"วายุฉัน" เกสรพูดไม่ออก วายุยิ้ม ในที่สุดก็ยอมโผล่หัว จึงแกล้งพูดออกไป "แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหรอ ไปหลอกที่อื่นไป" วายุวางหูทันที เกสรตกใจโทรเข้าไปอีก วายุไม่สนใจแต่ไปนอนข้างลูก "พ่อจะทำให้แม่ศิโรราบให้ได้ฐานพรากเราพ่อลูก" เกสรโทรเข้าไปอีก" นายจะเอาลูกไปไม่ได้" วายุถาม "ใครมีปัญหา" "ฉันจะไปเอาลูกคืน" เกสรโกรธแค้น" "ใครกล้าลองดีกับผมก็เชิญ ขืนบุกรุกเข้ามาผมแจ้งจับหมดไม่มีกรณียกเว้น"
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ครอบครัว,เรื่องสั้น,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โทษฐานของการรู้จัก"วายุฉัน" เกสรพูดไม่ออก วายุยิ้ม ในที่สุดก็ยอมโผล่หัว จึงแกล้งพูดออกไป "แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหรอ ไปหลอกที่อื่นไป" วายุวางหูทันที เกสรตกใจโทรเข้าไปอีก วายุไม่สนใจแต่ไปนอนข้างลูก "พ่อจะทำให้แม่ศิโรราบให้ได้ฐานพรากเราพ่อลูก" เกสรโทรเข้าไปอีก" นายจะเอาลูกไปไม่ได้" วายุถาม "ใครมีปัญหา" "ฉันจะไปเอาลูกคืน" เกสรโกรธแค้น" "ใครกล้าลองดีกับผมก็เชิญ ขืนบุกรุกเข้ามาผมแจ้งจับหมดไม่มีกรณียกเว้น"
ยายที่ไม่เคยมาบ้านนี้ หันหลังมามาถามหลานชายอีกรอบ “หลังนี้แน่นะ”
วายุพยักหน้ารับ “ครับยาย” ถึงวายุจะเคยมาที่นี่แล้วก็ตาม แต่เขาไม่เคยมองเต็มตาสักครั้ง ชายหนุ่มเเหลียวมองรอบๆ หมู่บ้าน มีไม่กี่หลัง แต่ละหลังก็อยู่ห่างกันพอสมควร บ้านที่อยู่ใกล้บ้านป้าแก้วมากที่สุด หากวัดระยะด้วยสายตา 20 เมตร เห็นจะได้ แต่ละบ้านปลูกไม้กินผล ตามข้างบ้าน หรือหลังบ้าน แล้วแต่พื้นที่จะอำนวย ที่วายุเห็นชัดเจนคือ มะม่วง มะพร้าว กล้วย บ้านป้าแก้วคือหนึ่งในนั้น วายุและยายเดินเข้าไปหาป้าแก้ว ที่นั่งกินหมากอยู่บนแคร่ไม้ไผ่เล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่ที่เพิงหน้าบ้าน
ป้าแก้วจำวายุได้ วายุแนะนําให้ป้าแก้วรู้จักยายของเขา ป้าแก้วไหว้ยายของวายุ แล้วเชิญนั่ง จากนั้น เดินไปเอานํ้าจากในครัวมา 2 ขวด ส่งให้ยาย
และวายุคนละขวด วายุไหว้ขอบคุณป้าแก้ว จากนั้นเปิดขวดกินทันที แล้วเหลียวมองรอบๆ บริเวณบ้านหลังนี้ไม่มีรั้ว มองบ้านที่เขายืนตรงหน้า เป็นบ้านปูนหลังเล็กชั้นเดียว มุงด้วยสังกะสีตอนนี้เริ่มเก่าแล้ว มีเพิงยื่นมาด้านหน้า ซึ่งเป็นบริเวณที่เขายืนอยู่ และเพิงยื่นไปด้านหลัง ประตูหน้าบ้านเป็นประตูไม้บานคู่ ดูธรรมดา หน้าต่างไม้เก่าๆ ไม่มีลวดลายอะไร
