"วายุฉัน" เกสรพูดไม่ออก วายุยิ้ม ในที่สุดก็ยอมโผล่หัว จึงแกล้งพูดออกไป "แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหรอ ไปหลอกที่อื่นไป" วายุวางหูทันที เกสรตกใจโทรเข้าไปอีก วายุไม่สนใจแต่ไปนอนข้างลูก "พ่อจะทำให้แม่ศิโรราบให้ได้ฐานพรากเราพ่อลูก" เกสรโทรเข้าไปอีก" นายจะเอาลูกไปไม่ได้" วายุถาม "ใครมีปัญหา" "ฉันจะไปเอาลูกคืน" เกสรโกรธแค้น" "ใครกล้าลองดีกับผมก็เชิญ ขืนบุกรุกเข้ามาผมแจ้งจับหมดไม่มีกรณียกเว้น"
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ครอบครัว,เรื่องสั้น,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โทษฐานของการรู้จัก"วายุฉัน" เกสรพูดไม่ออก วายุยิ้ม ในที่สุดก็ยอมโผล่หัว จึงแกล้งพูดออกไป "แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหรอ ไปหลอกที่อื่นไป" วายุวางหูทันที เกสรตกใจโทรเข้าไปอีก วายุไม่สนใจแต่ไปนอนข้างลูก "พ่อจะทำให้แม่ศิโรราบให้ได้ฐานพรากเราพ่อลูก" เกสรโทรเข้าไปอีก" นายจะเอาลูกไปไม่ได้" วายุถาม "ใครมีปัญหา" "ฉันจะไปเอาลูกคืน" เกสรโกรธแค้น" "ใครกล้าลองดีกับผมก็เชิญ ขืนบุกรุกเข้ามาผมแจ้งจับหมดไม่มีกรณียกเว้น"
อีสานบ้านทุ่ง ถนนสายหลักหน้าหมู่บ้านที่จะเชื่อมโยงไปหมู่บ้านอื่น
บ่ายแก่ๆของวันหยุด ชายหนุ่มขับรถด้วยอารมณ์สุนทรี วันนี้อารมณ์เบิกบานแจ่มใส เพราะได้นัดหวานใจเอาไว้ แต่ว่ามีใครก็ไม่รู้ขี่มอเตอร์ไซค์ทำท่างกๆ เงิ่นๆ อารมณ์ประมาณคนแก่ที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ตามบ้านนอกมาดับฝันเขา
เอี๊ยด โครม เสียงเบรครถยนต์กับแรงปะทะรถมอเตอร์ไซด์เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
“เกมส์จนได้ อุตส่าห์ดูฤกษ์งามยามดีแล้ว ป้านะป้าเดือดร้อนผมไหมเล่า”
ชายหนุ่มลงมาจากรถกระบะแคบสีดำเพื่อมาดูคนเจ็บ สักพักก็ไม่รู้ใครต่อใครในละแวกบ้านนั้นทยอยมาดู รู้จริงมั่งไม่จริงมั่งแต่ก็สันนิษฐานกันไป แต่ที่ได้ยินชัด “ใครชนใคร”เสียงจากไทยมุง คนที่มาก่อนตอบ
“ผู้ชายไม่รู้จักแต่ผู้หญิงที่โดนชนลูกสาวป้าแก้วคนบ้านเรา แต่อยู่คุ้มหนองหว้า” อีกเสียง”อะไรนะลูกป้าแก้วโดนรถชน เวรกรรมโดนผัวทิ้งไม่พอ ยังจะมาโดนรถชนอีก น่าสงสารจริงๆ”
ชายหนุ่มที่โดนตราหน้าหาว่าชนลูกสาวป้าแก้วคิดในใจ
“คนที่น่าสงสารคือผมต่างหาก ที่โดนยายแม่หม้ายขัดฤกษ์”
แค่หน้าและมาดกวนๆของเขาบางคนสันนิษฐาน
“อารมณ์ประมาณวัยรุ่นใจร้อน สงสัยจะรีบตามควาย”
ชายหนุ่มแอบเคืองและเถียงในใจ
