"วายุฉัน" เกสรพูดไม่ออก วายุยิ้ม ในที่สุดก็ยอมโผล่หัว จึงแกล้งพูดออกไป "แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหรอ ไปหลอกที่อื่นไป" วายุวางหูทันที เกสรตกใจโทรเข้าไปอีก วายุไม่สนใจแต่ไปนอนข้างลูก "พ่อจะทำให้แม่ศิโรราบให้ได้ฐานพรากเราพ่อลูก" เกสรโทรเข้าไปอีก" นายจะเอาลูกไปไม่ได้" วายุถาม "ใครมีปัญหา" "ฉันจะไปเอาลูกคืน" เกสรโกรธแค้น" "ใครกล้าลองดีกับผมก็เชิญ ขืนบุกรุกเข้ามาผมแจ้งจับหมดไม่มีกรณียกเว้น"
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ครอบครัว,เรื่องสั้น,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โทษฐานของการรู้จัก"วายุฉัน" เกสรพูดไม่ออก วายุยิ้ม ในที่สุดก็ยอมโผล่หัว จึงแกล้งพูดออกไป "แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหรอ ไปหลอกที่อื่นไป" วายุวางหูทันที เกสรตกใจโทรเข้าไปอีก วายุไม่สนใจแต่ไปนอนข้างลูก "พ่อจะทำให้แม่ศิโรราบให้ได้ฐานพรากเราพ่อลูก" เกสรโทรเข้าไปอีก" นายจะเอาลูกไปไม่ได้" วายุถาม "ใครมีปัญหา" "ฉันจะไปเอาลูกคืน" เกสรโกรธแค้น" "ใครกล้าลองดีกับผมก็เชิญ ขืนบุกรุกเข้ามาผมแจ้งจับหมดไม่มีกรณียกเว้น"
ตีห้ากว่าของเช้าวันจันทร์ เกสรตื่นเต้น วันนี้เป็นวันแรกของการทำงาน หลังจากหยุดยาวเป็นอาทิตย์ นาฬิกาในโทรศัพท์มือถือ ที่เธอตั้งเวลาใว้
ยังไม่ปลุก เเต่ที่ทำให้ตื่นก่อนเวลาที่ตั้งไว้คือ เสียงนกเสียงกา และเสียงไก่แถวนี้ มองเวลาที่ตั้งไว้ เหลืออีกนาน แต่ก็จำใจลุกขืนนอนต่อ มีหวังเตลิดแน่ เดินมาที่ห้องนํ้า ซึ่งอยู่เยื้องครัวมาข้างนอกนิดหน่อย ถึงจะเป็นหน้าร้อน แต่อากาศตอนตีห้ากว่า ทำให้เกสรปากสั่นเหมือนกัน
กระชับผ้าถุงกระโจมอก ผ้าขนหนูคลุมไหล่ เดินมาในห้องนอนอีกครั้งเพื่อแต่งตัว ภายในห้องนอนของเกสรเป็นห้องเล็กๆ มีเพียงฟูก หมอน และผ้านวมผืนเล็ก สำหรับนอนคนเดียว มีตู้เสื้อผ้าน๊อคดาวน์สองประตู ประตูด้านหนึ่งเป็นกระจกอยูดัานนอก และมีลิ้นชักอยู่ด้านล่างอีกสามอัน ส่วนที่เอาไว้ดับร้อนเวลาเธอนอนคือพัดลมสีขาวเครื่องเก่าๆ สนนราคาก็ไม่กี่ร้อย แต่งตัวเสร็จแล้ว ออกมานอกบ้าน เกสร
มาในชุดยูนิฟอร์มของโรงงาน คือเสื้อโปโลสีเทาที่มีสัญญลักษณ์ กางเกงผ้าสีดำ รองเท้าผ้าใบ แต่วันเสาร์พนักงานสามารถใส่ชุดธรรมดาได้
ขอให้เป็นชุดสุภาพ
เกสรเดินไปจูงมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ตรงเพิงด้านหลังของตัวบ้าน ออกมาไว้หน้าบ้านใกล้แคร่ ตอนนี้แม่กำล้งชะเง้อมองพระ มาบิณฑบาต ซึ่งบางวันมาเร็ว หกโมงนิดๆก็มาแล้ว หากวันไหนสายเกือบเจ็ดโมง
เกสรกลับเข้าบ้านอีกครั้ง คราวนี้เธอไปหยิบกระเป๋าสะพายสีดำ ที่ไว้ใส่ของใช้ส่วนตัว เช่น โทรศัพท์ ยาดม ยาหม่อง สนนราคาก็ไม่กี่ร้อย