แล้วคู่กรณีเขาอยู่ไหน วายุเริ่มมองหา
พลันสายตาปะเข้ากับเพิงพักจั่วสามเหลี่ยม มุงด้วยหญ้าคา อยู่ข้างๆ แต่เยื้องหลังบ้านนิดหนึ่ง ใต้เพิงมีแคร่ไม้วางอยู่ ส่วนเสาที่เป็นฐานของเพิงมีเปลผูกอยู่ 2ผืน อีกเปลว่างเปล่า ส่วนเปลที่รับนํ้าหนักน่าจะใช่เกสร วายุคิดในใจ
ป้าแก้วเชิญให้ยายกินหมากด้วยกัน นางมองผู้มาเยือนสูงวัย อายุน่าจะเข้าเลข 7 กว่าๆ แล้ว ผมขาวโพลนทั้งหัว หน้าตาดูมีสง่าราศี รูปร่างท้วม
ผิวขาว แล้วชุดที่ใส่มานั้น เป็นเสื้อและกางเกงสีเดียวกันคือสีฟ้าลายดอก
เป็นเสื้อคอกว้างแขนปล่อย ส่วนกางเกงคลุมหัวเข่า รองเท้าแบบสวมสีดำ ป้าแก้วคิดในใจ ยายของวายุคงฐานะดี
ยายไสวกินหมาก แล้วพิจารณาเจ้าของบ้าน ตัวผอมเล็ก ผมสั้นเลยหู หน้าตาดูธรรมดา ผิวดำ ดูจากการแต่งตัว เสื้อคอกระเช้าสีขาวหม่น
ผ้าถุงลายไทย รองเท้าพลาสลอนตราดาวโคจร มองจากสภาพรองเท้า
น่าจะใช้การนานโขอยู่ มองรวมถึงที่อยู่อาศัย น่าจะขัดสน หรือว่านางเป็น
ผ้าขี้ริ้วห่อทอง ยายไสวคิดในใจ
“บ้านร่มรื่นดีนะแม่แก้ว ต้นไม้เยอะ อากาศก็เย็นสบาย” ยายหันมองรอบๆ
“มาอยู่ที่นี่ฉันก็เริ่มปลูกเลย ได้กินได้ขายมานานแล้ว”ป้าแก้วมองผลงานที่นางปลูก
“แม่แก้วมาอยู่ที่นี่นานหรือยัง” ยายมองที่นาที่อยู่ข้างบ้าน
“ตั้งแต่แต่งงานกับพ่อของเก๋ ปู่กับย่าเขาแบ่งที่ให้”ป้าแก้วเล่าความเป็นมาของที่ดิน
“พ่อของลูกไม่อยู่หรือ” ยายสงสัย
“เสียไปตั้งแต่เก๋กับ กุ้ง ยังเล็กอยู่”กุ้งคือน้องชายของเกสร ซึ่งตอนนี้ก็แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว
ป้าแก้วขยายความ
“เจ้าตัวอยู่ไหนหนอ” ยายไสวมองหาเกสร
“ขดตัวอยู่ในเปลโน่น ตั้งแต่เที่ยงยันจะเย็นอยู่แล้ว ไม่ยอมลุกสักที” ป้าแก้วบอกเปรยบ่น
ยายไสวมองไปที่เปล มีต้นมะม่วงต้นใหญ่ ปลูกใกล้กันพอสมควร และมีหลายต้นด้วย แถมตอนนี้่มีลมพัดเบาๆ “ก็บรรยากาศมันน่านอน”
ยายไสวเสริม
“เก๋ ลุกได้แล้ว” ป้าแก้วตะโกนเรียกจากหน้าบ้าน “แล้วมาหาแม่ด้วย” นางสั่งลูกสาว
เกสรลุกแต่ยังนั่งแช่ในเปลต่อ มองมาหน้าบ้าน เห็นวายุนั่งอยู่บนแคร่ ส่วนผู้หญิงสูงวัยที่กำลังกินหมากกับแม่ของเธอ น่าจะเป็นญาติของวายุ เกสรควานหายาดมมาสูด แล้วเดินไปหาแม่ที่หน้าบ้าน
