ความเป็นกับความตายห่างกันแค่คืบ เช่นเดียวกับหัวใจทั้งสองที่ไม่อาจคู่ควร
หญิง-หญิง,แฟนตาซี,ดราม่า,ดราม่า,แฟนตาซี,GL,ผัดซีอิ๊วหน้าง่วง,รัตติกาลผัดรัก,AfterDarkFlirtation,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
After Dark Flirtation รัตติกาลผัดรักความเป็นกับความตายห่างกันแค่คืบ เช่นเดียวกับหัวใจทั้งสองที่ไม่อาจคู่ควร
AFTER DARK FLIRTATION รัตติกาลผัดรัก
Girl Love | Fantasy By GreySweater
หนึ่งมนุษย์ หนึ่งอมนุษย์พานพบเจอกันโดยไม่ใช่เรื่องบังเอิญนัก "ซิบิล" ปีศาจแห่งการหลับใหล ผีอำและฝันร้าย ผู้ดูแลปากท้องแห่งนรกมีเวลา 3 สัปดาห์เพื่อหานักโภชนาการคนใหม่ และไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าสาวน้อยผู้มีเสน่ห์ปลายจวัก เจ้าของร้านผัดซีอิ๊วเงาเมืองรุ่นที่ 5 อย่าง "วี" อีกแล้ว
ติดแค่... เธอไม่ยอมทำสัญญาดี ๆ เนี่ยสิ!
ภาพหน้าปกและภาพประกอบโดย Kira
#AfterDarkFlirtation #รัตติกาลผัดรัก #ผัดซีอิ๊วหน้าง่วง #เกรย์สเวตเตอร์เขียน #จักรวาลนิยายทริลเลอร์แฟนตาซี #นิยายยูริ #GirlLove
อีกไม่นานก็จะถึงเวลาในการปิดร้านผัดซีอิ้วเงาเมือง ทุกคนต่างช่วยเก็บกวาดข้าวของให้เรียบร้อย เพื่อจะปิดร้านในวันนี้ ส่วนเจ้าของร้านอย่างวีและวิชเองก็ตรวจทานเงินที่ขายได้ในวันนี้อยู่ที่โต๊ะ
“ยอดครบถ้วนครับ" วิชเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นเงินให้พี่สาวที่นั่งอยู่ตรงข้าม
"ขอให้ดีแบบนี้ทุกวัน" วีรับเงินมาแล้วเก็บใส่กระเป๋าอย่างเรียบร้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วมองพนักงานที่ใกล้จะเก็บของกันเสร็จแล้ว "เหนื่อยกันหน่อยนะทุกคน ขอบคุณมาก ๆ นะคะ"
เธอก้มหัวขอบคุณพนักงานทุกคนที่ทุ่มเทแรงใจแรงกายให้กับงานมาอย่างดี ทั้งงานหน้าร้านและดูแลความเรียบร้อย ต่างฝ่ายต่างให้ใจกับงานของตัวเอง
"พี่วี..."