กระเป๋าวางอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่ ที่มีคอกกั้นไปด้านบนประมาณสองคืบ
กั้นเอาไว้สามด้าน แคร่หลังนี้เปิดประตูหน้าบ้านเข้ามาก็เจอเลย
เพราะแม่เอาไว้นั่งและนอนเวลาอยู่ในบ้าน ข้างๆแคร่มีโต๊ะไม้วางโทรทัศน์อยู่ แม่บอกเกสรว่าพอแก้เหงาได้ และที่อยู่ใกล้แคร่มากกว่านั้นอีก คือ
พัดลม ขนาดของพัดลมเท่ากับที่อยู่ในห้องของเกสร เพียงแต่ว่าเก่า
มากกว่าเท่านั้น
จากนั้นก็หยิบบัตรพนักงาน ที่แขวนไว้ตรงที่ตะปู ที่ตอกไว้ริมขอบหน้าต่าง มาแขวนคอไว้ ก่อนจะเดินเข้าห้องอีกรอบ เปิดตู้เสื้อผ้า
หยิบเอาเสื้อฮู๊ดสีดำ มาคลุมทับอีกที แล้วเขย่งเท้าหยิบหมวกกันน็อก
ที่อยู่บนตู้เสื้อผ้า เดินมาที่จอดรถไว้
“แม่ ไปทำงานแล้วนะ” เกสรบอกแม่ พลางใส่หมวกกันน็อค แล้วบิดกุญแจรถ เคลื่อนรถออกจากบ้าน โดยไม่รอคำตอบจากแม่
แม่แก้วมองตามลูกจนลับตา “ขับรถด้วยความปลอดภัยนะ เก๋”
แม่แก้วถอนหายใจ “ทำงานก็เจอกัน แล้วมันจะลืมนิคมได้ยังไง”
แม่แก้วหมายถึง อตีดสามีของเกสร ที่ทำงานเป็นช่างอยู่ในโรงงาน
เกสรเดินทางมาถึงปากทาง หันรีหันขวาง ถนนโล่ง ค่อยๆเคลื่อน
รถ ออกสู่ถนนสายหลัก จุดมุ่งหมายคือ โรงงานเย็บเสื้อผ้า ที่ตั้งอยู่ใกล้ตัวอำเภอ ที่เสมือนเป็นอู่ข้าวอู่นํ้าของเธอมาเกือบสิบปี
เกสรเป็นลูกหลานชาวนา แต่ครอบครัวไม่ได้มีที่ทางเยอะ ความรู้ไม่ค่อยมีจบแค่มัธยมต้นเท่านั้นเธอจึงรับจ้างเป็นหลัก พอแต่งงานกับนิคม ทางครอบครัวของเขาก็ไม่มีที่ทำมาหากิน
เหมือนกัน ทางบ้านของเกสร พอมีที่ทาง แต่ทางบ้านนิคม มีแต่ที่ปลูกบ้านเท่านั้น และที่บ้านมีแม่ของเขาอาศัยอยู่ด้วย เกสรย้ายไปอยู่ที่บ้านของนิคม เพราะสะดวกแก่การเดินทางไปทำงาน บ้านของเขาอยู่ห่างจากโรงงาน 3 กิโลเมตรเท่านั้น
สองสามีภรรยายึดอาชีพทำโรงงานที่นี่มาเป็นสิบปี ตอนนี้ก็ยังทำอยู่ทั้งคู่
เพียงแต่สถานะเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่ได้จรดปากกา หย่าขาดจากกัน
สาเหตุเบื้องต้น เกสรไม่มีลูก เพราะนิคมกับแม่ของเขาอยากได้ทายาทสืบสกุล
ช่วงสามปีให้หลัง ก่อนที่จะเลิกรา เกสรรู้สึกว่า นิคมเปลี่ยนไปจากเดิม
เหมือนเขาจะ โมโหหงุดหงิดง่าย หากเขาใช้ให้เธอทำอะไร ไม่ทันใจมีสิทธิ์
โดนตะคอก ช่วงหลังๆ ยิ่งเกิดซํ้าบ่อย แม้กระทั่งที่ว่า เกสรเป็นแค่พนักงานรายวัน เทียบไม่ได้กับเขาที่เป็นช่างใหญ่ แต่เงินที่กินและใช้ สามคนภายในบ้าน คือเงินพนักงานรายวัน ส่วนเงินเดือนช่างใหญ่ เกสรไม่เคยเห็นสักบาท
เกสรได้แต่แอบ น้อยเนื้อตํ่าใจ และไม่เคยเล่าให้แม่ฟัง หรือแม้กระทั่งเพื่อนสนิท อย่าง นิดนภา หรือน้อย และรุ่นน้องอีกคน ดาหวัน หรือหวัน
เพราะไม่อยากให้ใครมองนิคมไม่ดี
จุดแตกหักคือ มีคนแอบกระซิบว่านิคมแอบไปมีสัมพันธ์กับพนักงานคนใหม่ อายุอานาม 20 ต้นๆ เด็กกว่า สวยกว่า ตอนแรกเกสรไม่ปักใจเชื่อ
