ความเป็นกับความตายห่างกันแค่คืบ เช่นเดียวกับหัวใจทั้งสองที่ไม่อาจคู่ควร
หญิง-หญิง,แฟนตาซี,ดราม่า,ดราม่า,แฟนตาซี,GL,ผัดซีอิ๊วหน้าง่วง,รัตติกาลผัดรัก,AfterDarkFlirtation,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
After Dark Flirtation รัตติกาลผัดรักความเป็นกับความตายห่างกันแค่คืบ เช่นเดียวกับหัวใจทั้งสองที่ไม่อาจคู่ควร
AFTER DARK FLIRTATION รัตติกาลผัดรัก
Girl Love | Fantasy By GreySweater
หนึ่งมนุษย์ หนึ่งอมนุษย์พานพบเจอกันโดยไม่ใช่เรื่องบังเอิญนัก "ซิบิล" ปีศาจแห่งการหลับใหล ผีอำและฝันร้าย ผู้ดูแลปากท้องแห่งนรกมีเวลา 3 สัปดาห์เพื่อหานักโภชนาการคนใหม่ และไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าสาวน้อยผู้มีเสน่ห์ปลายจวัก เจ้าของร้านผัดซีอิ๊วเงาเมืองรุ่นที่ 5 อย่าง "วี" อีกแล้ว
ติดแค่... เธอไม่ยอมทำสัญญาดี ๆ เนี่ยสิ!
ภาพหน้าปกและภาพประกอบโดย Kira
#AfterDarkFlirtation #รัตติกาลผัดรัก #ผัดซีอิ๊วหน้าง่วง #เกรย์สเวตเตอร์เขียน #จักรวาลนิยายทริลเลอร์แฟนตาซี #นิยายยูริ #GirlLove
ระหว่างที่สองพี่น้องเจ้าของร้านผัดซีอิ้วชื่อดังกำลังกลับบ้านกันด้วยรถส่วนตัว โดยที่วิชจะเป็นคนขับให้พี่สาวนั่ง
ติ๊ดๆๆ
เสียงโทรศัพท์ของวีดังขึ้น เธอดูรายชื่อที่หน้าจอก่อนจะขมวดคิ้วสงสัย แล้วกดรับสาย
"ค่ะป้าใจ มีอะไรหรือเปล่าคะ"
"ป้ามีอะไรจะเล่าให้คุณวีฟังค่ะ"
"...." วีเลิกคิ้วรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะปกติแล้วป้าใจเป็นคนที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แม้แต่เรื่องเม้ามอย ป้าใจก็ไม่สนใจที่จะร่วมวงพูดคุย แสดงว่าเรื่องที่ป้าใจจะเล่านี้คงต้องเป็นเรื่องสำคัญพอสมควร "ค่ะป้าใจพูดมาได้เลยค่ะ"
"ก่อนอื่นป้าต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่วันนี้ป้าไปแอบงีบมา"
"ห๊ะ ตอนไหนหรอคะ?" วีตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าป้าใจจะมาสารภาพตรง ๆ แบบนี้
"ตอนช่วงผู้หญิงคนนั้นอยู่ค่ะ"
"หืม? ผู้หญิงคนนั้นเหรอคะ ใครคะ"
"ลูกค้าผมสีเงินน่ะค่ะ แต่ป้าไม่เคยรู้สึกง่วงแบบนี้ในที่ทำงานมาก่อนเลยนะคะคุณวี" ป้าใจพูดน้ำเสียงอย่างรู้สึกผิด
"ค่ะวีเห็นป้าตั้งใจทำงานมาตลอด แล้วมันเกิดอะไรขึ้นคะ"
"ไม่ทราบเลยค่ะ รู้แค่ว่าป้าได้กลิ่นหอมอโรม่าจากผู้หญิงคนนั้น แล้วป้าก็รู้สึกอ่อนเพลีย ง่วง ๆ แล้วก็แอบไปงีบหลังร้านค่ะ"
