ห้วงนรกรังสรรค์ ระบบลงทัณฑ์ที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อพิพากษาเหล่าคนใจบาปหยาบช้า ให้พวกมันมีโอกาสได้สำนึกตนคืนกลับมาด้วยใจที่บริสุทธิ์ คือการหยุดยั้งมิใช่ทำลาย ด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่..แห่งยักษา

ยักษาตุลาการ - ตอนที่ 7 แม่พิมพ์อาบยาพิษ โดย ปราณยักษา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,แฟนตาซี,ลึกลับ,เกิดใหม่,สะท้อนปัญหาสังคม,นรก,วิญญาณ,ผี,แอคชั่น,อสูร,ยักษ์,พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ยักษาตุลาการ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,แฟนตาซี,ลึกลับ,เกิดใหม่,สะท้อนปัญหาสังคม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นรก,วิญญาณ,ผี,แอคชั่น,อสูร,ยักษ์,พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี

รายละเอียด

ยักษาตุลาการ โดย ปราณยักษา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ห้วงนรกรังสรรค์ ระบบลงทัณฑ์ที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อพิพากษาเหล่าคนใจบาปหยาบช้า ให้พวกมันมีโอกาสได้สำนึกตนคืนกลับมาด้วยใจที่บริสุทธิ์ คือการหยุดยั้งมิใช่ทำลาย ด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่..แห่งยักษา

ผู้แต่ง

ปราณยักษา

เรื่องย่อ

 คำเตือน : เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ 

นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนและอาจกระทบกระเทือนจิตใจผู้อ่านบางท่าน ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรได้รับคำแนะนำและอยู่ในการควบคุมดูแลจากผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และแยกแยะว่านี่คือเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น









สารบัญ

ยักษาตุลาการ-ตอนที่ 1 ทนายหนุ่มผู้ยืนหยัด,ยักษาตุลาการ-ตอนที่ 2 ขุมพลังแห่งยักษา,ยักษาตุลาการ-ตอนที่ 3 ฐานทัพใหม่ที่คุ้นเคย,ยักษาตุลาการ-ตอนที่ 4 พันธมิตรที่ไร้ตัวตน,ยักษาตุลาการ-ตอนที่ 5 รายชื่อและจุดเริ่มต้น,ยักษาตุลาการ-ตอนที่ 6 การพิพากษาที่น่าสะพรึง,ยักษาตุลาการ-ตอนที่ 7 แม่พิมพ์อาบยาพิษ,ยักษาตุลาการ-ตอนที่ 8 ความโกรธเกรี้ยวของดอน

เนื้อหา

ตอนที่ 7 แม่พิมพ์อาบยาพิษ

เสียงอึกทึกของทีมแพทย์ดังก้องไปทั่วห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลวังลับแล เมื่อขบวนรถพยาบาลสี่คันเคลื่อนตัวมาจอดหน้าอาคารอุบัติเหตุอย่างพร้อมเพรียงกัน พร้อมกับนำร่างของหญิงวัยกลางคนและชายฉกรรจ์สามรายที่อยู่ในภาวะหมดสติเข้ามา

"ความดัน 90/60 ชีพจรเต้นเพียง 40 ครั้งต่อนาที! ผู้ป่วยหญิงรายแรกไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้นใดๆ! นำเข้าห้องฉุกเฉินทันที!"

หัวหน้าทีมแพทย์สั่งการเสียงดังขณะเข็นเตียงผู้ป่วยรายแรกเข้าไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรายงานขณะวิ่งตามคนเจ็บที่ไม่มีวี่แววว่าจะฟื้น

"รายงานคุณหมอครับ! ผู้ป่วยทั้งสี่รายถูกพบในโกดังร้างริมคลองครับ หมดสติทั้งหมด ไม่มีบาดแผลภายนอก สภาพเหมือนกันทุกราย! ได้รับแจ้งจาก 191 ครับ!"

