ห้วงนรกรังสรรค์ ระบบลงทัณฑ์ที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อพิพากษาเหล่าคนใจบาปหยาบช้า ให้พวกมันมีโอกาสได้สำนึกตนคืนกลับมาด้วยใจที่บริสุทธิ์ คือการหยุดยั้งมิใช่ทำลาย ด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่..แห่งยักษา
แอคชั่น,แฟนตาซี,ลึกลับ,เกิดใหม่,สะท้อนปัญหาสังคม,นรก,วิญญาณ,ผี,แอคชั่น,อสูร,ยักษ์,พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ยักษาตุลาการห้วงนรกรังสรรค์ ระบบลงทัณฑ์ที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อพิพากษาเหล่าคนใจบาปหยาบช้า ให้พวกมันมีโอกาสได้สำนึกตนคืนกลับมาด้วยใจที่บริสุทธิ์ คือการหยุดยั้งมิใช่ทำลาย ด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่..แห่งยักษา
คำเตือน : เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่
นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนและอาจกระทบกระเทือนจิตใจผู้อ่านบางท่าน ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรได้รับคำแนะนำและอยู่ในการควบคุมดูแลจากผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และแยกแยะว่านี่คือเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
เมื่อแสงอาทิตย์สุดท้ายลาลับขอบฟ้า แทนที่ด้วยม่านหมอกแห่งความมืดมิดที่ปกคลุมไปทั่วทุกสรรพสิ่งภายในวัดป่า พลังแห่งยักษาไหลบ่าเข้าท่วมท้นร่างของตุลย์ในฉับพลัน
ผิวเนื้อสีน้ำตาลพลันซีดขาวราวกับกระดาษเก่าที่คร่ำคร่า ผมสีดำขลับลุกไหม้เป็นสีแดงเข้มยาวเหยียดชี้ฟูน่าเกรงขาม โครงหน้าช่วงล่างบิดเบี้ยว เขี้ยวแหลมสีขาวนวลแทงทะลุริมฝีปากเขียวคล้ำ ลวดลายสีทองอร่ามปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
แขนขวาที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม พร้อมอักระโบราณสีทองเริ่มเปล่งแสงเรืองรองเรื้อยพันรอบวงแขนที่มีกล้ามเป็นมัดๆ พลังด้านมืดอันร้อนแรงกำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่าง พร้อมกับเสียงคำรามที่เกรี้ยวกราด
"พวกมัน..สมควรตาย... ว๊ากก!!"
ตานี ดอน และโทนี่ถอยกรูดไปด้านหลังราวกับถูกกำแพงที่มองไม่เห็นผลักออกมา พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังกดดันมหาศาลที่กำลังแผ่ซ่านออกมาเป็นกลุ่มควันสีแดงที่หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง จนบรรยากาศโดยรอบบิดเบี้ยวเหมือนกับจะฉีกขาดออกจากกัน
"ดาร์ลิ้งก์..ใจ..เย็นๆ นะ!" ตานีเอ่ยเสียงสั่น แม้จะเป็นวิญญาณที่อยู่มานาน แต่เธอก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
"พี่ชาย..." ดอนมองด้วยความตื่นตระหนก "รังสีอัมหิตรุนแรงเกินไปแล้ว!"