วายุเหลือบมองหญิงสาวคู่กรณีที่กำลังเดินมา ประเมินจากสายตา ความสูงน่าจะไม่ถึง 155 เตี้ยมากสำหรับเขา ปัดทิ้งไปได้เลย ผมดำยาวมัดรวบไว้
หน้าตาพอผ่าน ตัวเล็ก เอวเล็ก เสื้อที่เธอใส่นั้นเป็นเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวธรรมดา กางเกงขาสั้นสีดำเลยเข่า รองเท้าแตะแบบสวม ที่หาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป ยิ่งเกสรเดินมาใกล้ วายุยิ่งแอบจ้อง ถึงผิวไม่ขาวมากแต่ก็ยังเนียนอยู่
แม่แก้วบอกให้เกสรไหว้ยายไสว และบอกว่าเป็นยายของวายุ
วายุเตร่ไปเตร่มาแถวนั้น
เกสรเหลือบมองวายุ ผู้ชายอะไรตัวสูงใหญ่ ผมดำตัดสั้น ใบหน้าหล่อเหลา
ผิวขาว แต่ดูมาดกวน มาดนักเลง เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่มานั้น คงมีราคา แถมมีกระเป๋าสีดำเล็กๆ คาดที่หน้าอกด้วย
“ไหน ยายดูซิ ค่อยยังชั่วหรือยัง” ยายไสวจับแขนเกสรดูบาดแผล
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะยาย หนูหายดีแล้ว” เกสรมองยายไสว ดูๆไป หน้าก็คล้ายวายุอยู่เหมือนกัน
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ถ้าแบบนั้น เรื่องที่วายุชน หนูจะว่ายังไงจ๊ะ” ยายไม่อ้อมค้อม
“เขาไม่ได้ชน หนูล้มก่อนหน้านั้นแล้วค่ะ” เกสรตอบตามตรง
วายุที่เตร่อยู่แถวนั้น แทบไม่เชื่อหู
“หนูแน่ใจหรือ” ยายของวายุยํ้าอีกรอบ
“ค่ะ แน่ใจ ยายสบายใจได้” เกสรยิ้มให้ยาย
“ฉันขอโทษแทนลูกที่ทำให้ทุกคนเสียเวลา” ป้าแก้วมองมาทางยายไสวกับวายุ
“ดีแล้ว ที่เราตกลงด้วยดีกันทั้งสองฝ่าย ไม่ถือโทษโกรธเคืองกัน วันข้างหน้าหากเจอกันที่ไหน จะได้มองหน้ากันสนิท เอาแบบนี้นะ วันอาทิตย์หน้า
ยายจะมาทำขวัญให้หนู” ยายจับมือเกสรแล้วยิ้มให้อย่างเอ็นดู
วายุแอบไม่พอใจ “เขาต่างหากที่ต้องทำขวัญใ้ห้ผม” ได้แค่คิดไม่กล้าพูดออกไป
พอดีชาวบ้านแถวนั้นรุ่นๆป้าแก้วเดินมา เพื่อจะถามไถ่เรื่องราว และก็มากินหมากด้วย วายุเห็นดังนั้นจึงเลี่ยงออกไปที่ทางหน้าบ้าน จากนั้นเดินเล่นดูวิวทิวทัศน์บริเวณนี้ ชายหนุ่มเลี่ยงมาไกลประมาณ 10 เมตรเห็นจะได้มองไปที่หน้าบ้านป้าแก้วอีกที ยังเห็นยายยังคุย และกินหมากอยู่ จึงล้วงเอาบุหรี่ที่อยู่ในกระเป๋าคาดอก ออกมาสูบ พลางนึกถึงเรื่องราวของตนที่ผ่านมา ย้อนไปเมื่อเกือบสองเดือนก่อน ยังไม่ทันได้ฉลองปีใหม่กับเพื่อน
ต้องมีเหตุได้มาอยู่กับยาย ตอนนี้เกือบจะปลายกุมภาพันธ์แล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาเที่ยวเตร่สนุกสนาน อยู่กับเพื่อนที่ชลบุรีโน่น แต่กุมภาพันธ์ปีนี้
