ความเป็นกับความตายห่างกันแค่คืบ เช่นเดียวกับหัวใจทั้งสองที่ไม่อาจคู่ควร
หญิง-หญิง,แฟนตาซี,ดราม่า,ดราม่า,แฟนตาซี,GL,ผัดซีอิ๊วหน้าง่วง,รัตติกาลผัดรัก,AfterDarkFlirtation,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
After Dark Flirtation รัตติกาลผัดรักความเป็นกับความตายห่างกันแค่คืบ เช่นเดียวกับหัวใจทั้งสองที่ไม่อาจคู่ควร
AFTER DARK FLIRTATION รัตติกาลผัดรัก
Girl Love | Fantasy By GreySweater
หนึ่งมนุษย์ หนึ่งอมนุษย์พานพบเจอกันโดยไม่ใช่เรื่องบังเอิญนัก "ซิบิล" ปีศาจแห่งการหลับใหล ผีอำและฝันร้าย ผู้ดูแลปากท้องแห่งนรกมีเวลา 3 สัปดาห์เพื่อหานักโภชนาการคนใหม่ และไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าสาวน้อยผู้มีเสน่ห์ปลายจวัก เจ้าของร้านผัดซีอิ๊วเงาเมืองรุ่นที่ 5 อย่าง "วี" อีกแล้ว
ติดแค่... เธอไม่ยอมทำสัญญาดี ๆ เนี่ยสิ!
ภาพหน้าปกและภาพประกอบโดย Kira
#AfterDarkFlirtation #รัตติกาลผัดรัก #ผัดซีอิ๊วหน้าง่วง #เกรย์สเวตเตอร์เขียน #จักรวาลนิยายทริลเลอร์แฟนตาซี #นิยายยูริ #GirlLove
ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งย่านฝั่งธนเต็มไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยวมาเลือกจับจ่ายใช้สอย ทั้งของลัคชูรี่ราคาแพง สิ่งของเครื่องใช้เข้าบ้าน บ้างเป็นนักท่องเที่ยวจากแดนไกลมาสัมผัสความแตกต่างในไทยซึ่งไม่มีที่บ้านเขา ด้วยความเป็นห้างชื่อดังนี่เอง ทำให้วิชต้องใช้เวลานั่งหลังพวงมาลัยจนเมื่อยก้นกว่าชั่วโมงครึ่งเพื่อหาจุดจอดรถให้ได้
“โอเค!” วิชผ่อนลมหายใจเสียงดังหลังจากถอยรถเข้าซอง ปรับล้อทั้งสี่จนตรงแน่ว “เอาล่ะ ลงได้ เปิดประตูระวังนะแม่ อย่าให้ไปขูดรถข้าง ๆ เขานะ” เขาว่าแบบนั้นแล้วดับเครื่อง
“เออ ๆ รู้แล้วน่ะ”
วีซึ่งนั่งเบาะหลังรีบลงก่อนเพื่อเปิดประตูให้กับมนรดาพร้อมกับช่วยถือกระเป๋า ผู้เป็นแม่ยังทำหน้าไม่ไว้ใจเธอเพราะรู้ว่าลูกตั้งใจติดสินบนเพื่อให้คายความลับ แต่พวกเขาไม่ออกอาการประเจิดประเจ้อว่า แม่ต้องบอกมาเดี๋ยวนี้ ทำให้วันนี้ก็ไม่ต่างจากทุกครั้งที่สามแม่ลูกพากันเดินห้างซึ่งพวกเขามักแยกย้ายไปทำธุระของตัวเองแล้วค่อยเจอกันที่จุดเดียว ครั้งนี้มนรดานัดเจอลูก ๆ ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นล่างเพื่อซื้อวัตถุดิบสำหรับทำอาหารที่บ้าน สัปดาห์หน้าก็จะถึงวันพระแล้ว เธออยากทำบุญเลี้ยงพระและส่งบุญไปถึงเกริกชัยเสียหน่อย
