ห้วงนรกรังสรรค์ ระบบลงทัณฑ์ที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อพิพากษาเหล่าคนใจบาปหยาบช้า ให้พวกมันมีโอกาสได้สำนึกตนคืนกลับมาด้วยใจที่บริสุทธิ์ คือการหยุดยั้งมิใช่ทำลาย ด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่..แห่งยักษา
แอคชั่น,แฟนตาซี,ลึกลับ,เกิดใหม่,สะท้อนปัญหาสังคม,นรก,วิญญาณ,ผี,แอคชั่น,อสูร,ยักษ์,พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ยักษาตุลาการห้วงนรกรังสรรค์ ระบบลงทัณฑ์ที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อพิพากษาเหล่าคนใจบาปหยาบช้า ให้พวกมันมีโอกาสได้สำนึกตนคืนกลับมาด้วยใจที่บริสุทธิ์ คือการหยุดยั้งมิใช่ทำลาย ด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่..แห่งยักษา
คำเตือน : เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่
นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนและอาจกระทบกระเทือนจิตใจผู้อ่านบางท่าน ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรได้รับคำแนะนำและอยู่ในการควบคุมดูแลจากผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และแยกแยะว่านี่คือเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
แสงไฟสีส้มอ่อนจากเสาไฟฟ้าส่องกระทบหน้าต่างบานใหญ่ของสถาบันกวดวิชา ไฮเกรดพลัส จนเกิดเงาสะท้อนเรียงราย ป้ายไฟนีออนสีเขียวเหลืองสลับกันกระพริบเป็นจังหวะ ขึ้นข้อความโฆษณา
"ไฮเกรดพลัส รับประกัน ติดมหาลัยชั้นนำได้สบาย"
ดอนลอยตัวอยู่ท่ามกลางสายลมยามพลบค่ำ ใบหน้าของกุมารน้อยซ่อนความเย็นชาไว้ในดวงตาคู่โต ขณะที่เขาจับตามองเหตุการณ์ด้านในห้องเรียนชั้นบนผ่านกระจกบานใหญ่ กระเป๋าหมีแพนด้าที่สะพายอยู่ด้านหลังแม้จะดูใหญ่เทอะทะแต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเด็กชายเหมือนกับว่ามันเป็นของที่ไร้น้ำหนัก
ภายในห้องกวดวิชาขนาดมาตรฐาน นักเรียนสิบกว่าคนจากสถาบันต่างๆ กำลังเตรียมตัวกลับบ้านหลังจากจบคาบเรียนสุดท้ายแล้ว พวกเขาเก็บหนังสือใส่กระเป๋า และเอ่ยคำร่ำลากันตามมารยาท
"แววดาว ช่วยครูเก็บเอกสารหน่อยนะ" เป็นเสียงทุ้มนุ่มจากชายวัยสี่สิบต้นๆ ในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กางเกงสแล็คสีเข้ม เขาใส่แว่นตากรอบหนาสีดำซึ่งทำให้ดูมีคุณวุฒิ แม้ผมจะเริ่มมีหงอกแซมเล็กน้อย แต่ใบหน้ายังคงดูดีมีเสน่ห์ของความเป็นครูผู้ทรงภูมิ
"ได้ค่ะ ครูโกเมศ" เด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมปลายที่นั่งแถวหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้มสดใส ใบหน้าของเธอสวยหมดจดแม้จะไม่ได้แต่งแต้มสีสรร ผมยาวสีดำขลับรวบเป็นหางม้าดูน่ารักสมวัย
เพื่อนนักเรียนคนอื่นทยอยออกจากห้องไปจนหมด ทิ้งให้แววดาวอยู่ตามลำพังกับครูสอนพิเศษเพียงสองคน ความเงียบเริ่มก่อตัวขึ้นในห้องเรียนที่กว้างขวาง สร้างบรรยากาศที่ดูไม่น่าไว้วางใจ
"ครูคะ หนูเก็บกระดาษคำตอบเรียบร้อยแล้วนะคะ" แววดาวยื่นแฟ้มเอกสารให้ชายวัยกลางคน ดวงตาใสซื่อมองตรงไปที่ครูที่เคารพ
"ขอบใจมากจ้ะ แววดาว" ครูโกเมศรับแฟ้มไปวางบนโต๊ะ ก่อนจะหันมายิ้มให้เธอ
"ครูสังเกตว่าเธอขยันมากเลยนะ แต่ทำไมผลสอบเดือนที่แล้วถึงได้แย่ลงล่ะ?"
