ความเป็นกับความตายห่างกันแค่คืบ เช่นเดียวกับหัวใจทั้งสองที่ไม่อาจคู่ควร
หญิง-หญิง,แฟนตาซี,ดราม่า,ดราม่า,แฟนตาซี,GL,ผัดซีอิ๊วหน้าง่วง,รัตติกาลผัดรัก,AfterDarkFlirtation,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
After Dark Flirtation รัตติกาลผัดรักความเป็นกับความตายห่างกันแค่คืบ เช่นเดียวกับหัวใจทั้งสองที่ไม่อาจคู่ควร
AFTER DARK FLIRTATION รัตติกาลผัดรัก
Girl Love | Fantasy By GreySweater
หนึ่งมนุษย์ หนึ่งอมนุษย์พานพบเจอกันโดยไม่ใช่เรื่องบังเอิญนัก "ซิบิล" ปีศาจแห่งการหลับใหล ผีอำและฝันร้าย ผู้ดูแลปากท้องแห่งนรกมีเวลา 3 สัปดาห์เพื่อหานักโภชนาการคนใหม่ และไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าสาวน้อยผู้มีเสน่ห์ปลายจวัก เจ้าของร้านผัดซีอิ๊วเงาเมืองรุ่นที่ 5 อย่าง "วี" อีกแล้ว
ติดแค่... เธอไม่ยอมทำสัญญาดี ๆ เนี่ยสิ!
ภาพหน้าปกและภาพประกอบโดย Kira
#AfterDarkFlirtation #รัตติกาลผัดรัก #ผัดซีอิ๊วหน้าง่วง #เกรย์สเวตเตอร์เขียน #จักรวาลนิยายทริลเลอร์แฟนตาซี #นิยายยูริ #GirlLove
ภายในรถครอบครัวบีอาร์วีสีประกายเงินอึมครึมและตึงเครียด วียังคงนำกระปุกยาดมสมุนไพรอังปลายจมูก เอนหลังหลับตา สมองและร่างกายทำงานหนักจนปวดล้า วิชได้ยินเสียงลมหายใจของพี่สาวซึ่งสั่น ถี่รัว เธอขยับปากอ้าเล็กน้อยเพื่อเปิดช่องทางหายใจนอกเหนือจากจมูก ผู้เป็นน้องชายเร่งเครื่องปรับอากาศเย็นขึ้นฝั่งข้างคนขับ ใจหนึ่งเขาคิดว่าพี่สาวหักโหมมากเกินไป ทว่าอีกหนึ่งเสียงในหัวบอกเขาว่า ‘พี่วีเจออะไรบางอย่างจริง ๆ’ บางอย่างที่เขาเข้าไม่ถึง แตกต่างจากสิ่งที่ตนเคยรู้จัก
ตลอดช่วงชีวิตยี่สิบสองปีของวิชคุ้นเคยแต่กับวิทยาศาสตร์ การคำนวณ ตรรกะทฤษฎีและธุรกิจการค้าขาย เขาไม่เคยเห็น ‘มัน’ แบบพี่สาวเลยราวกับถูกปิดกั้นไม่ให้เข้าถึงอย่างนั้น ทำได้แค่ ‘รู้สึก’ ผ่านประสาทสัมผัสอื่นไม่ใช่ดวงตา อวัยวะหนึ่งคู่ซึ่งถูกสรรค์สร้างรวมตัวเพื่อทำหน้าที่เป็นดั่งหน้าต่าง แม้ตนหาคำตอบไม่ได้ว่า ‘ทำไม’ นับตั้งแต่การจากไปของคุณพ่อเกริกชัยที่บ้าน ครั้งที่เขาอายุสิบสองเท่านั้นเอง
“พี่รอในรถนะ ผมไปซื้อน้ำหวานมาให้” วิชจอดรถที่หน้าร้านสะดวกซื้อป้ายสามสีส่องสว่างถัดจากซอยร้านผัดซีอิ๊วเงาเมืองพร้อมดึงเบรคมือออกไปจากรถด้วยความเร่งรีบ