คิดว่ามีคนประสงค์ร้าย กับครอบครัวของเธอ
ที่จริงนิคมนั่นแหละ เป็นคนให้ไปบอก แต่เกสรไม่เชื่อ เธอกลับปกป้องเขา
นิคมจำเป็นบอกเกสรด้วยตัวเอง
เหมือนฟ้าผ่ากลางใจ เกสรนํ้าตานองหน้า เมื่อนิคมบอกว่า คนใหม่ที่เขาแอบคบ ท้องใกล้คลอดแล้ว พ่อแม่ฝ่ายหญิงก็เร่งรัด ให้เขาต้องรับผิดชอบ นิคมยังโทษเกสรอีกต่างหากว่า “ถ้าเก๋มีลูก พี่ไม่ทำแบบนี้แน่นอน
หย่าให้พี่เถอะ”
ราว 1 กิโลเมตรจะถึงที่ทำงาน เกสรสลัดความคิดเรื่องนิคมออกไป เวลานี้ในท้องถนน รถราค่อนข้างเยอะ เธอต้องระวังเป็นพิเศษ
เวลาเดียวกันนั้น ชายร่างสูงใหญ่ ขับมอเตอร์ไซค์ 4 จังหวะตระกูลเวฟสีนํ้าเงินรุ่นใหม่ กำลังจะไล่หลัง ขยับมาใกล้เกสร เขามองผ่านหมวกกันน็อก รถที่เกสรขับเวลานี้ 4 จังหวะและสีนํ้าเงิน เหมือนกับของเขา เพียงแต่ว่ารถของเขารุ่นล่าสุด ส่วนรถเกสรน่าจะรุ่นบุกเบิก และเป็นรถที่เป็นข้อพิพาทกับเขาด้วย ชายหนุ่มพิจารณาจากด้านหลัง “รถก็เก่า คนก็แก่ ยังใช้ได้กับเกสรจริงๆ” จากนั้นบิดรถทะยาน แซงหน้าไปทันที จุดมุ่งหมายของเขาก็คือ อู่ซ่อมรถที่อยู่ข้างหน้าไม่ไกล
เกสรมองผู้ชายที่แซงเธอเมื่อสักครู่ หุ่นแบบนี้น่าจะใช่อีตาวายุ อะไรนั่นหรือเปล่า เห็นเขาเลี้ยวเข้าอู่ “ใช่จริงๆด้วย” อีกใจคิดถึงไช่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราสักนิด
เกสรเลี้ยวเข้าโรงงาน เอารถไปจอด ที่จอดสำหรับพนักงาน
“เก๋ มาทำงานแล้ว” เสียงนิดนภาดีใจเธอมาในชุดพนักงานเช่นเดียวกับเกสร ซึ่งเอารถมาจอดก่อนหน้านี้เล็กน้อย
แล้วเดินมาหาเกสร ที่กำลังถอดหมวกกันน็อก วางไว้ที่ตะกร้าหน้ารถ
“ขอบใจมากนะน้อย ที่ไปเยี่ยมเรา” เกสรยิ้มให้นิดนภา เพื่อนวัยเดียว
กันกับเธอ ทั้งสองสนิทกันตั้งแต่เริ่มงานที่นี่ เกสรและนิดนภาตัวเล็ก
เหมือนกัน ต่างกันแค่นิดนภาขาวกว่า และใส่แว่น ผมของนิดนภาดำยาวครื่งหลังมัดรวบ
ดาหวันเพื่อนรุ่นน้องเคยบอกว่า “ ถ้าตัดความขาวมาก และใส่แว่นของพี่น้อย
ออกไป หนูว่าพวกพี่เป็นแฝด”
สักครู่ดาหวันมาในชุดพนักงานเอารถมาจอดใกล้เกสร เธอดีใจมากที่เห็นเกสรมาทำงาน
พอเปิดหมวกกันน็อกได้ รีบถามอาการนํ้าไหลไฟดับ
ดาหวันวัย 28 เพื่อนรุ่นน้องในที่ทำงาน ทั้งสามมักจะกินข้าวด้วย
เวลาอยู่ที่ทำงาน และทั้งสามมักฝากท้องไว้ที่โรงอาหารตอนเช้ากับตอนเที่ยง
ดาหวันถึงจะเป็นรุ่นน้อง แต่ความสูงเธอไปไกลกว่า พี่เก๋ กับพี่น้อย
ส่วนสูงของเธอ 165 ในขณะที่พี่ทั้งสองคนสูง 155
ดาหวันหน้าตาค่อนข้างหวาน ย้อมผมสีทอง เปียผมทั้งสองข้าง
ถืงหัวไหล่ ผิวขาว รูปร่างอวบ บางทีบางครั้งคำพูดของดาหวันมักจะสวนทางกับหน้าตา โดยเฉพาะช่างซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ ในหมู่บ้านของเธอ จะรู้ซึ้งกับคำพูด
“เราไปเม้าท์ต่อที่โรงอาหารดีกว่า” ดาหวันชวน
