"วายุฉัน" เกสรพูดไม่ออก วายุยิ้ม ในที่สุดก็ยอมโผล่หัว จึงแกล้งพูดออกไป "แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหรอ ไปหลอกที่อื่นไป" วายุวางหูทันที เกสรตกใจโทรเข้าไปอีก วายุไม่สนใจแต่ไปนอนข้างลูก "พ่อจะทำให้แม่ศิโรราบให้ได้ฐานพรากเราพ่อลูก" เกสรโทรเข้าไปอีก" นายจะเอาลูกไปไม่ได้" วายุถาม "ใครมีปัญหา" "ฉันจะไปเอาลูกคืน" เกสรโกรธแค้น" "ใครกล้าลองดีกับผมก็เชิญ ขืนบุกรุกเข้ามาผมแจ้งจับหมดไม่มีกรณียกเว้น"
        รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ครอบครัว,เรื่องสั้น,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี,  นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
        
        
      
          บ่ายแก่ๆของวันอาทิตย์ ยายไสวมาทำขวัญให้เกสรตามสัญญา  
โดยวายุเจ้าเดิมเป็นสารถีให้
        แม่แก้วได้ยินเสียงรถยนต์เหมือนจอดอยู่หน้าบ้าน นางชะเง้อมองจากหลังบ้าน เห็นยายและหลานลงจากรถ จึงรีบเดินมาหน้าบ้านเพื่อต้อนรับ
         ทุกคนไหว้ทักทายกันแล้ว เจ้าของบ้านเชิญนั่งที่เดิม คือแคร่หน้าบ้าน
 ถืงจะบ่ายเกือบเย็นแต่อากาศยังร้อนอยู่ แม่แก้วเดินเข้าบ้านกลับออกมาพร้อมพัดลมตั้งโต๊ะเก่าๆ 
         ยายไสวมองแม่แก้ว  เห็นใส่เสื้อแขนยาวสีม่วงเก่าๆ  กางเกงผ้าสีดำยาวเกือบถึงข้อเท้า รองเท้าคู่เดิมที่เห็นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แม่แก้วบอกยายไสวว่า กำลังถอนวัชพืชอยู่หลังบ้าน
         แม่แก้วเห็นยายไสวมาในชุดเหมือนเดิม เปลี่ยนแค่สีเท่านั้น สงสัยจะมีหลายชุดหลายสี  แม่แก้วคิดเอง  แต่คราวนี้ยายไสวถือกระเป๋าสีดำมาด้วย ดูขนาดย่อม  แม่แก้วก็ไม่รู้ว่าเขาเรียกกระเป๋าแบบนี้ว่าอะไร
 ราคาแพงหรือถูกก็ไม่รู้เช่นกัน รู้แต่ว่าสวยในสายตาแม่แก้ว
  แม่แก้วเข้าในบ้านอีกรอบ กลับออกมาพร้อมรางไฟ
 วายุหลังทักทายเจ้าของบ้านแล้ว มัวแต่มองท้องฟ้าอากาศ ชายหนุ่มรู้สึกใจเขาสดชื่น ช่างสวนทางกับอากาศร้อนในตอนนี้ จากนั้นสายตาก็เริ่มมองหา
  ลูกสาวเจ้าของบ้าน  เขารีบหันทันทีเมื่อได้ยินเสียงยายพูด
 “วา    ดูพัดลมให้ป้าแก้วหน่อย ทำไมไม่หมุน”
  วายุจ้องพัดลมที่ยายให้ดู เขารู้สึกทึ่ง แม่เจ้า จะเรียกว่าพัดลมสู้ชีวิตก็ไม่ผิดนัก ดูจากสีและใบพัดของพัดลม การใช้งานนานโขอยู่