แววดาวก้มหน้าลงด้วยความอาย "หนูต้องไปช่วยแม่ขายของที่ตลาดค่ะ เลยไม่ค่อยมีเวลาทบทวน"
"โถ น่าสงสารจัง" ครูโกเมศเดินเข้ามาใกล้ วางมือลงบนไหล่บอบบางของเด็กสาว "ครูเข้าใจนะ ว่าเธอพยายามแค่ไหน ครูอยากช่วยเธอนะ"
"เด็กคนนั้น!" กุมารน้อยที่มองอยู่นอกหน้าต่างขมวดคิ้ว เขารู้สึกคุ้นเคยกับเด็กนักเรียนที่ชื่อแแววดาวอย่างประหลาด ดอนรีบหยิบหูฟังเฮดโฟนสำหรับสอดแนมออกมาจากกระเป๋า พร้อมกับปรับคลื่นความถี่เพื่อให้ได้ยินเสียงข้างในอาคาร
"ครูมีคอร์สพิเศษให้นักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือแบบเธอ" ครูโกเมศโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูแววดาว เสียงของเขาแผ่วเบาลง ดวงตาเริ่มทอประกายบางอย่างที่ไม่ใช่ความเมตตาของครูที่มีต่อศิษย์
"และครูจะช่วยเธอเรื่องค่าเล่าเรียนด้วย ถ้าเธอ... เรียนคอร์สนี้กับครู"
"คอร์สพิเศษอะไรเหรอคะ?" แววดาวเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย
"เป็นคอร์สที่ครูสอนเป็นการส่วนตัว" ครูโกเมศยิ้มอย่างมีเลศนัย มือข้างหนึ่งค่อยๆ เลื่อนมาลูบศีรษะของเธอ "ครูสอนให้เธอเข้าใจโลกมากขึ้น... ไม่ใช่แค่วิชาการ"
แววดาวยืนนิ่ง ความกังวลฉายชัดบนใบหน้า " ครูหมายความว่ายังไงคะ หนู...ไม่ค่อยเข้าใจ"
"ไม่ต้องกังวลไปหรอกจ้ะ" ครูโกเมศลูบผมของเด็กสาวเบาๆ "วันนี้ครูว่าจะพาเธอไปกินข้าวที่ร้านอาหารดีๆ ก่อน แล้วค่อยไปทบทวนบทเรียนกันที่... ห้องสอนพิเศษของครู"
ดอนกำหมัดแน่น ใบหน้าเด็กน้อยบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เขาอยากจะพุ่งเข้าไปในห้องและจัดการกับไอ้ครูหื่นให้สาสมกับความชั่วช้า แต่แล้วก็มีมือเรียวบางที่คุ้นเคยพุ่งมาจับไหล่เขาไว้
"อย่าเพิ่ง ดอน!" เสียงหวานใสแต่เด็ดขาดดังขึ้นจากข้างหลัง
ตานีปรากฏกายขึ้นในชุดไทยประยุกต์สีเขียวตอง กระโปรงผ่าสูงเผยให้เห็นขาเรียวยาวรับกับใบหน้าสวยเฉี่ยวคมเกินหญิงสาวทั่วไป เธอกำลังจ้องกุมารน้อยด้วยแววตาจริงจัง
"แต่มันกำลังจะ... อาเจ๊ก็เห็นนี่ว่ามันจะทำอะไร!" ดอนพูดเสียงสั่น ดวงตาลุกวาว "หนูทนดูไม่ได้แล้ว!"
"ฉันรู้" ตานีพยักหน้า "แต่เราต้องรอดาลิ้งก์ก่อน ดอนหันกลับไปมองผ่านกระจกอีกครั้ง ภายในห้อง ครูโกเมศกำลังหยิบโทรศัพท์ออกมากดส่งข้อความให้ใครบางคน ขณะที่แววดาวกำลังเก็บของใส่กระเป๋า ด้วยท่าทางประหม่าและมีสีหน้ากังวล
"ร้านอาหารที่ครูจะพาไปอยู่แถวโรงแรมห้าดาวริมน้ำ" ครูโกเมศพูดด้วยรอยยิ้มที่แอบแฝงเจตนาบางอย่าง "ที่นั่นมีห้องสำหรับติวแบบส่วนตัวด้วย เธอจะได้เรียนรู้อะไรเยอะเลย"
"ไม่ได้! มันจะพาเด็กคนนั้นไปที่โรงแรม!" ดอนกัดฟันกรอด พลังในร่างเริ่มสั่นสะเทือนพร้อมจะปะทุ
ตานีกระชับมือบนไหล่ของดอนแน่นขึ้น "ดอน! ฟังนะ ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับเด็กคนนั้นแน่นอน แต่เราต้องทำตามแผน" เธอโน้มตัวเข้าหาเด็กชายด้วยสีหน้าจริงจ้งมากขึ้น
"นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันทำแบบนี้ แต่มันต้องเป็นครั้งสุดท้าย เข้าใจไหม?"