ขณะที่หนุ่มสาวสองพี่น้องพากันไปร้านกาแฟเพื่อเติมคาเฟอีนเข้าสู่ร่างกาย พวกเขาสั่งเมนูง่าย ๆ อย่างลาเต้และมอคค่าคนละแก้ว หลังจากนั้นวิชปลีกตัวไปธนาคารเพื่ออัปเดตสมุดบัญชีร้านโดยเขามักทำทุกกลางเดือนและสิ้นเดือน ปกติพี่สาวจะไปกับเขาด้วยแต่วันนี้เธอกลับนั่งเอ้อระเหย ดูดกาแฟขึ้นหลอดพลาสติกอย่างเอื่อยเฉื่อย เพราะรู้สึกหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
ความรู้สึกหนักอึ้งที่หัว บนบ่า ทั่วเรียวแขนขารวมถึงแผ่นหลังบ่งบอกว่าร่างกายกำลังประท้วงขอให้หยุดพักเสียที แน่นอนว่าแค่เอนหลังชดเชยความปวดล้าไม่ได้ เธอดูดมอคค่าอึกสุดท้ายลงคอ เธอเปิดปากร้องลากเสียงอย่างแผ่วเบาเพื่อระบายความท่วมท้นทางกายและใจ หวังให้มีแค่เธอคนเดียวที่ได้ยิน
Rachel: มึง ไปร้องเกะกัน
V: วันไหน
Rachel: ไม่รู้สิ อยากไปกันให้ครบแก๊งเลย
V: ไว้ได้วันแล้วบอกกูก็ได้
Rachel: ได้จ้ะสาว งั้นขอจองตัวไว้ก่อนวีคหน้า
Rachel: ชวนน้องมึงด้วย เอาแฟนมันมาด้วยก็ได้ คนเยอะ ๆ สนุก
V: ไว้บอกให้
วีไม่ใช่คนชอบเที่ยวออกสังคมนาน ๆ แต่การร้องคาราโอเกะเป็นหนึ่งในธรรมเนียมกลุ่มแก๊งที่จะทำทุกครั้งที่นัดเจอกันหลังจากห่างหายในรอบหลายเดือน หลายปีเพื่อไม่ให้เหินห่างเกินไป เธอยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ประโยคหนึ่งว่า ‘คิดถึงว่ะ’ ในกลุ่ม
ขณะที่กำลังลุกจากเก้าอี้ไปทิ้งแก้วพลาสติกลงถังขยะ เธอเหลือบตาเห็นเด็กชายตัวเล็กอายุราวเจ็ดแปดขวบมากับครอบครัวกำลังหันออกไปมองนอกร้านด้วยสายตาประหลาดใจกึ่งสงสัยกึ่งหวาดกลัว เธอรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบใกล้กับเด็กน้อย พลอยทำให้เธอรู้สึกและหันมองตาม
กลุ่มก้อนพลังงานสีดำคล้ายควันแต่รูปร่างเหมือนคนหลากหลายขนาดแฝงตัวอยู่ท่ามกลางมวลมหาประชาชนนักท่องเที่ยวในห้างกำลังมุ่งหน้ามองหาบางอย่าง วีได้ยินเสียงหายใจถี่ของเด็กน้อยจึงดึงดูดความสนใจทำเป็นเล่นหยอกกับน้องเพื่อไม่ให้เขาเห็นภาพความน่ากลัวอย่างที่เธอเห็น
“คุณวี ร้านผัดซีอิ๊วเงาเมืองใช่มั้ยคะ” คุณแม่ของเด็กชายเอ่ยทักหลังจากที่เธอเล่นหยอกครู่หนึ่ง
“ใช่ค่ะ แหะ… ดีใจจังค่ะที่มีคนจำได้”
“ต้องจำได้สิคะ บ้านเราสั่งออเดอร์ร้านคุณวีบ่อย”
“เวลาพ่อแม่ไม่รู้จะกินอะไร ชอบสั่งมากินฮะ…” เด็กชายเอ่ยสนทนาด้วย ดูน่ารักน่าเอ็นดูจนกระทั่งแว้บหนึ่งที่เธอเห็นเงาดำสะท้อนจากนัยน์ตาของเขาจนไม่เห็นตาขาว “ไม่เบื่อเลย”
“ขอบคุณมากเลยนะคะ”
“ขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะ เซลฟี่กล้องฉันก็ได้ค่ะ”
เป็นเรื่องปกติของร้านที่มีชื่อเสียง วีไม่เคยปฏิเสธความยินดีที่ลูกค้ามีให้เลยสักครั้งรวมถึงครั้งนี้ เธอได้เห็นกับตาเนื้อของตัวเอง เมื่อหญิงวัยเลขสามกลาง ๆ ยกแขนหมุนกล้องหน้า สิ่งที่ปรากฎบนหน้าจอคือทั้งสามมีเงาดำร่างคนเกาะอยู่พร้อมแสยะยิ้มตามจังหวะที่นับ หนึ่ง… สอง… สาม…