ที่โรงอาหารเล็กๆในโรงงาน แต่ก็เพียงพอ สำหรับพนักงานร้อยกว่าคน
ที่นี่มีร้านข้าวแกง ร้านขนมและเครื่องดื่ม และมีโต๊ะสำหรับนั่งทานอาหาร
สามารถจับจองที่นั่งได้ตามอัธยาศัย
บางคนที่รู้ข่าวของเกสร พากันถามไถ่อาการ เพราะเป็นเช้าแรกที่ได้เห็นเกสรมาทำงาน วันนี้เกสรจึงได้ตอบคำถามนาน แค่ถามไถ่อาการ เกสรก็รู้สีกขอบคุณ
กว่าจะได้มานั่งกินข้าว นิดนภา กับดาหวัน รอแล้วรออีก
“รอทำไม กินก่อนเลย” เมื่อเกสรเห็นข้าวในจานของเพื่อนทั้งสองยังไม่พร่อง
“ไม่รีบ เวลาเหลือเยอะ จะไปซื้อกาแฟ ฝากไหม” ดาหวันมองหน้าพี่ทั้งสองคน
ต่างคนต่างพยักหน้าแล้วหยิบเงิน จากกระเป๋า ส่งให้ดาหวัน
ดาหวันเดินออกไป แล้วกลับมาพร้อมกับ กาแฟสามแก้ว
เธอถือรวบมา นิดนภายืนขึ้นแล้วรับ และส่งให้เกสร
“มีอะไรจะบอก” ดาหวันทำเสียงตื่นเต้น”ตะกี้เจอพี่นิคมด้วย
แต่หน้าตาโทรมมาก เหมือนกับคนไม่ได้นอน สงสัยเห่อเมียใหม่
เลยจัดหนักจัดเต็ม” ดาหวันคิดยังไงพูดแบบนั้น
นิดนภาเตือน เพราะกลัวเกสรเสียความรู้สึก
“พี่เก๋ จะรู้สึกอะไรไหม ถ้าหนูจะพูดถึงพี่นิคม” ดาหวันถามตามตรง
“พี่ไม่เป็นไร”เกสรตอบเสียงเบา เหมือนกลั้นใจตอบ
“น้่นนะสิ ไป่ไช่ผัวเมียกันแล้ว ที่จริงพี่เก๋ควรจะดีใจที่ตัวเองเป็นโสด
อีกครั้ง รู้ไหม” ดาหวันบอกเกสร
เกสรทำหน้าสงสัย “ทำไมหล่ะ”
“ตอนที่พี่นิคม ยังอยู่กับพี่ เวลาที่เขาออกไปกินเหล้าข้างนอก มักจะนินทา
พี่เก๋ให้คนในวงเหล้าฟัง ว่าเชยแบบนั้น โบราณแบบนี้่ ถ้าไป่ติดที่ว่า พี่เก๋รับ ใช้เขา กับแม่ของเขาดี เลิกไปนานแล้ว หนูพึ่งรู้ ว่าพี่เก๋เป็นเมียทาส
ผัวดีๆ เขาไม่นินทาเมียหรอก ไหนจะซุกเมีย ทั้งที่ยังอยู่ด้วยกัน
อย่าอาลัยอาวรณ์เขาต่อไปเลยพี่เก๋” ดาหวันจับมือเกสร”
“เขาทำกับแกขนาดนี้ แล้วจะก้มหน้ารักเขาอยู่อีกหรือ” นิดนภาเริ่มเห็นด้วยกับดาหวัน
“แล้วจะให้เรา ทำยังไง น้อย” เกสรเหมือนหาทางออกไม่เจอ และรู้สึก
น้อยใจ ที่นิคมเห็นเธอเป็นแค่คนรับใช้
นิดนภากับดาหวันมองหน้ากัน
“อันดับแรก พี่เก๋ ต้องเปลี่ยน” ดาหวันมองหน้าเกสร
“เปลี่ยนอะไร” เกสรไม่เข้าใจ
“ยังคิดไม่ออกตอนนี้ อ้อ นี่ไง พี่ตัดรับความโสดเถอะนะ ไม่แน่อาจมีผู้ใหม่
รออยูก็ได้” ดาหวันชี้ไปที่ผมของเกสร เธอบอกว่าไม่ชอบผม ที่มัดรวบของเกสร “เจอกี่ปี ก็ทรงนี้ตลอด ลองเปลี่ยนทรงใหม่ดูบ้าง”
นิดนภาเห็นด้วยกับดาหวัน เกสรเออออตามเพื่อน ตัดก็ตัด มันคงไม่มีผล
อะไรกับเธอมากนัก
ที่ร้านตัดผมแห่งหนื่ง ใกล้ๆที่ทำงาน ในช่วงหลังเลิกงาน
“เรืยบร้อย” ช่างตัดผมบอกเกสร พลางเอาผ้าที่คลุมตัวของเธอออก
นิดนภากับดาหวัน ที่นั่งคอยอยู่ในร้าน ยิ้มอย่างพอใจ
เกสรในลุคผมบ๊อบสั้นเเสกข้าง
“ลดอายุได้อีกพี่เรา ไม่บอกก็ไม่รู้นะเนี่ย ว่า 35 แล้ว” ดาหวันชมจากใจจริง
“ยอดเยี่ยมไปเลยเพื่อนรัก” นิดนภา ยกนิ้วให้