ดอนมองตานีด้วยสายตาลังเล ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
"ดีมาก" ตานีลูบศีรษะดอนเบาๆ "เธอรีบไปบอกดาลิ้งก์เดี๋ยวนี้เลย บอกว่าเป้าหมายกำลังลงมือ ฉันจะคอยสะกดรอยและป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องร้ายกับเด็กคนนั้น"
"แล้วอาเจ๊คนเดียวจะไหวเหรอ?" ดอนถามด้วยความเป็นห่วง
"เชื่อพี่สาวสิ" ตานียิ้มมุมปาก "ไม่มีผู้ชายคนไหนต้านทานมนต์สเน่ห์ของฉันได้หรอก....ยกเว้นดาลิ้งก์คนเดียวนั่นแหละ"
ดอนพยักหน้า ก่อนจะกระโดดลอยขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว แล้วหายวับไปในอากาศ
ข้างในห้องเรียนที่ปิดไฟมืด เหลือแค่ไฟหลอดเล็กๆ ตามทางเดิน ที่ส่องแสงสลัวพอให้มองเห็น ครูโกเมศกำลังเดินนำแววดาวออกจากอาคาร มือเลื่อนมาโอบรอบไหล่ของเธออย่างแนบเนียน
"ไปกันเถอะ แววดาว ครูสัญญาว่าเธอจะต้องชอบคอร์สเรียนนี้แน่นอน" ครูโกเมศกระซิบ
"ค่ะ... ครู" แววดาวตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าฉายแววหวาดหวั่นที่ไม่อาจปิดบัง
ตานีมองตามด้วยสายตาเยียบเย็น ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น "ฉันสัญญาว่าคืนนี้จะเป็นคอร์สพิเศษสำหรับแกเหมือนกัน...ไอ้ครูลามก" ร่างสะโอดสะองค์ค่อยๆ จางหายไปในความมืดพร้อมกับติดตามเงาของชายหญิงต่างวัยที่กำลังเดินออกจากตัวอาคารไปที่ลานจอดรถ
ภายในวัดร้างบนเนินเขาที่เงียบสงัด ความมืดเริ่มกลืนกินท้องฟ้า ตุลย์ยืนนิ่งราวกับรูปสลัก แม้ร่างกายของเขาครึ่งหนึ่งจะกลายเป็นยักษ์ แต่ทว่าแววตาของเขากลับนิ่งสงบอย่างผิดวิสัย
"พี่ชาย! มันลงมือแล้ว!" เสียงของดอนกรีดร้องพร้อมกับร่างที่พุ่งเข้ามา ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยว
ตุลย์หันมามองช้าๆ ใบหน้าครึ่งล่างที่ประดับด้วยเขี้ยวแหลมงุ้มและลวดลายสีทองขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อเขาเอ่ยถามด้วยเสียงที่ทุ้มกังวาล
"ใจเย็นก่อนดอน เกิดอะไรขึ้น"
"ไอ้ครูโกเมศ! มันกำลังจะหลอกเด็กนักเรียนเข้าโรงแรมแล้ว!" ดอนตะโกนเสียงแหบพร่าด้วยความโกรธ มือเล็กๆ กำแน่นจนสั่นระริก "พี่ตานีกำลังสะกดรอยตามอยู่"
ตุลย์ขมวดคิ้วแน่น แววตาแดงฉานจ้องมองเด็กชายอย่างแปลกใจ ไม่เคยเห็นกุมารน้อยที่มักร่าเริงแจ่มใสแสดงความโกรธถึงขนาดนี้มาก่อน
"โทนี่!" เขาหันไปตะโกนเรียกวิญญาณผีตาโขนที่กำลังนั่งเล่นกีตาร์อยู่มุมศาลาวัด
ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก โทนี่ในชุดสูทแบบเอลวิสโทนสีเหลืองสดใสก็ลอยพุ่งเข้ามาตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
"Yes, Boss มีอะไรให้ไอรับใช้?" โทนี่โค้งคำนับอย่างสง่างามราวกับผู้ดีอังกฤษ
"เปลี่ยนแผน" เสียงของตุลย์ทุ้มต่ำลงจนน่ากลัว เป็นเสียงที่แฝงความเย็นเยียบของการตัดสินใจที่แน่วแน่ "เราต้องออกปฏิบัติการเดี๋ยวนี้"
"Good! I'm ready for showtime!" โทนี่รีบหยิบกีตาร์ไฟฟ้าขึ้นมาสะพาย
ทั้งสามก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ผืนอากาศเบื้องหน้าบิดเบี้ยวราวกับมิติถูกฉีกขาดออก แล้วร่างของพวกเขาก็หายวับไปกับตา ก่อนจะปรากฏตัวอีกครั้งในตรอกมืดข้างโรงแรมหรูริมแม่น้ำใจกลางเมืองวังลับแล แหล่งนัดพบของครูโกเมศกับพวกเฒ่าหัวงูที่ชื่นชอบเรือนร่างของเด็กสาว
ตลอดการเดินทาง ตุลย์สัมผัสได้ถึงพลังแห่งความโกรธที่แผ่ซ่านออกมาจากดอนอย่างชัดเจน เขาเหลือบมองกุมารน้อยที่กำลังกัดฟันกรอด ดวงตาของกระเป๋ารูปหมีแพนด้าที่สะพายอยู่เริ่มส่องประกายสีแดงวาบๆ
"ทำไมไอ้หนูนี่ถึงโกรธมากขนาดนี้?" เสียงทุ้มลึกของกุมภกรรณดังสะท้อนก้องอยู่ในหัวของตุลย์
"ไม่แน่ใจ แต่อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเด็กที่ชื่อแววดาว" ตุลย์ตอบกลับในใจ
เนื่องจากเวลายังไม่ดึกมากนัก จึงยังมีผู้คนอยู่รอบบริเวณโรงแรมบ้างประปราย ตุลย์เลี้ยวซ้ายแลขวา ก่อนจะเคลื่อนตัวไปแต่ละจุดอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้มีใครพบเห็นเขา
จู่ๆ โทนี่ก็ยกนิ้วชี้ขึ้นแตะที่หน้ากากผีตาโขน ดวงตาสีแดงใต้หน้ากากเรืองแสงวูบวาบ "มิสตานีส่งข้อความมาแล้ว Boss!"
"ตึกตรงนั้น ห้องหนึ่งสีศูนย์แปด... ครูโกเมศพาเด็กนักเรียนสาวเข้าไปเมื่อห้านาทีก่อน... เด็กมีอาการสลึมสลือเหมือนถูกวางยา... Miss ตานีพยายามเข้าไปดูข้างในแต่ทำไม่ได้"
"ทำไม?" ตุลย์เอ่ยถามเสียงเย็น แววตาที่หรี่ลงด้วยความสงสัย
"She บอกว่ามีพระภูมิเจ้าที่ class B ขวางไว้อยู่" โทนี่ตอบพลางยกปลายนิ้วขึ้นเกลี่ยหน้ากากเบาๆ "Miss ตานีอยู่แค่ระดับ C class เลยผ่านไม่ได้"
"เจ้าที่งั้นเหรอ" ชายในร่างยักษ์พึมพำด้วยน้ำเสียงที่เย็นชากว่าปกติ พลังสีแดงจางๆ แผ่ซ่านออกมาจากร่าง อักขระสีทองเริ่มเรืองรองชัดเจนบนแขนขวาที่กลายเป็นอสูร "ถ้าคิดจะปกป้องคนชั่ว ก็คงต้องคุยกันหน่อย!"