โทนี่ก้มหัวลงนิดหนึ่ง "This is not good... มันอันตรายมากๆ เลย "
เสียงทุ้มต่ำของกุมภกรรณดังอยู่ในหัวของตุลย์ "ไม่ดีแล้ว เจ้าหนุ่มนี่กำลังถูกพลังแห่งยักษากลืนกินด้วยอำนาจแห่งโทสะ"
ไอหมอกสีแดงดุจดั่งเปลวเพลิงค่อยๆ แผ่ซ่าน ปกคลุมจิตใจของตุลย์ราวกับเงามืดมิดที่กัดกินแสงสว่าง พลังอันบ้าคลั่งในร่างครึ่งคนครึ่งยักษ์ของเขาเริ่มโหมกระหน่ำ รุนแรงจนยากจะควบคุม
ทันใดนั้นเอง กลางห้องอันมืดมิด ปรากฏแสงเรืองรองอบอุ่น ราวกับเปลวเทียนที่ส่องสว่างในความมืดมิด ร่างโปร่งใสของหลวงตาแสงค่อยๆ ปรากฏขึ้น ช้าๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มอันสงบเยือกเย็นที่แผ่ซ่านความเมตตาต่อทุกสรรพชีวิต
"ผิดแล้ว...ลูกเอ๋ย" เสียงทุ้มนุ่มลึกของภิกษุชราดังก้องกังวาน ราวกับเสียงกระซิบจากห้วงแห่งความสงบ
"หนทางที่เจ้ากำลังก้าวเดินนั้น ไม่ได้แตกต่างอะไรจากเหล่าคนชั่วที่เจ้าปรารถนาจะลงทัณฑ์เลย"
ตุลย์ชะงักเท้าที่กำลังก้าวออกไป ร่างกายกำยำพลันแข็งทื่อ ดวงตาแดงก่ำหันขวับไปยังร่างสว่างเรืองรองของอาจารย์ผู้เปรียบเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทรในชีวิตเขา
"หลวงตา..." เสียงของชายในร่างยักษ์แหบพร่า ราวกับคนจมน้ำ แววตาที่แข็งกร้าวโอนอ่อนลงในทันที ร่างกายที่แข็งทื่อพลันอ่อนยวบลงกับพื้นโดยอัตโนมัติ
"จงประคองสติ สูดลมหายใจเข้าไป แล้วระลึกรู้อยู่กับปัจจุบัน" หลวงตากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่เปี่ยมด้วยความเมตตา
"พลังที่เจ้าได้รับมานั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อการล้างแค้นอันอำมหิต แต่เพื่อธำรงไว้ซึ่งความสมดุลระหว่างธรรมและอธรรม จงเป็นดั่งตราชูแห่งความยุติธรรม มิใช่ดาบพิฆาตแห่งความเคียดแค้น"
"แต่พวกมันสมควร...หายไปจากโลก!" ตุลย์กำมือแน่น ความรู้สึกรุนแรงยังคงผุดขึ้นมารบกวนจิตใจเป็นระยะๆ ราวกับลาวาที่เดือดเป็นฟองแล้วแตกออก
"ตายแล้วจะได้อะไรเล่า?" หลวงตาถามกลับ "มีแต่จะจมดิ่งลงนรกไปด้วยกันทั้งเจ้าและพวกเขา ทำใจให้สงบ แยกแยะโทสะกับพลังแห่งความยุติธรรมให้ออก"
ตุลย์หลับตาลง หายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆ ปล่อยลมหายใจออก ตั้งสติรับรู้ จนความโกรธในใจเริ่มสงบลง ดวงตาที่แดงก่ำเริ่มกลับมาเป็นปกติ
"หลวงตา..." ตุลย์เงยหน้ามองภิกษุชรา "ผมเกือบทำพลาดไปแล้ว"
"พลังแห่งยักษาควรใช้ลงทัณฑ์ด้วยเมตตา มิเช่นนั้นเจ้าจะกลายเป็นอสูรร้ายผู้หลงผิด" หลวงตาแสงยิ้มอย่างอ่อนโยน
"ให้พวกเขาได้รับบทเรียนผ่านการชดใช้กรรม เพื่อให้โอกาสในการสำนึกตนและกลับตัวกลับใจ"
กล่าวจบกายทิพย์ของหลวงตาแสงค่อยๆ จางหายไปในความว่างเปล่า แต่แสงอันอบอุ่นยังคงส่องสว่างในห้องอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะสลายหายไปในความมืดมิด ตุลย์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แม้ร่างของเขายังคงอยู่ในสภาพครึ่งยักษ์แต่รังสีอำมหิตที่พลุ่งพล่านก่อนหน้านี้ได้สงบลงไปหมดแล้ว