เกสรมองมองกระจกแล้วยิ้ม เธอก็พึงพอใจกับผมทรงนี้เช่นกัน
ต้องขอบคุณดาหวัน ที่แนะนําให้
เกสรมาถึงบ้าน แม่เห็นเกสรตัดผมสั้น
“แปลกดี” แต่ในใจแม่นั้น กลับรู้สึกชอบ ทรงผมใหม่ของลูก
วันรุ่งขึ้นไปทำงาน คนที่รู้จักทัก
“หน้าเด็กขึ้น” หรือบางคน”นึกไม่ถึง ว่าจะกล้าตัด”
หรือบางคนแซวแรง “ตัดต้อนรับคนใหม่หรือเปล่า”
ดาหวันตอบแทน”ใช่แล้ว ของใหม่ต้องดีกว่า เคยได้ยินไหม
ผัวที่ดีคือใหม่”
รวมๆแล้ว ทุกคนเห็นดีด้วย
เวลาล่วงเลยมาถึงวันเสาร์ นาฬิกาปลุกแล้ว แต่เกสรกดออก ขอหลับตาอีกห้านาที
ลืมตาอีกที ทำไมห้องสว่างแบบนี้หล่ะ ตาสว่างยิ่งกว่าเดิม เมื่อจับโทรศัพท์มาดูเวลา เกือบเจ็ดโมงแล้ว
รีบกระโจนจากที่นอน เข้าห้องนํ้า อาบนํ้าแบบเร่งรีบ แต่งตัวใส่เสื้อผ้าเท่าที่ใจ สั่งให้ไวได้ คว้าทุกอย่าง ที่เกี่ยวข้องกับการไปทำงาน แต่ใจคิด ลืมอะไรก็ลืมไปเถอะ แต่อย่าลืมบัตร แต่ถ้าลืมเงินคอยไปยืมคนข้างหน้าเอา
ออกจากบ้านเจ็ดโมงกว่า ถือว่าสายมากสำหรับเธอ เพราะปกติจะออกหกโมงนิดๆ เร่งความเร็วถึงหมู่บ้านของดาหวัน
หมู่บ้านที่ดาหวันอยู่ คือหนึ่งในทางผ่านไปที่ทำงานเหมือนกัน ในใจเกสรคิด ป่านนี้ดาหวันคงไปถึงที่ทำงานแล้ว
ออกพ้นหมู่บ้านของดาหวัน ข้างๆทางเป็นทุ่งนา แต่เกสรเห็นรถมอเตอร์ไซค์จอดข้างทาง ด้านที่เธอขับ
ระยะทางไม่ถึงสิบก้าว ที่จะไปถึงรถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ด้านหน้า
เกสรกะจะเร่งความเร็ว
เจ้ากรรม ดันมีหมากระโจนมาจากฝั่งตรงข้าม เกือบจะโดนล้อรถข้างหน้า
แบบเส้นยาแดงผ่าแปด แล้ววิ่งลงทุ่งนาไปอย่างรวดเร็ว
เกสรตกใจ ทำอะไรไม่ถูก บังคับรถไม่ได้มือไม้อ่อน
ในที่สุด รถไหลลงข้างทาง
โชคดีที่เป็นข้างทางร่องตื้น เกสรพยายามลุก ในใจไม่ได้ห่วงตัวเอง
ห่วงจะไปทำงานไม่ทัน รู้สึกมือสั่นไม่มีแรง
วายุมองมาแต่ไกล เขายิ้มเยาะผ่านหมวกกันน็อก คราวนี้ใครเป็นคู่กรณี อุตส่าห์ออกจากบ้านคนละเวลาแล้ว ยังมีกะจิตกะใจรอเขาอีก
ชายหนุ่มจอดรถ แล้วลงมายกมอเตอร์ไซต์ ที่นอนแอ้งแม้งอยู่ข้างทาง
กลับไปไว้ที่ไหล่ทาง
แค่ตอนเอารถออก เกสรพอรู้ว่าเป็นใคร เพราะกลิ่นบุหรี่ติดจมูกเธอ
เกสรพยายามเอามือยันพื้น จะลุกท่าไหนดี
“ไหวหรือเปล่า” เสียงเหมือนจะเป็นห่วงของวายุ
ไม่พูดเปล่า เดินมาหาเกสรจากนั้นสอดมือจากด้านหลัง
ถึงบริเวณจักกะเเร้ ประคองให้เธอลูก แล้วพาเดินขึ้นถนน
คนที่ผ่านไปบางคนหยุดถามว่าเป็นอะไร เมื่อไม่มีอะไรร้ายแรงก็เลยผ่าน
วายุผละออกจากเกสรแล้วไปจับดูรถ ที่เขาเอาขึ้นมาจากข้างทาง
ชายหนุ่มนั่งมองยืนมองสักครู่ ไม่ได้เป็นไร หันมามองเจ้าของรถ
วายุเห็นเกสรนั่งพับเพียบ บนพื้นถนน แล้วถอดหมวกกันน็อกไว้ที่พื้นถนนเช่นกัน
