสียงปืนที่ดังมาจากลานจอดรถทำให้ รปภ. รวมถึงคุณปริ๊นส์ ที่กำลังเดินออกมายังลานจอดรถต้องรีบวิ่งตามเสียงปืนที่ได้ยินออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อทั้งคุณปริ๊นส์และ รปภ. วิ่งมาถึงบริเวณที่ได้ยินเสียง กลับต้องพบกับความว่างเปล่า เพราะเจ้าของเสียงปืนและคู่หูได้หลบฉากหนีออกมาอย่างรวดเร็วแล้วมุ่งตรงไปที่แลนด์ โรเวอร์สีดำของตนทันที
“ ฉันเป็นห่วงคุณปุ่นว่ะ ไม่รู้ว่าหนีเตลิดไปไหนแล้วด้วย จะเจอกับเจ้าพวกนั้นอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ” หนุ่มซุปตาร์มีน้ำเสียงเป็นกังวล พร้อมกับถอดวิกผมออกแล้วโยนไปที่นั่งด้านหลัง
“ อย่ากังวลไปเลย ฉันว่าหล่อนเอาตัวรอดได้สบาย ฮ่าๆๆ ดูสิ มีผู้หญิงที่ไหนเขาใช้รองเท้าส้นสูงฟาดผู้ร้ายวะ ” ทิวธงหัวเราะเบาๆ พูดปลอบใจเพื่อนซุปตาร์พร้อมกับสตาร์ทรถทันที
“ ทิว ฉันรู้แล้ว...ว่าจะตามข่าวคุณปุ่นได้ที่ไหน นายดูนั่นสิ ” ซุปตาร์หนุ่ม สะกิดเพื่อนให้หันไปดูรถยนต์นำเข้าสีเบอกันดีคันหนึ่งที่จอดอยู่ด้านซ้ายสุดของลานจอดนั้น ซึ่งเจ้าของรถก็คือคู่แข่งคนสำคัญของเขานั่นเอง นายปริญ ทินนฤบาล ที่ขณะนี้กำลังเดินแกมวิ่งมาจากจุดเกิดเหตุเมื่อครู่ มีแววความเคร่งเครียดแกมกังวลปะปนอยู่บนใบหน้าที่รีบมุ่งตรงมาสตาร์ทรถคู่ใจด้วยความร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด
ทิวธงเห็นประกายแววตาวาววับของเพื่อนซุปตาร์ที่มองไปยังนายปริญทายาทนักธุรกิจและไฮโซชั้นแนวหน้าคนดังของวงการผู้ที่เคยทำให้เขาต้องใจสลายและเจ็บปวดหัวใจอย่างแสนสาหัสเมื่อนานมาแล้ว ก็รู้ได้ทันทีว่าค่ำคืนนี้คงต้องผจญภัยกันอีกยาวแน่นอน และตัวเขาเองคงต้องนำความสามารถเฉพาะตัวที่ไม่ได้ใช้มาสักระยะกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง
“ ไป ขึ้นรถ ฉันเองก็อยากรู้ว่า..ไอ้หมอนี่ จะถือโอกาสทำอะไรชั่วๆ อีกบ้าง ” ทิวธงสั่ง แล้วจึงค่อยๆ ขับรถออกมาดักรอเป้าหมายอีกด้านหนึ่งก่อนที่จะลงมือสะกดรอยตามรถยนต์สีเบอกันดีคันหรูไปห่างๆ ไม่ให้รู้ตัว
ทางฝ่าย 2 สาวในรถยนต์สีขาวคันงามที่เวลานี้กำลังขับเคลื่อนไปบนถนนที่นำไปสู่ถนนเลียบแม่น้ำ คนหนึ่งประจำตำแหน่งสารถี ส่วนอีกคนกำลังหลับด้วยความเหนื่อยอ่อนจากช่วงวินาทีฉุกเฉินของชีวิต ภายในรถเงียบสงบ จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
“ ผมเห็นข้อความจากคุณซีแล้วนะ ไม่นึกว่าจะเป็นคุณปุ่นจริงๆ แล้วคุณปุ่นเป็นอย่างไรบ้างครับ บาดเจ็บตรงไหนไหม ” ปลายสายถามมาชุดใหญ่ด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วงกังวลขีดสุด