"ขอบคุณครับหลวงตา" ตุลย์พึมพำแผ่วเบา เขาสูดหายใจเข้าลึก แล้วผ่อนออกมาอย่างช้าๆ ก่อนหันไปหาเพื่อนร่วมทีมที่สีหน้าในตอนนี้ดูโล่งใจเอามากๆื
"ขอโทษพวกนายที่ทำให้ตกใจ" ชายในร่างยักษ์เอ่ยด้วยเสียงที่อ่อนลงแต่ยังคงแฝงด้วยอำนาจกดดันอยู่เล็กน้อย
"คืนนี้ฉันคงต้องฝึกควบคุมพลังยักษาให้ได้เสียก่อน พวกนายก็...รวบรวมข้อมูลและจัดเตรียมความพร้อมเท่าที่ทำได้ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยมาประชุมวางแผนกันอีกที"
โทนี่ ตานี และดอน สบตากันอย่างเข้าใจ ก่อนจะพยักหน้าตอบรับด้วยสีหน้าจริงจัง และแยกย้ายกันไปตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
ช่วงสายๆ ของวันถัดมา ณ ศาลาเก่า ที่ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับการประชุมอย่างเร่งรัด ตุลย์ นั่งรออยู่ตรงกลาง ก่อนที่ โทนี่ จะเริ่มรายงานข้อมูลสำคัญที่สุดที่เขาเพิ่งสืบมาได้จาก เครือข่ายสัมภเวสีในวังลับแล ตานีและดอน นั่งอยู่คนละฝั่งทั้งหมดโน้มตัวเข้ามาเล็กน้อยเพื่อรับฟังทุกคำพูดของโทนี่อย่างตั้งใจ
"Hey boy ไอได้ข้อมูลเครือข่ายทั้งหมดของแสนสินธุ์มาแล้ว" โทนี่พูดพลางออกสเต็ปเล็กน้อย วันนี้เขามาในชุดสีส้มแสบสัน หน้ากากผีตาโขนของเขาส่องประกายแวววาวใต้แสงอาทิตย์อ่อนๆ ที่ส่องทะลุเข้ามา
"เป็นข้อมูล HOT... HOT มากๆ เลยนะ เคี้ยก เคี้ยก!" โทนี่หัวเราะน้อยๆ ก่อนจะหยิบกระดาษจากกระเป๋าเสื้อยื่นให้ชายหนุ่ม
"สิบคนงั้นเหรอ" ตุลย์กวาดตามองรายชื่อทั้งสิบอย่างพิจารณา และในบรรดาบุคคลเหล่านั้นมีหลายชื่อที่เขาเคยได้ยินมาบ้าง ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีประวัติไม่ธรรมดากันทั้งนั้น
"จริงๆ มีเยอะกว่านี้อีกนะ Boss แตไอคัดมาเฉพาะตัวท็อปที่ต้องจัดการด่วน เพราะเป็นภัยสังคมอย่างร้ายแรง"
ขณะที่ตุลย์กำลังตรวจสอบรายชื่อ ตานีก็เดินกรีดกรายเข้ามาใกล้ๆ ชายกระโปรงชุดไทยประยุกต์สีเขียวตองพลิ้วไหวดูงดงาม พร้อมกับส่งกลิ่นน้ำหอมกุหลาบอบอวลไปทั่ว
"ดาร์ลิ้งก์จะไล่ล่าตามนี้เลยเหรอคะ?" ตานีถามพร้อมกับโน้มตัวมาใกล้จนคางเรียวมนเกือบสัมผัสไหล่ตุลย์จนทำให้เขาเบี่ยงตัวหลบด้วยความเคยชิน
"แหมเขิลล่ะสิดาร์ลิ้ง ไหนดูหน่อยซิ" ตานีเหลือบดูรายชื่อในแผ่นกระดาษครู่หนึ่งก่อนที่สีหน้าของเธอจะเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
"โห! แต่ละคนนี่มัน... สุดๆ ไปเลยนะดาร์ลิ้งก์ ตานีส่ายหน้าอย่างเอือมระอา พร้อมแสดงสีหน้าขยะแขยง อย่างเห็นได้ชัด แม้เธอจะสัมผัสโลกนี้มาหลายร้อยปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยเจอมนุษย์คนไหนที่เลวบริสุทธิ์ได้ขนาดนี้
"พี่ชายจะไหวเหรอจ้ะตั้งสิบคนแน่ะ? "ดอนเอ่ยถามขึ้นขณะนั่งห้อยขาอยู่บนโต๊ะไม้เก่า มีกระเป๋ารูปหมีแพนด้าใบโตวางอยู่ข้างๆ
"ถูกของกุมารน้อย..." เสียงทุ้มต่ำของกุมภกรรณดังสะท้อนก้องในหัวของตุลย์ "...เจ้าในตอนนี้คงใช้พลังพิพากษาได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น เพราะมันจะกัดกินพลังวิญญาณของเจ้าอย่างรวดเร็ว"