“หืม”
"ปิดร้านกันแล้วเหรอคะ" ซิบิลถามขึ้นก่อนจะมองทุกคนที่หยุดมือกัน แล้วมองกลับมาที่เธอเป็นตาเดียว
"ค่ะร้านปิดแล้ว วันนี้ขอบคุณนะคะที่มาอุดหนุนที่ร้าน แต่คุณคงต้องกลับไปเพราะเราปิดครัวแล้ว" วีตอบกลับทันควัน แต่ซิบิลก็ได้แค่ก้มหน้ายิ้มแล้วส่ายหัว
"ถึงฉันจะชอบฝีมือเธอมากก็เถอะ แต่ฉันไม่ได้กลับมากิน"
"แล้วคุณกลับมาทำไมคะ?" วีถามอย่างสงสัย เพราะผู้หญิงตรงหน้าได้กลับไปตั้งแต่ตีหนึ่งแล้ว แม้ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่เธอยังคงดูดี เครื่องสำอางโทนสีแดงกุหลาบยังประทับไม่เลือนจางจากใบหน้า ต่างจากวีซึ่งมีหยดเหงื่อตามกรอบหน้าจากการทำงานหน้าเตาจนหมอง “หรือคุณต้องการให้ช่วยอะไร”
"ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย ที่เราคุยค้างไว้จากก่อนหน้านี้น่ะ"
ซิบิลตอบกลับ สร้างความสนใจกับเหล่าพนักงานพาร์ทไทม์มากขึ้นอีก ขณะที่เจ้าของร้านทั้งสองขมวดคิ้ว แต่พยักหน้าให้กันอย่างรู้ใจเพราะอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นเกี่ยวกับร้าน ต้องอยู่ในความควบคุมดูแลของพวกเขา
"วันนี้ทุกคนกลับไปกันก่อนนะครับ" วิชกล่าวกับพนักงานพาร์ทไทม์ทุกคน ป้าใจดูต้องการพูดอะไรบางอย่างแต่เมื่อเจ้านายยืนยันแบบนั้นจึงจำต้องกลืนคำพูดลงคอแล้วจับมือลุงหมายด้วยความระแวง “ถ้ามีอะไร เดี๋ยวพวกเราแจ้งในกลุ่มอีกทีครับ”
"แต่หนูเหลือเช็ดโต๊ะตัวนึงนะคะ" สาวน้อยพนักงานเสิร์ฟคนนึงเอ่ยบอกพร้อมกับชี้ไปที่โต๊ะตัวที่นั่งประชุมกันเมื่อครู่
"ไม่เป็นไรไรแอ๋ม เดี๋ยวพี่กับพี่วีจะจัดการทุกอย่างเอง กลับไปพักผ่อนกันเถอะ วันนี้ขอบคุณมาก ๆ"
"อ่าค่ะ ๆ เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ พี่วี พี่วิช"
ทุกคนต่างเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ดี มันเป็นการดีที่สุดที่เจ้าของร้านจัดการเองเพราะมันเหนือความสามารถของพนักงานพาร์ทไทม์แล้ว เมื่อพนักงานทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว ซิบิลก็เข้ามานั่งด้วยด้วยท่าทีวางตัว สองพี่น้องผู้บริหารร้านผัดซีอิ้วเงาเมืองนั่งลงสบตาคู่สนทนาอย่างหนักแน่นมั่นคง
"คุณต้องการอะไรจากพวกเรา"
พรึ่บ!
ฉับพลันไฟทั้งร้านก็ดับลง ทุกอย่างเงียบสงบจนได้ยินเสียงหายใจ เป็นแค่ร้านผัดซีอิ๊วเงาเมืองเท่านั้นที่ไฟดับ ในละแวกไฟฟ้าใช้ได้เป็นปกติ และมันเกิดขึ้นทันทีที่ซิบิลส่งยิ้มหวานให้ มืออุ่นของหญิงสาวคว้าจูงสองพี่น้องในความมืด จากนั้นเพียงเสี้ยววินาที แสงสว่างก็หวนคืนเพียงแต่ไม่ได้มาจากหลอดไฟ แต่เป็นบรรยากาศต่างจากเดิมเป็นอย่างมากราวกับหลุดเข้าไปในภาพถ่ายฟิลเตอร์สีซีเปีย
"เฮียเหนกเหมือนเดิมสองที่!"