ระยะทางไม่ถึงห้าก้าว เขาเห็นหน้าเธออย่างชัดเจน ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจใจ ยังมีคนไม่แต่งหน้าด้วยหรือนี่ ที่ทำให้เขาแอบยิ้มโดยไม่รู้ตัว คือผมบ๊อบสั้น แต่ถ้าไม่มีใครบอกว่าเป็นแม่หม้าย คิดว่าเป็นสาวอายุ 20แน่นอน
แต่มือของเกสรนี่สิ ไม่ห่างจากยาดมเลย เธอสูดแล้วเหม่อไปที่ทุ่งนา
หมาตัวนั้นคงวิ่งไปหาเจ้าของที่เห็นอยู่ไกลๆ ส่วนมอเตอร์ไซค์คันที่จอดไว้
ข้างทางนี้ น่าจะเป็นรถเจ้าของหมา
ในใจเกสรคิด ทำงานยังไม่ครบอาทิตย์ จะต้องหยุดอีกแล้วหรือนี่
วายุเดินมาใกล้เกสร เธอเงยหน้ามองเขา ร่างสูงใหญ่สวมหมวกกันน็อก
สีดำกระจกปิดหน้า ในความคิดของเธอรู้สึกว่าหมวกกันน็อกที่เขาใส่ใน
เวลานี้ ดูดีดูเท่ น่าจะราคาแพง ผิดกับหมวกกันน็อกของเธอ เป็นของแถมตอนออกรถ เหลือบมองมองเขา ผ้าใบสีขาวก็สุดเท่ กางเกงยีนส์สีซีด
เสื้อกีฬาสีดำ กระเป๋าคาดอกสีดำ
วายุจ้องผู้หญิงที่นั่งบนพื้นถนนผ่านกระจกหมวกกันน็อก รองเท้าผ้าใบสีดำคาดขาว วันนี้วันเสาร์เกสรใสยีนส์ทรงกระบอกสีดำ และเสื้อฮู๊ดที่เธอใส่เวลาขับรถประจำ ชายหนุ่มพิจารณาสีหน้าท่าทางของเกสร คงไปต่อไป่ไหวแน่
“จะเอารถไปฝากไว้ที่ร้าน” วายุหมายถึงร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ในหมู่บ้านที่อยู่ผ่านมา จากที่เกิดเหตุมาไม่ไกล โชคดีที่ร้านซ่อมอยู่ถนนทางผ่านไปทำงาน
“ขับรถผมตามนะ” ไม่รอคำตอบ วายุขับรถของเกสรกลับไปที่หมู่บ้าน
เกสรเหมือนโดนคำสั่ง ค่อยๆลุก หยิบหมวกกันน็อกใส่หน้าตะกร้ารถของเขา แล้วขับตามไป
วายุรอเกสรอยู่ข้างหน้าทางเข้าร้าน ส่วนลึกในใจกลับห่วงเธอ ป่านนี้ใจไม่อยู่กับตัวแล้ว
พอเกสรจอดรถแล้วลงจาก เขารีบกลับรถทันที จากนั้นหยิบหมวกกันน็อกที่อยู่ในตะกร้าส่งให้เธอ
“ทำเวลาหน่อย สายแล้วนะ”
เกสรเหมือนหุ่น รีบทำตามที่เขาบอก ใส่หมวกกันน็อก ขึ้นซ้อนท้าย
จากนั้นวายุทะยานรถออกไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างนั้นเกสรทำใจไว้แล้ว วันนี้สายแน่นอน
เกสรมองดูท้องฟ้า ช่างสดใส แดดก็จ้า ถ้าเธอคาดไม่ผิด น่าจะยังไม่ถึงแปดโมงเช้า กลิ่นบุหรี่ยังไม่จางจากตัวเขา แต่เกสรพอทน เพราะเธอต้องอาศัยเขาไปทำงาน วายุขับเร็วและแรง แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไร
ในใจได้แต่โทษตัวเอง คราวหน้าถ้านาฬิกาปลุก จะไม่นอนต่ออีกแล้ว
วายุเลยอู่มาส่งเธอที่ทำงาน ถึงหน้าทางเข้าโรงงานจอดแล้วยื่นมือ รอรับหมวกกันน็อกจากเกสร ที่ถอดออกอย่างเร่งรีบ
“เลิกงานรอแถวนี้น่ะ” วายุบอกเธอ
เกสรส่งหมวกกันน็อกให้วายุแล้ว รีบวิ่งเข้าโรงงาน มองดูที่สแกนบัตร
แปดโมงพอดี
เที่ยงวันนั้นในโรงอาหารของโรงงาน
“นึกว่าพี่เก๋จะหยุดงาน อย่าบอกกดนาฬิกาแล้วนอนต่อ” ดาหวันคาดเดาแต่ถูก
“พอดีมีเหตุนิดหน่อย รถของพี่ตอนนี้อยู่ที่ร้านซ่อมในหมู่บ้านของหวัน”
เกสรกินข้าวแบบไม่หิว ทั้งที่ตอนเช้าเธอก็ยังไม่ได้กิน