เมื่อวีได้ฟังเธอก็ฉุดคิดเล็กน้อย เพราะมันไม่ใช่แค่เธอที่ได้กลิ่นหอมอโรม่านั้น และไม่ได้เพลียคนเดียว ตอนนั้นเธอก็รู้สึกง่วงเช่นกันแต่ยังตั้งสติไม่ให้หลับได้ วิชซึ่งขับรถอยู่หลังพวงมาลัยมองตามพี่สาวที่สีหน้าเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตลอดการคุยโทรศัพท์ ในฐานะที่เขาเป็นผู้จัดการร้าน เขามีสิทธิ์รับรู้ด้วยแต่คงรอให้วีวางสายเสียก่อน
"ไม่เป็นไรนะคะป้า แต่วันหลังอย่าแอบงีบในเวลางานนะคะ หรือถ้าป้ารู้สึกไม่สบาย ไม่ไหวจริง ๆ ขอให้แจ้งกันก่อนนะคะ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกันได้ทันค่ะ"
"ค่ะคุณวีป้าขอโทษนะคะ งั้นป้าเข้าเรื่องต่อไปเลยนะ คือหลังจากที่ป้างีบไปได้สักพักป้าฝันร้ายด้วยค่ะ ป้าฝันว่าป้าตกนรกค่ะ แต่ในความฝันป้าไม่ได้รู้สึกร้อนหรืออะไรนะคะ ป้าาเหมือนแค่คนหลงไปในนั้น มองดูวิญญาณต่าง ๆ ที่กำลังชดใช้กรรม ไม่ว่าจะลงกระทะทองแดงหรือปีนต้นงิ้วป้าเห็นหมดเลย พูดแล้วก็ขนลุก"
"..." วีฟังอย่างไม่ได้ใส่ใจกับความฝันแปลก ๆ ที่ป้าใจว่า เพราะมันก็แค่ความฝันซึ่งอาจเกิดจากการทำงานเหนื่อยก็เป็นได้ เหมือนกับจินตนาการจากจิตใต้สำนึกของคนเราแค่นั้นเอง
"แล้วที่แปลกไปกว่านั้นคืออะไรรู้ไหมคะคุณวี"
"ค่ะ"
"ป้าเห็นผู้หญิงคนนั้นด้วยค่ะ เธอกำลังพูดคุยกับวิญญาณตนหนึ่ง"
"ผู้หญิงคนนั้น? ใครคะ?" วีขมวดคิ้วสงสัย
"ก็ลูกค้าที่มาก่อนเวลาวันนี้ไงคะ"
"ยังไงนะคะป้า"
"คือป้าเห็นเธอคุยกับวิญญาณที่กำลังคุกเข่าขอร้องเธอ แต่ป้าไม่ได้ยินนะคะว่าเขาพูดคุยอะไรกัน แต่สิ่งที่ป้าเห็นคือเหมือนเธอจะไม่ยอมอะไรสักอย่าง ก่อนจะจ้องตาสะกดจิตดวงวิญญาณนั้น จากนั้นไม่นานดวงวิญญาณนั้นก็สลบและหายไป"
"..."
"บางทีป้าก็สงสัยนะคะ ว่าตายไปแล้วยังตายซ้ำได้อีกหรอ"
เสียงหัวเราะของป้าใจดังขึ้นมาเหมือนมันเป็นเรื่องตลก แต่เป็นวีที่รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างดื้อ ๆ เพราะมันแปลกประหลาดไปหมดอย่างที่ไม่อาจจับต้นชนปลายได้เลย วิชทำไม้ทำมือให้พี่สาวเปิดลำโพง เขาจะได้รับรู้ด้วย เขาทนสงสัยต่อไม่ไหวจนต้องหาจุดจอดรถพัก
"แล้วป้าเคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อนไหมครับ"
“ไม่นะคะคุณวิช ก็เพิ่งเคยเจอครั้งแรก พร้อมกับทุกคนนี่แหละค่ะ"
"อืมม แปลกแฮะ เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็ฝันถึงเลย"
"จริงค่ะ แล้วป้าก็รู้สึกเหมือนว่าเธอตั้งใจให้ป้าเห็นด้วย"
"เธอคือใครกันแน่…" สองพี่น้องพึมพำเป็นคำพูดเดียวกัน
"คะ?"
