"วายุฉัน" เกสรพูดไม่ออก​ วายุ​ยิ้ม​ ในที่สุดก็ยอมโผล่​หัว​ จึงแกล้ง​พูดออกไป​ "แก๊ง​คอลเซ็นเตอร์​เหรอ​ ไปหลอก​ที่อื่น​ไป" วายุวางหูทันที​ เกสรตกใจโทร​เข้าไป​อีก​ วายุ​ไม่​สนใจ​แต่ไปนอนข้างลูก​ "พ่อ​จะทำให้แม่ศิโรราบ​ให้ได้ฐาน​พรากเราพ่อลูก" เกสรโทรเข้าไป​อีก​" นายจะเอาลูกไปไม่ได้" วายุ​ถาม​ "ใครมีปัญหา" "ฉันจะไป​เอาลูก​คืน" เกสร​โกรธ​แค้น​" "ใคร​กล้า​ลองดีกับผมก็เชิญ​ ขืน​บุก​รุกเข้ามา​ผมแจ้งจับหมดไม่มี​กรณียกเว้น​"

โทษฐานของการรู้จัก - 3 เหตุการณ์​ไม่​คาดฝัน โดย ฟ้าเดือนหก @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ครอบครัว,เรื่องสั้น,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โทษฐานของการรู้จัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ครอบครัว,เรื่องสั้น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

โทษฐานของการรู้จัก โดย ฟ้าเดือนหก	 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"วายุฉัน" เกสรพูดไม่ออก​ วายุ​ยิ้ม​ ในที่สุดก็ยอมโผล่​หัว​ จึงแกล้ง​พูดออกไป​ "แก๊ง​คอลเซ็นเตอร์​เหรอ​ ไปหลอก​ที่อื่น​ไป" วายุวางหูทันที​ เกสรตกใจโทร​เข้าไป​อีก​ วายุ​ไม่​สนใจ​แต่ไปนอนข้างลูก​ "พ่อ​จะทำให้แม่ศิโรราบ​ให้ได้ฐาน​พรากเราพ่อลูก" เกสรโทรเข้าไป​อีก​" นายจะเอาลูกไปไม่ได้" วายุ​ถาม​ "ใครมีปัญหา" "ฉันจะไป​เอาลูก​คืน" เกสร​โกรธ​แค้น​" "ใคร​กล้า​ลองดีกับผมก็เชิญ​ ขืน​บุก​รุกเข้ามา​ผมแจ้งจับหมดไม่มี​กรณียกเว้น​"

ผู้แต่ง

ฟ้าเดือนหก

เรื่องย่อ

สารบัญ

โทษฐานของการรู้จัก-ตอนที่1 โคจรพบกัน,โทษฐานของการรู้จัก-2 เริ่มรู้จัก,โทษฐานของการรู้จัก-3 เหตุการณ์​ไม่​คาดฝัน,โทษฐานของการรู้จัก-4 ความช่วยเหลือ

เนื้อหา

3 เหตุการณ์​ไม่​คาดฝัน

ตีห้ากว่า​ของเช้าวัน​จันทร์​ เกสรตื่นเต้น​ วันนี้​เป็นวันแรกของการทำงาน​ หลัง​จากหยุดยาวเป็นอาทิ​ตย์ นาฬิกา​ในโทรศัพท์มือถือ​ ที่เธอตั้งเวลาใว้

ยังไม่ปลุก​ เเต่ที่ทำให้ตื่นก่อนเวลาที่ตั้งไว้คือ​ เสียงนกเสียงกา และเสียงไก่แถวนี้​ มองเวลาที่ตั้งไว้​ เหลืออีกนาน​ แต่ก็จำใจลุกขืนนอนต่อ​ มีหวังเตลิด​แน่​ เดินมาที่ห้องนํ้า​ ซึ่ง​อยู่เยื้อง​ครัวมาข้างนอกนิดหน่อย​ ถึง​จะเป็นหน้าร้อน​ แต่อากาศ​ตอนตีห้า​กว่า​ ทำให้เกสรปากสั่นเหมือนกัน​

กระชับผ้าถุง​กระโจมอก​ ผ้าขนหนูคลุมไหล่ เดินมาในห้องนอนอีกครั้งเพื่อแต่งตัว​ ภายในห้องนอนของเกสรเป็นห้องเล็ก​ๆ​ มีเพียงฟูก​ หมอน​ และผ้านวมผืนเล็ก​ สำหรับนอนคนเดียว​ มีตู้เสื้อผ้า​น๊อคดาวน์สองประตู​ ประตูด้านหนึ่งเป็นกระจกอยูดัานนอก​ และ​มีลิ้นชัก​อยู่ด้านล่างอีกสามอัน​ ส่วนที่เอาไว้ดับร้อนเวลาเธอนอนคือพัดลมสีขาวเครื่องเก่าๆ​ ​ สนนราคาก็ไม่กี่ร้อย​ แต่งตัวเสร็จแล้ว​ ออกมานอกบ้าน​ เกสร

มาในชุดยูนิฟอร์ม​ของโรงงาน​ คือเสื้อ​โปโล​สีเทาที่มีสัญญลักษณ์​ กางเกงผ้าสีดำ​ รองเท้าผ้าใบ​ แต่วันเสาร์​พนักงานสามารถใส่ชุดธรรมดา​ได้

ขอให้เป็น​ชุด​สุภาพ

เกสรเดินไปจูงมอเตอร์ไซค์​ที่อยู่​ตรงเพิงด้านหลัง​ของตัวบ้าน ออกมาไว้หน้าบ้าน​ใกล้แคร่​ ตอนนี้​แม่กำล้งชะเง้อ​มองพระ​ มาบิณฑบาต​ ซึ่งบางวันมาเร็ว​ หกโมงนิดๆก็​มาแล้ว​ หากวันไหนสายเกือบเจ็ดโมง​