"พี่ชาย... ทางนี้" ดอนกระซิบเสียงเครียดขณะที่ชี้ไปยังหน้าต่างบานหนึ่ง "อาเจ๊กำลังดูลาดเลาอยู่แถวนั้น"
"โทนี่จัดการกล้องวงจรปิดรอบๆ ได้ไหม แค่รบกวนสัญญาณก็พอ" ตุลย์ถามเสียงเบา เขารู้ดีว่าแม้คนทั่วไปจะมองไม่เห็นพวกโทนี่ แต่สำหรับเขาที่ยังมีกายเนื้ออยู่ ย่อมมีความเสี่ยงที่จะถูกเห็นได้
"Very easy เดี๋ยวไอจัดให้" โทนี่สะบัดนิ้วกรีดสายกีต้าร์อย่างรวดเร็ว แม้ไม่มีเสียงใดดังออกมา แต่กล้องวงจรปิดโดยรอบกลับดับวูบลงในทันที "เรียบร้อยแล้ว Boss, Let's go."
เมื่อทั้งหมดมาถึงด้านหลังโรงแรม ตานีที่ยืนรออยู่ข้างกำแพงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะโบกมือเรียกเบาๆ
"ทางนี้ๆ ดาร์ลิ้งก์!"
ตุลย์พยักหน้า เขารีบก้าวขึ้นบันไดหนีไฟไปยังตำแหน่งห้องเป้าหมาย โดยมีโทนี่และดอนลอยตามติดมาข้างหลัง
"เห็นคนอื่นในห้องด้วยไหม?" เขาเอ่ยถามถึงสถานการณ์ภายใน
"ฉันพยายามส่องดู แต่เหมือนมีอะไรบังไว้อยู่ แถมเข้าไปไม่ได้ด้วย" ตานีตอบ
"เป็นภูมิเจ้าที่..." เสียงทุ้มลึกของกุมภกรรณดังขึ้นในความคิดของตุลย์ "แต่ไม่ใช่ปัญหาหรอก เดี๋ยวข้าไปเจรจาให้" น้ำเสียงของเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
ตุลย์พยักหน้า ก่อนจะนั่งลงขัดสมาธิรอคอย จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่ถึงนาที
"เข้าไปได้แล้ว เขาอนุญาตแล้ว!" เสียงของกุมภกรรณดังขึ้นอย่างอารมณ์ดี "ไม่น่าเชื่อว่าแค่ข้าเอ่ยชื่อตัวเองออกไป เจ้าที่พวกนั้นก็ยอมหลีกทางให้อย่างนอบน้อม"
ตุลย์ส่ายหน้าเบาๆ ไม่นึกว่าจะได้เห็นพญายักษ์ผู้โด่งดังในด้านนี้ เขาแง้มหน้าต่างออกช้าๆ แล้วกวาดตามองไปทั่วห้อง ภาพที่เห็นทำให้เลือดลมในกายของเขาเดือดพล่าน
ชายสูงวัยสี่คนในสภาพกางเกงชั้นในตัวเดียว ยืนล้อมแววดาวนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง โดยมีครูโกเมศยืนยิ้มมุมปากถือกล้องดิจิทัลถ่ายวีดีโอ อยู่ในสภาพเดียวกัน
"พวกมัน..." ตานีกัดริมฝีปากแน่น ร่างกายสั่นเทาด้วยความขยะแขยง
"โทนี่... เตรียมพร้อม" ตุลย์กระซิบ
โทนี่พยักหน้า เขายกกีตาร์ขึ้นเตรียมบรรเลง ดวงตาสีแดงก่ำจ้องมองเข้าไปในห้องอย่างเย็นชา พร้อมจะแสดงจิตวิญญาณแห่ง Rock and Roll
"Showtime..." โทนี่กระซิบตอบ
ตานีเดินทะลุกำแพงเข้าไปพร้อมกับใช้มนต์มายาทำให้ภายในห้องกลายเป็นมิติทับซ้อนเพื่อป้องกันเสียงดังออกไปถึงข้างนอก ตุลย์ออกแรงเบาๆ เปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้นและปีนเข้าไปในห้องอย่างเงียบเชียบ
แต่ก่อนที่ใครในห้องจะทันสังเกตเห็น ดอนที่ตามเข้ามาเป็นคนสุดท้ายก็พุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ภาพบัดสีเบื้องหน้ากระตุ้นความโกรธของเด็กชายจนถึงขีดสุด
ร่างเล็กๆ ของเขาเปล่งออร่าสีดำทะมึน กระเป๋ารูปหมีแพนด้าที่สะพายอยู่ส่องแสงวูบวาบ
"พวกแก!" ดอนตะโกนเสียงดังลั่น ไม่ใช่เสียงของเด็กน้อยที่พวกเขารู้จักอีกต่อไป ร่างของดอนขยายใหญ่ขึ้นในพริบตา กลายเป็นชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ใบหน้าหล่อเหลาแต่ดวงตากลับดุดันราวสัตว์ป่า
กุมารหนุ่มเข้าสู่สภาวะควบแน่นกายทิพย์จนสามารถสัมผัสทุกสิ่งทางกายภาพได้ เขาพุ่งเข้าใส่ชายที่ยืนใกล้ที่สุดด้วยความเร็วเหนือมนุษย์
"โอรา! โอรา! โอรา!"