"อ๋อ เปล่าค่ะเปล่า แค่นี้นะคะป้าใจ ขอบคุณที่เล่าให้ฟังนะคะ อ้อ เรื่องพักในเวลางาน วีจะแจ้งกับทีมพาร์ทไทม์อีกทีค่ะ"
"ค่ะคุณวี"
วีกดวางสายลง แล้วมองออกไปยังนอกหน้าต่างรถอย่างคิดไม่ตกกับเรื่องผู้หญิงคนนั้น ตอนแรกเธอก็แค่สงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แต่ตอนนี้เธอยิ่งอยากรู้เข้าไปอีก ว่าผู้หญิงคนนั้นมีจุดประสงค์อะไร และการที่ทุกคนได้กลิ่นหอมอโรม่าพร้อมกับความอ่อนเพลียนั้น มาจากเธอหรือเปล่า
ในหัวสมองของวีตอนนี้นึกถึงแต่ดวงตาสีแซฟไฟร์นั้น ที่มีช่วงหนึ่งได้จ้องมองมาที่เธอนิ่งๆ ใช่ว่าเธอจะไม่รู้สึกว่าถูกจ้องมอง แต่เธอเลือกที่จะไม่มองกลับ เพราะยังเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกค้า เธอไม่อยากเสียมารยาท และเหตุผลนี้ด้วยเช่นกัน เธอถึงอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครและมีจุดประสงค์อะไร
ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรที่แปลกประหลาดมากมาย ทั้งกิริยาท่าทาง คำพูดกับคนที่ไม่ได้รู้จักกัน แล้วที่สำคัญคือกลิ่นหอมอโรม่าที่ออกมาจากตัวเจ้าหล่อน ทำไมถึงมีฤทธิ์ที่ทำให้คนรอบข้างเคลิ้มจนง่วงหลับไหลได้ วีต้องหาคำตอบให้ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร
เมื่อสองพี่น้องผู้สืบทอดร้านผัดซีอิ้วเงาเมืองรุ่นที่ห้ามาถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวลงจากรถพร้อมปิดประตูดังปั้ง ชายหนุ่มเจ้าของรถยนต์ปิดปากหาวน้ำตาไหล การยืนหน้าร้านตลอดเวลาทำให้ปวดเนื้อเมื่อยตัวไปหมด เขาถือกล่องเงินสดกลับมาด้วยเพื่อเตรียมแลกเงินทอนไว้ที่ร้านสำหรับพรุ่งนี้และแบ่งเงินสดอีกจำนวนหนึ่งเข้าบัญชีร้านในกลางเดือน ทั้งคู่เดินเข้าบ้านกันอย่างเหนื่อยล้า ส่วนมนรดาได้ตระเตรียมอาหารให้ลูก ๆ บนโต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"วันนี้มีผัดคะน้านะลูก มา ๆ" มนรดาเอ่ยเรียกลูก ๆ มื้อาหารสีเขียวขจีของผัดคะน้าและกลิ่นผัดน้ำมันหอยทำให้ทั้งสองพอจะกระปี้กระเป่าขึ้นบ้างแต่ยังคงตาปรือ
"เอานิดเดียวนะแม่ จะได้รีบนอน เหนื่อยมากเลย" วีพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้าพร้อมหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้
"ผมเหมือนกันครับ" วิชพูดเสริมว่าตนนั้นอยากได้เหมือนพี่สาวโดยที่ยังหาวหวอดไม่หยุด
"โอเค แล้วเมื่อคืนเป็นไงกันบ้าง ลูกค้าเยอะไหมลูก" มนรดาถามสารทุกข์สุขดิบพลางใช้ทัพพีพลาสติกตักข้าวสวยร้อน ๆ จากหม้อหุงข้าวให้ทั้งสอง “แม่เห็นแจ้งเตือนออเดอร์ออนไลน์เพียบเลย วันไหนอยากให้แม่ไปช่วยก็บอกนะ”