นายแพทย์หนุ่มนาม "อานนท์" ตามป้ายชื่อบนอกเสื้อซึ่งเป็นแพทย์เวรผู้รับเคส ก้มลงตรวจผู้ป่วยอย่างรวดเร็วแต่พยายามเก็บทุกรายละเอียด เขาแสดงออกทางสีหน้าอย่างเคร่งขรึม แต่ยังคงรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้

"ม่านตาขยายเท่ากันทั้งสองข้าง ตอบสนองต่อแสงน้อยมาก ไม่พบบาดแผลภายนอก..." หมอนนท์พึมพำขณะตรวจร่างกายของหญิงวัยกลางคน ใบหน้าของเธอยังคงปรากฏร่องรอยของความตึงเครียด กล้ามเนื้อขากรรไกรเกร็ง คล้ายกับคนที่ผ่านเหตุการณ์ที่น่าหวาดผวารุนแรงมา

"ส่งตรวจ CT สแกนสมองโดยด่วน! พร้อมทั้งเจาะเลือดตรวจหาสารพิษ และเฝ้าติดตามสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิด"

หมอนนท์ทอดสายตาไปยังผู้ป่วยอีกสามรายที่ถูกนำเข้ามาในสภาพเดียวกัน พวกเขาทั้งหมดเป็นชายร่างกำยำ แต่ละคนมีรอยสักกระจายอยู่ตามร่างกาย สื่อให้เห็นถึงภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา

"ประหลาด..." แพทย์หนุ่มรำพึงกับตนเอง แววตาฉายความสงสัยและครุ่นคิด "อาการเหมือนกันราวกับ... เป็นเรื่องตลกร้าย

"หรือจะถูกพิษชนิดเดียวกัน?"หมอนนท์พึมพำเสียงเบา ดวงตาจับจ้องไปยังผู้ป่วยทั้งสี่อย่างพิจารณา ราวกับกำลังมองหาเงื่อนงำที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความผิดปกติที่เกิดขึ้นพร้อมกันเช่นนี้

แพทย์หนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสั่งการทีมพยาบาลด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "แจ้งศูนย์พิษวิทยา! เตรียมพร้อมให้ข้อมูลอาการของผู้ป่วยทั้งหมด และขอคำแนะนำเบื้องต้นในการรักษา"





สองชั่วโมงต่อมา ภายในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ พยาบาลสาวกำลังปรับระดับน้ำเกลือให้กับหญิงวัยกลางคนที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ แม้ชุดราคาแพงของเธอจะถูกเปลี่ยนเป็นชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลแล้ว แต่เครื่องประดับล้ำค่าก็ยังถูกเก็บไว้ในถุงข้างเตียง

"เจียง" เสียงแหบพร่าของชายวัยกลางคนในชุดสูทหรูดังขึ้นขณะก้าวเข้ามาในห้อง ตามหลังมาด้วยชายร่างใหญ่ในชุดเครื่องแบบตำรวจยศร้อยตรี

แสนสินธุ์ นักการเมืองท้องถิ่นผู้ทรงอิทธิพลแห่งเมืองวังลับแล สีหน้าของเขาตอนนี้ดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ชายในชุดตำรวจกลับมีใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก

"ต้องขออภัยค่ะ ขณะนี้ผู้ป่วยยังอยู่ในภาวะโคม่า ทางโรงพยาบาลไม่อนุญาตให้เยี่ยมค่ะ" พยาบาลสาวที่ดูแลห้องกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่หนักแน่น

แสนสินธุ์คลี่ยิ้มบางๆ พร้อมกับล้วงกระเป๋าเสื้อสูท หยิบธนบัตรปึกหนึ่งยัดใส่มือเธอ "ผมเข้าใจครับ แต่คนไข้เป็นคนสนิทของผม ขออนุญาตเข้าไปดูอาการสักครู่"

พยาบาลสาวดวงตาเบิกกว้างมองเงินในมือ ก่อนจะก้มหน้าแล้วรีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

"มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย?" แสนสินธุ์พึมพำเบาๆ พลางเดินเข้าไปใกล้เตียงของเจ๊เจียงที่นอนแน่นิ่งไม่ได้สติ "ใครมันกล้าแตะต้องคนของเรา?"

หมวดธนูเดินมายืนอีกฝั่งของเตียง สายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเจ๊เจียง "ไม่พบบาดแผลภายนอกครับ ทั้งสี่คนมีอาการเหมือนกันหมด" เขารายงานด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "มันแปลกมาก... เหมือนถูกวางยาบางชนิด หรือไม่ก็..."