เสียงผู้ชายตะโกนดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทั้งคู่พบว่าร้านของตัวเองแปลกตา ตัวร้านเป็นบ้านไม้ทั้งหลังไม่ใช่ตึกแถวอย่างปัจจุบัน ตามผนังเต็มไปด้วยกรอบรูปภาพ ชิ้นส่วนหนังสือพิมพ์และแผ่นเมนูแบบเขียนมือ เสียงพูดคุยจอแจของลูกค้าในร้านสลับกับเสียงช้อนส้อมกระทบจานชาม รวมถึงกลิ่นหอมฉุยของอาหาร เสียงดังวุ่นวายอย่างกับอยู่ในตลาดสด
"ได้ ๆ ไอ้ตี๋ นั่งก่อน ๆ"
น้ำเสียงแหบที่ไม่คุ้นเคยแต่เรียกความสนใจจากวี สายตาเธอมองไปยังที่ครัวผัดหน้าร้าน ก็พบกับชายวัยกลางคนย่างเข้าเลขหกกำลังผัดซีอิ๊วในกระทะอย่างขมักเขม้น ทะมัดทะแมง ลีลาการยกกระทะดูชำนาญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะท่าควงตะหลิวสามรอบเพื่อรอผัดเส้นเข้ากับเนื้อ… พ่อก็ทำท่าแบบนี้ และส่งต่อมาให้ฉัน…
"ปู่ทวด?"
วีพูดออกมาเบา ๆ อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เธอเคยเห็นปู่ทวดเอนกจากอัลบั้มรูปภาพของครอบครัวซึ่งรวบรวมมาตั้งแต่ยายทวด ส่งต่อให้ยายและแม่จนหนาเป็นปึ๊งใหญ่ไม่ต่างจากสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นหนาดั่งที่เขาว่าเลือดข้นกว่าน้ำ เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นปู่ทวดตัวเป็น ๆ ด้วยตาเนื้อคู่นี้
เส้นผมหนาสีดำมีแซมด้วยสีดอกเลาจากความโรยราของอายุ โครงหน้าเหลี่ยมผิวเข้ม มีรอยเหี่ยวย่นที่ตีนกาและร่องแก้ม รูปร่างใหญ่ดูน่าเกรงขาม ทว่าเขายิ้มแย้มสดใสเป็นมิตรให้กับทุกคนที่ผ่านเข้ามา รอยยิ้มแบบเดียวกับรูปถ่ายจำนวนมากในอัลบั้ม
ทวดเอนกเป็นผู้ตั้งต้นผัดซีอิ๊วเงาเมืองครั้งแรกจากความรักในการทำอาหาร ยายทวดเล่าว่าเมนูโปรดของเขาก็คือผัดซีอิ๊วเส้นใหญ่ซึ่งเริ่มจากการทำอาหารแบ่งเพื่อนบ้านในซอย เขาได้รับคำชมและรบเร้ามากมายสู่การเปิดกิจการแต่เปิดร้านตั้งแต่หนึ่งทุ่มถึงเที่ยงคืน จนมีการปรับเปลี่ยนเวลาเปิดทำการช่วงที่คุณพ่อเกริกชัยเป็นคนรับช่วงต่อ
"ห๊ะ? พี่ว่าไงนะ?"