นิ้วมือของพวกมันกำลังถ่างตาและฉีกยิ้ม แล้วอันตรธานหายไปในวินาทีต่อมาที่ลั่นชัตเตอร์ราวกับต้องการทดสอบวีว่าเธอมองเห็นพวกมันจริง ๆ เธอยิ้มได้ไม่เต็มปาก เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายตามกรอบหน้าและลำคอ ใบหน้าซีดเซียวเพราะนิ้วมือเหล่านั้นกำลังคืบคลานมาหาเธอเป็นดั่งฝันร้ายเพียงแต่เธอไม่ได้หลับฝัน
“ขอบคุณมากนะคะ ไว้ไปที่ร้านก็ทักทายได้เสมอนะคะ”
“รักษาสุขภาพนะครับ” คนพ่อเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ทว่าเยือกเย็นประหลาด
“เช่นกันค่ะ ช่วงนี้ฝนตกบ่อย ถ้าได้ยินอะไรแปลก ๆ อย่าขานรับนะคะ” เธอหลุดพูดออกไปแล้ว แม้ไม่ได้เสียงดังนักก็ทำให้สามพ่อแม่ลูกอึ้งกิมกี่ วีมุดหน้าหนีเดินออกจากร้านไปพบว่าไม่มีเงาดำกลุ่มนั้นแล้ว เธอได้ยินเสียงตามหลังจากเด็กชายอีกว่า ‘พี่เขาเห็นเหมือนผมเลย’
ความรู้สึกหนักอึ้ง น้ำตาอาบเอ่อ เธอตัดสินใจโทรหาน้องชายซึ่งเขารับสาย บรรยากาศรอบข้างเหมือนอยู่ในสโตร์ขายเครื่องสำอางหลากหลายแบรนด์ เขาบอกอีกว่ากำลังเลือกมาสก์หน้าให้เธอด้วย เป็นสูตรแตงกวากับสูตรมะเขือเทศเพื่อให้เย็นสดชื่นลดสิวหลังการใช้
“ให้รอมั้ย” เธอถามพร้อมกับกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ความรู้สึกเดิมยังคงอยู่เลย
“กำลังจ่ายตัง พี่รอผมแปปเดียว”
“ได้”
ไม่กี่อึดใจ วิชร่างเด็กชายสิบสองขวบวิ่งมากอดเธอแน่น แต่มองอีกทีเป็นน้องชายตัวสูงใหญ่ วิชไม่เข้าใจว่าพี่สาวเป็นอะไรไป ทำไมทำหน้าเหรอหราเหมือนเพิ่งเจอผี เธอรู้ว่าเขาจะถามอะไรจึงส่ายหน้าว่า ไม่ต้องพูดอะไรนะ
“ไปหาแม่กัน”
สองพี่น้องเดินเข้าซุเปอร์มาร์เก็ตพร้อมหยิบตะกร้าสีดำหนึ่งใบเผื่อตนเจออะไรถูกใจระหว่างตามหาแม่ พวกเขาได้
"แม่"
"ว่า"
"สรุปว่าแม่รู้จักหรือเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ไหมครับ" วีรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดคลิปกล้องวงจรปิดของหญิงสาวผมเงินให้ผู้เป็นแม่ได้ดู
"ไหน" มนรดาล้วงแว่นสายตายาวจากกระเป๋าสะพายของตัวเอง เธอเพ่งรูปในจอโทรศัพท์ของลูกก่อนจะพูด "สวยดีนะ แต่เขาเป็นใครหรอ"
"อ้าวแม่ ผมก็นึกว่าแม่รู้ อุตส่าห์พาออกมาช้อปปิ้งเนี้ย" วิชพูดอย่างหัวเสียเล็กน้อยที่ไม่เป็นไปตามที่ตนคิด
"แม่ก็ไม่ได้รู้จักทุกคนซะหน่อย วัน ๆ อยู่แต่บ้าน"
"งั้นเรื่องเลขก็ให้มันเป็นโมฆะไปแล้วกันนะ" วิชตอบกลับอย่างน้อยใจที่เหมือนโดนหลอกให้พาออกมาเที่ยวยังไงยังงั้น ส่วนวีที่ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจทันทีเมื่อได้ยินมนรดาพูด