"หรือไม่ก็อะไร?" แสนสินธุ์ถามเสียงเข้ม

"หรือไม่ก็อาจเป็นเรื่องไสยศาสตร์" หมวดธนูเอ่ยเสียงแผ่วเบา

แสนสินธุ์หัวเราะในลำคอเบาๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความฉงน "ไม่นึกว่าหมวดจะเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วย"

"ผมไม่ได้ปักใจเชื่อเสียทีเดียว แต่เคยเจอคดีที่คล้ายคลึงกันมาก่อน"

หมวดธนูตอบพลางถอนหายใจเบาๆ "คนร้ายอาจใช้สารพิษบางชนิดที่เทคโนโลยีการแพทย์ของเรายังไม่สามารถระบุได้"

ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น เสียงฝีเท้าหนักแน่นและรวดเร็วก็ดังใกล้เข้ามาจากทางเดิน ก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออก ปรากฏร่างของหญิงสาวรูปร่างเล็กกระทัดรัดในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบ เธอก้าวเข้ามาพร้อมกับกล้องถ่ายรูปคู่ใจ และอุปกรณ์บันทึกเสียงที่แอบซ่อนไว้

"ขอประทานโทษค่ะ" รินรวีเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นคง พร้อมกับยกกล้องขึ้นเล็งไปที่ร่างของเจ๊เจียงบนเตียง

"ดิฉันรินรวีค่ะ นักข่าวจากช่อง WON TV รบกวนขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน่อยได้ไหมคะ?"

เธอคือนักข่าวสาวที่เพิ่งถูกคุกคามจากกลุ่มอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโรงงานเคมีของนายกเทศมนตรีคนนี้ แต่ด้วยหน้าที่และจิตวิญญาณของผู้สื่อข่าว เธอจึงกล้าที่จะเผชิญหน้ากับแสนสินธุ์ แม้รู้ว่าชีวิตตัวเองอาจจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

หมวดธนูรีบก้าวเข้ามาขวางไว้ด้วยสีหน้าเข้มขรึม "นี่คือพื้นที่ส่วนตัว คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาถ่ายภาพ"

นักข่าวสาวไม่ได้แสดงท่าทีหวาดหวั่น เธอยิ้มบางๆ พร้อมตอบโต้อย่างฉะฉาน

"ดิฉันเข้าใจค่ะ แต่ประชาชนย่อมมีสิทธิ์ที่จะรับทราบเมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติเช่นนี้ จริงไหมคะ? " แววตาของรินรวีเป็นประกายเด็ดเดี่ยวพร้อมชน

"จากข้อมูลที่ทราบมา ผู้ที่พบเห็นผู้ป่วยแจ้งว่าพวกเขาถูกพบในโกดังร้าง ซึ่งเป็นที่ร่ำลือกันว่าเป็นแหล่งค้ามนุษย์"

" ทำไมนังนี่ยังกล้ามาอีก ก็ไอ้โชคจัดการข่มขู่ให้มันออกจากเรื่องนี้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ" แสนสินธุ์จำได้ว่านักข่าวสาวคนนี้เป็นคนที่ทำข่าวเรื่อง ชุมนุมต่อต้านโรงงานเคมี เมื่อหลายวันก่อน และพยายามขุดคุ้ยเรื่องของตน

นายกเล็กคลี่ยิ้มกว้าง ทว่าแววตาแข็งกระด้างขึ้นเล็กน้อยขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้ดูเป็นมิตร

"ไม่ต้องกังวลไปหรอกคุณนักข่าว ผมเองก็สนใจเรื่องนี้เหมือนกัน" เขาแนะนำตัวเอง "ผมแสนสินธุ์ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองวังลับแล ยินดีที่ได้รู้จักครับ"

นักข่าวสาวยังคงจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างพิจารณา ไม่ได้ตอบรับคำทักทาย "คุณรู้จักผู้ป่วยท่านนี้หรือคะ?"