เกสรกลับเข้าบ้านอีกครั้ง​ คราวนี้เธอไปหยิบกระเป๋าสะพายสีดำ​ ที่ไว้ใส่ของใช้ส่วนตัว​ เช่น​ โทรศัพท์​ ยาดม​ ยาหม่อง​ สนนราคาก็ไม่กี่ร้อย​

กระเป๋า​วางอยู่ที่แคร่ไม้​ไผ่​ ที่มีคอกกั้นไปด้านบนประมาณสองคืบ

กั้นเอาไว้สามด้าน​ แคร่​หลังนี้เปิดประตูหน้าบ้านเข้ามาก็เจอเลย

เพราะ​แม่เอาไว้นั่ง​และนอนเวลาอยู่ในบ้าน​ ข้างๆแคร่มีโต๊ะไม้วางโทรทัศน์​อยู่​ แม่บอกเกสรว่าพอแก้เหงาได้​ และที่อยู่ใกล้แคร่มากกว่า​นั้นอีก​ คือ

พัดลม​ ขนาดของพัดลมเท่ากับที่อยู่ในห้องของเกสร​ เพียงแต่ว่าเก่า

มากกว่า​เท่านั้น​

จากนั้น​ก็​หยิบ​บัตรพนักงาน​ ที่แขวนไว้ตรงที่ตะปู​ ที่ตอกไว้ริมขอบหน้าต่าง​ มาแขวนคอ​ไว้​ ก่อนจะเดินเข้าห้องอีกรอบ​ เปิดตู้เสื้อผ้า​

หยิบเอาเสื้อฮู๊ดสีดำ​ มาคลุมทับอีกที​ แล้วเขย่งเท้าหยิบหมวกกันน็อก​

ที่อยู่บนตู้เสื้อผ้า​ เดินมาที่จอดรถไว้​

“แม่​ ไปทำงานแล้วนะ” เกสร​บอกแม่​ พลาง​ใส่หมวก​กัน​น็อค​ แล้วบิดกุญแจ​รถ​ เคลื่อนรถออกจากบ้าน​ โดยไม่รอคำตอบจากแม่

แม่​แก้ว​มองตามลูกจนลับตา​ “ขับรถ​ด้วยความปลอดภัยนะ เก๋”

แม่​แก้ว​ถอนหายใจ​ “ทำงานก็เจอกัน​ แล้วมันจะลืมนิคมได้ยังไง”

แม่​แก้ว​หมายถึง​ อตีดสามีของเกสร​ ที่ทำงานเป็นช่างอยู่ในโรงงาน

     เกสรเดินทาง​มาถึงปากทาง​ หันรีหันขวาง​ ถนนโล่ง​ ค่อยๆเคลื่อน

รถ​ ออกสู่ถนนสายหลัก​ จุด​มุ่งหมาย​คือ​ โรงงานเย็บเสื้อผ้า​ ที่ตั้งอยู่ใกล้ตัวอำเภอ​ ที่เสมือน​เป็นอู่ข้าว​อู่นํ้าของเธอ​มาเกือบสิบปี

   เกสรเป็น​ลูก​หลานชาวนา​ แต่ครอบครัว​ไม่ได้มีที่ทางเยอะ​ ความรู้ไม่ค่อยมีจบแค่มัธยมต้นเท่านั้น​เธอจึงรับจ้างเป็นหลัก​ พอแต่งงาน​กับนิคม​ ทางครอบครัว​ของเขา​ก็​ไม่​มีที่ทำมาหากิน

 เหมือนกัน​ ทางบ้านของเกสร​ พอ​มีที่ทาง​ แต่ทางบ้านนิคม​ มีแต่ที่ปลูกบ้านเท่านั้น​ และที่บ้านมีแม่ของเขาอาศัย​อยู่ด้วย​ เกสรย้ายไปอยู่ที่บ้านของนิคม​ เพราะสะดวกแก่การเดินทาง​ไปทำงาน​ บ้านของเขาอยู่ห่างจากโรงงาน​ 3​ กิโลเมตร​เท่านั้น

สองสามีภรรยา​ยึดอาชีพทำโรงงาน​ที่นี่มาเป็นสิบปี​ ตอนนี้ก็ยัง​ทำอยู่ทั้งคู่​

เพียง​แต่สถานะ​เปลี่ยนไป​ เพราะ​ทั้งคู่ได้จรดปากกา​ หย่าขาดจากกัน

   สาเหตุเบื้องต้น​ เกสรไม่มีลูก​ เพราะนิคมกับแม่ของเขาอยากได้ทายาท​สืบ​สกุล​ 

     ช่วงสามปีให้หลัง​ ก่อนที่จะเลิกรา​ เกสรรู้สึกว่า นิคมเปลี่ยนไปจากเดิม

เหมือน​เขาจะ​ โมโห​หงุดหงิด​ง่าย​ หากเขาใช้ให้เธอทำอะไร​ ไม่ทันใจมีสิทธิ์

โดนตะคอก​ ช่วงหลังๆ​ ยิ่งเกิดซํ้าบ่อย​ แม้กระทั่งที่ว่า​ เกสรเป็นแค่พนักงานรายวัน​ เทียบไม่ได้กับเขาที่เป็นช่างใหญ่​ แต่เงินที่กินและใช้​ สามคนภายในบ้าน​ คือเงินพนักงานรายวัน​ ส่วนเงินเดือนช่างใหญ่​ เกสรไม่เคยเห็นสักบาท

      เกสรได้แต่แอบ​ น้อยเนื้อตํ่าใจ​ และไม่เคยเล่าให้แม่ฟัง​ หรือแม้กระทั่งเพื่อนสนิท​ อย่าง​ นิดนภา​ หรือน้อย​ และรุ่นน้องอีกคน​ ดาหวัน​ หรือหวัน