นิดนภาถามทั้งสองคนจะเอาอะไรไหม สองคนตอบแบบไม่ต้องคิด
“กาแฟเย็น”
นิดนภาเดินไปซื้อกาแฟแล้ว
ดาหวันพูดต่อ “พี่เก๋ ทำใจไว้เลย อีตาช่างคนนี้ เมาเป็นงานประจำ ซ่อมรถเป็นงานอดิเรก” เธอไม่ชอบขี้หน้าช่างซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ในหมู่บ้าน
เกสรที่ไม่รู้เรื่องราว”ไม่นะหวัน พี่ยังเห็นเขาซ่อมรถ ใช่ช่างตัวดำๆหรือเปล่า”เกสรฝืนใจกินข้าว
“แล้วพี่เก๋เห็นหน้าเขาชัดไหม” ปากบอกไม่ชอบแต่ถามถึง
“ไม่ชัดนะ เขาก้มหน้าซ่อมรถอยู่”เกสรตอบตามจริง
“ไม่น่าเชื่อ จะทำงานแต่เช้าได้” ดาหวันอุทานเบาๆ
นิดนภารวบกาแฟเย็นมาสามแก้ว ดาหวันยืนรับแล้วส่งให้เกสรแก้วหนึ่ง
“แล้วใครมาส่งพี่เก๋” ดาหวันถามแล้วจ้องหน้าเกสรเอาคำตอบ
นิดนภาก็อยากรู้พลอยจ้องหน้าเกสรไปด้วย
เกสรจะโกหกยังไง ต่อไปวันข้างหน้าพวกเธอทั้ง
สองคนก็ต้องรู้อยู่ดี อีกอย่างเธอโกหกไม่เก่ง
“คนที่มีเรื่องด้วยนั่นแหละ”เกสรตอบเสียงอ่อย
ดาหวันยิ้มแล้วพูด “ท่าไม่เป็นเนื้อคู่ ก็เป็นเจ้ากรรมนายเวร เนอะพี่น้อย”
ดาหวันขอแรงสนับสนุนจากนิดนภา
“เก๋ แล้วเขาทำงานที่ไหน” นิดนภาทำเสียงตื่นเต้น ที่ีมีผู้ชายมาส่งเพื่อนของเธอ แล้วพยักเพยิดกับดาหวันประมาณว่า เห็นผลของการตัดผมสั้นหรือยัง ดาหวันพยักหน้าสนับสนุนเต็มที่
“อู่ใกล้โรงงานเรา”เกสรไม่ได้คิดเหมือนเพื่อน ถ้าหากเมื่อเช้าเธอไม่นอนต่อก็ไม่มีทางได้เจอวายุแน่นอน
“แล้วเขาจะมารับพี่เก๋ ตอนเย็นอีกไช่ไหม”ดาหวันถามแทบจะกระซิบใกล้หูเกสร แล้วจ้องตาเหมือนรอคำตอบ
ส่วนนิดนภาเงี่ยหูมาฟังใกล้ๆ คล้ายรอคำตอบที่สำคัญ
พอเกสรพยักหน้าเท่านั้น ทั้งสองคนทำท่าดีใจหนักหนา
เกสรงง กับท่าทางของเพื่อน
ห้าโมงเย็นช่วงเลิกงาน จราจรด้านหน้าโรงงาน ค่อนข้างติดขัด
ไหนจะรถพนักงาน ทยอยออกจากด้านใน ไหนจะรถจากที่อื่นที่ผ่านถนนด้านหน้าของโรงงาน พนักงานที่นี่ส่วนมากใช้มอเตอร์ไซค์เป็นยานพาหนะ แล้วมีสารพัดรถที่จอดอยู่
ข้างทางที่หน้าโรงงาน เกสรเดินออกมารอวายุ แถวๆบริเวณนัด
ไม่นานเขาก็เดินทางมาถึง หลังจากหยุดรถแล้ว ก็ยื่นหมวกกันน็อกให้เกสร
ระหว่างนั้นมีผู้ชายคนหนึ่ง ได้ขับมอเตอร์ไซค์ออกจากโรงงาน
มองเกสรผ่านหมวกกันน็อกที่เขาสวมใส่ ตอนนี้เธอผมสั้น แล้วนึกในใจเหมือนเด็กมัธยมปลาย
แต่ที่เขาทึ่งมากกว่านั้น เธอซ้อนท้ายไปก้บใคร รูปร่างสูงใหญ่กว่าเขาอีก
ชายหนุ่มรู้สึกปวดใจ ระยะสองเดือนกว่า ที่เลิกกับเขา เธอจะทำใจ มีคนใหม่ได้เร็วขนาดนี้เชียวหรือ เพราะก่อนที่จะเลิกกันน้ัน เกสรฟูมฟายจะเป็นจะตาย
นิดนภากับดาหวันพากันแอบมอง จากรั้วโรงงาน
“หุ่นโคตรเท่ เสียดายไม่เห็นหน้า”ดาหวันบ่น
ระหว่างทางเกสรมองวายุจากด้านหลัง เริ่มชินกับกับกลิ่นบุหรี่
เดินทางถึงที่เกิดเหตุตอนเช้า นึกขำสภาพตัวเอง ถ้าเป็นหน้าฝน ก็คงได้กลับบ้านเป็นแน่แท้