เสียงตะโกนก้องกังวาน หมัดหนักหน่วงกระแทกเข้าที่ร่างของชายคนนั้นจนล้มคว่ำไม่ได้สติในทันที ชายอีกสามคนที่เหลือสะดุ้งตกใจหันมามอง แต่ก็สายเกินไป ดอนเคลื่อนไหวราวกับพายุ พุ่งเข้าชก เตะ ถีบ อย่างรวดเร็วและรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
"ปึ่ก ปึ่ก ปึ่ก!!!"
"โอรา! โอรา! โอรา! โอราราราราราราราร่า!"
ตุลย์ โทนี่ และตานีต่างยืนตะลึงกับภาพกุมารน้อยแสนน่ารักที่บัดนี้กลายเป็นนักรบคลั่งที่เข้าหำหั้นบรรดาเฒ่าหัวงูผู้น่าสงสาร
"เรา...อย่าทำให้ดอนโมโหดีกว่านะ" ตานีกระซิบกับชายสวมหน้ากากใบหน้าสวยหวานดูซีดลงเล็กน้อย
โทนี่พยักหน้าช้าๆ ดวงตาสีแดงยังคงจับจ้องไปที่ร่างของดอนที่กำลังจัดการพวกคนร้ายอย่างไม่ยั้งมือ
"ต่อไปไอจะไม่แกล้งเบบี๋อีกแล้ว..."
ขณะที่เหล่าเฒ่าลามกทรุดร่างสลบไสลด้วยฤทธิ์หมัดของดอน ตุลย์ก้าวเท้าหนักแน่นเข้าไปหยุดตรงหน้าครูโกเมศ ซึ่งกำลังคลานเข่าถอยหลังด้วยความตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด
ตานีรีบรุดไปยังร่างของแววดาว พลางใช้ญาณหยั่งรู้ตรวจตราอาการอย่างรวดเร็ว
"แค่ฤทธิ์ยานอนหลับอ่อนๆ เท่านั้น ดาร์ลิ่ง" ตานีกระซิบบอกตุลย์ด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย "ยังไม่มีอะไรเสียหาย พวกเรามาช่วยทัน"
ตุลย์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับครูนอกรีตที่กำลังสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง
"ครูโกเมศ" ตุลย์เอ่ยเสียงทุ้มต่ำแฝงไว้ด้วยความเย็นเยียบ "ถึงเวลาที่แกต้องชดใช้กรรมที่ก่อแล้ว"
"ไม่...ได้โปรด! ผมไม่ได้ตั้งใจ...ผมเพียงแค่..." ครูโกเมศพยายามอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ตุลย์จ้องมองครูโกเมศด้วยสายตาที่แข็งกร้าวราวกับคมมีด ทว่าภายในใจกลับสงบนิ่งกว่าเมื่อครู่
"ไม่ได้ตั้งใจงั้นหรือ ครูโกเมศ?" เสียงของตุลย์ลอดไรฟันออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว "คำแก้ตัวของแกมันช่างน่าสมเพชนัก แกคิดว่าความชั่วที่แกก่อมันจะลบล้างได้ด้วยคำพูดง่ายๆ แค่นี้หรือ?"
เขาหยุดเล็กน้อย ดวงตาจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของครูใจบาปที่ยังคงคลานหนี
"แกจำเด็กที่ชื่อวิภาได้ไหม เด็กสาวที่เคยมีความฝันอันสดใส แต่ต้องจบชีวิตลงเพราะถูกแกย่ำยี!"
ตุลย์ก้าวเข้าไปใกล้ขึ้นอีก ครูโกเมศตัวสั่นเทิ้มยิ่งกว่าเดิม เหงื่อไหลโทรมกายราวกับเพิ่งขึ้นจากน้ำ
"และเด็กคนอื่นๆ ล่ะ? เด็กที่พยายามจะเปิดโปงความชั่วช้าของแก แกทำอย่างไรกับพวกเขา? แกส่งพวกเขาไปให้เจ๊เจียง... ไปสู่วงจรนรกบนดิน!"