เพราะไม่อยากให้ใครมองนิคมไม่ดี

     จุดแตกหักคือ​ มีคนแอบกระซิบ​ว่านิคมแอบไปมีสัมพันธ์กับพนักงานคนใหม่​ อายุอานาม​ 20​ ต้นๆ​ เด็กกว่า​ สวยกว่า​ ตอนแรกเกสรไม่ปักใจเชื่อ

คิดว่ามีคนประสงค์ร้าย​ กับครอบครัว​ของเธอ​  

    ที่จริงนิคมนั่นแหละ​ เป็นคนให้ไปบอก​ แต่เกสรไม่เชื่อ​ เธอกลับปกป้องเขา

    นิคมจำเป็นบอกเกสรด้วยตัวเอง​   

เหมือน​ฟ้าผ่ากลางใจ เกสรนํ้าตานองหน้า​ เมื่อ​นิคมบอกว่า​ คนใหม่ที่เขาแอบคบ​ ท้องใกล้คลอดแล้ว​ พ่อแม่ฝ่ายหญิงก็เร่งรัด​ ให้เขาต้องรับผิดชอบ​ นิคมยังโทษ​เกสรอีกต่างหากว่า​ “ถ้าเก๋มีลูก​ พี่ไม่ทำแบบนี้แน่นอน

หย่าให้พี่เถอะ​”

    ราว​ 1​ กิโลเมตร​จะถึงที่ทำงาน​ เกสรสลัดความคิดเรื่องนิคมออกไป​ เวลานี้ในท้องถนน​ รถราค่อนข้างเยอะ​ เธอต้องระวังเป็นพิเศษ

   เวลาเดียวกัน​นั้น​ ชายร่างสูงใหญ่​ ขับมอเตอร์ไซค์​ 4 จังหวะ​ตระกูล​เวฟสีนํ้าเงินรุ่นใหม่​ กำลัง​จะไล่หลัง​ ขยับมาใกล้เกสร​ เขามองผ่านหมวกกันน็อก​ รถที่เกสรขับเวลานี้​ 4​ จังหวะและสีนํ้าเงิน​ เหมือนกับ​ของเขา​ เพียงแต่ว่ารถของเขารุ่นล่าสุด​ ส่วนรถเกสรน่าจะรุ่นบุกเบิก​ และเป็นรถที่เป็นข้อพิพาทกับเขาด้วย​ ชายหนุ่ม​พิจารณา​จากด้านหลัง​ “รถก็เก่า​ คนก็แก่​ ยังใช้ได้กับเกสรจริงๆ​” จากนั้น​บิดรถทะยาน​ แซงหน้าไปทัน​ที​ จุดมุ่งหมาย​ของเขาก็คือ​ อู่ซ่อมรถ​ที่อยู่​ข้าง​หน้าไม่ไกล

   เกสร​มองผู้ชาย​ที่แซงเธอเมื่อสักครู่​ หุ่นแบบนี้น่าจะใช่อีตาวายุ​ อะไรนั่นหรือเปล่า​ เห็น​เขาเลี้ยวเข้าอู่​ “ใช่จริงๆ​ด้วย” อีกใจคิดถึงไช่ก็ไม่ได้เกี่ยว​อะไรกับเราสักนิด

     เกสรเลี้ยวเข้าโรงงาน​ เอารถไปจอด​ ที่จอดสำหรับพนักงาน​

“เก๋​ มาทำงานแล้ว” เสียงนิดนภา​ดีใจเธอมาในชุดพนักงานเช่นเดียวกับ​เกสร ซึ่งเอารถ​มาจอดก่อนหน้านี้เล็กน้อย

แล้วเดินมาหาเกสร​ ที่กำลังถอดหมวกกันน็อก​ วางไว้ที่ตะกร้า​หน้ารถ

“ขอบใจมากนะน้อย​ ที่ไปเยี่ยมเรา” เกสรยิ้มให้นิดนภา​ เพื่อนวัยเดียว

กัน​กับเธอ​ ทั้งสองสนิทกันตั้งแต่เริ่มงานที่นี่​ เกสรและนิดนภาตัวเล็ก

เหมือนกัน​ ต่างกันแค่นิดนภาขาวกว่า​ และใส่แว่น​ ผมของนิดนภาดำยาวครื่งหลังมัดรวบ

ดาหวันเพื่อนรุ่นน้องเคยบอกว่า​ “ ถ้าตัดความขาว​มาก และใส่แว่นของพี่น้อย

ออกไป​ หนูว่าพวกพี่เป็นแฝด”

สักครู่​ดาหวันมาในชุดพนักงานเอารถมาจอดใกล้เกสร​ เธอดีใจมากที่เห็นเกสรมาทำงาน

พอเปิดหมวกกันน็อก​ได้​ รีบ​ถามอาการนํ้าไหลไฟดับ

ดาหวันวัย​ 28 เพื่อน​รุ่นน้อง​ในที่ทำงาน​ ทั้งสามมักจะกินข้าวด้วย

เวลาอยู่ที่ทำงาน​ และทั้งสามมักฝาก​ท้องไว้ที่โรงอาหาร​ตอนเช้ากับตอนเที่ยง

ดาหวันถึงจะเป็นรุ่นน้อง​ แต่ความสูงเธอไปไกลกว่า​ พี่เก๋​ กับพี่น้อย

ส่วนสูงของเธอ​ 165 ในขณะที่พี่ทั้งสองคนสูง 155

ดาหวันหน้าตาค่อนข้าง​หวาน​ ย้อมผมสีทอง​ เปียผมทั้งสองข้าง

ถืงหัวไหล่​ ผิวขาว​ รูปร่าง​อวบ​ บางทีบางครั้งคำพูดของดาหวันมักจะสวนทางกับหน้าตา​ โดยเฉพาะช่างซ่อมรถมอเตอร์ไซค์​ที่อยู่​ ในหมู่บ้านของเธอ​ จะ​รู้ซึ้งกับคำพูด​