ตุลย์ยังคงจ้องมองรายชื่อในมือ แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ ราวกับจ้องมองสิ่งที่น่ารังเกียจ
"ฉันจะทยอยจัดการพวกมัน... ทีละคน" ตุลย์เอ่ยเสียงกดต่ำที่แฝงไปด้วยความรู้สึกเย็นชาจนน่าขนลุก เขาพยายามรักษาสติไว้เพื่อไม่ให้อารมณ์โกรธเข้าครอบงำอีกเป็นครั้งที่สอง
"เริ่มจากใครก่อนดีล่ะ Boss?" โทนี่โน้มตัวเข้ามาเล็กน้อย ถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น พร้อมกับรอรับคำสั่ง" เล่นตัวหัวหน้ามันก่อนเลยดีไหม"
"การจะเข้าถึงตัวแสนสินธุ์ตอนนี้คงไม่ง่าย" ตุลย์เอ่ยตอบหลังจากพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง "แต่หากเราจัดกาลูกน้องของมันไปทีละคน นอกจากเป็นการตัดเส้นทางการเงินสกปรกแล้ว ยังทำให้มันหวาดกลัวจนไม่กล้าลงมือทำอะไรผลีผลาม โดยเฉพาะเรื่องสร้างโรงงานเคมี"
"เริ่มจากเจ๊เจียงดีไหมดาร์ลิ้งก์ คนบาปที่ค้ามนุษย์และทำลายชีวิตพวกเด็กสาว" ตานีเสนอชื่อเพราะรู้สึกสงสารผู้หญิงด้วยกันที่ตกเป็นเหยื่อของคนใจบาป
"ก็ดีเหมือนกัน ดูแล้วน่าจะเข้าถึงง่ายเหมาะกับการฝึกใช้พลัง" ตุลย์พยักหน้าเบาๆ เพราะเขาเองก็ยังไม่รู้วิธีใช้พลังพิพากษาเลย หากเข้าหาคนที่มีการป้องกันหนาแน่น อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่นัก
โทนี่ยืนกอดอกเอียงคอไปมาเหมือนว่ากำลังใช้ความคิด ก่อนจะเอ่ยถึงเรื่องที่สำคัญ "แต่เราควรวางแผนให้รอบคอบนะ Boss อยู่ดีๆ เดินดุ่มๆ เข้าไปมันจะไม่เวิร์คเอา"
"ก็เข้าใจ ถึงได้มานั่งคุยกันไงล่ะ และอีกอย่าง" ทนายหนุ่มทำหน้าครุ่นคิด "ข้อมูลที่มีอยู่ตอนนี้มันยังน้อยเกินไป"
ดอนดีดตัวลงจากโต๊ะอย่างกระฉับกระเฉงพร้อมปลดกระเป๋าหมีแพนด้าออกมาเปิดออก "พี่ชาย หนูมีแผนดีๆ ..." เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบแผนที่ขนาดใหญ่ที่มีอยู่หลายแผ่นออกมาค้นหาพิกัด
"นี่คือแผนที่ของแหล่งชุมชนที่เจ๊เจียงมักใช้ตรวจสอบสินค้า" เด็กชายหยิบแผนที่มากางบนโต๊ะ ก่อนจะยัดที่เหลือใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ
ตานีเอียงคอมอง "นี่มันแถวสลัมริมคลองนี่ ไปเอามาจากไหนล่ะนั่น?"
"หนูไปขอภูมิเจ้าที่แถวนั้นมาจ้ะอาเจ๊ แค่ทำหน้าไร้เดียงสาหน่อยก็ได้มาและ" ดอนยิ้มอย่างภูมิใจในความสามารถเฉพาะตัว
"ร้ายเดียงสาสิไม่ว่า" ตานียิ้มตาหยีพลางขยี้หัวกุมารน้อยเบาๆ
"That's right!" โทนี่ตบมือดังแป๊ะ!"เจ๊เจียง ดำเนินการค้ามนุษย์อยู่แถวนั้นจริงๆ ตรงตามที่ไอได้ข้อมูลมา..ไม่เลวนี่ Baby"
ดอนชี้ไปที่จุดหนึ่งบนแผนที่ "ถ้าเราล่อให้เธอไปที่นี่ ตรงโกดังเก่า จะสะดวกต่อการจัดการ ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องแน่ๆ"
ตานีตวัดมือกรีดกรายเข้าหาตัว พร้อมด้วยรอยยิ้มที่ดูมั่นอกมั่นใจ"ฉันจะช่วยสร้างภาพมายาล่อพวกมันให้เองดาร์ลิ้งก์ รับรองว่าสมจริงจนแยกไม่ออกเลยค่ะ!"