"เอ้า งั้นก็บอกแม่มาสิว่าเขามาทำอะไรลูกแม่รึเปล่า นี่แค่ดูหน้าในจอโทรศัพท์มันนึกไม่ออกหรอก"
"เขามาชวนวีไปเป็นเชฟส่วนตัวของเขา อันนี้นามบัตร แม่พอจะนึกออกมั้ยคะ"
มนรดาใช้เวลาจ้องมองนามบัตรในมืออยู่นานพอสมควร พร้อมมองสลับกับรูปในโทรศัพท์ครั้งแล้วครั้งเล่า จนลูก ๆ ทั้งสองรอจนท้อและถอนหายใจพร้อมกัน
"อ่อ ๆ แม่นึกออกแล้ว" คำตอบทำให้ลูก ๆ หูผึ่ง หยุดเข็นรถที่โซนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป วีดูคาดหวังเป็นพิเศษ "เขาเคยมาหาพ่ออยู่เหมือนกันนะ แต่นานมาก ๆ แล้ว ตอนนั้นพวกแกยังเด็กอยู่เลย"
"แล้วแม่รู้จักเขาไหม" วิชเร่งถามไถ่
"ไม่รู้หรอก แม่อ่านชื่อไม่ออก เขามาหาพ่อครั้งเดียวแล้วก็ไม่มาอีกเลย" มนรดาพูดเช่นนั้นก่อนจะยื่นโทรศัพท์กลับคืนลูกสาวไป
"แล้วแม่รู้ไหมว่าเขามาทำไม" วีถามขึ้น
"ก็น่าจะชวนพ่อไปเป็นเชฟเหมือนกันแหละ เห็นคุยกันนานอยู่พอสมควร แม่ไม่รู้เรื่องด้วยหรอกเพราะพ่อคุยกับเขาลำพัง ไม่ค่อยเล่าอะไร ความลับเยอะจริง ๆ"
ว่าจบก็แบมือต่อหน้าลูกชายคนเล็ก
"อะไรแม่" วิชขมวดคิ้ว
"อ้าวก็ที่ตกลงกันไง เลขงวดนี้ว่าไงไอ้ลูกชาย" พอได้ยินเช่นนั้นวิชก็ถึงกับถอนหายใจกรอกตามองบน ก่อนจะตอบผู้เป็นแม่นักเสี่ยงโชค
"643 ไปกลับเอาเองนะ"
"แกได้มาจากไหนรอบนี้" วีถามน้องชายอย่างสงสัย
"รุ่นน้องมาเข้าฝัน มันประสบอุบัติเหตุตอนกลับบ้าน"
“โอ้ งั้นไว้หาเวลาไปงานศพน้องมั้ย ไหน ๆ ก็เข้ามาหา มันคงอยากให้แกไป” วีออกความเห็นพลางหยิบถุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสูตรเกาหลีเส้นหนึบใส่ตะกร้าอีก
“ที่ร้านวุ่น ๆ ผมอาจจะฝากเงินทำบุญไปกับพวงหรีดในนามของร้าน”
ระหว่างที่ลูก ๆ ทั้งสองพูดคุยจิปาถะเรื่องที่มนรดาไม่เข้าใจ เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาซื้อหวยและล็อตเตอรี่อย่างละใบ แม้ลูกชายตัวดีอาจจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือแต่ก็หวังว่างวดนี้จะถูกเลขท้ายสามตัวตามเคย
เมื่อเรียบร้อยแล้วก็มุ่งหน้าไปยังแคชเชียร์คิดเงิน วีมีหน้าที่เก็บของใส่ถุงผ้าที่แม่เตรียมเอาไว้ วิชก็ช่วยดูยอดเงินบนหน้าจอพนักงาน มนรดาออกปากชวนลูก ๆ กินมื้ออร่อยนอกบ้านด้วย ทำเอาถอนหายใจอีกรอบ สรุปไม่ได้อะไรเลยแถมต้องเลี้ยงข้าวอีก… แต่ในเมื่อได้ข้อมูลเท่านี้ก็ต้องเอาเท่านี้ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นรู้จักกับพ่อและเคยมาติดต่อพ่อไปเป็นเชฟส่วนตัวเช่นกัน
เมื่อทั้งสามคนมาถึงร้านอาหารที่อยู่ชั้นบนของห้างสรรพสินค้า ซึ่งร้านที่มนรดาเลือกจะเป็นร้านอาหารไทย-อีสานธรรมดาทั่วไป การตกแต่งจะเป็นสไตล์ไทยโบราณแต่เรียบหรูดูทันสมัย เมื่อสามคนแม่ลูกเข้ามา เลือกที่นั่งเบาะนุ่มสบายติดกระจกโดยที่สองพี่น้องนั่งข้างกัน มนรดานั่งคนเดียวพร้อมเปิดเมนูดูรายการอาหารอย่างสบายใจ