“ผมตามผู้หญิงต่างหาก ตามควายให้มันเสียเวลาเล่นทำไม”
แต่ก็เอ๊ะในใจ เขามาอยู่กับยายที่นี่ได้แค่สองเดือน ออร่าชาวนา
เปล่งประกายขนาดนี้เชียวรึ ถ้าหากเขาอยู่ต่อไปนานกว่านี้หล่ะ
รัศมีชาวนาจับไปทั้งตัวแน่
จากนั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์การชนดังไปทั่ว
ไม่นานป้าวัย 60 แม่ของคนเจ็บก็มาถึง
“เก๋ เป็นไงบ้างลูก”
ชายหนุ่มมองหน้าแม่คนบาดเจ็บ เป็นคนแก่ชาวบ้านทั่วไป ตัดผมสั้นเลยหู ผมดำแซมสีดอกเลา สวมเสื้อลูกไม้เก่าๆ นุ่งผ้าถุงซิ่นไหม ดูริมฝีปากคงเคี้ยวหมากเหมือนยายของเขา
รถมารับคนบาดเจ็บไปโรงพยาบาล
วายุ ทำหน้าเบื่อ “อะไรวะเนี่ย”
สองอาทิตย์ต่อมา ที่คุ้มหนองหว้า เป็นคุ้มที่แยกออกมาจากหมู่บ้านใหญ่มีบัานประมาณ 20 หลังคาเรือน หนึ่งในนั้นคือบ้านของป้าแก้ว หรือยายแก้ว แม่หม้ายผัวตายตั้งแต่ลูกยังเล็ก คนโตคือ เกสร วัย 35 ซึ่งตกพุ่มหม้ายได้ไม่กี่เดือน คนเล็ก กิตติ หรือ กุ้ง วัย 32 ลูกชาย
ลูกทุกคนของยายแก้วออกเรือนไปหมดแล้ว
ก่อนหน้านี้ยายแก้วอยู่คนเดียว แต่พอเกสรผัวบอกเลิกแบบสายฟ้าฟาด
เธอจึงกลับมาพึ่งใบบุญของแม่อีกครั้งหนึ่ง
สิบปีก่อนโน้นเกสรดีใจนักดีใจหนา ที่ได้ออกเรือนไปทำหน้าที่ภรรยาที่ดี
ที่บัานสามี แต่สิบปีให้หลังเธอก็ต้องหอบความเจ็บชํ้ากลับมา
“เก๋ ไอ้หนุ่มนั่นมันชนเอ็งเหมือนกับที่ชาวบ้านเขาพูดหรือเปล่า”
แม่แก้วเคี้ยวหมากด้วยถามลูกสาวด้วย
“ฉันไม่แน่ใจนะแม่ คอยดูว่าทางฝ่ายโน้นเขาจะว่าไง”
เกสรก็ไมรู้ว่าเธอล้มได้อย่างไร
“ไปทำงานก่อสร้างกับน้องชายเอ็งที่ชลบุรีไหม ตั้งแต่มาอยู่กับแม่เอ็งนี่ซึมตลอด เลิกกันกับผัวแล้วก็ตาม แต่ยังทำงานที่เดียวกัน เห็นหน้ากันทุกวัน สุขภาพจิตจะแย่ลงนะ” ยายแก้วหาทางออกให้ลูกสาว
“ไม่เป็นไรฉันขอทำงานที่นี่แหล่ะ จะได้อยู่ใกล้แม่ด้วย” ข้ออ้างของเกสรแท้ที่จริงแล้วยังลืมอดีตสามีไม่ได้
หมู่บ้านคุ้มกลาง ที่บ้านหลังหนึ่ง วายุ วัย 30 กำลังโทรศัพท์หาพ่อ
“พ่อครับผมอยากกลับชลบุรีแล้ว”
ผู้เป็นพ่อห้าม “อย่าเพิ่งมาเลยลูก พ่อขอร้อง อยู่กับยายก่อน แกไปสร้างวีรกรรมอะไรไว้อีกหรือเปล่า”
“แต่คราวนี้ผมไม่ผิดนะพ่อ คนอะไรขับมอเตอร์ไซค์อย่างกับงูเลื้อย ไม่พอยังมาล้มโชว์ต่อหน้าผมอีก ดีนะที่ผมเบรคทัน ไม่อย่างนั้นยายคนเนี้ยเดี้ยงแน่ แต่ยายสิครับจะทําขวัญให้เขา” วายุฟ้องพ่อ
“สรุปที่แกโทรหาพ่อ ขอเงินว่างั้นเถอะ” พ่อสรุป
“ถ้าไม่ไช่เรื่องเงิน แล้วผมจะโทรไปให้เสียเวลาทำไมครับ พ่อไม่ให้ก็ได้นะ ผมก็จะกลับชลบุรี วันนี้แหละ” วายุขู่พ่อ แต่ก็ได้ผล