"เดี๋ยวไอจะให้พวกมันสัมผัสจิตวิญาณแห่ง Rock and Roll เอง เคี้ยก เคี้ยก!" โทนี่หยิบกีต้าร์ไฟฟ้าขึ้นมากรีดเบาๆ กลั้วกับเสียงหัวเราะอันน่าขนลุก
"งั้นก็เอาตามนี้แล้วกัน" ตุลย์สรุปแผนพร้อมกับหันมามองทีมงานทั้งสาม ซึ่งตานีกับโทนี่ก็พยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
ดอนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเป้รูปหมีแพนด้า แล้วหยิบอุปกรณ์สื่อสารโบราณคร่ำครึออกมา
"พวกเราจะใช้เจ้านี่ติดต่อกันในระยะไกล ฮัลโหล เทสต์ ๆ!" ดอนเอ่ยพร้อมกับลองทดสอบเสียง
"Hey baby เป็น ghost ประสาอะไรต้องพึ่งของพวกนี้ด้วย ส่งกระแสจิตเอาสิ" โทนี่ทักท้วงอย่างไม่เห็นด้วย
"แหม ลุงโทน วิธีเดิม ๆ มันน่าเบื่อจะตายไป ใช้เจ้านี่แหละเท่ดีออก" กุมารน้อยเหลือบมองชายสวมหน้ากากด้วยหางตาอย่างไม่สบอารมณ์
"No! My name is Tony! หัดจำเสียบ้างสิ เจ้าเด็กดื้อ!" โทนี่โต้กลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
"โอ๊ย! หยุดทะเลาะกันก่อนได้ไหม เกรงใจดาร์ลิ้งหน่อยสิยะ!" ตานีตวาดเสียงดังพลางเท้าเอวอย่างขุ่นเคือง แต่ไม่ว่าจะอารมณ์ไหนก็ไม่อาจทำให้ความงามของเธอลดลงไปได้เลย
ทนายหนุ่มส่ายหัวเล็กน้อย มองดูการปะทะคารมของวิญญาณทั้งสาม รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แม้บรรยากาศจะดูวุ่นวายอยู่บ้าง แต่เขาก็รู้สึกว่าแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
“เอาเป็นว่า เราจะเริ่มงานกันสองทุ่มตรง ตอนนี้ก็แยกย้ายกันก่อนแล้วกัน” ตุลย์สรุป “เดี๋ยวฉันจะฝึกสมาธิเพิ่มอีกหน่อย ตอนเปลี่ยนร่างคืนนี้จะได้ไม่มีปัญหา”
สมาชิกทั้งสามตนพยักหน้ารับคำ ก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไปในความว่างเปล่า ทำให้บรรยากาศกลับมาสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง
"เมื่อคืนเจ้าทำได้ดี สามารถควบคุมพลังได้เสถียรขึ้น” เสียงทุ้มต่ำของกุมภกรรณผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของทนายหนุ่ม “เดี๋ยวข้าจะ สอนวิธีใช้พลังพิพากษาให้กับเจ้า รวมถึงวิธีใช้พลังยักษาแปรธาตุ เพื่อสร้างชุดที่เหมาะสมในการออกทำภารกิจ”
“พลังยักษาใช้แบบนี้ได้ด้วย!” ตุลย์เลิกคิ้วอุทานด้วยความประหลาดใจ
“แล้วทำไมต้องเปลี่ยนชุดด้วยล่ะท่าน มีความสำคัญยังไงเหรอครับ?”
กุมภกรรณนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเนิบๆ “ก็... ไม่มีอะไรสำคัญหรอก ก็แค่... ให้มันดูเข้ากันกับภาพลักษณ์ตอนเป็นยักษ์เท่านั้นแหละ”
“เอาจริงดิ! เพิ่งรู้ว่าพญายักษ์ก็สนใจแฟชั่นเหมือนกัน” ตุลย์หลุดขำออกมาเล็กน้อย “แล้วต้องทำแบบไหนล่ะครับ?”
“ก็ไม่ยาก ตอนที่พลังยักษากำลังเอ่อล้นขึ้นภายในกายของเจ้า ก็ให้กำหนดจิตนึกถึงชุดที่ต้องการ แค่นี้ก็เสร็จแล้ว” กุมภกรรณอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ
ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ แต่เขาคงต้องใช้เวลาในการหาแบบชุดที่เหมาะสม ไม่ใช่ออกมาเป็นลิเกเหมือนใครบางคนแถวนี้...
ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ณ คอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมืองวังลับแล รินรวียังคงเก็บตัวอยู่ในห้องตลอดทั้งวันด้วยความรู้สึกไม่ปลอดภัย จนกระทั่งเมื่อผู้กองเดชาส่งเจ้าหน้าที่มาติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มตามจุดต่างๆ และจัดให้มีตำรวจมาตรวจตราเป็นระยะ เธอจึงรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง
แต่รินรวีก็ยังไม่ลืมคำเตือนของกฤติยา เรื่องผู้มีอิทธิพลที่พยายามจะกีดกันเธอจากการขุดคุ้ยเรื่องการสร้างโรงงานเคมี แต่ในเมื่อเธอเลือกที่จะเดินบนเส้นทางนี้แล้ว ก็ย่อมต้องเตรียมใจสำหรับเหตุการณ์ที่อาจจะสุ่มเสี่ยงต่อความปลอดภัยของชีวิต
แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ทำให้นักข่าวสาวคิดมากเท่ากับปมปริศนาของทนายตุลย์ที่แกล้งตายด้วยเหตุผลบางอย่าง
“คุณกฤติยาบอกว่า..เขาไม่ใช่คนเดิม แต่เหมือนมีจิตวิญญาณอีกดวงแฝงอยู่…” หญิงสาวพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน คิ้วเรียวคมขมวดเข้าหากันอย่างครุ่นคิด “มันหมายความว่ายังไงกันแน่?”
แม้รินรวีจะเป็นหญิงสาวทันสมัย แต่เธอก็มีความเชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติอยู่บ้าง เพราะมีคนในครอบครัวบางคนสามารถสัมผัสเรื่องพวกนี้ได้จริงๆ
กระทั่งเมื่อดวงตะวันลาลับขอบฟ้า ชักพาให้ความมืดมิดเข้าปกคลุมทั่วบริเวณ แสงสีแดงเพลิงประหลาดก็พลันสว่างวาบขึ้นภายในกุฏิเก่าที่ตุลย์พักอาศัย แสงนั้นเจิดจ้าอยู่นานหลายวินาทีก่อนจะหายลับไปในความมืด
และเมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงสองทุ่มตรง กายทิพย์ทั้งสามก็ปรากฏขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ขณะเดียวกันนั้นเอง ชายร่างสูงใหญ่ในร่างครึ่งยักษ์ก็ก้าวออกมาจากเงามืด ในชุดเสื้อโค้ทยาวสีดำคอปกสูงที่ชายด้านล่างขาดเป็นริ้ว ๆ สวมทับเสื้อกล้ามสีแดงเข้ม ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์รัดรูปคู่กับรองเท้าบูทหนังสีน้ำตาลที่มีหนามแหลมคมพันรอบจนดูน่าขนลุก
"ว้าว! อย่างเท่เลยพี่ชาย" ดอนอุทานเป็นคนแรก ดวงตากลมโตของเขาลุกวาวเป็นประกาย
"ชุดนี้แมนมากเลยค่ะดาร์ลิ้งก์ ยืมควงออกงานสักวันได้ไหมเนี่ย" ตานียิ้มหวานแกมหยอกเย้า แต่ก็ไม่กล้าวิ่งเข้าไปกอดเพราะกลัวหนามจะทิ่มแทงเอา
" It's So Cool Boss Nice look" โทนี่ยกนิ้วโป้งให้อย่างชื่นชม แม้จะรู้สึกว่าชุดของตุลย์ยังดูด้อยกว่าเขาอยู่เล็กน้อย
ตุลย์กวาดตามองสมาชิกทั้งสามพร้อมกับพยักหน้า แล้วจึงสะบัดชายเสื้อโค้ทสีดำหันหน้าไปทางตัวเมืองวังลับแล
"พวกเราไปกันเถอะ ไปสั่งสอนพวกคนบาปให้ได้รับรู้ถึงสิ่งที่พวกมันสมควรได้รับ"
"นับจากนี้ ข้าคือ...ยักษาตุลาการ..." ตุลย์กระซิบกับตัวเอง แววตาแดงก่ำฉายแววเด็ดเดี่ยวที่มากกว่าครั้งไหนๆ
□□□□□□□□□□□□□□□□□□