เกสรเหลือบมองท้องฟ้า ในช่วงเกือบหกโมงเย็น มีเมมขาวลอย แดดเริ่มอ่อน
วายุพาเกสรมาถึงร้านซ่อมรถ ที่อยู่ในหมู่บ้านของดาหวัน
เกสรลงรถแล้วมองร้านที่อยูตรงหน้า เหมือนร้านซ่อมทั่วไปในหมู่บ้าน มีอุปกรณ์การซ่อมพร้อม มองรถของเธอที่วายุเอามาไว้เมื่อตอนเช้า
“ผมยังไม่ดูให้เลย วันนี้มีแต่งานรีบ ถ้ายังไงจัดการเองนะครับ”
เกสรมองหน้าช่างซ่อมรถชัดก็คราวนี้ เขากำลังยุ่งอยู่กับรถอีกคัน
แต่เขาก็ยังโผล่หน้ามาทักทาย เป็นหนุ่มหน้าตาดี ผิวดำ เตี้ยกว่าวายุนิดเดียว
ดูแล้าน่าจะรุ่นน้องเธอหลายปี มองจากชุดที่ใส่ทำงาน เป็นชุดที่เห็นเมื่อเช้าที่เธอเห็น คือกางเกงยีนส์สีดำที่เปื้อนคราบ ส่วนเสื้อสีกรมมีรอย แต่เกสรไม่ไช่ช่างเลยไม่รู้ว่ารอยเปื้อนอะไร เขาน่าจะยุ่งจริงๆ ไม่เห็นเหมือนดาหวันบอกเลย
วายุเดินไปหาช่างที่กำลังซ่อมรถอยู่ แล้วมองดูอย่างสนใจ
“ท่าทางจะงานเยอะ พี่เห็นทำตั้งแต่เช้า”ไม่รู้จักว่าช่างชื่ออะไรด้วยซํ้า
แต่ก็ชวนเขาคุย
“ครับ แล้วแต่บางวันอีกนั่นแหละ สำหรับวันนี้เยอะจริงๆ เนี่ยผมยังไม่มีเวลากินเหล้าเลย” ช่างตอบแล้วทำงานไปด้วย
วายุยิ้มเบาๆ ผ่านหมวกกันน็อก ไม่ได้กินกลิ่นยังขนาดนี้ ถ้าได้กินละมุดมาทั้งสวนแน่
“แล้วรถเป็นอะไรครับ” ช่างถาม
“พอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย อยากให้ช่างดูให้ ไม่ว่างไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ดูเอง” วายุ อาสาดูรถของเกสร
“ดีครับ ผมจะได้พัก เครื่องมือหาเอาเลย” ช่างซ่อมรู้สึกดีใจ แค่งานตรงหน้าเสร็จ จะได้พักกินเหล้าแล้ว
สักครู่มีเด็กชายสามคนกำลังจะเข้ามาในร้าน สองคนนั้นจูงจักรยานคนละคัน แต่อีกคนเดินตัวเปล่า
ช่างเจัาของร้านชักสีหน้าทันที“พวกเอ็งเป็นไรอีก พี่ยังไม่ได้พักเลยนะ”ช่างรีบบอก ตั้งแต่เด็กยังไม่ถึงร้าน
“แค่มาสูบลมยางเฉยๆ แล้วพี่จะโมโหทำไม” เด็กหนึ่งในสามบอกช่าง
“แล้วไป ถ้าซ่อมอย่างอื่น ขอเป็นวันถัดไป รอแป๊บนะ ใกล้เสร็จแล้ว” ช่างตอบแล้วสาละวนกับงานต่อ
วายุอาสาสูบลมยางจักรยานให้เด็ก จากนั้นช่างบอกเด็กๆ
“พวกเอ็งขอบคุณพี่เขาด้วย”
“ขอบคุณมากครับ” เด็กชายทั้งสามไหว้วายุ แล้วขี่ออกจากร้านไป
วายุยกมือ บอกว่าไม่เป็นไร ยินดี จากนั้นลองขับรถของเกสรดูอีกรอบ
ไม่นานเขาก็กลับมา ดูนั่นดูนี่แป้ปหนึ่ง จากนั้นก็สูบลมยาง
เกสรรู้สึกชื่นชมเขาในใจ ที่มีนํ้าใจกับเด็ก
“ลองดู” วายุบอกเกสร แล้วถามช่างว่าคิดค่าเสียหายเท่าไหร่
ช่างบอกไม่เป็นไร วายุขอบคุณช่างแล้วบอกว่าคราวหน้าจะมาใช้บริการใหม่
เกสรเคลื่อนรถออกจากร้านอย่างช้าๆ จากนั้นคอยสังเกตุอาการรถ
แต่ก็ไม่เป็นไร รู้ตัวอีกทีเลยร้านมาไกลแล้ว หากได้เจอนายอีกที ฉันจะขอบคุณ จากนั้นพารถมุ่งตรงบ้าน
วายุแอบขับมองเกสรอยู่ไกลๆ พอเห็นเข้าซอยแล้ว รีบเร่งเครื่องกลับบ้านทันที