"เจียงเป็นคนในพื้นที่ของผมคนหนึ่ง ผมก็แค่มาดูด้วยความห่วงใย" แสนสินธุ์ตอบ พลางส่งยิ้มบางๆ ที่ดูไม่จริงใจนัก แววตาของเขาฉายความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน

รินรวีจดข้อความลงในสมุดบันทึกอย่างรวดเร็ว "ทราบมาว่าเจ๊เจียงไม่ได้มีแค่ธุรกิจร้านคาราโอเกะเท่านั้น ใช่ไหมคะ?"

รอยยิ้มบนใบหน้าของแสนสินธุ์พลันเลือนหายไป เขาจ้องมองนักข่าวสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่กดดัน

"คุณนักข่าว ดูเหมือนคุณจะสนใจเรื่องส่วนตัวของคนอื่นมากเกินไปแล้วนะ"

บรรยากาศในห้องเริ่มอึดอัด ทางด้านหมวดธนูที่ยืนมองการปะทะคารมนี้อยู่เริ่มรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย ขณะที่รินรวีกำลังจะเอ่ยปากถามต่อ พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะ พร้อมกับร่างสูงโปร่งของหมอนนท์ที่เปิดประตูเข้ามา

"ขอโทษนะครับ" แพทย์หนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ "ผมขออนุญาตตรวจคนไข้ รบกวนทุกท่านรออยู่ด้านนอกก่อนนะครับ"

แสนสินธุ์พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ "ครับคุณหมอ" เขามองรินรวีด้วยสายตาที่บ่งบอกว่ายังไม่จบเรื่อง "เราคงต้องคุยกันอีกยาว คุณนักข่าว"

รินรวีถอยออกมาจากห้องพักผู้ป่วยพิเศษ โดยมีแสนสินธุ์และหมวดธนูเดินนำหน้าไป เธอไม่ได้ตามพวกเขาไปในทันที แต่เลือกที่จะยืนรออยู่บริเวณหน้าห้องนั้นเอง จนกระทั่งแพทย์หนุ่มเปิดประตูและเดินออกมา"

"คุณหมอคะ" รินรวีเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

"มีอะไรหรือครับ?" หมอนนท์ค่อยๆ หันมา ดวงตาฉายแววเหนื่อยล้าอย่างชัดเจน

"รินรวีค่ะ นักข่าวช่อง WON TV" เธอแนะนำตัวสั้นๆ พร้อมกับยื่นนามบัตรให้คู่สนทนา

"ฉันเคยได้ยินชื่อคุณหมอมาก่อน..."นักข่าวสาวพูดพลางทำหน้าครุ่นคิด "คุณคือแพทย์ที่เคยให้ข่าวเรื่องการเสียชีวิตของทนายตุลย์ ใช่ไหมคะ?"

หมอนนท์ชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาที่ดูเหนื่อยล้าเมื่อครู่กลับฉายแววตกใจขึ้นมาอย่างผิดสังเกต สีหน้าของเขาในตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

"ใช่..ใช่ครับ

รินรวีจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของแพทย์หนุ่ม "ทนายตุลย์เสียชีวิตจริงหรือคะ?"

"ผมยืนยันได้" หมอนนท์ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่กลับหลีกเลี่ยงการสบตา "คุณ... คุณรู้จักเขาด้วยหรือครับ?"

"เปล่าค่ะ แต่ดิฉันติดตามผลงานของเขามาโดยตลอด" นักข่าวสาวตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง "เขาเป็นปากเสียงให้กับชาวบ้านที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ... การหายตัวไปอย่างกะทันหันของเขาทำให้ดิฉันสงสัย"

แพทย์หนุ่มยกมือขึ้นลูบใบหน้าอย่างอ่อนแรง "บางครั้ง การต่อสู้ก็ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูง คุณรินรวี... ถ้าไม่มีอะไรเพิ่มเติมแล้ว ผมขอตัวนะครับ" หมอนนท์เดินจากไปด้วยท่าทางรีบร้อน

รินรวีมองตามแผ่นหลังของแพทย์หนุ่มด้วยความรู้สึกคาใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือ ขึ้นมาบันทึกข้อความ

"คดีเจ๊เจียง อาจเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตของทนายตุลย์? หมอนนท์ดูเหมือนจะรู้อะไรมากกว่าที่เขาพูด..."