             ยิ่งทึ่งกว่าเดิมอีก ปลั๊กไฟที่เอามาเสียบพัดลมนั้น สู้ชีวิตยิ่งกว่า
 เขาถามป้าแก้วว่าเสียบปลั๊กหรือยัง ป้าพยักหน้า วายุเริ่มหาสาเหตุ ไล่ตั้งแต่แป้นปลั๊กไฟ ไปถึงปลั๊กไฟที่ติดกับเสาบ้านข้างใน 
 วายุเลิกทึ่งทันที ทุกสิ่งล้วนสู้ชีวิตทั้งนั้น เขารีบถอดปลั๊กไฟทันที
 “ป้า ไม่ต้องใช้นะครับ อันตราย ต้องหาช่างแล้วนะครับ”
 “ป้าก็ว่าแบบนั้นแหละ แต่พอวุ่นๆ ป้าเลยลืม”ป้าแก้วเห็นด้วยกับวายุ
 “ไปหาช่างจากไหนหล่ะ แม่แก้ว” ยายไสวถาม
  “ไม่รู้เหมือนกัน แต่จะลองไปหาที่หมู่บ้านใหญ่ก่อน จะให้เก๋ไปดู”จากนั้นป้าแก้วสาวปลั๊กไฟและพัดลมเอาไปไว้ เอาไปใว้ที่แคร่ในบ้าน
 “วา ทำได้ไม่ไช่เหรอ ถือว่าช่วยป้าแก้วนะ”ยายเคยเห็นวายุทำที่บ้าน
 วายุคิดในใจ  “ยายบอกเขาทำไมเนี่ย ผมต้องมาบ้านนี้อีกแล้วหรือ”
 “ขอบใจนะวายุ บางทีป้าไม่รู้เหมือนกัน ว่าไปแล้วเราจะเจอช่างหรือไม่
 แล้วเขาจะมาทำให้เราไหม”
 คำพูดของป้าแก้วทำให้วายุรับปากเสียงอ่อย
  “ครับ”
  “เก๋ ลุกได้แล้ว”  ป้าแก้วเดินไปปลุกลูกสาวที่เปล วายุแอบมองมาจากแคร่หน้าบ้าน  มาทีไรเห็นนอนทุกที  เห็นคนอื่นติดโทรศัพท์ แม่หม้าย
 คนนี้นอนติดยาดม
              เกสรลุกจากเปล แล้วเดินตามหลังแม่มา วายุเหลือบมองเกสรอีกครั้ง
 ผมบ๊อบสั้น เสื้อยืดแขนสั้นสีขาว ใส่ผ้าถุงตลาดสีชมพูมีลวดลาย
 เอาเสื้อใว้ในผ้าถุง เหน็บผ้าถุงไว้ข้างเอว เผยให้เห็นเอวกิ่ว
 ส่วนรองเท้าคู่เดิมที่เขาเห็นครั้งก่อน
 วายุวิจารณ์ในใจ แต่งตัวแบบนี้บ้านๆดี ระวังผ้าถุงหลุดหล่ะ
 จากนั้นทำเป็นเมินใส่ ขณะที่เกสรเดินมาใกล้
 “สวัสดีค่ะยาย”เกสรไหว้แล้วยิ้มให้ยายแต่ก็แอบมองวายุ
 ร่างสูงใหญ่ ใส่เสื้อคอวีสีขาวดูสะอาดตา กระเป๋าคาดอกใบเดิม
 กางเกงยีนส์ใหม่เอี่ยมสีดำ รองเท้าแตะคู่เดิม บางทีเกสรคิดนี่กระมังที่เรียกว่า หล่อเหมือนเทพบุตร ช่างสวนทางกับท่าทางเขามาก มาดกวน
 มาดนักเลง
      “ยายเกือบจำไม่ได้ นึกว่าเด็กมัธยมที่ไหน”ยายไสวชมเกสรจากใจจริง
 เกสรขอบคุณยาย จากนั้นยายถามแม่แก้วว่ามีด้ายสำหรับผูกข้อมือหรือไม่ แม่แก้วไปหยิบมาจากในบ้าน  ยังไม่ทันที่ยายจะทำใหัเกสร
 ป้าแจ่มเพื่อนบ้านก็แวะมากินหมากด้วย นางอายุไล่เลี่ยกับแม่ของเกสร
 แต่ตัวอวบใหญ่ ตัวคลํ้า หน้าตาชาวบ้านธรรมดา วันนี้ป้าแจ่มมาในชุด