"นะนี่มันอะไรกัน… ทำไมถึง…" สองพี่น้องไม่สามารถวิเคราะห์ทำความเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างถี่ถ้วนนัก พวกเขายืนอึ้งกิมกี่อยู่กลางร้านซึ่งผู้คนมากมายเดินผ่านทะลุร่างไปราวกับเป็นเพียงวิญญาณ เป็นชิ้นส่วนความทรงจำที่จับต้องไม่ได้
"สวัสดีค่ะลุง"
ซิบิลเมินเฉยต่อคำถามของวี ปล่อยให้เหตุการณ์ตรงหน้าอธิบายแทน แม้เมื่อครู่ทั้งคู่จะได้ยินเสียงของซิบิลเอ่ยทักทายปู่ทวดเอนกแต่ไม่ใช่เธอ เป็นอีกร่างของซิบิลซึ่งเป็นสาวน้อยตัวเล็ก ส่วนสูงเท่าไหล่ของวี มีเรือนผมสีเงินโดดเด่นถักเปียคู่ เดาว่าเป็นช่วงวัยรุ่นมัธยมปลาย
"หวัดดี ๆ อีหนู ไม่ได้มาซะนานเลยนะ โตเป็นสาวแล้ว ผมยาวขึ้นด้วย วันนี้เอาเหมือนเดิมมั้ย" เอนกชูคอทักทายเด็กสาวซิบิลด้วยความดีใจที่ได้เจอ โดยที่ในมือยังคงประกอบอาหารให้ลูกค้าคนอื่น ๆ ไม่หยุดมือ
"ขอบคุณค่ะลุงเหนก พอดีหนูไปที่ไกลแสนไกลมา แล้ววันนี้คิดถึงผัดซีอิ้วฝีมือลุงเลยกลับมาค่ะ"
"ขอบใจนะ ๆ ที่ยังคงคิดถึงลุง ยังกลับมากิน แล้วนี่เอาเหมือนเดิมใช่ไหม"
“เอาสามที่กลับบ้านนะคะ หนูจะเอาไปฝากพ่อแม่ด้วย”
“ได้เลย เดี๋ยวลุงทำพิเศษให้ พ่อหนูกินเยอะ หนูนั่งรอไปก่อนนะ”
บทสนทนาระหว่างคนต่างช่วงวัยแต่ดูเต็มไปด้วยความผูกพัน ความทรงจำ ความหมาย เด็กหญิงซิบิลหย่อนก้นนั่งที่ตำแหน่งชิดผนังโดยหันไปมองครัวแบบเดียวกับเวลาที่เธอเข้ามาร้านไม่มีผิด สาวน้อยแกว่งขาไปมาโดยวางแก้มลงบนฝ่ามือ คอยมองลีลาท่าทางของพ่อครัวคนเก่ง แม้นี่เป็นฉากความทรงจำแต่วีและวิชได้กลิ่นหอมฉุยน่าทานของผัดซีอิ๊วเงาเมืองสูตรต้นตำรับโดยทวดเอนก พลอยทำให้กระเพาะที่ยังไม่มีอาหารหล่นถึงร้องโครกครากไปด้วย
"พี่วี!"
วีหันมองตามนิ้วของน้องชาย พบกับผนังร้านที่มีรูปภาพอัดกรอบติดอยู่ ด้วยความที่ปู่ทวดเป็นคนอัธยาศัยดี เป็นที่รักของชาวบ้านระแหวกนี้ ลูกค้าก็ต่างถูกใจและเป็นลูกค้าเจ้าประจำ ปู่ทวดเลยถ่ายรูปคู่กับลูกค้าต่างๆด้วยกล้องฟิล์มสมัยนั้น แต่รูปที่ทำวิชตกใจและวีถึงกับชะงัก ก่อนจะหันมามองผู้หญิงตรงหน้าเธออีกครั้ง ซิบิลยิ้มให้เธออย่างไร้เดียงสา แต่ก็แอบแฝงไปด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างในแววตา
"นั่นคุณเหรอคะ"
"อื้ม ฉันเอง"
"เป็นไปได้ไง..."
"จริงพี่ อย่างกับแวมไพร์" วิชพูดอย่างสงสัยแล้วพิจารณาหญิงสาวตรงหน้า
"..." วีได้ยินน้องชายพูดเช่นนั้น ก็ถือวิสาสะเอื้อมมือไปจับแขนของอีกคน ก็รู้สึกถึงเนื้อหนังของคนปกติทั่วไป เพียงแค่ร้อนกว่าเธอเล็กน้อย
“ฉันไม่ได้หิวเลือดสักหน่อย… มันไม่อร่อยน่ะ” ซิบิลยิ้มแล้วถอนหายใจเบาๆให้กับสองพี่น้องที่ความคิดดูพิลึกพลัน ก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง "เอาล่ะ คราวนี้ก็คิดดูดี ๆ นะว่าเธอมีความสุขกับงานที่ทำอยู่ตอนนี้จริง ๆ รึเปล่า หรือเธออยากจะทัวร์ครัวของฉันก่อนก็ได้นะ" ซิบิลพยายามพูดหว่านล้อมวี
ฟรึ่บ!