"เรื่อย ๆ เหมือนเดิมแม่ แต่เมื่อคืนดันมีลูกค้าแปลกคนหนึ่งมาก่อนร้านจะเปิด เลยทำให้ร้านเราวุ่นวายกันนิดหน่อย" วิชตักอาหารเข้าปากแล้วตอบคำถามของแม่ เขาพูดโดยนำมือป้องปาก
"นอกจากเข้าร้านก่อนเวลาแล้วมีอะไรแปลกอีกเหรอ" มนรดาถามลูกชายก่อนจะนั่งเก้าอี้ตัวเองเพื่อทานข้าวพร้อมลูกๆ เธอมักจะทำเช่นนี้ทุกวันเพื่อรอทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา “เขาไม่ได้ทำร้านเสียหายใช่มั้ย”
"ก็แบบ… อื้อ!!" วิชที่กำลังจะเล่า แต่ดันโดนฝ่าเท้าของพี่สาวเหยียบเข้าที่เท้าของตัวเองเสียก่อน เขาร้องออกมาแล้วหันไปมองหน้าเธอที่กำลังกำช้อนซ้อมในมือแน่น ดวงตาคู่สวยจ้องพิฆาตเขาอยู่รำไร “แค่แปลก ไม่ได้ทำอะไรฮะ”
เหตุผลที่วีไม่อยากให้แม่รับรู้เรื่องเมื่อคืน เพราะเกรงว่าแม่จะไม่สบายใจ ที่สำคัญกว่านั้นคือนี่แค่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดเรื่องร้ายแรงถึงขั้นที่แม่สมควรกังวลสักเท่าไหร่
สองพี่น้องตักข้าวกินต่อจนหมดจาน จานผัดคะน้าก็ลดไปครึ่งหนึ่งจากที่เต็มจานกับข้าว มนสังเกตพฤติกรรมของลูก ๆ ที่เหมือนกันราวกับกระจกสะท้อน วิชตัวติดกับวีตั้งแต่เด็ก ทั้งวิธีการพูดและการขยับร่างกายทำสิ่งต่าง ๆ ก็ดูเหมือนไปเสียหมด หากไม่ใช่ว่าพวกเขาเกิดห่างกัน 5 ปีก็คงเป็นฝาแฝดคู่หนึ่งเลย มนรดาคิดรำพึงในใจว่าหากสามียังอยู่จะทำหน้าตาแบบไหนกันนะ…
“อิ่มแล้ว วิชขอไปพักก่อนนะแม่”
"วีก็อิ่มแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ"
ผู้เป็นแม่พยักหน้าเข้าใจลูก ๆ พวกเขาเหนื่อยจนไม่มีแรงเถียงกันด้วยซ้ำ มนรดาจึงบอกจะเป็นคนล้างจานเอง ลูกสาวคนโตลุกออกจากโต๊ะทานข้าว เดินเข้าห้องนอนของตัวเองบนชั้นสองห้องกลางซึ่งขนาบข้างด้วยห้องนอนของน้องชายชิดบันไดและห้องนอนของพ่อแม่ แต่เมื่อเธอเข้าห้องมาได้ไม่นาน ปลดเปลื้องอาภรณ์ทีละชิ้น มีเสียงที่เธอมักจะได้ยินเป็นประจำก็เริ่มดังมาขึ้นทันที แล้วเป็นเสียงที่เธอรำคาญมากเสียด้วยสิ
"ตกลงคือพรหมลิขิตใช่ไหม..ที่เขียนให้เป็นอย่างนั้น...." น้ำเสียงทุ้มก้องกังวาลของวิชขับขานเพลงของศิลปินที่เขาชอบ เสียงร้องไม่อาจถูกกลบด้วยธารน้ำจากฝักบัวจนทะลุผนังมาอีกห้อง วีกลอกตาถอนหายใจ
"โอ้ยย ไอ้วิช แกเพลียขนาดนี้แล้วยังจะมีแรงเห่าหอนอีกนะ!" เธอตะโกนด่าน้องชายข้ามห้องอย่างดัง แต่แทนที่น้องชายเธอจะหยุดก็ไม่หยุด แถมร้องดังกว่าเดิมอีก “หุบปากดิ๊”