“อ้าว ปิดร้านแล้วเหรอ”
“ครับ พี่พัช” วิชคุยกับคู่สนทนาโดยไม่มองหน้า มุ่งหน้าสับเท้าไปยังตู้เย็นบานกระจกใสความสูงเท่าประตูซึ่งบรรจุเครื่องดื่มมากมาย ตั้งแต่น้ำดื่ม น้ำแร่ธรรมชาติ น้ำหวานหลากยี่ห้อ ชาและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นานายี่ห้อ เขาถึงกับถอยหลังหนึ่งก้าวจนเกือบชิดชั้นวางขนมขบเคี้ยวข้างหลัง “ไว้หาวันไปตีแบตกันมั้ยพี่ รู้สึกร่างกายต้องการออกกำลังกายว่ะ”
“เอาดิ เห็นมีคอร์ตเปิดใหม่แถวสะพานพุทธ มีโปรเปิดร้านด้วย แต่ต้องหาเพิ่มอีกสองคนนะ”
“งี้ก็เจ๋งดิ” วิชกอบขวดน้ำดื่ม น้ำหวานไว้ในมือวางบนเคาน์เตอร์คิดเงินโดยหยิบซองลูกอม หมากฝรั่งอีกสอง ผู้เป็นรุ่นพี่มองสิ่งที่ลูกค้าเลือกสลับกับมองหน้า จากเดิมที่พัชเต็มไปด้วยรอยยิ้มกลับย่นคิ้วกังวล
พัชรัณ รุ่นพี่ต่างสถาบันและเพื่อนบ้านของครอบครัวฐิติอิทธินันท์ รู้จักมักคุ้นกับสองพี่น้องเป็นอย่างดีเพราะพวกเขาช่วยสนับสนุนช่วงที่เขาตกงานเกือบปีสลับกับพัชที่คอยช่วยดูแลบ้านให้ช่วงที่ทั้งสองออกไปทำงาน
“ใครไม่สบายรึเปล่าเนี่ย”
“วีโหมงานหนักจนเป็นลมอะดิ” ชายหนุ่มไม่บอกรายละเอียดยิบย่อย เขาไม่มีเวลาคุยเล่นมากขนาดนั้น วิชคว้ากระเป๋าสตางค์ออกมาหยิบเงินสดแบงค์สีแดงหนึ่งใบวางบนเคาน์เตอร์
“เป็นอะไรมากมั้ย เจ็บตรงไหนรึเปล่า” พัชย่นคิ้วแน่นกว่าเดิม ขณะที่สองมือทำหน้าที่สแกนบาร์โค้ดคิดเงิน ยอดสินค้าสุทธิไม่ถึงหนึ่งร้อยบาท คำตอบจากวิชแต่การส่ายหน้าเบา ๆ ทำให้โล่งอกขึ้นหน่อย “พักผ่อนเยอะ ๆ นะ ทั้งมึง ทั้งวีเลย เรื่องตีแบตค่อยว่ากัน”
“ได้ครับ ขอบคุณครับพี่พัช”
วิชหอบทุกอย่างไว้ในอ้อมแขนผ่านประตูอัตโนมัติและเปิดบานประตูรถยนต์ เห็นพี่สาวกำลังนำสองมือกุมหัวอย่างคนเสียสติ เธอคงมีคำถามเต็มไปหมด อาจจะมากกว่าคำถามในหัวของเขาเสียอีก เขานำขวดน้ำเย็นแตะแก้มซีดเซียวของวีให้เธอรับขวดไว้แล้วบิดกุญแจสตาร์ทเครื่องแต่ยังไม่ออกรถ
"ไม่เป็นไรแน่แล้วใช่ไหมพี่"
"อื้ม” เธอโต้ตอบด้วยเสียงในลำคอขณะยกดื่มน้ำหวานรสพีช เธอหมุนปิดฝาแล้วนำขวดเย็นเจี๊ยบวางบนหน้าผากตัวเองซึ่งร้อนฉ่าเหมือนเตา “ดีขึ้นมากละ อย่าบอกแม่ล่ะ โคตรปวดหัวเลย"
"ไม่บอกหรอก… แต่พี่ต้องเล่าให้ผมฟัง"
“ฉันไม่กล้าฟันธงว่าคุณซิบิลอะไรนั่นเป็นผีว่ะ แต่ในห้องน้ำอะ… ที่ฉันเห็นผู้หญิงผมสั้น พูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคุณซิบิลด้วย รายนั้นก็ไม่กล้าฟันธงเหมือนกัน”