“เราไปเม้าท์​ต่อที่โรงอาหารดีกว่า” ดาหวันชวน

     ที่โรงอาหารเล็ก​ๆใน​โรงงาน​ แต่ก็เพียงพอ​ สำหรับพนักงานร้อยกว่าคน

ที่นี่มีร้านข้าวแกง​ ร้านขนมและเครื่องดื่ม​ และ​มีโต๊ะ​สำหรับนั่งทานอาหาร

สามารถจับจองที่นั่งได้ตามอัธยาศัย​

   บางคน​ที่รู้ข่าวของเกสร​ พากันถามไถ่อาการ​ เพราะ​เป็น​เช้าแรกที่ได้เห็นเกสรมาทำงาน​ วันนี้​เกสรจึงได้ตอบคำถามนาน​ แค่ถามไถ่อาการ​ เกสรก็รู้สีกขอบคุณ​

กว่าจะได้มานั่งกินข้าว​ นิดนภา​ กับดาหวัน​ รอแล้วรออีก

“รอทำไม​ กินก่อนเลย” เมื่อเกสรเห็น​ข้าวในจานของเพื่อน​ทั้งสอง​ยังไม่พร่อง

“ไม่​รีบ​ เวลาเหลือเยอะ​ จะไปซื้อกาแฟ​ ฝากไหม” ดาหวันมองหน้าพี่ทั้งสองคน

 ต่างคนต่างพยักหน้า​แล้วหยิบเงิน​ จากกระเป๋า​ ส่งให้ดาหวัน

   ดาหวันเดินออกไป​ แล้วกลับมาพร้อมกับ​ กาแฟสามแก้ว

เธอถือรวบมา​ นิดนภา​ยืนขึ้นแล้วรับ​ และส่งให้เกสร

“มีอะไรจะบอก” ดาหวันทำเสียงตื่นเต้น”ตะกี้​เจอพี่นิคมด้วย

แต่หน้าตา​โทรมมาก​ เหมือน​กับคนไม่ได้นอน​ สงสัยเห่อเมียใหม่

เลยจัดหนักจัดเต็ม” ดาหวันคิดยังไง​พูด​แบบนั้น

นิดนภาเตือน​ เพราะกลัวเกสรเสียความรู้สึก

“พี่เก๋​ จะรู้สึกอะไรไหม​ ถ้าหนูจะพูดถึงพี่นิคม” ดาหวันถามตามตรง

“พี่ไม่เป็นไร​”เกสร​ตอบ​เสียงเบา​ เหมือน​กลั้นใจ​ตอบ

“น้่นนะสิ​ ไป​่ไช่ผัวเมียกันแล้ว​ ที่จริงพี่เก๋ควรจะ​ดีใจที่ตัวเองเป็นโสด

อีกครั้ง​ รู้ไหม” ดาหวันบอกเกสร

เกสร​ทำหน้าสงสัย “ทำไมหล่ะ”

“ตอน​ที่​พี่นิคม​ ยังอยู่กับพี่​ เวลาที่เขาออกไปกินเหล้าข้างนอก​ มักจะนินทา

พี่เก๋ให้คนในวงเหล้าฟัง​ ว่าเชยแบบนั้น​ โบราณ​แบบนี้่​ ถ้าไป​่ติดที่ว่า​ พี่เก๋รับ​ ใช้เขา​ กับแม่ของเขาดี​ เลิกไปนานแล้ว​ หนูพึ่งรู้​ ว่าพี่เก๋เป็นเมียทาส

ผัวดีๆ​ เขาไม่นินทาเมียหรอก​ ไหนจะซุกเมีย​ ทั้ง​ที่ยังอยู่ด้วยกัน​

อย่าอาลัย​อาวรณ์​เขาต่อไปเลยพี่เก๋” ดาหวันจับมือเกสร”

“เขาทำกับแกขนาดนี้​ แล้ว​จะก้มหน้ารักเขาอยู่อีกหรือ” นิดนภาเริ่มเห็นด้วยกับดาหวัน

“แล้ว​จะ​ให้เรา​ ทำยังไง​ น้อย” เกสรเหมือน​หาทางออกไม่เจอ​ และ​รู้สึก​

น้อยใจ​ ที่​นิคมเห็นเธอเป็นแค่คนรับใช้

นิดนภากับดาหวันมองหน้ากัน

“อันดับ​แรก​ พี่เก๋​ ต้องเปลี่ยน” ดาหวัน​มองหน้า​เกสร​

“เปลี่ยน​อะไร” เกสร​ไม่เข้าใจ​

“ยังคิดไม่ออกตอนนี้​ อ้อ​ นี่ไง​ พี่ตัดรับความโสดเถอะ​นะ​ ไม่แน่อาจมีผู้ใหม่

รออยูก็ได้​” ดาหวัน​ชี้ไปที่ผมของเกสร​ เธอบอกว่าไม่ชอบผม​ ที่มัดรวบของเกสร​ “เจอกี่ปี​ ก็ทรงนี้ตลอด​ ลองเปลี่ยนทรงใหม่ดูบ้าง”

นิดนภาเห็นด้วยกับดาหวัน​ เกสร​เออออตามเพื่อน​ ตัดก็ตัด​ มันคงไม่มีผล

อะไรกับเธอมากนัก

      ที่ร้านตัดผมแห่งหนื่ง​ ใกล้ๆที่​ทำงาน​ ในช่วงหลังเลิกงาน​ 

“เรืยบร้อย” ช่างตัดผม​บอกเกสร​ พลางเอาผ้าที่คลุมตัวของเธอออก

นิดนภา​กับดาหวัน​ ที่นั่งคอยอยู่ในร้าน​ ยิ้ม​อย่าง​พอใจ​

เกสรในลุคผมบ๊อบ​สั้นเเสกข้าง​ 

“ลดอายุได้อีก​พี่เรา​ ไม่บอกก็ไม่รู้นะเนี่ย​ ว่า​ 35 แล้ว” ดาหวัน​ชมจากใจจริง

“ยอดเยี่ยม​ไปเลยเพื่อนรัก​” นิดนภา​ ยกนิ้วให้

เกสร​มองมองกระจกแล้วยิ้ม​ เธอก็พึงพอใจ​กับผมทรงนี้เช่นกัน

ต้องขอบคุณ​ดาหวัน​ ที่​แนะนํา​ให้​

เกสร​มาถึงบ้าน​ แม่เห็นเกสรตัดผม​สั้น​

“แปลก​ดี” แต่ในใจแม่นั้น​ กลับรู้สึกชอบ​ ทรงผม​ใหม่ของลูก

      วันรุ่งขึ้น​ไป​ทำงาน​ คนที่​รู้จัก​ทัก​ 

“หน้า​เด็ก​ขึ้น​” หรือบางคน”นึก​ไม่ถึง ว่าจะกล้าตัด”