เขากลับเดินตามยายต้อยๆ เพื่อมาที่บ้านแม่หม้ายที่อยู่ในหลืบ
ชายหนุ่มมองท้องฟ้าและพื้นดิน บรรยากาศที่นี่ก็ดีอีกแบบ
กลุ่มกินหมากได้สลายตัวแล้ว แต่ยายเดินตามป้าแก้วไปที่หลังบ้าน
โดยมีเกสรเดินตามหลังยายไปอีกที
ที่บริเวณหลังบ้านเยื้องกับเพิงนั่งเล่น ป้าแก้วกำลังเก็บใบพลูที่ไว้กินกับหมาก ให้ยายก่อนที่จะกลับบ้าน ส่วนเกสรไปนั่งที่เปลแล้วสูดยาดม
วายุมองแต่ไกล “ติดยาหรือนี่”
“พลูที่นี่สวยใบใหญ่ดีนะแม่แก้ว” ยายไสวมองพลูที่ขึ้นดีของแม่แก้ว
เป็นพลูรวงใหญ่ มีขอนไม้หลายขนาด ตั้งไว้ให้พลูเลื้อย
ยายมองไปด้านหลังอีก มีพืชผักสวนครัวปลูกเต็มบริเวณนั้น
“แม่แก้วคงไม่ต้องซื้ออะไรอีกแล้ว” ยายแซว
“มีเกลือ กับผงชูรสและเครื่องปรุง ที่ต้องซื้อ”ป้าแก้วตอบอย่างอารมณ์ดี
ยายบอกแม่แก้วว่าใบพลูที่เก็บเยอะแล้ว นางจึงหยุดและเอาใบพลูที่เก็บได้
มาไว้ที่แคร่ตรงเพิง จากนั้นก็เรียงไห้ไปในทิศทางเดียวกัน แล้วไปเด็ดใบตองมาห่อ จากนั้นก็ถามยายไสวซี่งกำลังสนใจ ต้นไม้ที่ปลูกอยู่หลังบ้าน
“จะเอามะม่วงไปกินบ้างไหม จะให้เก๋เก็บให้”
ยายไสวเดินมาที่เพิงพักมีเปลผูก
แล้วนั่งบนแคร่ แล้วเงยมองต้นมะม่วง ซึ่งแต่ละต้นกำลังออกผล “เอาไว้คราวหน้า”
วายุมองมาจากทางหน้าบ้านของแม่แก้ว เห็นยายนั่งอยู่ตรงเพิงเลยเดินมาหา ถือวิสาสะนั่งเปลที่ว่าง เกสรได้กลิ่นบุหรี่ลอยมาจากตัวเขา เผลอสูดยาดมอีกครั้ง
“เก๋ จะไปทำงานเมื่อไหร่” ยายไสวถาม
“พรุ่งนี้ค่ะ” ตอบยายเสียงหวาน แต่สายตาตำหนิหลานเรื่องกลิ่นบุหรี่
“หนูทำงานอะไร แล้วทำที่ไหน” ยายถาม คนที่เงี่ยหูฟังคือวายุ
“งานเย็บผ้าโหล อยู่ใกล้ๆ ตัวอำเภอ บ้านเรานี่แหล่ะค่ะ”เกสรตอบยาย
วายุที่ได้ยิน สาวโรงงานหรือนี่
“หนูไปทำงานยังไงจ๊ะ” ยายถาม
“หนูขับรถมอเตอร์ไซค์ไปทำงานเองค่ะ” เกสรบอกยาย
จากนั้นยายไสวได้ถาม เส้นทางการเดินทางของเธอ
พอได้คำตอบจากเกสร คุณยายรัองอ๋อ
“ทางเดียวกันกับวายุนะสิ เขาทำงานที่อู่ซ่อมรถยนต์แถวนั้น
ชื่ออู่ เจริญการช่าง หนูพอรู้จักไหม”
เกสรพยักหน้ารับ ทางผ่านไปที่ทำงานของเธอ ไม่ยักรู้ อีตามาดกวนทำงานอยู่ที่นี่
“หนูเข้างานแบบไหนจ้ะ” ยายไสวถาม แต่วายุรู้สึกอยากรู้เช่นกัน
“เข้าแปดโมงเช้า ออกห้าโมงเย็น ถ้ามีโอทีก็ทำต่ออีกค่ะ” เกสรตอบยาย
วายุรู้สึกได้ข้อมูลเพิ่ม
“ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร หนูออกสายได้สิ เพราะทางที่ผ่านมา ส่วนมากจะเป็นทุ่งนา กับหมู่บ้าน วายุก็เข้างานแปดโมงเช้าเหมือนกัน
ออกจากบ้านเจ็ดโมงกว่าโน้น”ยายไสวคาดคะเนการเดินทางไปทำงานของเกสร
“ผิดคาดเลย เก๋ขับรถช้ามาก ออกจากบ้านตั้งแต่หกโมงนิดๆ” แม่แก้วเสริม
“ทำไมจ๊ะ” ยายไสวสงสัย
“ก็มันยังขับรถไม่คล่องนะสิ” แม่แก้วมองลูกสาว วายุยิ้มเยาะในใจ เขาเคยประจักษ์สายตามาแล้ว
“ไม่น่าเชื่อ สมัยนี้เด็กประถมบางคนก็ขับได้แล้ว” ยายไสวไม่อยากเชื่อว่าเกสรขับมอเตอร์ไซค์ไม่คล่อง
“ตอนอยู่กับผัวแทบจะไม่ได้ขับ อาศัยซ้อนท้ายเขาตลอด พอมาอยู่คนเดียวเหมือนเริ่มใหม่ สู้ไอ้จ้อยหลานแม่แจ่มไม่ได้ แค่สิบขวบขับคล่องกว่า
ตั้งเยอะ” แม่แก้วเล่าเรื่องการขับรถของลูกสาว และยกตัวอย่างเด็กที่อยู่แถวนี้ให้ฟัง วายุที่ได้ยิน
แอบคิด พึ่งพาแต่ผัว อยู่คนเดียวลำบากสิถ้า แต่ก็ยังดีสามารถบังคับรถให้ถึงที่ทำงานได้ แม้จะใช้เวลามากก็ตาม
ยายกับแม่แก้วยังคุยต่อได้อีก
วายุเห็นดังนั้นเลยลุกจากเปล แล้วไปสูบบุหรี่ที่เดิม
เกสรที่ในเปลแอบมองแล้วค่อนแคะ”ขยันบริหารปอดนะนายคนนี้”
ยายไสวส่ายหน้าเมื่อเห็นหลานชายไปสูบบุหรี่ “รายนี้เตือนไม่ฟัง
เผลอไม่ได้เลย บางทีก็หนักใจกับเขาเหมือนกัน”
แม่แก้วสงสัย นางรู้สึกว่าวายุไม่มีอะไร “ทำไมหล่ะ”
“ อยู่กับพ่อแม่มันมีแต่จะสร้างเรื่อง ล่าสุดก่อนที่มาอยูที่นี่ เห็นพ่อมันบอก
ไปตีกับผัวชาวบ้านสงสัยจะอยากได้เมียเขา ฉันกลัวมันจะเอาสันดานเก่ามาใช้ที่นี่นะสิ” ยายไสวแอบหวั่นใจวายุ
เกสรแอบยิ้มพลางสมนํ้าหน้าวายุในใจ ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย
โชคดีแค่ไหน หัวกบาลไม่แตก ยังรอดมาอยู่กับยายได้
ยายไสวคุยกับแม่ต่อสักครู่ จึงขอตัวกลับ
วายุเห็นยายเดินมาพร้อมป้าแก้วและเกสร จึงเตรียมรถ
เขาเห็นเกสรถืออะไรเขียวๆในมือมาด้วย
วายุลงมาจากรถแล้วเปิดประตูให้ยาย
ยายนั่งบนรถเรียบร้อยแล้วหันมาบอกแม่กับเกสร
“ยายกลับก่อน วันอาทิตย์หน้าจะมาใหม่”
แม่และเกสรไหว้ยาย โดยที่เกสรไม่ลืมให้ของฝากยาย
วายุปิดประตูรถให้ยายแล้วไหว้ป้าแก้ว “ผมกลับนะครับ”
ป้าแก้วอวยพรให้เขาโชคดี
วายุเหลือบมองเกสรที่ทำท่าไม่สนใจขณะที่เขารํ่าลาป้าแก้ว
แล้วคิดในใจ “ดูทำท่า ยังกับตัวเองสวยตาย ยายหนอยาย
เขาไม่เอาเรื่องแล้ว ไม่รู้จะอยากมาทำไมอีก”