ขณะที่วีกลับขนลุกขนพองขึ้นมาอีกครั้งอย่างสังเกตได้ วิชมองแขนพี่สาวเงียบ ๆ แล้วดูเมนูต่อ วีเลือกได้แล้วจึงหยิบปากกาสีน้ำเงินจดลงบนกระดาษลายเส้นที่พนักงานให้แต่ละโต๊ะ เธอเลือกข้าวมัสมั่นไก่อบ วิชสั่งยำวุ้นเส้นทะเลกับปีกไก่ทอดสมุนไพร ส่วนแม่เลือกกะเพราไข่ลูกเขย เครื่องดื่มเป็นน้ำเปล่า
ลูกสาวคนโตลูบแขนทั้งสองข้างไม่หยุด ทั้งที่วันนี้อากาศร้อนอบอ้าว แม้แต่แอร์ห้างก็ไม่ได้เย็นทั่วถึงขนาดนั้น ทว่าเธอกลับหนาวสั่น วีมองเห็นกลุ่มมวลพลังงานก้อนเดิมที่เจอชั้นล่าง มันคืบคลานขึ้นมาชั้นบนอย่างอืดอาด ทำท่าทีเหมือนมองหาบางอย่าง เธอเห็นร่างผอมกรังร่างหนึ่งโดดโผมาจากจุดสูงชั้นเกือบบนสุดของห้าง ลงมายังพื้น ร่างแนบสนิทเลือดสีแดงฉานอาบนองแล้วปีนขึ้นไปกระทำแบบเดิมซ้ำอีก
"เป็นอะไรกันรึเปล่า"
“ไม่… ไม่มีอะไรแม่” วีโกหกอีกครั้งแล้วหลบตาจากสิ่งนั้นมาสนใจโทรศัพท์ของตัวเอง แต่ไม่ทันไรก็มีเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหูว่า พี่มองเห็นหนูด้วยหรอ เป็นเสียงของเด็กผู้หญิงซึ่งรับรู้ได้เลยว่าเป็นอีกคนกับที่กระโดดตึก
“อะ ๆ ถ้าแกว่างั้นก็ตามนั้น”
อาหารที่สั่งไว้มาเสิร์ฟบนโต๊ะ หอมฉุยน่ากิน เสียงช้อนส้อมกระทบจานชาม วียังคงเห็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลเหล่านั้นขณะใช้ช้อนตักข้าวเข้าปาก มันมีหนึ่งตัวที่เดินด้วยสองมือและสองขาระนามกับพื้นราวกับสัตว์ ตาถลึงกว้างเบิกโพลง ผิวพรรณไหม้และแห้ง มันย่างกรายเข้ามาในร้าน ดมหาบางอย่างซึ่งน่าจะเป็นของกิน ภายในร้านอาหารนี้มีขนมไหว้เจ้าที่แขวนผนังอยู่หลังโต๊ะคิดเงิน มันกินอย่างมูมมามจนเศษขนมเปื้อนทั่วปาก และมันรู้ว่าวีมองเห็นพร้อมกับส่งยิ้มแสยะให้แล้วกินต่อจนหมดเกลี้ยง
“กูยังไม่อิ่ม ไว้กูไปกินที่บ้านมึงได้มั้ย สาวน้อย”
วีส่ายหน้าและตักข้าวเข้าปากอีกคำ วิชและแม่มนมองเห็นพฤติกรรมดังกล่าวแล้วมองหน้ากันเงียบ ๆ สิ่งนั้นจ้องหน้าวีจากมุมมองต่ำกว่าก่อนจะคลานหายไปจากร้าน วีได้หายใจสะดวกขึ้นเสียทีและกินข้าวจนหมดอย่างเหนื่อย ๆ
ในที่สุดเธอถึงเริ่มคุยเล่นกับครอบครัวบ้าง ทุกเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องงาน หญิงผมเงินและสิ่งลี้ลับที่พบเจอ บรรยากาศถึงได้ดีขึ้นมาบ้าง วีเป็นคนจ่ายเงินค่าอาหารมื้อนี้พร้อมบอกให้รีบกลับบ้านเพราะเหนื่อยแล้ว ห้างแห่งนี้มวลพลังงานมากเกินไปราวกับพวกมันขโมยอากาศหายใจไปด้วย
จี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด….