หรือ​บางคน​แซวแรง “ตัดต้อนรับ​คนใหม่หรือเปล่า”

ดาหวัน​ตอบแทน​”ใช่แล้ว​ ของให​ม่ต้องดีกว่า​ เคย​ได้ยินไหม​

ผัวที่ดีคือใหม่”

รวมๆแล้ว​ ทุกคน​เห็นดีด้วย​   

   เวลาล่วงเลยมาถึงวันเสาร์​ นาฬิกาปลุก​แล้ว​ แต่เกสรกดออก​ ขอหลับ​ตาอีกห้านาที

ลืม​ตาอีกที​ ทำไมห้องสว่างแบบนี้หล่ะ​ ตาสว่าง​ยิ่งกว่าเดิม​ เมื่อจับโทรศัพท์​มาดูเวลา​ เกือบ​เจ็ด​โมง​แล้ว​

รีบกระโจน​จากที่นอน​ เข้า​ห้องนํ้า​ อาบนํ้าแบบเร่งรีบ​ แต่งตัวใส่เสื้อผ้า​เท่าที่ใจ​ สั่งให้ไวได้​ คว้าทุกอย่าง​ ที่เกี่ยวข้อง​กับการไปทำงาน​ แต่ใจคิด​ ลืมอะไรก็ลืมไปเถอะ​ แต่อย่าลืมบัตร​ แต่ถ้าลืมเงินคอยไปยืมคนข้างหน้าเอา

     ออกจาก​บ้านเจ็ดโมงกว่า​ ถือว่าสายมากสำหรับเธอ​ เพราะปกติ​จะออกหกโมงนิดๆ​ เร่งความเร็ว​ถึง​หมู่บ้าน​ของ​ดาหวัน​ 

      หมู่​บ้าน​ที่​ดาหวัน​อยู่​ คือหนึ่งในทางผ่านไปที่ทำงานเหมือนกัน​ ในใจเกสรคิด​ ป่านนี้​ดาหวัน​คงไปถึงที่ทำงานแล้ว

      ออกพ้นหมู่บ้าน​ของ​ดาหวัน​ ข้างๆทางเป็น​ทุ่งนา​ แต่เกสรเห็นรถมอเตอร์ไซค์​จอดข้างทาง​ ด้านที่เธอขับ​ 

   ระยะ​ทางไม่ถึงสิบก้าว​ ที่จะไปถึงรถมอเตอร์ไซค์​จอดอยู่ด้านหน้า

   เกสร​กะจะเร่งความเร็ว​

เจ้า​กรรม​ ดัน​มีหมา​กระโจน​มาจากฝั่ง​ตรงข้าม​ เกือบจะโดนล้อรถข้างหน้า​

แบบเส้นยาแดงผ่าแปด​ แล้ววิ่งลงทุ่งนาไปอย่างรวดเร็ว​

เกสร​ตกใจ​ ทำอะไรไม่ถูก บังคับ​รถไม่ได้มือไม้อ่อน

ในที่สุด​ รถไหล​ลงข้างทาง​

โชคดี​ที่เป็นข้างทางร่องตื้น​ เกสรพยายาม​ลุก​ ในใจไม่ได้ห่วงตัวเอง

ห่วงจะไปทำงานไม่ทัน​ รู้​สึก​มือสั่นไม่มีแรง

    วายุ​มองมาแต่ไกล​ เขายิ้มเยาะ​ผ่านหมวกกันน็อก​ คราวนี้​ใครเป็นคู่กรณี​ อุตส่าห์​ออกจากบ้านคนละเวลาแล้ว​ ยังมีกะจิตกะใจรอเขาอีก

ชายหนุ่ม​จอดรถ​ แล้วลงมายกมอเตอร์​ไซต์​ ที่นอนแอ้งแม้ง​อยู่​ข้างทาง​

กลับ​ไปไว้ที่ไหล่ทาง​ 

  แค่ตอนเอารถออก​ เกสรพอรู้ว่าเป็นใคร​ เพราะ​กลิ่นบุหรี่ติดจมูกเธอ

เกสร​พยายาม​เอามือยันพื้น​ จะลุกท่าไหนดี

“ไหวหรือเปล่า​” เสียง​เหมือน​จะเป็นห่วงของวายุ

ไม่พูดเปล่า​ เดินมาหาเกสรจากนั้น​สอดมือจากด้านหลัง

ถึง​บริเวณ​จักกะเเร้ ประคองให้​เธอลูก​ แล้วพาเดิน​ขึ้น​ถนน

  คน​ที่ผ่านไปบางคนหยุดถามว่าเป็นอะไร​ เมื่อไม่มีอะไรร้ายแรง​ก็เลยผ่าน

วายุ​ผละออกจากเกสรแล้วไปจับดูรถ​ ที่เขาเอาขึ้นมาจากข้างทาง​

ชายหนุ่ม​นั่งมองยืนมองสักครู่​ ไม่ได้เป็น​ไร​ หันมามองเจ้าของรถ

   วายุ​เห็นเกสร​นั่งพับเพียบ​ บนพื้นถนน​ แล้วถอดหมวกกันน็อก​ไว้ที่พื้นถนนเช่นกัน​ 

ระยะ​ทางไม่ถึงห้าก้าว​ เขาเห็นหน้าเธออย่างชัดเจน​ ชายหนุ่ม​รู้​สึก​แปลกใจ​ใจ​ ยังมีคนไม่แต่งหน้า​ด้วยหรือนี่​ ที่ทำให้เขาแอบยิ้มโดยไม่รู้ตัว​ คือผมบ๊อบ​สั้น​ แต่​ถ้าไม่มีใครบอกว่าเป็นแม่หม้าย​ คิดว่าเป็นสาวอายุ​ 20แน่นอน