“พี่จะบอกว่าผีอีกตัวอยู่ในร้านเราหรอ”
“ไม่รู้ว่ะ ไม่แน่ใจอะไรทั้งนั้นอะ รู้แค่คุ้นกับผู้หญิงคนนั้นมากเลย”
วิชกอดอกฟังโดยที่นิ้วชี้แตะคางครุ่นคิดตามสิ่งที่พี่สาวพูดไปด้วย แม้ไม่เข้าใจทั้งหมดก็ตาม หากเขาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นได้อย่างวีคงจะช่วยวิเคราะห์ได้มากกว่านี้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงผมสั้นคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง
“ไม่ได้มาขอส่วนบุญ… ไม่ได้มาทำร้าย… คงจะเป็นเทวดามั้งพี่ ถ้ามองแง่ดีนะ ผมคิดอย่างอื่นไม่ออก”
“หวังว่าจะมีแต่เรื่องดี ๆ แล้วกันนะ” วีถอนหายใจ ใบหน้ากลับมามีเลือดฝาดอีกครั้งหลังจากได้พักประมาณสิบนาที “กลับบ้านกัน… ว่าแต่แกได้ดูที่ส่งไปยัง”
“ยังเลย พี่ส่งอะไรมา”
“คลิปย้อนหลังที่ร้าน ช่วงที่คุณซิบิลเข้ามา…”
วิชเลิกคิ้วสูงกับคำพูดของพี่สาว เขาจึงบอกว่าไว้คุยกันเพราะถ้าได้เข้าเรื่องต้องยาวแน่ ๆ เวลาเกิดเรื่องลี้ลับจากวีไม่ค่อยเป็นการคุยเล่นเลย
ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีที่แล้ว หลังจากพ่อเสียใหม่ ๆ หลังเลิกเรียน วีมักรีบเดินกลับบ้านไม่สุงสิงพูดคุยกับใคร เธอเล่าว่าแยกไม่ออกว่าทุกคนที่เดินผ่านเป็นคนจริงไหม เพราะเห็นร่างสีดำทับซ้อนเต็มไปหมด ใช้เวลาหลายเดือนค่อนปีจนสามารถปรับตัวกับดวงตามรณะเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นได้ กลับมาร่าเริงสดใสอีกครั้ง ในเมื่อพี่น้องสนิทกันอยู่สองคนจึงเป็นวิชที่ต้องคอยรับรู้เรื่องราวหลอนจากพี่สาวโดยปริยายจนเขาเริ่มสัมผัสตามสิ่งลี้ลับตามด้วยเช่นกัน
และเรื่องมันไม่เคยสั้น…
วิชจอดรถเข้าซอง เลื่อนปิดรั้วบ้านพร้อมลงล็อคแม่กุญแจ เขาสัมผัสได้ถึงลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่านตัว ขณะที่พี่สาวเดินนำเข้าบ้านไปก่อน เขาจึงออกปากพูดว่า บ้านหลังนี้มีแค่มนรดา วรกมลและวรภพ ฐิติอิทธินันท์เท่านั้น ใครไม่เกี่ยวห้ามเข้ามา ทำให้วีหันมองตามน้องชาย ทำหน้าเซ็งประมาณว่ายังมีผีอีกเหรอ วันนี้เหนื่อยแล้วนะ
"อ้าว มากันพอดีเลย วันนี้กลับช้านะลูกค้าเยอะหรอ แม่ทำกับข้าวไว้ให้แล้ว"