เสียงเหล็กลากกระทบพื้นกระเบื้องขัดมันดังเข้ามาในโสตประสาทของวีทันทีที่ก้าวขาออกจากร้านอาหาร แต่คนอื่นไม่มีใครได้ยินด้วย ฟันคู่บนและล่างของวีสบกระทบกันเมื่อเสียงนั้นดังขึ้น เข้าใกล้มากขึ้น จนกระทั่งได้เห็นที่มาของเสียงมาจากหญิงสาวชุดดำคาดฝักดาบ เธอลากดาบกับพื้นห้างเพื่อดึงดูดความสนใจอะไรบางอย่างในห้างซึ่งมีแค่วีที่เห็น
“หนีไป” เสียงเอ่ยเตือนกระซิบข้างหูวีบอกแบบนั้น เธอเชื่อฟังและรีบสับเท้าไม่รอแม่กับน้องชาย เธอหันหลังมองตามเป็นช่วง ๆ เห็นว่าหญิงสาวผมสีชานมกำลังฟาดฟันวิญญาณดำมืด เมื่อปลายดาบกระทบฟันร่างโปร่งแสงสีทะมึนก็แหลกสลายไปทันที ไม่ใช่แค่หนึ่ง สองหรือสามซึ่งถูกคมดาบเฉือน แต่เป็นร้อยต่างหาก “วิ่งต่อไป อย่าหยุด… ฉันระวังหลังให้”
เวลาไม่นานทั้งสามคนก็เดินออกจากห้างมายังลานจอดรถใต้ดินด้วยความเร่งรีบ จู่ ๆ ก็มีเสียงจี๊ดดังขึ้นมาอีก วีไม่อยากหยุดชะงักเท้าได้เพราะมีเสียงโหยหวนตามมาด้วย เธอหยิบหูฟังชนิดสวมหัวขึ้นมาใส่พร้อมเลือกเพลงเฮฟวี่เมทัลเพื่อกลบเสียงไม่พึงประสงค์
วิชจูงมือแม่พร้อมกับกดกุญแจปลดล็อครถ
"เฮ้ออ" เธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ ทำเพียงแค่เบาเสียงเพลงของเครื่องดนตรีร็อคเท่านั้น
"พี่วีเป็นไงบ้าง" วิชมองกระจกมองหลังถามไถ่พี่สาวอย่างเป็นห่วง
"อื้มดีขึ้นแล้ว แกไม่เห็นอะไรเลยหรอ" เธอย้อนถามกลับน้องชาย
"ไม่อ่ะพี่ นอกจากอึดอัด" วิชตอบพร้อมกับมองเส้นทางบนถนน เขาไม่เห็นอะไรจริงๆ ทแต่รู้สึกได้ถึงความอึดอัดจนระแวงไปหมด
"มาห้างแกยังเห็นอีกหรอวี" มนรดาถามขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปนาน
"หนูก็เห็นทุกทีแหละแม่ วิญญาณมันมีอยู่ทุกที่ แต่ที่นั่นมันเยอะเกินไป ไหนจะลานจอดรถอีก แล้วมีแต่วิญญาณร้ายทั้งนั้นเลย วีเลยกลัว นี่ถ้าไม่ได้..." เธอชะงักคำพูดเมื่อนึกถึงผู้หญิงผมสีชานมคนนั้น
"อะไร" แม่ถามต่อ
"ถ้า…ถ้าไม่ได้แม่กับวิชช่วยพาวีออกมานะ มีหวังช็อคตายแน่ๆ" เธอเฉไฉไปเรื่องอื่นมากกว่าจะเล่าความจริงให้ฟังว่าผู้หญิงคนนั้นมาช่วยจัดการวิญญาณร้ายเหล่านั้นออกไป