แต่มือของเกสรนี่สิ​ ไม่ห่างจากยาดมเลย เธอสูดแล้วเหม่อไปที่ทุ่งนา

หมาตัวนั้นคงวิ่งไปหาเจ้าของที่เห็นอยู่ไกลๆ​ ส่วนมอเตอร์​ไซค์​คันที่จอดไว้

ข้างทางนี้​ น่าจะเป็นรถเจ้าของหมา

  ใน​ใจ​เกสร​คิด​ ทำงานยังไม่ครบอาทิตย์​ จะต้อง​หยุดอีกแล้วหรือนี่

วายุ​เดินมาใกล้เกสร​ เธอเงยหน้ามองเขา​ ร่างสูงใหญ่​สวมหมวกกันน็อก​

สีดำกระจกปิดหน้า​ ในความคิดของเธอรู้สึกว่าหมวกกันน็อก​ที่เขาใส่​ใน

เวลานี้​ ดูดี​ดูเท่​ น่าจะ​ราคาแพง​ ผิดกับ​หมวกกันน็อก​ของเธอ​ เป็นของแถมตอนออกรถ​ เหลือบมอง​มองเขา​ ผ้าใบสีขาวก็สุดเท่​ กางเกงยีนส์สีซีด

เสื้อ​กีฬา​สีดำ​ กระเป๋าคาดอกสีดำ

วายุ​จ้อง​ผู้หญิง​ที่นั่งบนพื้นถนน​ผ่านกระจกหมวกกันน็อก​ รองเท้าผ้าใบ​สีดำคาดขาว​ วันนี้วันเสาร์​เกสรใสยีนส์​ทรงกระบอก​สีดำ​ และเสื้อฮู๊ด​ที่เธอใส่เวลาขับรถ​ประจำ​ ชายหนุ่ม​พิจารณา​สีหน้าท่าทาง​ของเกสร​ คงไปต่อไป​่ไหวแน่

“จะเอารถไปฝากไว้ที่ร้าน” วายุหมายถึง​ร้านซ่อม​มอเตอร์​ไซค์​ที่อยู่​ในหมู่บ้าน​ที่อยู่ผ่านมา​ จากที่เกิดเหตุมาไม่ไกล​ โชคดีที่ร้านซ่อมอยู่ถนนทางผ่านไปทำงาน

“ขับรถ​ผมตา​มนะ” ไม่รอคำตอบ​ วายุขับรถของ​เกสรกลับไปที่หมู่บ้าน

เกสร​เหมือน​โดนคำสั่ง​ ค่อยๆลุก​ หยิบหมวกกันน็อก​ใส่หน้าตะกร้า​รถของเขา​ แล้ว​ขับตามไป

วายุ​รอเกสรอยู่ข้างหน้า​ทางเข้าร้าน​ ส่วนลึก​ในใจกลับห่วงเธอ​ ป่านนี้​ใจไม่อยู่​กับ​ตัวแล้ว

พอเกสรจอดรถแล้วลงจาก​ เขารีบกลับรถทันที​ จากนั้น​หยิบหมวกกันน็อก​ที่อยู่ในตะกร้าส่งให้เธอ

“ทำเวลาหน่อย​ สายแล้วนะ”

เกสรเหมือน​หุ่น​ รีบทำตามที่เขาบอก​ ใส่หมวกกันน็อก​ ขึ้น​ซ้อนท้าย​

จากนั้น​วายุทะยานรถออกไปอย่างรวดเร็ว​

ระหว่างนั้นเกสรทำใจไว้แล้ว​ วันนี้​สายแน่นอน

เกสรมองดูท้องฟ้า​ ช่างสดใส​ แดดก็จ้า​ ถ้าเธอคาดไม่ผิด​ น่าจะ​ยังไม่ถึงแปดโมงเช้า​ กลิ่นบุหรี่ยังไม่จางจากตัวเขา​ แต่เกสรพอทน​ เพราะเธอต้องอาศัยเขาไปทำงาน​ วายุขับเร็ว​และแรง​ แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไร

ในใจได้แต่โทษตัวเอง​ คราวหน้า​ถ้า​นาฬิกาปลุก​ จะ​ไม่​นอนต่ออีกแล้ว

วายุ​เลยอู่มาส่งเธอที่ทำงาน​ ถึง​หน้า​ทางเข้าโรงงานจอดแล้วยื่นมือ​ รอรับหมวกกันน็อก​จากเกสร​ ที่ถอดออกอย่างเร่งรีบ​ 

“เลิกงาน​รอแถวนี้น่ะ​” วายุบอกเธอ​ 

เกสรส่งหมวกกันน็อก​ให้วายุแล้ว​ รีบวิ่งเข้าโรงงาน​ มองดูที่สแกนบัตร​ 

แปดโมงพอดี​

       เที่ยงวัน​นั้น​ในโรงอาหารของ​โรงงาน​

“นึกว่าพี่เก๋จะหยุดงาน​ อย่าบอกกดนาฬิกาแล้วนอนต่อ” ดาหวัน​คาดเดาแต่ถูก

“พอดี​มี​เหตุนิดหน่อย​ รถของพี่ตอนนี้​อยู่​ที่ร้านซ่อมในหมู่บ้านของหวัน”