ภายนอกโรงพยาบาลในเวลาเดียวกัน บนดาดฟ้าของอาคารฝั่งตรงข้าม ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มในชุดเสื้อวอร์มและกางเกงยีนส์เก่าๆ ยืนทอดสายตาลงมายังทางเข้าโรงพยาบาล แว่นกันแดดสีดำสนิทบดบังใบหน้าคมคายภายใต้หมวกแก๊ปสีเข้ม เหมือนพยายามปกปิดตัวตนจากโลกภายนอก

ตุลย์ พิทักษ์ธรรม จ้องมองลอดผ่านกระจกหน้าต่างเข้าไปในโรงพยาบาลด้วยแววตาเย็นชาไร้ความรู้สึก

"เป็นการเริ่มต้นที่น่าพอใจ" เสียงทุ้มต่ำของกุมภกรรณ ดังก้องอยู่ในห้วงความคิดของเขา ตุลย์พยักหน้าช้าๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

"เจ๊เจียงและพวกสมุนจะเป็นบทเรียนตัวอย่างสำหรับคนในเครือข่ายธุรกิจมืดของแสนสินธุ์"

แต่ถึงแม้เจ้าจะมีพลังอำนาจเหนือมนุษย์ ก็ไม่ควรประมาท" เสียงก้องกังวาลในหัวเตือนย้ำ "เมื่อพวกมันรับรู้ถึงการมีอยู่ของเรา ก็คงจะพยายามหาทุกวิธีการเพื่อต่อต้าน"

"ผมเข้าใจดี" ตุลย์เอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง " แต่ทันใดนั้นร่างขาวท้วม ของชายคนหนึ่งก็ปรากฏอยู่ในสายตาของเขา

ทันทีที่ตุลย์สังเกตเห็นแสนสินธุ์และหมวดธนูที่เดินออกมาจากโรงพยาบาล รอยยิ้มเย็นเยียบก็ผุดขึ้นบนริมฝีปากของชายหนุ่ม ดวงตาภายใต้แว่นกันแดดพลันปรากฏประกายสีแดงเรืองรองชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะเลือนหายไป

"เตรียมตัวให้พร้อม เถอะ แสนสินธุ์" เขาพึมพำกับตัวเอง "เจ๊เจียงเป็นแค่จุดเริ่มต้นของการล่มสลาย... เมื่อฉันจัดการคนของแกจนหมดแล้ว ก็ถึงตาที่เราจะได้สะสางกัน"

ในเวลาห่างกันไม่นาน พลันสายตาของเขาก็กระทบเข้ากับร่างของรินรวี ที่กำลังเดินออกมาจากประตูโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ พร้อมกับยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูด้วยสีหน้าที่มุ่งมั่นตามแบบฉบับนักข่าวมืออาชีพ

"นักข่าวนั้น... อาจเป็นคุณหรือเป็นโทษกับเราก็ได้" เสียงของพญายักษ์ดังสะท้อนในห้วงความคิดของตุลย์

"เธอกำลังแสวงหาความจริง" ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ "แต่ความจริงบางอย่างก็อันตรายเกินกว่าจะเข้าไปค้นหา"

"แหม..ดูเจ้าจะเป็นห่วงเธอไม่น้อยเลยนะ..เจ้าหนุ่ม" กุมภกรรณเอ่ยเสียงหยอกเย้า จนตุลย์ถึงกับถอนหายใจอย่างเอือมระอา

" อย่าเที่ยวอ่านใจคนอื่นเขาตามใจชอบได้มั๊ยท่าน กลับกันได้แล้ว"

ตุลย์หันหลังขวับเดินจากไป ขณะที่เสียงหัวเราะทุ้มต่ำของกุมภกรรณยังคงก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเขา




แสงแดดยามบ่ายสาดส่องลอดผ่านร่มเงาของกิ่งไม้ใหญ่ที่ปกคลุมวัดร้าง ส่องทะลุผ่านหลังคาโบสถ์ซึ่งผุพังไปบางส่วนจนเกิดเป็นลวดลายแปลกตาฉายชัดอยู่บนพื้น ตุลย์นั่งขัดสมาธิบนอาสนะเก่าแก่ที่ยังคงสภาพดี เบื้องหน้าเขาคือกลุ่มสหายที่ไร้ตัวตนแห่งทีมพิพากษา