 เสื้อคอกระเช้าลายดอกเล็กๆ ผ้าถุงลายไทย รองเท้าพลาสลอนสีเหลือง
 แม่แก้วแนะนําใหยายไสวและวายุได้รู้จัก ป้าแจ่มไหว้ยาย วายุไหว้ป้าแจ่ม
 “ฉันพอรู้จัก คนรวยแห่งบ้านคุ้มกลาง ว่าแต่วายุลูกใคร ลูกของวินหรือว่ายุพิน” ป้าแจ่มถามยาย วายุแปลกใจป้าแจ่มรู้จักลุงของเขาและแม่ของเขาด้วย
 “ลูกยุพินมัน ส่วนไอ้วินมีลูกชายสองคนเกิดก่อนวายุไม่กี่ปี มีลูกแค่สอง มีหลานแค่สาม แต่ละคนเลยเลขสามแล้วยังไม่มีใครมีคู่เลย ไม่รู้จะตาย
 ก่อนที่จะเห็นหน้าเหลนหรือเปล่า”ยายไสวบ่นตามประสา
 “แล้วยุพินอยู่ที่ไหน” ป้าแจ่มบอกว่าเคยเห็นตั้งแต่เด็ก
 “ติดผัวอยู่ที่ชลบุรีโน่น ไอ้เราคิดว่าทำงานไม่นานมันจะกลับมาอยู่บ้าน ที่ไหนได้ ป่านนี้แล้วยังไม่มีวี่แวว”  วายุสะดุ้ง ยายแอบรอแม่ของเขากลับมา  “ว่าจะฝากผีฝากไข้กับลูกสาว ที่ไหนได้เขาไม่อยูด้วย แต่ก็ยังดีมีไอ้วินลูกชายและรำเพยเมียมัน ที่อยู่ใกล้”  ยายไสวบ่นต่อ
 “มีแต่หลานชายทั้งนั้น สามคนนี้ใครจะได้เหลนให้ยายอุ้มก่อนหนอ แล้ววายุอายุเท่าไหร่แล้วหล่ะ” ป้าแจ่มถามวายุ ยายชิงตอบ
 “30  แล้ว บางทีฉันคิดนะแม่แจ่ม ใครมีเหลนให้ฉันก่อน  จะให้รางวัล
 อย่างงามเลย ให้แม่ของเหลนนะ 30 กว่าปีแล้วไม่มีเด็กอยู่ในบ้าน เหงาเหมือนกันนะ” ยายบ่นตามเรื่อง เกสรสะดุ้ง มิน่านิคมถึงเอาเมียใหม่
 เพราะแม่เขาต้องการหลาน ส่วนยายของวายุก็เช่นเดียวกัน
 “วายุได้ยินยายพูดไหม”ป้าแจ่มแซว วายุยิ้มแห้งๆ จะตีหัวใครมาทำเมียดี
 “คนรวยจนลูก คนจนรวยลูก ยังใช้ได้กับยายไสวจริงๆ”  ป้าแจ่มเสริม
 “ไม่ได้รวยอะไรขนาดนั้นหรอก ถ้าผัวฉันไม่ตายเสียก่อน ไอ้วิน กับอียุพิน มันต้องมีน้องอีกหลายคนแน่” ยายไสวท้าวความ
 “มัวแต่นอกเรื่อง เก๋ มายายรับขวัญให้ ขอให้ขวัญของเก๋มาอยู่กับตัว
 หมดเคราะห์หมดโศก เดินทางไปไหนปลอดภัยนะ”จากนั้นยายเอาด้ายที่แม่แก้วเตรียมไว้ผูกข้อมือเกสร แล้วเอาเงินห้าใบเทาใส่ฝ่ามือเธอ
 “เก๋ รับไว้นะ”  ทีแรกเกสรไม่รับเงินเพราะเห็นว่ามันเยอะเกินไป
 แต่ป้าแจ่มบอกว่าผู้ใหญ่เมตตา ควรขอบคุณ เกสรยกมือไหว้ยาย
 ขอบคุณ แล้วจะหาทางคืนท่านถ้ามีโอกาส แม่แก้วและป้าแจ่มก็เอาด้ายผูกข้อมือให้เกสรเหมือนกัน
 เกสรไหว้ขอบคุณทุกคน ส่วนวายุที่อยู่ใกล้ๆได้แอบมองแล้วทำเมินหน้าไปที่อื่น จากนั้นทำเป็นเดินดูบรรยากาศบริเวณนั้น แต่ยายไสวกับเกสร
 กลับคิดเหมือนกัน คือหาที่สูบบุหรี่