เกสรกินข้าวแบบไม่หิว​ ทั้ง​ที่ตอนเช้าเธอก็ยังไม่ได้กิน

นิดนภาถามทั้งสองคนจะเอาอะไรไหม​ สองคนตอบแบบไม่ต้องคิด

“กาแฟเย็น​”

นิดนภาเดิน​ไปซื้อกาแฟแล้ว​ 

ดาหวัน​พูด​ต่อ​ “พี่เก๋​ ทำใจไว้เลย​ อีตาช่างคนนี้​ เมาเป็นงานประจำ​ ซ่อมรถเป็นงานอดิเรก” เธอไม่ชอบขี้หน้าช่างซ่อมรถ​มอเตอร์​ไซค์​ในหมู่บ้าน​

เกสรที่ไม่รู้เรื่องราว​”ไม่นะหวัน พี่ยังเห็นเขาซ่อมรถ​ ใช่ช่างตัวดำๆ​หรือเปล่า​”เกสร​ฝืนใจกินข้าว

“แล้ว​พี่เก๋เห็น​หน้า​เขาชัดไหม” ปากบอกไม่ชอบแต่ถามถึง​

“ไม่ชัดนะ​ เขาก้มหน้า​ซ่อมรถอยู่”เกสร​ตอบ​ตามจริง

“ไม่​น่าเชื่อ​ จะทำงานแต่เช้าได้” ดาหวัน​อุทานเบาๆ

นิดนภารวบกาแฟเย็น​มาสามแก้ว​ ดาหวันยืนรับแล้วส่งให้เกสรแก้วหนึ่ง

“แล้วใครมาส่งพี่เก๋” ดาหวันถามแล้วจ้องหน้าเกสรเอาคำตอบ

นิดนภาก็อยากรู้​พลอยจ้องหน้า​เกสร​ไปด้วย​

เกสร​จะโกหก​ยังไง​ ต่อไปวันข้างหน้าพวกเธอทั้ง

สองคนก็ต้องรู้อยู่ดี​ อีกอย่างเธอโกหกไม่เก่ง

“คนที่​มีเรื่อง​ด้วย​นั่นแหละ”เกสร​ตอบเสียง​อ่อย

ดาหวัน​ยิ้มแล้วพูด “ท่าไม่เป็นเนื้อคู่​ ก็​เป็น​เจ้ากรรมนายเวร​ เนอะพี่น้อย”

ดาหวัน​ขอแรงสนับสนุน​จากนิดนภา

“เก๋​ แล้ว​เขาทำงานที่ไหน” นิดนภาทำเสียงตื่นเต้น​ ที่​ีมีผู้ชายมาส่งเพื่อนของเธอ​ แล้วพยักเพยิดกับดาหวันประมาณว่า​ เห็น​ผลของการตัดผมสั้นหรือยัง​ ดาหวันพยักหน้า​สนับสนุน​เต็มที่

“อู่ใกล้โรงงาน​เรา”เกสร​ไม่ได้คิดเหมือนเพื่อน​ ถ้าหากเมื่อเช้าเธอไม่นอนต่อก็ไม่มีทางได้เจอวายุ​แน่นอน

“แล้วเขาจะมารับพี่เก๋​ ตอนเย็น​อีกไช่ไหม”ดาหวันถามแทบจะกระซิบใกล้หูเกสร​ แล้วจ้องตาเหมือน​รอคำตอบ

ส่วนนิดนภาเงี่ยหูมาฟังใกล้​ๆ​ คล้ายรอคำตอบที่สำคัญ

พอเกสร​พยักหน้า​เท่านั้น​ ทั้งสอง​คนทำท่าดีใจหนักหนา

เกสร​งง​ กับท่าทาง​ของเพื่อน

   ห้าโมงเย็นช่วงเลิกงาน​ จราจรด้านหน้าโรงงาน​ ค่อนข้าง​ติดขัด

ไหนจะรถพนักงาน​ ทยอยออกจากด้านใน​ ไหนจะรถจากที่อื่นที่ผ่านถนนด้านหน้าของโรงงาน​ พนักงานที่นี่ส่วนมากใช้มอเตอร์​ไซค์​เป็น​ยานพาหนะ​ แล้วมีสารพัดรถที่จอดอยู่

ข้างทาง​ที่หน้าโรงงาน​ เกสร​เดินออกมารอวายุ​ แถวๆ​บริเวณ​นัด

   ไม่นานเขาก็​เดินทาง​มาถึง​ หลังจากหยุดรถแล้ว​ ก็ยื่นหมวกกันน็อก​ให้เกสร

         ระหว่าง​นั้น​มีผู้ชายคนหนึ่ง​ ได้​ขับมอเตอร์ไซค์​ออก​จากโรงงาน​ 

มองเกสรผ่านหมวกกันน็อก​ที่เขาสวมใส่​ ตอนนี้เธอผมสั้น​ แล้วนึกในใจเหมือนเด็กมัธยมปลาย​

แต่ที่เขาทึ่งมากกว่า​นั้น​ เธอซ้อนท้ายไปก้บใคร​ รูป​ร่างสูงใหญ่กว่าเขาอีก

ชายหนุ่ม​รู้​สึกปวด​ใจ​ ระยะสองเดือนกว่า​ ที่เลิกกับเขา​ เธอจะทำใจ​ มีคนใหม่ได้เร็วขนาด​นี้​เชียว​หรือ​ เพราะก่อนที่จะเลิกกันน้ัน​ เกสรฟูมฟาย​จะเป็นจะตาย

 นิดนภากับดาหวันพากันแอบมอง​ จากรั้วโรงงาน​

“หุ่นโคตรเท่​ เสียดายไม่เห็นหน้า”ดาหวันบ่น

          ระหว่าง​ทางเกสรมองวายุจากด้านหลัง​ เริ่มชินกับกับกลิ่นบุหรี่​

เดินทาง​ถึง​ที่เกิดเหตุ​ตอนเช้า​ นึกขำสภาพตัวเอง​ ถ้าเป็นหน้าฝน​ ก็​คงได้กลับบ้าน​เป็นแน่แท้​