ไฟในร้านกลับมาติดขึ้นมาอีกครั้ง ทุกอย่างก็กลับมาในปัจจุบันยังร้านผัดซีอิ้วเงาเมืองของทั้งคู่เช่นเดิม ซึ่งบนผนังมีภาพถ่ายตามที่คุณพ่อเกริกชัยได้ทำไว้ มีกรอบรางวัลประปราย นอกเหนือจากนั้นเป็นของตกแต่งให้ดูทันยุคทันสมัย น่าถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดีย
วีซึ่งสติได้ก่อน เธอกำหมัดบีบมือตัวเอง ในเมื่อรับรู้ได้แล้วว่าหญิงสาวตรงหน้ารู้จักความเป็นมาของร้านผัดซีอิ๊วเงาเมืองมากขนาดไหน ดูจะรู้จักเธอดีกว่าตัวเธอเองด้วยซ้ำ แต่มันก็ยังมีคำถาม ปริศนามากมายภายใต้ใบหน้าสวยนั้น บางอย่างที่ทำให้เธอหวาดกลัว เช่น เมื่อคืนในฝัน ในห้องนอนมากระทำเรื่องวาบหวามฉาบฉวยที่จนถึงตอนนี้ก็ยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้ว่า อะไรคือความจริง
"ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้อยากหยาบคาย แต่คุณรู้จักฉันมากขนาดนี้ แต่ฉันดันไม่รู้จักอะไรคุณเลยแม้แต่นิดเดียว นอกจากชื่อ ฉันไม่ทำงานร่วมกับคนที่ฉันไม่รู้จักหรอกค่ะ"
"งั้นก็แปลว่าถ้าเรารู้จักกันมากขึ้น…" ซิบิลเท้าแขนทั้งสองข้างกับโต๊ะ พร้อมส่งรอยยิ้มหวานกับสายตาเชิญชวนให้วีและชำเลืองมองวิชเล็กน้อยด้วย "คุณอาจจะเปลี่ยนใจใช่ไหมคะ"
คำพูดหยั่งเชิงทีเล่นทีจริงของหญิงปริศนาผมเงินทำเอาสองพี่น้องเสียอาการ แก้มและหูสองข้างร้อนผ่าว บอกไม่ถูกว่ามันคือความหวั่นไหวหรือหงุดหงิดที่ถูกยั่วโมโห
"..."
"แบบนั้นก็ได้นะ ยังไงฉันก็มาหาคุณทุกวันได้อยู่แล้ว" ซิบิลยังคงหว่านเสน่ห์ใส่ไม่หยุด
"วีจะไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ...ได้ยินชัดนะครับ ขอบคุณที่ให้ความสนใจพี่สาวผม แต่เขาโอเคกับงานตัวเองที่ทำอยู่ครับ" วิชเป็นคนตอบกลับแทนพี่สาว ทั้งที่ตัวเองยังหน้าแดงหูแดง
ซิบิลเอียงหน้าไปมองวิชแล้วใช้สายตานิ่งๆพร้อมกับยิ้มที่มุมปากอย่างเหนือกว่า
"คงต้องให้วีเป็นคนตัดสินใจเองมากกว่าค่ะ" หญิงสาวผมเงินเอ่ยกลับเรียบนิ่ง ฟังดูเย็นชาและตั้งใจจะดึงตัววีให้ไปอยู่กับตัวเองให้ได้ "งั้นไว้เจอกันใหม่นะคะ" เธอกล่าวลาพร้อมรอยยิ้มหวาน ไม่หันกลับมาสนใจสองพี่น้องอีก เหลือไว้เพียงแค่ความขนลุก อุณหภูมิร้อนหนาววูบวาบน่าอึดอัด
"เฮ้อ วิช" วีเอ่ยถามน้องชายด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้เห็นเมื่อครู่
"แปปนึงพี่ ผมขอหายใจก่อน… เฮ้อ…" วิชพยายามสูดลมหายใจเข้าออกอย่างเหนื่อยๆ แล้วกรอกตาไปมาอย่างใช้ความคิดและเรียกสติตัวเองกลับมา “เชี่ย… เมื่อกี้มันคือประสบการณ์อะไรวะพี่”
"ไม่ใช่คนแน่ ๆ คิดอย่างอื่นไม่ออกเลย… ยังไงก็ผี…" ผู้เป็นพี่สาวเอ่ยทฤษฎีสมคบคิดที่สร้างขึ้นเองโดยที่พยายามสูดหายใจ แต่เหมือนมีก้อนบางอย่างจุกที่คอแน่นหนาจนอยากสำรอก
"อึก!"