"ตกลงให้เรารักกันช่ายม้าย..อย่างงั้นขอได้ไหม โปรดอย่าทำให้เราพลัดพราก~"
"ไอ้วิช!" เธอตะโกนด่าน้องชายข้ามผนังไปอีกครั้งอย่างสุดทน
"ก็เข้าห้องน้ำตัวเองไปสิ แม่จะฟังเพลงน้อง มันร้องเพราะจะตาย"
เสียงการปะทะของลูก ๆ ชั้นสองดังไปถึงชั้นล่าง มนรดาเอนตัวไปทางห้องนอนของวีแล้วตะโกนกลับไปเพื่อสงบศึกโดยง่าย วีได้แต่คิดเซ็งกับความให้ท้ายน้องของแม่ เธอถอนหายใจยาวแล้วก้าวขาเข้าห้องน้ำ เปิดฝักบัวแรง ๆ เพื่อให้กลบเสียงร้องเพลงของวิช
น้ำอุ่นไหลผ่านเส้นผมเหนียว กรอบหน้าและร่างกายเหนอะเหงื่อที่ตึงเกร็งจากการทำงานหนักเป็นเวลานานให้คลายตัว ขณะถูสบู่เหลวกลิ่นนมแพะลงบนผิวกายก็พลางบีบนวดด้วยให้สบายตัว ผ่านไปประมาณสิบห้านาที เสียงร้องเพลงของวิชหยุดลง แม้แอบได้ยินเสียงฮัมเบา ๆ ก็ตาม เพราะผนังค่อนข้างบาง พวกเขาจึงมักได้ยินเสียงต่าง ๆ จากอีกห้องเสมอจนกลายเป็นเรื่องปกติ อีกสักพักวิชก็คงหยิบโทรศัพท์แชทหาแฟนตามประสา
สักพักใหญ่กว่าวีจะออกจากห้องน้ำ เธอสระผมและเป่าแห้งเพื่อไม่ให้กลิ่นเหม็นติดเตียงยามนอน วันนี้เธอใช้สกินแคร์บำรุงผิวหน้าที่วิชซื้อให้มาใช้ด้วย อากาศเย็นสบายแบบอบอุ่นในช่วงสาย บวกกับเตียงนุ่ม ๆ หมอนนิ่มสบายรองคอ ทำให้วีรู้สึกเหมือนถูกโอบกอดและได้กอดใครสักคน และแล้วอารมณ์บางอย่างก็ถูกปลุกขึ้นอย่างไม่ทราบที่มา
อาจเป็นความอิจฉาลึก ๆ ที่ตอนนี้น้องชายมีคนรัก ส่วนตัวเธอโดดเดี่ยวไม่มีใคร… ไม่นับคนคุยผ่าน ๆ ที่ปัดเจอตามแอปพลิเคชั่นหาคู่ มันไม่ยืดยาวมั่นคงเลย ที่ผ่านมาก็คบใครได้ไม่นานเกินปี ใบหน้าของคนรักเก่ายังตราตรึงในความคิด ทำได้เพียงหลับฝันและจินตนาการ หมอนกอดใบเล็กคือสิ่งสำคัญของคนไร้คู่ มักจะถูกใช้กอด ไม่ก็ใช้เป็นตัวแทนของใครบางคน
"อื้ม~" หว่างขาเรียวโอบรอบหมอนเล็กใบนั้นแน่น ร่างกายกำลังขยับไปตามอารมณ์ เปลือกตาสวยหลับพริ้มพร้อมกับรอยยิ้มบาง นึกคิดจินตนาการในเรื่องอย่างว่า ทีแรกบุคคลในความคิดเป็นชายหนุ่มลูกครึ่งเยอรมัน-ฮ่องกงที่เคยมีความสัมพันธ์ด้วยอย่างฉาบฉวย จูบเร่าร้อน เสียงพูดกระซิบข้างหูทำให้หวั่นไหว
ฉับพลันจากชายหนุ่มกลับเปลี่ยนเป็นหญิงสาว ใบหน้าสวยคม เรือนผมสีเงิน หญิงสาวไม่ทราบชื่อเมื่อคืนผุดขึ้นมาในห้วงนิทรา น้ำเสียงที่พูดและสายตาที่มองเธอมาตอนนั้น ทุกอย่างวนเวียนอยู่ซ้ำหลังม่านตา ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งรู้สึกมากขึ้น ทั้งที่ไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำ บุคคลในจินตนาการขยับอย่างมีชีวิต เอ่ยปากกล่าวบางอย่าง ก่อนไล้ริมฝีปากทาลิปสติกแดงเลือดลงตามร่างกาย