“ยังไม่ต้องมานะลูก อยู่กับยายที่โน่นไปก่อน พ่อโอนให้เดี๋ยวนี้แหละ” พ่อรีบโอนเงินเข้าบัญชีลูกชายบังเกิดเกล้า
วายุยิ้มอย่างพอใจ “กราบงามๆครับคุณพ่อ ที่เมตตาลูก ตกลงผมจะอยู๋ที่นี่ต่อก็แล้วกัน”
“ต่อไปแกก็ระวังให้มากกว่านี้ มีสติให้มากกว่านี้” พ่อสั่งสอนลูกชาย
“โธ่ พ่อครับ ผมไม่รู้จะระวังยังไงอีก บางทีขับรถอยู่ดีๆ วัวควายก็โผล่มาซะงั้น อ้อ แมวหมาก็มีนะพ่อ ตอนนี้ผมเกือบจะหลอนแล้ว เดี๋ยวนี้แม้แต่กิ้งกือที่เดินตามถนน ผมแทบจะหยุดรถให้เลย” วายุครํ่าครวญเรื่องการขับรถให้พ่อฟัง
“ถึงเป็นแบบนั้นแกก็ต้องระมัดระวัง ใจเขาใจเรา แล้วคนที่แกเสยจากด้านหลัง ผู้หญิงหรือผู้ชาย” พ่อวีระถาม
“แม่หม้ายผัวทิ้ง ผมได้ยินชาวบ้านเขาพูดกัน ตอนรถล้ม” วายุบอกพ่อแบบไม่ใส่ใจ
พ่อหัวเราะลั่น “ดวงท่าจะสมพงศ์กัน”
วายุไม่ขำด้วย “พ่ออย่ามาล้อเล่นน่า ผมไม่อยากจะคุย ลูกชายคนเดียวของพ่อคนนี้ มาอยู่อีสานกับยายไม่นานก็จริง แต่ก็มีหญิงโสดสาวและสวย มาชอบพอยู่บ้าง แต่ถ้าหากแม่หม้ายคนนี้ไม่มาดับฝัน พ่อจะเห็นรูปคู่ก่อนใคร” วายุคุยโวให้พ่อฟัง
“เอาหล่่ะวา เงินก็ได้แล้ว ดูแลยายแทนพ่อแทนแม่ด้วย แค่นี้นะ” พ่อวีระวางสาย ชายวัย 58 ตัวสูงใหญ่ ร่างท้วมนิดๆ ลงพุงหน่อยๆ กำลังเหม่อถึงลูกชาย ทำไมเขาจะไม่รู้สันดานลูกชายของเขา ก็เพราะว่าอยู่ที่นี่วายุเกเรมาก มักจะมีเรื่องให้ปวดหัวประจำ กินเหล้า เที่ยวเตร่ ถ้าไม่เลยเที่ยงคืนก็อย่าหวังว่าจะเข้าบ้าน ทำงานที่ไหนก็ไม่เคยทน มักจะมีเรื่องทะเลาะกับเพื่อนร่วมงานประจำ ล่าสุดที่หนีหัวซุกหัวซุนไปอาศัยบารมียายที่อีสาน เพราะว่าดันไปชอบสาวที่ทำงานด้วยกัน โดยหารู้ไม่ว่าเขามีผัวแล้ว เพราะสาวเจ้าดันบอกว่าตัวเองโสด ความแตกเมื่อมีพรายกระซิบ ไปบอกผัวสาวเจ้า วายุเกือบจะโดนจัด เคราะห์ดีที่หนีได้ทัน แต่ก็ประกาศกร้าว ถ้าเจอวายุที่ไหน เตรียมเฝ้ายมบาลได้เลย พ่อกับแม่กลัวลูกชายคนเดียวลาโลกก่อนวัยอันควร จึงตัดสินใจให้ไปอยู่กับยายที่อีสาน
“พ่อ ลูกโทรมาไช่ไหม” ยุพิน ภรรยา วัย 53 ของเขาถาม
วีระพยักหน้าตอบ มองดูภรรยาเขาที่ดูสวยสมวัย เขากับเธอยู่ด้วยกันมาราว 30 กว่าปีเห็นจะได้ เธอเรียบร้อยเป็นแม่บ้านแม่เรือน ส่วนเขาก็เป็นผู้นำครอบครัวที่ดี แล้ววายุได้เลือดนักเลงมาจากไหน