“ ไม่เป็นไรแล้วค่ะเจ้านาย ตอนนี้ปุ่นกำลังหลับอยู่ คงจะตกใจแล้วก็เหนื่อยค่ะ ซีกำลังพาปุ่นไปส่งที่บ้านริมน้ำ แล้วพรุ่งนี้จะพาไปจัดการแจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุค่ะ ” เธอรายงานแผนการจัดการของเธอให้ปลายสายผู้เป็นเจ้านายทราบด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงเพื่อนไม่แพ้กัน
“ ค่อยยังชั่ว ตอนที่ผมได้ยินเสียงปืน ผมคิดว่าคงเป็นเรื่องของคนอื่นที่มาวิวาทกันในลานจอดรถ ไม่นึกว่าคุณปุ่นคือเป้าหมายที่ถูกเล่นงาน ผมสั่งหัวหน้า รปภ. กั้นพื้นที่ตรงนั้นไว้แล้ว พรุ่งนี้ผมฝากคุณประสานกับทางตำรวจด้วยนะครับ แล้วฝากคุณช่วยหาบอดี้การ์ดมาคอยดูแลความปลอดภัยให้คุณปุ่นด้วย แต่ไม่ต้องให้เอิกเกริกนะครับ ตามดูแลเงียบๆ อย่าให้เธอรู้ก็พอ แล้วเดี๋ยวไปเจอกันที่หน้าบ้านคุณปุ่นนะครับ ผมกำลังไป ผมอยากเห็นว่าเธอปลอดภัยด้วยตาตัวเอง ” ปลายสายออกคำสั่งมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงจับใจโดยไม่ทันรู้สึกตัวเลยว่ากำลังมีรถอีกคันหนึ่งสะกดรอยตามมาด้วยความเป็นห่วง "เธอคนนั้น" ด้วยเช่นกัน
เวลาผ่านไปไม่นานเกินรอ ในที่สุดรถหรูสีเบอกันดีได้มาจอดรอที่บริเวณหน้าประตูสีขาวทางเข้าบ้านชั้นเดียวสีขาวหลังหนึ่งในซอยเล็กๆ ที่นำไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนแลนด์ โรเวอร์ สีดำได้หลบไปจอดที่ซอยข้างๆ อีกฝั่งหนึ่ง เพื่อไม่ให้เป็นจุดสังเกตชัดเกินไป จากนั้น 2 คู่ซี้หนุ่มจึงอาศัยความมืดของเงาต้นไม้ข้างทางในการพรางตัวเดินลัดเลาะมาหยุดยืนดูความเป็นไปเงียบๆ หลังต้นไม้ใหญ่ฝั่งตรงข้ามของบ้านสีขาวหลังนั้น
สักครู่หนึ่ง รถยนต์สีขาวคันงามก็ขับมาจอดที่หน้าบ้านหลังนั้นพอดี โดยปรากฏเป็นร่างของหญิงสาวผิวขาวคนหนึ่งเดินลงมาจากรถเพื่อเปิดประตูบ้านทั้งด้านนอกและด้านในตัวบ้านพร้อมกับเปิดไฟจึงทำให้คนที่แอบยืนดูอยู่หน้าบ้านมองเห็นความเป็นไปภายในบ้านได้ชัดถนัดขึ้น
จากนั้น ชายหนุ่มเจ้าของรถหรูที่จอดรออยู่ก่อนแล้วก็เดินลงมาแล้วตรงไปเปิดประตูรถยนต์สีขาวด้านข้างคนขับทันที จากนั้น เขาจึงค่อยๆ อุ้มร่างหญิงสาวที่กำลังหลับลึกไม่ได้สติ ลงมาจากรถแล้วเดินเข้าประตูเล็กหน้าบ้านเพื่อเข้าไปด้านในตัวบ้าน โดยมีหญิงสาวผิวขาวคนนั้น เดินปิดประตูเล็กหน้าบ้านตามหลังเข้าไปด้านในบ้านด้วยกัน
“ ไป กลับกันเถอะ ฉันสบายใจแล้ว ขอบใจนายมากนะ ทิว ” อนาวิณหันมาชวนเพื่อนกลับบ้าน เมื่อได้เห็นว่าปุ่นกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยด้วยตาตัวเองแล้ว
“ เออ วันนี้ทำได้แค่นี้ละวะ ไม่เป็นไรวิน ฉันคิดว่าฉันเข้าใจนายนะ พวกเราพอแค่นี้ก่อน หลังจากนี้เราค่อยมาคุยกันว่าจะทำยังไงถึงจะกระชากหน้ากากความดีของหมอนี่ ออกมาให้คนอื่นๆ เห็นธาตุแท้ได้ ” ทิวธงตบบ่าแล้วกอดคอพาอนาวิณเดินออกมาด้วยความเหนื่อยล้า แล้วทั้งคู่ก็พูดคุยในเรื่องตารางงานของวันพรุ่งนี้ ระหว่างทางที่เดินไปขึ้นรถคู่ใจเพื่อกลับที่พัก