จากลำคอ เนินอก หน้าท้องไปจนถึงหว่างขาซึ่งไม่ได้โอบหมอนจิ๋วอีกต่อไป มันว่างเปล่าแต่ตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยหญิงสาวผมเงินกำลังร่นถอดกางเกงในออกแล้วบรรจงประทับกลีบปากบนร่องชมพูเยิ้ม
“ชอบแบบนี้สินะ…”
"อื้มม อ๊า" เสียงเล็กครางในลำคอ สองมือจิกเกร็งที่กลุ่มผมสีเงินของหญิงสาวที่กำลังโลมเลียจนเสียวซ่าน ริมฝีปากแอบกัดขบกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อกำลังพาวีไปถึงจุดสุดยอดในไม่ช้า หมอนน้อยเปียกชื้นแฉะ วีหายใจอย่างหอบเหนื่อยทั้งในจินตนาการและความเป็นจริงด้านนอก ภาพความคิดแจ่มชัดอย่างเหนือจริงจนไม่อาจแยกแยะได้โดยสิ้นเชิง
"ไว้เจอกันอีกนะ" เสียงหวานแต่ทุ้มต่ำของใครบางคนกล่าวกระซิบข้างหูจนสะดุ้ง เธอหันมองตามต้นเสียง พบหญิงสาวผมเงินคนเดิมเท้าคางยิ้มหวานให้พร้อมกับยืดแขนยาวมาประคองแก้มอุ่นชมพูของวีเอาไว้ ริมฝีปากแดงของอีกฝ่ายยังเปื้อนของเหลวใส ทำให้วีตะลึงว่านี่คือฝันหรือความจริงกันแน่ แต่เพียงปลายนิ้วชี้แตะกลางหน้าผากครั้งเดียวก็ทำให้เข้าสู่นิทราในทันที…
หลังจากได้ปลดปล่อยความรู้สึก อารมณ์อันท่วมท้นและนอนหลับเต็มอิ่มแปดชั่วโมง ร่างกายฟื้นคืนจากความเหนื่อยล้า สดชื่นพร้อมทำงาน สองพี่น้องพิมพ์แชทแจ้งพนักงานเพื่อกำชับไม่ให้เหตุการณ์เดิมเกิดขึ้นซ้ำอีก หากลูกค้ามาถึงก่อนเวลาเปิด ขอให้พวกเขานั่งรอหน้าร้านหรือกลับมาเวลาเปิดเท่านั้น
“พี่ดูสดชื่นดีนะ นอนอิ่มใช่ป่ะ”
“อืม” เธอตอบในลำคอ ขณะที่ปล่อยให้น้องชายขับรถตรงไปที่ร้าน “เดี๋ยวนี้แกยังฝันแปลก ๆ อยู่มั้ย”
“นอกจากฝันเห็นเลขก็ไม่ได้ฝันอะไรแปลก ๆ นะ ถามทำไม หรือพี่ฝันอะไร”
“งั้นมั้ง ไม่รู้ว่ะ ช่างเถอะ…”
“พี่ว่าลูกค้าคนนั้นจะมาอีกมั้ย” วิชถามโดยหมุนพวงมาลัยจอดรถเข้าซองอย่างคล่องแคล่ว
“ไม่รู้สิ แต่ไม่อยากให้มา วุ่นวาย…”
สองพี่น้องเจ้าของร้านผัดซีอิ๊วลงจากรถยนต์พร้อมกับกระเป๋าสพายและกุญแจเพื่อเปิดรั้วเข้าร้าน เตรียมเปิดทำการโดยที่มีพนักงานพาร์ทไทม์ตามมาช่วยสมทบในเวลาใกล้เคียงกัน ทุกอย่างดูเรียบร้อย เข้าที่เข้าทาง บรรยากาศภายในร้านอบอุ่นและสดใสด้วยรอยยิ้มพร้อมบริการของทุกคน โบราณว่าเกลียดสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น หนึ่งนาทีหลังเปิดร้าน หญิงสาวหน้าตาคุ้นเคยปรากฎตัวหน้าร้าน
"ผัดซีอิ้วเส้นใหญ่พิเศษที่นึงค่ะ"
"คุณ..."