 เกสร​เหลือบมอง​ท้องฟ้า​ ในช่วงเกือบหกโมงเย็น​ มีเมม​ขาวลอย​ แดดเริ่มอ่อน​

วายุ​พาเกสร​มาถึงร้านซ่อมรถ​ ที่อยู่ในหมู่บ้านของดาหวัน

   เกสร​ลงรถแล้วมองร้านที่อยูตรงหน้า​ เหมือน​ร้านซ่อมทั่วไปในหมู่บ้าน​ มีอุปกรณ์​การซ่อมพร้อม​ มองรถของเธอที่วายุ​เอามาไว้เมื่อตอนเช้า

“ผมยังไม่ดูให้เลย​ วันนี้​มีแต่งานรีบ​ ถ้ายังไง​จัดการ​เองนะครับ”

เกสร​มอง​หน้าช่างซ่อมรถ​ชัดก็คราวนี้​ เขากำลัง​ยุ่งอยู่กับรถอีกคัน

แต่เขาก็ยังโผล่หน้ามาทักทาย​ เป็นหนุ่มหน้าตาดี​ ผิวดำ​ เตี้ยกว่าวายุนิดเดียว

 ดูแล้าน่าจะรุ่นน้อง​เธอหลายปี มองจากชุดที่​ใส่ทำงาน​ เป็นชุดที่เห็นเมื่อเช้า​ที่เธอเห็น​ คือกางเกง​ยีนส์​สีดำที่เปื้อนคราบ​ ส่วนเสื้อสีกรมมีรอย​ แต่เกสรไม่ไช่ช่างเลยไม่รู้ว่ารอยเปื้อนอะไร​ เขาน่าจะยุ่งจริงๆ​ ไม่เห็นเหมือน​ดาหวัน​บอกเลย

   วายุ​เดินไปหาช่างที่กำลังซ่อมรถอยู่​ แล้วมองดูอย่างสนใจ​  

“ท่าทางจะงานเยอะ​ พี่เห็น​ทำตั้งแต่เช้า”ไม่รู้จักว่าช่างชื่ออะไรด้วยซํ้า

แต่ก็ชวนเขาคุย

“ครับ​ แล้วแต่บางวันอีกนั่นแหละ​ สำหรับวันนี้​เยอะจริงๆ​ เนี่ยผมยังไม่มีเวลากินเหล้า​เลย” ช่างตอบแล้วทำงานไปด้วย

      วายุ​ยิ้มเบาๆ​ ผ่านหมวกกันน็อก​ ไม่ได้กินกลิ่นยังขนาดนี้​ ถ้าได้กินละมุดมาทั้งสวนแน่

“แล้วรถเป็นอะไรครับ” ช่างถาม

“พอดี​เกิด​อุบัติเหตุ​นิดหน่อย​ อยากให้ช่างดูให้​ ไม่ว่างไม่เป็นไร​ เดี๋ยว​พี่ดูเอง” วายุ​ อาสาดูรถของเกสร

“ดีครับ​ ผมจะได้พัก​ เครื่อง​มือหาเอาเลย​” ช่างซ่อมรู้สึกดีใจ​ แค่งานตรงหน้าเสร็จ​ จะได้พักกินเหล้าแล้ว

     สักครู่มีเด็กชาย​สามคน​กำลังจะเข้ามาในร้าน​ สองคนนั้นจูงจักรยาน​คนละคัน​ แต่อีกคนเดินตัวเปล่า

     ช่างเจัาของร้านชักสีหน้า​ทันที“พวกเอ็งเป็นไรอีก​ พี่​ยังไม่ได้พักเลยนะ”ช่างรีบบอก​ ตั้งแต่เด็กยังไม่ถึงร้าน

“แค่มาสูบลมยางเฉยๆ​ แล้วพี่จะโมโห​ทำไม” เด็กหนึ่งในสามบอกช่าง

“แล้วไป​ ถ้าซ่อมอย่างอื่น​ ขอเป็นวันถัด​ไป​ รอแป๊บ​นะ​ ใกล้เสร็จ​แล้ว​” ช่างตอบแล้วสาละวนกับงานต่อ

วายุ​อาสาสูบลมยาง​จักรยาน​ให้เด็ก จากนั้นช่างบอกเด็กๆ

“พวกเอ็งขอบคุณ​พี่เขาด้วย”

“ขอบคุณ​มากครับ” เด็ก​ชาย​ทั้งสามไหว้วายุ​ แล้วขี่ออกจากร้านไป

วายุ​ยกมือ​ บอกว่าไม่เป็นไร​ ยินดี​ จากนั้น​ลองขับรถ​ของเกสร​ดู​อีกรอบ

ไม่นานเขาก็กลับมา​ ดูนั่นดูนี่แป้ปหนึ่ง​ จากนั้น​ก็สูบลมยาง

    เกสร​รู้​สึก​ชื่นชม​เขาในใจ​ ที่มีนํ้าใจกับเด็ก

“ลองดู​” วายุบอกเกสร​ แล้วถามช่างว่าคิดค่าเสียหายเท่าไหร่

ช่างบอกไม่เป็นไร​ วายุ​ขอบคุณ​ช่างแล้วบอกว่าคราวหน้าจะมาใช้บริการใหม่

เกสร​เคลื่อน​รถออกจาก​ร้านอย่างช้าๆ​ จากนั้น​คอยสังเกตุ​อาการรถ

แต่ก็ไม่เป็นไร​ รู้​ตัวอีกทีเลยร้านมาไกลแล้ว​ หากได้เจอนายอีกที​ ฉันจะขอบคุณ​ จากนั้น​พารถมุ่งตรงบ้าน

วายุ​แอบขับมองเกสรอยู่ไกลๆ​ พอเห็นเข้าซอยแล้ว​ รีบเร่งเครื่องกลับบ้านทันที