 “มันต้องมีของเซ่นเล็กน้อย”  ป้าแจ่มแนะนําพร้อมทำท่าจะล้วงกระเป๋าเสื้อ
 แม่แก้วบอกป้าแจ่มว่าไม่ต้องเพราะนางจะซื้อเอง
 ยายไสวทำมือห้ามทั้งสองคน แล้วล้วงเอาเงินจากกระเป๋าสะพายที่นางถือมา ป้าแจ่มชมกระเป๋ายายว่าสวยดี  ยายบอกว่าแม่ของวายุเป็นซื้อให้ รวมทั้งเสื้อผ้าและรองเท้า 
 เกสรจึงคิดในใจแม่ของวายุคงมีฐานะดี แอบมองไปเห็นลูกชายที่กำลังสูบบุหรี่อยูไกลๆ เสื้อผ้าของเขาก็คงราคาแพง
 “จะให้ใครไปซื้อดี”  ยายไสวถามทุกคน
 “ให้เก๋มันไป” แม่แก้วบอก
 ยายไสวส่งเงินใบเทาให้เกสร แล้วบอกว่าอยากซื้ออะไรเพิ่มก็ตามสบาย
 ไม่ต้องเกรงใจ
 เกสรถามผู้สูงวัยทั้งสามว่า ของเซ่นเล็กน้อยมีอะไรบ้าง
 ป้าแจ่มตอบทุกคน เหล้าขวดเล็ก นํ้าอัดลม มีเบียร์ด้วยก็ดี
 “เก๋ นํ้าแข็งด้วยนะ”  แม่แก้วเพิ่มรายการ
 “ขนมนมเนยหรืออะไรที่หนูอยากกิน ซื้อเลยนะไม่ต้องเกรงใจ”
 ยายบอกเกสรแล้วตะโกนเรียกหลานชาย “วา มาหายายหน่อย”
 ชายหนุ่มเดินมาหายายที่อยู่หน้าบ้าน มองดูแล้วในบรรดาสี่คนนี้เกสรเด็กกว่าพวก “มีอะไรครับยาย” หรือว่ายายเสร็จธุระแล้ว ดีเหมือนกันจะได้กลับบ้านเสียที แต่ยายกลับบอกว่า
 “ไปช่วยถือของเก๋หน่อย เดี๋ยวเอามาไม่หมด”
 ชายหนุ่มงงคืออะไร ช่วยถือที่ไหน
 “ไม่เป็นไรค่ะยาย หนูเอามาได้”ว่าแล้วเกสรก็เดินไปเอารถมอเตอร์ไซค์ที่เพิงหลังบ้าน  บิดกุญแจรถสตาร์ตออกมา 
 วายุยืนดักข้างหน้า 
 เกสรหยุดรถไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ  “ไปคนเดียวได้” สงสัยจะโดนคำสั่งยาย
 “ผมไปด้วยดีแล้ว เหล้าเบียร์จะได้ไม่ตกแตกระหว่างทาง”วายุพูดเสียงเรียบ แต่เกสรรู้สึกว่าเขาแดกดัน
 จากนั้นก็ให้เกสรขยับเป็นคนซ้อนท้าย
 เกสรไม่รู้จะโกรธเขาเรื่องอะไรก่อนดี ระหว่างเรื่องเขาดูถูกเธอในการขับรถ หรือว่าแย่งขับ
 ระหว่างทางไปร้านที่อยู่ในหมู่บ้าน เกสรไม่คิดไม่ฝัน ว่าจะได้ซ้อนท้ายกับวายุอีก ในเวลาใกล้เคียงกันสองวันติดกัน กลิ่นบุหรี่ยังติดตัวเขาเหมือนเดิม
 วายุพาเกสรมาถึงร้านค้า เกสรเลือกของเสร็จจ่ายเงินแล้วเดินมาที่รถ
 วายุซึ่งยืนรอที่รถ มองของที่เธอถือมา  แล้วมองหน้าคนถือ
 ในมือเกสรมี เหล้าขาวหนึ่งขวดเครื่องดื่มชูกำลัง เบียร์กระป๋อง 1 กระป๋อง
 นํ้าอัดลมขวดขนาดสิบกว่าบาท เขากลั้นยิ้มไม่ไหว สงสัยเกสรจะฟังการสื่อสารของยายไม่เข้าใจ