ขนอ่อนที่แขน ลำคอและหัวลุกทันที เมื่อเห็นเธอคนนี้มายืนอยู่ตรงหน้าร้าน พร้อมกับรอยยิ้ม ชุดแขนยาวคอกว้างลึกสีแดงเลือดหมูเห็นเนินอกใหญ่ตัดกับผิวขาวของเธอ ยิ่งทำให้เธอโดดเด่น สะกดทุกสายตาของคนในร้าน ทั้งลูกค้า พนักงาน รวมถึงตัววีเองด้วย ส่วนวิชที่อยู่ตรงแคชเชียร์ก็มองปฎิกริยาของอีกฝ่ายเช่นกัน แม้เขาจะมองว่าเธอคนนั้นคงไม่ได้มีปัญหาอะไร น่าเป็นเพราะนิสัยของเจ้าตัวเสียมากกว่า แต่เขาก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าเธอต้องการอะไร
"อ่า… ฉันบอกแล้วว่าเราจะได้เจอกันอีก ความจริงเราเคยเจอหน้ากันมาก่อนนะคะ ไม่ใช่แค่เมื่อวาน"
"คะ?" วีอุทานขึ้นเสียงดัง
"พอดีฉันรู้ว่าคุณกำลังสงสัยก็เลยบอกไว้ก่อน แต่เอาไว้ค่อยคุยกันหลังจากกินข้าวเสร็จได้ไหมคะ ฉันหิวจนจะกินวัวได้ทั้งตัวอยู่แล้ว" ซิบิลรัวคำพูดโดยยังคงรอยยิ้มไว้บนใบหน้า เธอลูบหน้าท้องของตัวเองที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่ตื่น "อ้อ แล้วก็ชาเย็นแก้วนึงนะ" เธอพูดสั่งออเดอร์อีกที วีได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วพยักหน้าให้พนักงานเสิร์ฟและคนครัวจัดการออเดอร์ “นั่งด้วยกันสิคะ”
วีรีบส่งสายตาให้เด็กเสิร์ฟดูกล้องวงจรปิดในโทรศัพท์มือถือของเธอที่วางอยู่ น้องพนักงานเสิร์ฟไม่รีรอรีบไปหยิบโทรศัพท์ของเธอเพื่อเปิดดูกล้องวงจรปิดทันที ก่อนหน้านี้เป็นภาพวีดีโอเคลื่อนไหวปกติ แต่เมื่อซิบิลเข้ามาดันกลายเป็นสะดุดเสียอย่างนั้น
"มึงมาดูนี่..." เด็กเสิร์ฟที่จับโทรศัพท์ของเจ้านายเรียกให้เพื่อนอีกคนไปดูด้วยกัน จากนั้นทั้งคู่ก็มองหน้ากันอย่างสงสัยและดูกลัวเล็กน้อย
ภาพในกล้องยังคงเป็นภาพซ่าไม่ชัดและสิ่งที่สร้างความตกใจมากกว่านั้นคือมีเงาดำมืดเดินทะลุกระจกร้านเข้ามาจำนวนหนึ่งราวกับมันตั้งใจมาหาอาหารกินที่นี่
"พี่วี..." หนูนาเรียกเธอเบา ๆ พร้อมกับทำท่าทางกวักมือเรียกให้เธอไปหา วีมองซิบิลที่กำลังกินผัดซีอิ๊วอย่างหิวโหยไม่ได้สนใจอะไร "มาดูนี่สิคะ"
วีละจากกระทะที่กำลังจะล้างแล้วรีบเดินไปหา แต่ระหว่างที่เธอกำลังเดินไปซึ่งจะต้องผ่านโต๊ะซิบิลที่นั่งอยู่
"คิดเงินเลยค่ะ ฉันจ่ายเงินสด"
"ค่ะ"
ซิบิลเช็ดปากด้วยทิชชูที่เธอเตรียมมาเอง และฉีดสเปรย์มินต์ดับกลิ่นปาก จากลูกค้าหน้าร้านกลายเป็นนักธุรกิจสาวพร้อมจะเจรจาการลงทุน จากนั้นเธอลุกขึ้นยืนยื่นการ์ดสี่เหลี่ยมขอบมนให้กับวี
"นี่นามบัตรของฉัน ฉันชื่อซิบิลนะคะ พอดีฉันต้องการคนครัวใหม่และแน่นอนเพราะฉันได้ชิมอาหารฝีมือคุณแล้ว ฉันถูกใจมาก ๆ สมคำร่ำลือจริง ๆ และฉันคิดว่าคุณคงทำงานกับฉันได้ไม่ยาก ครัวของฉันใหญ่มากน่ะ ถ้าได้คุณมาเป็นหัวหน้าคนครัวก็คงดีไม่น้อย"
"ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ร้านนี้เป็นมรดกครอบครัวน่ะค่ะ เมนูที่ทำเสิร์ฟก็เป็นสูตรเฉพาะ"
"จากรุ่นหนึ่งถึงรุ่นห้า มากินกี่รอบก็ยังอร่อยเหมือนเดิม แต่วันนี้แอบน้ำตาลเยอะไปหน่อยนะคะ ฉันชอบที่คุณทำมากกว่า รสชาติเดียวกับคุณเอนกเลย…" ซิบิลพูดด้วยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริงของเธอ แต่คำพูดเธอนั้นทำเอาวีที่ได้ยินถึงกับนิ่งและขมวดคิ้วสงสัย “ถัดมารุ่นสองสามเข้มกว่าหน่อย แต่ฉันชอบสูตรที่คุณทำนะ ถอดแบบจากคุณเอนกเลย ไม่ต้องปรุงเพิ่ม”
อีป้านี่อายุเท่าไหร่กันวะ รุ่นหนึ่งมันรุ่นปู่ทวดเราเลยไม่ใช่หรอ วิชที่ได้ยินไกลๆ เช่นกันก็นึกขึ้นในใจอย่างอดสงสัยไม่ได้ เด็กเสิร์ฟทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ต่างมองหน้ากันอย่างงง ๆ ลุงหมายที่ฟังแล้วอยากจะเอ่ยคำพูด เพราะเขาคือพนักงานที่อยู่มานานตั้งแต่รุ่นสี่ซึ่งเป็นพ่อของสองพี่น้อง
"ผมที่อยู่มานานตั้งแต่รุ่นคุณ..."