"พี่เป็นไร!"
วีเอามือปิดปากตัวเองและอีกมือก็ห้ามน้องชาย ก่อนเธอจะวิ่งไปเข้าห้องน้ำหลังร้านทันที เมื่อเข้ามา เธอก็เปิดฝาชักโครกขึ้นแล้วโก่งคออาเจียนอย่างรวดเร็ว น้ำหูน้ำตาไหลเต็มหน้าเธอไปหมด ในกระเพาะว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่น้ำย่อย ทำให้วีแสบคอและท้องมาก ๆ
ท่ามกลางความสับสนของจิตใจว้าวุ่น มีมือเย็นมาลูบหลังของเธออย่างอ่อนโยนและเบามือ ทีแรกเธอคิดว่าเป็นน้องชายที่เข้ามาช่วย จนกระทั่งนึกได้ว่าตนล็อคประตูห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว สัมผัสบางเบาเยือกเย็นยังคงประทับบนหลัง ทำให้ขนลุกชูชันทั้งตัวอีกครั้ง
"อย่าตามผู้หญิงคนนั้นไปเลย คุณน่าจะดูออกว่าเธอเจตนาไม่ดี" วีไม่คุ้นเคยเสียงข้างหูแต่ไม่คุ้นเคยแถมเย็นเยียบราวกับว่าอีกฝ่ายมาจากแดนหนาวเหน็บ
วีค่อย ๆ หันมอง เห็นเป็นหญิงสาวผิวขาวซีด ผมสั้นประบ่าสีชานมทัดหู ใส่ชุดเบลเซอร์ตัวโคร่งสีดำล้วน ดูภูมิฐานสง่างาม นัยน์ตาสีเหลืองอำพันและสีเปลือกส้มสวมทับด้วยแว่นตาทรงเหลี่ยมไร้กรอบสีเงิน วีขมวดคิ้วแล้วมองใบหน้านั้นอย่างรู้สึกคุ้นตาโดยเฉพาะสีผมและการแต่งกาย เหมือนเธอเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ที่ไหนมาก่อน ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังยื่นกระดาษทิชชู่ให้เช็ดปากอีกด้วย
"คุณคือ..." เธอรับทิชชู่เอาไว้ พยายามสรรหาคำพูดมาสนทนากับหญิงสาวตรงหน้าโดยไม่ละสายตาจากเธอ “คุณ…”
"คุณไม่ต้องการเขาหรอก"
เธอคนนั้นไม่ได้ตอบคำถามวี แต่ยังคงพูดเตือนวีเรื่องซิบิลอย่างมีเลศนัย เธอคนนี้รู้เรื่องของสาวผมเงินงั้นเหรอหรือต้องการอะไรจากฉันอีก วีคิดฟุ้งซ่าน หญิงสาวยกยิ้มออกมาอย่างเป็นปริศนาแต่ก็แฝงไปด้วยความอบอุ่น วีไม่อาจประมวลสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ คำถามมากเกินไปและรู้สึกว่าความตายเข้ามาใกล้เหลือเกิน
"พี่วี!! พี่!!"