"เฮ้อ เอาละๆ ออกมาจากตรงนั้นได้ก็ดีแล้ว ถึงบ้านก็อาบน้ำพักผ่อนก่อนนะวี ค่อยไปเปิดร้าน"
"ค่ะ งั้นถ้าถึงบ้านแล้วปลุกวีด้วยนะ ขอพักสายตาหน่อย"
เธอเอนหลังพิงเบาะอย่างผ่อนคลายมากกว่าเดิม แล้วหลับตาลงเพื่อพักผ่อน แต่สมองของเธอยังคงคิดวนเวียนกับผู้หญิงคนนั้นที่มาช่วยเธอ
ประมาณเกือบชั่วโมงที่รถติดในเมืองสู่ละแวกบ้านย่านเจริญกรุง ทั้งสามคนก็ได้มาถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย วีรีบเดินขึ้นไปยังห้องนอนตัวเองเพื่อจะพักผ่อนก่อนที่ตอนเย็นจะไปเปิดร้านผัดซีอิ้วอย่างเช่นในทุกวัน
"เฮ้อ วีนะวี แม่ละสงสารแกจริง ๆ" มนรดาเอ่ยขึ้นอย่างท้อใจแทนลูกสาวที่มีสัมผัสพิเศษสามารถมองเห็นเหล่าวิญญาณได้
"เอาน่าแม่ พี่วีคงดีขึ้นแล้วละ ปกติเขาไม่เป็นขนาดนี้ นี่คงเพราะมันเยอะเกินไปจริง ๆ ขนาดวิชยังรู้สึกได้เลย" วิชเดินเข้ามาพูดเสริม แล้วมองไปชั้นสองที่พี่สาวเพิ่งเดินขึ้นไปเมื่อครู่
"แม่อยากช่วยวีกับวิชนะลูก แต่ไม่รู้จะช่วยยังไงเลย เอ๊ะหรือว่าเราต้องไปหาหลวงพ่อ"
"โธ่แม่ แม่พาผมกับพี่วีไปกี่วัด ๆ ก็ไม่ได้ผลสักวัดตั้งแต่เด็กอ่ะ ไม่มีใครช่วยได้หรอก นอกจากทำใจให้ชิน ซึ่งก็ค่อนข้างชินแล้วนะ จนวันนี้เนี่ยแหละ"
"เฮ้อ เอาละแกก็ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ ตอนเย็นจะได้มีแรงไปเปิดร้านกัน"
"ครับ"
ภายในห้องของวี
ร่างบางกำลังนอนแผ่กายราบไปกับที่นอนอย่างเหนื่อยล้า ดวงตาสวยยังคงลืมอยู่ปกติ เหม่อมองเพดานห้องแล้วคิดไม่ตกเกี่ยวกับผู้หญิงผมสั้นสีชานมคนนั้น เธอเป็นใครกัน มาเตือนฉันให้ห่างจากผู้หญิงอีกคน ไหนจะมาช่วยกันวิญญาณเหล่านั้นไม่ให้มาก่อกวนฉันอีก วีสงสัยกับการกระทำของหญิงสาวผมสีชานม เธอไม่รู้เลยว่าอีกคนเป็นใครและมีเจตนาอะไรถึงทำแบบนี้ แต่ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งปวดหัว จนเลิกนึกถึงมันก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลงเพื่อพักผ่อน
แท็ก: #AfterDarkFlirtation #รัตติกาลผัดรัก #ผัดซีอิ๊วหน้าง่วง