"ผัดซีอิ้วเส้นหมี่สองที่ค่ะ"
ยังไม่ทันที่ลุงหมายจะพูดจบก็ดันมีลูกค้าเข้ามาในร้านเสียก่อน ทำให้ทุกคนละสายตาจากซิบิลแล้วพากันแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง
"เชิญนั่งก่อนค่ะ ๆ" วีผายมือให้กับลูกค้าใหม่ ก่อนจะมองซิบิลเล็กน้อยแล้วรีบไปทำผัดซีอิ้วให้ลูกค้า
"น้ำค่ะ" เด็กเสิร์ฟนำน้ำดื่มมาเสิร์ฟตามปกติแต่สายตาก็ยังคงมองไปยังหญิงสาวที่ยังคงยืนยิ้มอยู่
"..."
"อ่ะนี่เงินค่าผัดซีอิ้วกับน้ำ ไม่ต้องทอนนะ"
มือเรียวยื่นเงินให้จำนวนหนึ่ง วีมองเงินนั่นเล็กน้อยก่อนจะหยิบมาจากมือของอีกฝ่าย ซิบิลเดินออกจากร้านไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อ วีมองตามเธอจนสุดสายตาและยังคงค้างคาใจกับสิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมด แต่เธอก็ต้องปล่อยไปก่อนเพื่อทำออเดอร์ให้ลูกค้าต่อ
"แปลก ๆ อย่างที่พี่ว่าเมื่อวานนั่นแหละ แล้วมาพูดถึงรสชาติต้นตำรับอย่างกับเคยกินมาตั้งแต่สมัยปู่ทวดเราอีก โคตรแปลกเลย" วิชที่ละจากแคชเชียร์เพื่อเดินมาหาพี่สาว พร้อมมองไปยังนอกร้านที่ซิบิลเพิ่งเดินออกไป
"ฉันบอกแล้วว่านางแปลก ๆ น่าหงุดหงิดชะมัด"
มือสองข้างทำเมนูผัดซีอิ๊วเส้นหมี่ไปไม่หยุดโดยที่สนทนากับน้องชายไปด้วย ก่อนจะนำใส่จานพร้อมเสิร์ฟให้ลูกค้า เมื่อทุกอย่างกลับมาปกติ เธอจึงเดินไปดูกล้องวงจรปิดในโทรศัพท์ที่เด็กเสิร์ฟจะให้ดู เมื่อเธอได้เห็นสิ่งที่กล้องได้บันทึกไว้ ก็ทำให้เธอตกใจเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา
คำพูดของป้าใจที่เคยเล่าให้ฟังผ่านโทรศัพท์ที่ว่าวิญญาณร้องขอบางอย่างจากซิบิลดูจะมีมูลไม่น้อย เพราะวิญญาณดำมืดต่างรายล้อมต้องการเข้ามาภายในร้านเพื่อตามติดซิบิล… หรือวี… เธอรีบหยิบโทรศัพท์แชทหาวิชเพื่อส่งคลิปจากกล้องวงจรปิดไปให้ดู
V: แกลองดูหน่อยว่าเห็นเหมือนกันมั้ย
V: โคตรบ้าบอเลย
แท็ก: #AfterDarkFlirtation #รัดติกาลผัดรัก #ผัดซีอิ๊วหน้าง่วง