พลั่ก!
ตึง!
"พี่วี!"
ชายหนุ่มวัยยี่สิบสองใช้แรงกายทั้งหมดที่มีดันประตูจนเปิดออก พบกับร่างของวีที่นอนสลบอยู่ที่พื้นห้องน้ำ ดวงตาสีเข้มของเขาเบิกโพลง อ้าปากค้าง ก่อนจะรีบเข้าไปพยุงตัวพี่สาวทันที แล้วพาออกมาด้านนอกที่โต๊ะตัวเดิม ก่อนจะหายาดมมาพัดไปมาตรงปลายจมูกเพื่อฟื้นคืนสติ
วันนี้เกิดเรื่องหลายอย่างเกินไปซึ่งดูเหนือธรรมชาติ เหนือจริงไปเสียหมด เขาจึงไม่แปลกใจเลยหากพี่สาวจะเป็นลม เพราะแม้แต่เขายังช็อคอยู่นาน
"อื้ม..." วีเริ่มได้สติขึ้นมาค่อยๆพยุงตัวเองนั่งดี ๆ โดยมีวิชคอยประคองด้วย เธอยังนำกระปุกยาดมอังจมูกไว้
"ไหวมั้ยพี่ พี่วูบไปเลยอะ" วิชถามด้วยความเป็นห่วง
"ฮึก!" เมื่อวีได้สติพึงคิดดีๆว่าก่อนจะเป็นลมเกิดอะไรขึ้น เมื่อคิดได้เธอก็ตกใจแล้วหันรีหันข้างอย่างกับกลัวอะไร "มะ… ไม่มี หายไปแล้ว"
"อะไรพี่ อะไรหายไปแล้ว?"
"วิช… ฉันเห็นใครไม่รู้ตอนอยู่ในห้องน้ำ เขาลูบหลังให้ด้วย แต่พอฉันเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเป็นผู้หญิงผมสั้น ๆ สีตาแปลก ๆ เขาบอกว่าผู้หญิงคนนั้นไม่น่าไว้ใจ"
"ใช่หรอพี่ ตอนผมพาพี่ออกมาก็ไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำกับพี่นะ มีแค่พี่คนเดียวที่นอนกองอยู่ที่พื้น"
“ว่าไงนะ…”
"เอางี้เรากลับบ้านกันไปพักก่อน นอนพักให้สบายๆทแล้วค่อยมาคิดกันอีกทีว่าเรื่องนี้มันยังไงกันแน่"
"อื้อ ก็คงต้องเป็นงั้น"
วิชทำหน้าที่ปิดประตูและรั้วร้านโดยให้พี่สาวไปนั่งพักบนรถเสียก่อน เธอหันมองผ่านกระจกเห็นหญิงสาวชุดเบลเซอร์สีดำทะลุผ่านรั้วเหล็กซึ่งวิชกำลังล็อกกุญแจ เมื่อได้เห็นเธอคนนั้นยืนเต็มตัวแล้ว ทำให้วีสังเกตเห็นฝักดาบคาดเอว… เธอคนนั้นไม่ได้รู้จักแค่คุณพ่อเกริกชัย แถมรู้จักซิบิลอีก…
"เชื่อฉันเถอะ อย่าใจอ่อนตามเธอคนนั้นไปเลย เพื่อตัวคุณเองนะ"
และนั่นคือคำพูดอีกครั้งของผู้หญิงลึกลับคาดฝักดาบ ทั้งที่อยู่ห่างกันเป็นเมตร แต่เธอสามารถได้ยินเสียงแจ่มชัด ก่อนจะอันตรธานหายไปด้วยการเคาะปลายด้ามเคียวยาวสองครั้ง
แท็ก: #AfterDarkFlirtation #รัดติกาลผัดรัก #ผัดซีอิ๊วหน้าง่วง