น้ำเสียงของตุลย์ทวีความเย็นเยียบจนตานีที่กำลังดูแลแววดาวอยู่ยังรู้สึกได้ถึงความกดดันหนักหน่วงที่แผ่ซ่านออกมา
"แกมันไม่ใช่ครู... แกมันคือปีศาจร้ายในคราบนักบุญ! แกใช้ความเป็นครูบังหน้าเพื่อเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเด็กที่บริสุทธิ์อย่างไร้ความปราณี!" ตุลย์หัวเราะเยาะในลำคออย่างเย็นชา
"ถึงเวลาที่แกต้องชดใช้บาปกรรมที่ได้กระทำลงไปแล้ว!"
แขนขวาที่แปรเปลี่ยนเป็นอสูร เปล่งประกายแสงสีแดงวาบบนฝ่ามือ ก่อนจะพุ่งออกไปตะปบใบหน้าของครูโกเมศที่สะดุกเฮือกสุดตัว แว่นตาที่สวมใส่หักกระจายลงกับพื้น
"ดวงจิตอันดำมืดเอ๊ย จงเข้าสู่ระบบลงทัณฑ์ เพื่อไปสำนึกบาปของตนเถิด!"
ร่างของครูโกเมศกระตุกเพียงเล็กน้อยก่อนจะแน่นิ่งไป ดวงจิตของเขาถูกนำพาไปยังอีกภพภูมิหนึ่งเพื่อชดใช้บาปกรรมที่ตนได้ก่อไว้
"เมื่อใดที่ดวงจิตของแกสำนึกผิดอย่างแท้จริง แกจะได้ฟื้นกลับคืนมาอีกครั้ง" ตุลย์เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา สายตาเย็นชาจับจ้องร่างที่ไร้ดวงจิตแต่คงอยู่แค่ลมหายใจ
ในอีกมิติหนึ่งที่เชื่อมต่อกับมืออสูร ครูโกเมศลืมตาขึ้นในสถานที่อันมืดสลัวและอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวของพืชเน่าเสีย ร่างกายของเขาอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไม่มีอะไรปกปิด ภาพเบื้องหน้าทำเอาเขาถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงด้วยความหวาดกลัว
ป่าสนธยาที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่เสียดฟ้านับร้อย แต่ละต้นเต็มไปด้วยหนามแหลมคมขนาดเท่าศอกที่งอกออกมาจากลำต้น สิ่งที่น่าหวาดกลัวกว่านั้นคือสุนัขตัวมหึมาขนาดเท่าม้า ซึ่งมีดวงตาสีแดงก่ำและเขี้ยวแหลมคมคมที่พร้อมจะฉีกกระชากทุกสิ่ง พวกมันยืนเฝ้าอยู่ที่โคนต้นไม้แต่ละต้นอย่างเกรี้ยวกราด
และบนท้องฟ้าอันมืดครึ้ม ก็ปรากฏฝูงอีกาตัวมหึมาหลายสิบตัวบินวนอยู่ราวกับกำลังรอเหยื่ออันโอชะ ทันใดนั้นเสียงอันดุดันและน่าเกรงขามของบุรุษลึกลับก็ดังขึ้นจากความว่างเปล่า
"ยินดีต้อนรับผู้โชคดี สู่ห้วงนรกรังสรรค์ "
กลับมาที่ห้องสวีทโรงแรม ดอนที่ตอนนี้กลับมาอยู่ในร่างของเด็กน้อยเดินเข้ามาหยุดยืนเคียงข้างตุลย์อีกครั้ง ใบหน้ายังคงปรากฏร่องรอยแห่งความโกรธเกรี้ยวอยู่บ้าง
"พี่ชาย...หนูขอโทษที่ทำอะไรไปโดยพลการ" น้ำเสียงของดอนเจือไปด้วยความรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด
ตุลย์มองดอนด้วยความสงสัย ก่อนจะย่อตัวลงถามด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแต่อ่อนโยน
"ทำไมดอนถึงโกรธมากขนาดนี้? มีอะไรหรือเปล่า?"
เด็กชายยังคงก้มหน้านิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยเสียงสั่นเครือ
"แววดาวเป็น...เพื่อนคนแรกของหนู..."
□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□