 วายุเดินเข้าร้านเอง ออกกลับมาด้วยของเต็มมือ เกสรมองอย่างไม่เข้าใจ
 วายุซื้อไปทำไมเยอะแยะ
 วายุวางของที่ตะกร้าหน้ารถ แล้วส่งให้เกสรถือบ้าง
 “มีอะไรที่ลืมซื้อบ้าง”วายุมองหน้าเกสร
 เกสรพยายามนึก “แม่ฉันบอกให้ซื้อนํ้าแข็ง”
 ชายหนุ่มเดินเข้าร้านอีกรอบ
 ทั้งสองคนหิ้วของจากร้านมาไว้ที่แคร่หน้าบ้าน
 สิ่งที่ทุกคนเห็นคือ เหล้าขาวขวดเล็ก นํ้าอัดลมขวดใหญ่สองขวด เบียร์อีกหกขวด นํ้าแข็ง นมกล่องหลากยี่ห้อ ขนมขบเคี้ยวสารพัด
 แม่แก้วรีบไปเอากระติกมาใส่นํ้าแข็ง จากนั้นให้เกสรเตรียมแก้ว
 “วายุไม่สะดวกนั่งกับคนแก่กระมัง ไปนั่งที่แคร่ตรงโน้นไหม”
 แม่แก้วถามชายหนุ่ม ยังไม่ทันที่เขาจะตอบ
 “แค่เราสามคนคนก็ล้นแคร่แล้ว ไปนั่งที่โน่นดีแล้ว”ยายสนับสนุน
 แม่แก้วบอกให้วายุไปนั่งที่เพิงพักข้างบ้าน ซึ่งเป็นที่นั่งเล่นนอนเล่นประจำยามว่างของนางและเกสร วายุจำใจย้ายตัวเองออกจากกลุ่มผู้สูงวัย 
 ขืนไม่ออกมามีสิทธิ์โดนยายด่า  เรื่องการสูบบุหรี่
 ผู้สูงอายุทั้งสามคนพากันมาข้างๆบ้าน  แล้วพากันพูดพึมพำ จากนั้นเทเหล้าขาว เบียร์ นํ้าอัดลม นํ้าเปล่ารดดินอย่างละนิดอย่างละหน่อย โดยมีเกสรยืนมองอยู่
 จากนั้นทุกคนมานั่งที่แครเหมือนเดิม แล้วมองของที่เหลือตรงหน้า
 “แจ่ม จัดการนะ” แม่แก้วบอก “แล้ววายุเขากินอะไร”  แม่แก้วหมายถึงเบียร์หรือเหล้า
 แต่ยายไสวตอบ “บุหรี่กับเบียร์ เหล้าฉันยังไม่เคยเห็น สงสัยจะแอบกินที่อื่น”
 “วันนี้ฉันอยากกินเบียร์”  ป้าแจ่มบอก 
 จากนั้นเริ่มถามว่าใครจะกินบ้าง ยายไสวและแม่แก้วขอเบียร์คนละแก้วบอกว่าขอลองก่อน เพราะไม่ได้กินมานานแล้ว ส่วนมากจะได้กินช่วงเทศกาล  ส่วนเกสรส่ายหน้า แต่ยายไสวบอกว่าให้ลองกินดู ป้าแจ่มและแม่บอกว่าแค่แก้วเดียวไม่เป็นไร ป้าแจ่มส่งแก้วเบียร์ให้เกสร
 เธอรับมาดื่ม วายุเห็นพอดี เขาคิดในใจ ท่าทางจะขี้เมา
 “มัวแต่คุย ลืมวายุ นั่งอยู่คนเดียว เอาเบียร์ไปให้เขาดีกว่า”แม่แก้วทำท่าจะไป
 ยายไสวห้ามไว้ “เราแก่แล้วเอาของไปให้เด็กมันไม่คือ เก๋หนูเอาไปให้เขา”
 เกสรจำใจทำตามที่ยายไสวบอก
 วายุนั่งที่เปลมองเกสรที่กำลังเดินถือขวดเบียร์มาหาเขาสองขวด
 จากนั้นวางไว้ที่แคร่กำลังจะเดินจาก เขาเริ่มเปิดฉาก
 “นํ้าแข็ง แก้ว อุปกรณ์ไม่พร้อมจะกินได้ยังไง”
 เกสรทำสีหน้าไม่พอใจ เดินไปหยิบแก้วที่อยู่ในครัว แล้วเอาเหยือกขอแบ่งนํ้าแข็งจากกลุ่มสูงวัยที่อยู่หน้าบ้าน ซึ่งตอนนี้เสียงเริ่มดังขึ้น