"ดาร์ลิ้งก์ ฉันว่าเราควรต้องมองหาเป้าหมายใหม่แล้วนะ" ตานีเอ่ยเสียงหวานพลางใช้มือเรียวงามลูบผมยาวสีดำขลับอย่างทะนุถนอม "เหล็กกำลังร้อนๆ ต้องรีบตีไงล่ะคะ"

ตุลย์ละสายตาจากสมุดบันทึกซึ่งเต็มไปด้วยข้อมูลที่เขาจดบันทึกเกี่ยวกับเครือข่ายของแสนสินธุ์

"ก็กำลังดูๆ อยู่" เขาตอบสั้นๆ สายตาเหลือบมองวิญญาณสาวครู่หนึ่งก่อนจะก้มลงดูข้อมูลต่อ

ดอนกระโดดโลดเต้นอย่างซุกซน กระเป๋ารูปหมีแพนด้าที่สะพายอยู่แกว่งไกวไปตามจังหวะการเคลื่อนไหว

"พี่ชาย! หนูว่าเราต้องเล็งเป้าหมายไปที่พวกคนชั่วร้ายสุดๆ ไปเลย จะได้สร้างชื่อเสียงให้ยักษาตุลาการโด่งดังไปทั่วเมืองไง!"

"นี่ไม่ใช่เรื่องของการสร้างกระแสนะ" ตุลย์กล่าวเสียงเรียบนิ่ง "แต่เป็นเรื่องของการลงโทษพวกที่อยู่เหนือกฏหมายต่างหากล่ะ"

"แล้วสุดหล่อของเราเล็งใครไว้ล่ะจ๊ะ?" ตานีเอียงศีรษะเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ พร้อมกับแสดงท่าทางเขินอายอย่างจงใจจนดูขบขัน

ยังไม่ทันที่ตุลย์จะได้ตอบ เสียงสเต็ปฝีเท้าที่คุ้นเคยก็ดังใกล้เข้ามา พร้อมกับเงาร่างของโทนี่ก็ปรากฏกายในชุดสูทสีชมพูสลับฟ้าที่เปลี่ยนได้ตามใจปรารถนา หน้ากากผีตาโขนสีสันสดใสบนใบหน้าของเขาสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายวาววับ

"ไอมีข่าวเด็ดสุดๆ มาฝากยู boss!" โทนี่ประกาศเสียงดังพร้อมชูนิ้วขึ้นฟ้าโพสแบบราชาเพลงร็อค

ตุลย์ไม่ได้ใส่ใจท่าทางแปลกๆ ของเพื่อนร่วมทีมเท่าไหร่นัก สายตาของเขายังคงจับจ้องที่สมุดจดรายชื่อตรงหน้า

"อืมม มีอะไรก็ว่ามา"

โทนี่ปรับหน้ากากให้เข้าที่ แล้วเริ่มรายงาน "Teacher โกเมศ เจ้าของโรงเรียนกวดวิชาภาษา english ไฮเกรดพลัส He แอบร่วมมือกับเจ๊เจียงแบบลับๆ เด็กสาวที่กล้ามีเรื่องกับเขา... poof! หายตัวไปเลย"

"รายละเอียด?" ตุลย์เอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาเริ่มวาวโรจน์เป็นประกายสีแดงอ่อนๆ

โทนี่ยักไหล่แล้วเดินวนไปมา "Teacher โกเมศ He เป็นหลานของแสนสินธุ์ มีประวัติล่วงละเมิดเด็กนักเรียนหญิงหลายคน โดยเฉพาะนักเรียนที่ต้องการทุนการศึกษา แต่ทุกคดีกลับเงียบด้วยเงินและอิทธิพล"

"แล้วเจ๊เจียงเข้ามาเกี่ยวข้องยังไง?" ตุลย์ถามเสียงต่ำกว่าปกติ ความรู้สึกกดดันแผ่ออกมาทางแววตา

"เด็กที่กล้าฟ้องหรือขู่ว่าจะเปิดโปงจะถูกส่งต่อให้เจ๊เจียงจัดการ" โทนี่นิ่งไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่าง "อ้อ! แล้วก็เมื่อสองเดือนก่อน... มีเด็กสาวที่ฆ่าตัวตายหลังจากเรื่องที่เธอถูกล่วงละเมิดถูกปัดตก"

ดอนหยุดกระโดดโลดเต้นในทันที สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังที่สุดในชีวิต "พี่ชาย นี่มันโคตรเลวเลย.."

ตานีพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเห็นอกเห็นใจ "เด็กที่ฆ่าตัวตาย... ชื่ออะไรเหรอ?"

"ชื่อวิภา อายุสิบหก" โทนี่ตอบเสียงราบเรียบ "She ทิ้งจดหมายลาตายไว้ แต่โรงเรียนกับตำรวจเก็บเรื่องเงียบ ทำทีเป็นว่าเพราะเธอคิดสั้นเพราะความกดดันเรื่องการเรียน"

ตุลย์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แสงสีแดงในดวงตาของเขาเข้มจัดจนเห็นได้ชัดเจน "เด็กพวกนั้นอายุเท่าไหร่กัน?"

"ส่วนใหญ่ก็ประมาณสิบห้าถึงสิบเจ็ด" โทนี่ตอบ "He เลือกเด็กที่หน้าตาดี ตั้งใจเรียนแต่ฐานะยากจน ล่อด้วยทุนการศึกษาและโอกาสเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ"

"ดูเหมือนว่าเราจะได้เป้าหมายต่อไปแล้ว" ตุลย์กำมือแน่นจนเห็นข้อนิ้วขาว เส้นเลือดที่ขมับเริ่มปูดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด "ครูโกเมศ...ไอ้แม่พิมพ์อาบยาพิษ"

"เจ้ากำลังถูกโทสะครอบงำนะ ตั้งสติหน่อยเจ้าหนุ่ม" เสียงทุ้มต่ำของกุมภกรรณดังก้องในหัวของตุลย์เพื่อนเตือนสติ จนชายหนุ่มต้องปรับลมหายใจเพื่อคลายความโกรธลง

"พี่ชาย" ดอนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นต่างจากที่เคยเป็น "เดี๋ยวหนูไปสืบข้อมูลเพิ่มให้นะ อยากรู้ว่าตอนนี้ไอ้ครูบ้านั่นกำลังล่อลวงเด็กคนไหนอยู่"

ตุลย์พยักหน้า "ได้ ระวังตัวด้วยนะ แล้วก็..." เขาหันไปทางโทนี่ "ช่วยดูด้วยว่าช่วงไหนที่ครูโกเมศอยู่คนเดียว เราจะพยายามไม่ก่อเหตุในที่ๆ มีคนพลุกพล่าน"

"ไว้ใจได้เลย Boss!" โทนี่ทำท่าชูนิ้วโป้ง ก่อนจะหายวับไปในอากาศ

ตานียิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "อยากให้ฉันจัดการมันยังไงดีคะ? ให้ช่วยสร้างภาพมายาหลอนประสาทให้มันเป็นบ้าไปเลยดีไหม?"

"ไม่" ตุลย์ตอบเสียงเรียบนิ่ง "ทำแบบนั้นมันก็จะไม่ได้ชดใช้กรรมที่ก่อไว้สิ"


เมื่อยามเย็นมาเยือน แสงตะวันคล้อยต่ำลงอย่างช้าๆ เปลี่ยนจากความเจิดจ้าเป็นความนุ่มนวล ก่อนจะทอดเงายาวมืดมิดของโบสถ์ร้างลงบนพื้นเบื้องล่าง ตุลย์หลับตาลงชั่วครู่ ภาพของเด็กหญิงวัยสิบหกที่สิ้นหวังจนต้องจบชีวิตตัวเองแวบเข้ามาในความคิด เขาเห็นเธอยังคงวนเวียนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ราวกับถูกเหนี่ยวรั้งด้วยอะไรบางอย่างไว้

"ยักษาตุลาการจะพิพากษาแกเป็นรายต่อไป ครูโกเมศ" ตุลย์พึมพำเบาๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง "เพื่อให้ดวงวิญญาณของเธอไปสู่สุขติ"



□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□