บ้านคุ้มกลางที่วายุกับยายอาศัยอยู่ เป็นบ้านหลังใหญ่ครื่งไม้ครึ่งปูน ด้านล่างก่อปูนมิดชิด หน้าบ้านต่อเพิงจั่วสามเหลี่ยม มีแคร่ไม้ขนาดวางไว้ตรงเพิง แขกไปใครมาไว้คอยต้อนรับ และเป็นที่กินหมากประจำของยาย ส่วนบ้านที่อยู่ใกล้บ้านของยายนั้น ถ้าเดินประมาณ 10 ก้าว คือบ้านของลุงวายุ สองบ้านนี้รูปทรงเหมือนกัน แตกต่างกันเฉพาะสีที่ทาเท่านั้น บ้านของยายทาสีฟ้า ส่วนบ้านของลุงทาสีไม้ แต่ก็มีรั้วไม้เตี้ยๆกั้นอาณาเขต
ระหว่างสองบ้าน ยายเคยบอกวายุ “เวลายายตายแม่เอ็งกับลุงจะไดัไม่ต้องทะเลาะกัน”
คุณยายไสว วัย 75 ผู้มั่งคั่งในหมู่บ้านได้รับอุปการะหลานชายที่ส่งตรงมาจากชลบุรี เพื่อกบดานศัตรูชั่วคราว ด้วยที่ฐานะ ยายไสวจึงเป็นที่นับหน้าถือตา จากคนในหมู่บ้านและละแวกใกล้เคียง พอวายุมาอยู่ที่นี่ ยายจึงฝากงานที่อู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งใกล้ตัวอำเภอ เจ้าของอู่จำใจยอมรับวายุเข้าทำงาน เพราะได้กู้เงินยายไปลงทุนทำอู่
ส่วนวายุตั้งแต่มาอยู่กับยาย ก็รู้จักปรับเนื้อปรับตัว ทำงานได้ไม่มีปัญหา เพื่อนร่วมงานก็ไม่มีทะเลาะแต่อย่างใด แต่ดันมีปัญหากับ
“ยายครับ คู่กรณีผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว เราไปคุยให้มันจบๆ เลยดีกว่า” วายุ ชายหนุ่ม ปรึกษายาย
“ทางโน้นให้เราไปคุยหรือ” ยายที่นั่งกินหมากบนแคร่ที่หน้าบ้าน ถามหลานชาย
“เปล่าครับ ผมรู้สึกว่าทางโน้นเขาเงียบผิดปรกติ ไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ ผมถึงอยากรู้ ว่าเขาจะเอายังไง”
วันอาทิตย์ต่อมา วายุพายายเดินทางมาที่บ้านของป้าแก้ว ที่หมู่บ้านหนองหว้า ซึ่งอยู่ห่างจาก คุ้มกลาง 5 กิโลเมตร วายุแวะปรึกษาผู้ใหญ่บ้าน
ท่านบอกว่าให้เจรจาไกล่เกลี่ยกันก่อน
คุ้มหนองหว้าที่ป้าแก้วอยู่นั้น แยกออกมาจากหมู่บ้านใหญ่ เข้าซอยประมาณ 1 กิโลเมตร ถนนทางเข้าเป็นหินคลุก ข้างทางส่วนมากเป็นทุ่งนา แต่ก็มีบ้างที่เป็นป่ายูคาลิปตัส ที่เขารู้ทางเพราะเคยมารับมาส่งป้าแก้ว ตอนที่ลูกสาวนอนรักษาตัว ที่โรงพยาบาล และอีกครั้งเมื่อมาส่งป้าแก้วและลูกสาวตอนออกจากโรงพยาบาล
วายุจอดรถยนต์ข้างทาง หน้าบ้านป้าแก้ว แล้วเดินอ้อมรถไปประคองยาย ที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถ จากนั้นก็จับมือยายพาเดินไปบ้านป้าแก้ว
“วา เป็นอะไร จับมือยายทำไม ยายเดินเองได้ ทำท่าแปลกๆนะเรา”
วายุก็ไมรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเหมือนกัน อยู่ๆ ก็ประหม่าและตื่นเต้น ก็แค่มาบ้านคู่กรณี กระแอมเบาๆ สองทีไล่ความรู้สึก แล้วตามหลังยายไปบ้านป้าแก้
ว