 เกสรเอาทุกอย่างที่วายุบอก มาวางไว้ใกล้ขวดเบียร์
 “เจ้าของบ้านทำหน้าที่หน่อย” เสียงวายุใช้เธอ “ไม่เป็นเจ้าบ้านที่ดีเลย”
 เขาพูดอีกรอบ
 เกสรตักนํ้าแข็งใส่แก้ว มองเบียร์ยังไม่ได้เปิด คิดในใจแล้วป้าแจ่มเปิดยังไง จะถือเบียร์ขวดไปหาป้า แต่วายุบอก
 “เอามานี่”เกสรส่งเบียร์ให้เขา เห็นล้วงอะไรออกมาจากกระเป๋าคาดอกก็ไม่รู้ เอามางัดฝาเบียร์ จากนั้นส่งขวดคืนเกสร
 เกสรรินเบียร์แล้วส่งให้วายุ
 “ฉันขอบคุณมาก ที่ช่วยเมื่อวาน”ถึงพูดกับเขาแต่ก็ไม่กล้าสบตา
 วายุลุกจากเปลยื่นมือรับแก้วเบียร์
 “รินแค่แก้วเดียวแล้วขอบคุณไม่พอ  ต้องสามขวดขึ้นถืงจะคุ้ม” ท่าทางเขาทีเล่นทีจริง”
 “แล้วที่ไถลลงถนนเมื่อวาน หมาใช่ไหม”กินเบียร์แต่สายตาจ้องเกสร
 “ตอนนี้ฉันชักจะประสาทไปทุกทีแล้ว แค่เห็นหมายืนเฉยๆ บางครั้งคิดว่ามันวิ่งมาหา”เกสรบอกความทุกข์ในใจ
 “ไม่เอาน่า คิดมาก ต่อไปเราต้องระวังและมีสติมากกว่านี้”วายุเริ่มปลอบใจเธอ
 “แต่ก็ขอบคุณที่ช่วย ไม่แบบนั้นเมื่อวานสายแน่ๆ”เกสรยํัาขอบคุณอีกครั้ง
 วายุยิ้มบางๆ ถามหาแก้วเบียร์ของเกสร
 “อยู่ข้างหน้าโน่น”ชี้ไปกลุ่มสูงวัย ซึ่งตอนนี้กำลังคุยกันออกรส
 ไม่น่าเชื่อว่าอุบัติเหตุของเกสรจะทำให้ผู้ใหญ่ทั้งหลายเริ่มรู้จักกัน
 ยายไสวเรียกเกสรให้ไปข้างหน้า จากนั้นให้เธอเอาขนมกับนมกล่องหลากยี่ห้อมากิน แล้วทั้งสามคนก็คุยเรื่องราวครั้งเก่าเก็บ โดยที่ไม่สนใจเกสร
 อีกเลย เธอจึงรวบเอานมกล่องและขนมใส่ถุงเดินออกมา 
 เพิงพักที่วายุนั่งอยู่ ชายหนุ่มเห็นเกสรถือถุง 
 “กินหมดนี่ก็ไม่โตและก็ไม่สูงหรอก เปลี่ยนใจกินเบียร์ดีกว่าน่า”เหมือนวายุ
 จะเหน็บแนมเกสร
 เกสรวางถุงไว้บนแคร่แล้วพูดกับวายุ”ยายฝากให้นายกิน” คำพูดนี้เธอพูดเอง
 วายุยิ้มเห็นฟัน”คงไม่หรอกหลานยายตัวสูงอยู่แล้ว น่าจะบอกให้คนอาภัพความสูงนั่นแหละกิน แต่ว่ากินตอนนี้ดูไปน่าจะไม่ทันการ”
 เกสรรู้สึกว่าวายุดูถูกความสูงเธอ
 “ถ้าสมัยที่ฉันเกิดนมมันเกลื่อนตลาดขนาดนี้ ความสูงเท่าเปรตโน่น จะว่าไปฉันก็มาตรฐานหญิงไทยนะ”เถียงแค่อยากชนะ
 วายุแค่นหัวเราะ “สูงก็สูง ไหนแก้วเบียร์”
 เกสรบอกว่าลืมไม่ได้หยิบมาด้วย แล้วทำหน้าไม่พอใจใส่วายุ
 วายุพอใจที่แหย่ให้เกสรโกรธได้ จากนั้นเดินไปเอาแก้วของเกสรที่อยู่หน้าบ้าน เกสรมองตามร่างสูงใหญ่ ความสูงของเขาน่าจะ 180  ขึ้นแน่ๆ
 วายุกลับมาพร้อมกับแก้ว”คุยกันได้อารมณ์จริงๆ ไม่มีใครสนใจผมเลย”
 เขาบอกเกสรเรื่องผู้ใหญ่ที่กำลังคุย  จากนั้นก็เอานํ้าแข็งจากเหยือกใส่ลงแก้วเทเบียร์จากขวดลงแก้ว ยื่นให้เกสร
 เกสรหันไปมอง เหมือนที่วายุพูดจริงๆ “ไช่ พวกท่านมีความสุข กับเรื่องราวความหลัง”เกสรสนับสนุน  แล้วยื่นมือรับแก้วเบียร์จากเขา
 “ถึงฉันกินนมก็ไม่สูงแล้วไช่ไหม”ประชดวายุด้วยการกินเบียร์ครึ่งแก้ว แล้วมองหน้าด้วยความไม่พอใจ
 วายุยิ้มชอบใจ  “ประชดเป็นด้วย” ยังไม่ทันจะพูดอะไรกับเกสรต่อ
 แม่แก้วเรียกลูกสาวให้ไปข้างหน้า จากนั้นให้เธอไปเด็ดใบพลู เอานํ้า
 มาให้  สารพัดที่จะใช้ เพราะติดลม กำลังคุยสนุก
 “เย็นมากแล้ว ยายจะกลับแล้วนะเก๋ ถ้าว่างก็พาแม่ไปเล่นที่บ้านยายบ้าง
 ห่างกันไม่กี่กิโลเมตรเอง แม่แจ่มด้วย ทีนี้เรารู้จักกันแล้วนะ”ยายไสวบอก  
 ทกคน แม่แก้วและป้าแจ่มรับปากยายไสว ถ้าหากว่าง ส่วนเกสรก็เผลอ    
 
 รับปากยาย ทั้งที่ไม่รู้จะไปทำไม หรือว่าจะไปหาหลานชายสุดหล่อของยาย
 
 ขณะที่กำลัง
 
 ยืนรอคำสั่งแม่อยู่แถวนั้นเธอคิดถึงเรื่องบางอย่างได้
 “อัอ  ยายคะ”เกสรเดินไปเอาเงินทอน ที่เหลือจากการซื้อของคืนให้ยาย
 ยายไม่รับคืน บอกว่าให้เกสรไว้ใช้ จากนั้นนึกขึ้นได้ว่าได้เอาหมากมาให้แม่แก้ว “เก๋ ไปหยิบให้ที อยู่หลังรถ”
 เกสรเดินไปที่รถเพื่อจะเอาหมาก  เห็นหมากอยู่ในถุง วางไว้ตรงกลางรถพอดี
 “วา”ยายตะโกนเรียกเรียกหลานชายที่อยู่ตรงเพิงผูกเปล
 วายุเดินมาหา “ยายจะกลับบ้านแล้ว”
 วายุเดินไปที่รถ เห็นเกสรเขย่งขาอยู่ด้านข้างของรถ เพื่อจะเอาถุงหมาก
 วายุยิ้มในใจ ดูทำท่า แต่ก็น่ารักดี
 เกสรยืดตัวสุดแรงเพื่อเอื้อมมือให้ถึงถุงหมาก
 ทันใดนั้นมีมือที่ยาวกว่าหยิบจับมาจากด้านหลัง
 เกสรหันกลับไปมอง ตัวเธอกับตัวเขาห่างกันไม่ถึงคืบ
 ได้กลิ่นโคโลญจ์และกลิ่นบุหรี่จากตัวเขา
 ส่วนวายุได้กลิ่นแป้งเด็กจากตัวเกสร
 เกสรยืนนิ่งอึ้ง ไม่รู้จะบอกหรือพูดอะไรกับวายุ
 ได้แต่จ้องหน้าอย่างเดียว
 วายุยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนแล้วพูดเสียงเบา “จะกลับแล้วนะ”
 จากนั้นส่งถุงหมากให้เธอ
 เกสรรับถุงหมากได้รีบเดินจากเขาอย่างรวดเร็ว แต่ใจกลับคิด
 หากไม่เมาวายุไม่พูดเสียงอ่อนแน่นอน