วีมองอาหารฝีมือแม่บนโต๊ะอย่างเรียบนิ่ง ข้าวไข่เจียวชะอมกับต้มข่าไก่ ของโปรด เธอไม่ตื่นเต้นดีใจหรือหิวโหย แม้กระเพาะว่างเปล่าจากการสำรอกอาเจียนก่อนหน้านี้ เธอกลับไม่ต้องการกินดื่มอะไรเข้าร่างกายเลย
"แม่ ผมกับพี่วีค่อยตื่นมากินได้ไหม เมื่อคืนลูกค้าเยอะมาก เพลียมากเลย" วิชโกหกคำโตต่อแม่
"อ้าวหรอ ไม่เป็นไรลูก ไปอาบน้ำนอนพักกันก่อนก็ได้ เดี๋ยวแม่อุ่นกับข้าวไว้ให้"
"ขอบคุณค่ะ"
เธอเข้าห้องมาด้วยความเหนื่อยล้ากับสิ่งที่พบเจอในวันนี้ ร่างบางล้มลงนอนแผ่อยู่บนเตียงได้สักพัก พร้อมกับหลับตาปล่อยสมองให้ผ่อนคลายเกือบห้านาที ก่อนจะลุกขึ้นมาแล้วเดินไปที่ราวผ้า เอาผ้าเช็ดตัวพาดบ่าเพื่อที่จะไปอาบน้ำแปรงฟันให้สบายตัว
ก๊อก ๆ ๆ
แต่ก่อนที่เธอจะเข้าห้องน้ำดันมีเสียงเคาะประตูขึ้นมาก่อน เมื่อเปิดประตูดูก็พบว่าเป็นน้องชายของเธอนั่นเอง
"อะไร" เธอถามไปพร้อมเอาหัวพิงขอบประตู
"ฮี่ ๆ"
รอยยิ้มสุดแสบของวิช ทำให้นึกถึงช่วงเวลาเด็กที่ทั้งคู่ได้ใช้เวลาร่วมกัน ไม่ว่าจะเล่น จะนอน หรือแม้แต่แปรงฟันก็แปรงพร้อมกัน แต่ตอนนี้เธอและน้องชายโตแล้ว แต่ไม่คิดว่าวิชจะมาขอแปรงฟันด้วยกันอีกครั้ง วีแค่ถอนหายใจผงกหัวอนุญาตให้วิชเข้ามาด้วย ยาสีฟันสีฟ้าอ่อนกลิ่นมินต์ถูกบีบลงขนแปรงนุ่ม โดยที่วิชก็เตรียมแปรงสีฟันและแก้วน้ำของตัวเองมาพร้อม
ทั้งคู่มองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกบานใหญ่ ครั้งเมื่อเป็นเด็ก พวกเขาจะต้องต่อเก้าอี้เพื่อให้สามารถมองเห็นเงาตัวเองและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ตื่นเต้นในการเริ่มวันใหม่ แต่ตอนนี้สองพี่น้องเหนื่อยล้า ขนแปรงสีฟันสีขาวชนิดนุ่มขัดตามฟันบนและล่างด้วยแรงเอื่อยอันสม่ำเสมอ
“ฉันรู้ว่าแกไม่ได้มาเพราะแค่เหงาแน่ ๆ วิช พูดมา…” วีขยับปากพูดแล้วบ้วนฟองยาสีฟันออกลงในอ่างล้างหน้า
"เขาบอกว่าเขาเคยเจอพี่มาก่อน ไม่ใช่แค่เมื่อวาน" วิชพูดเข้าเรื่องที่ก่อนหน้านี้ทั้งคู่คุยค้างไว้จากในรถ มือของเขาหยุดขยับแปรง แล้วพูดออกมาทั้ง ๆ ที่ฟองของยาสีฟันเต็มปาก
"อือเนี่ย ฉันก็ไม่เข้าใจ แล้วไหนเขาจะรู้จักปู่ทวด ปู่แล้วก็พ่อเราด้วย"
"หรือว่าตระกูลเราเคยไปทำอะไรให้เขาป่ะ" วิชเอ่ยถามอีก
"ไม่รู้สิ คงต้องถามแม่แล้วล่ะ" วีเองก็ยังคงแปรงไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน แต่คำพูดของเธอทำเอาน้องชายถึงกับขมวดคิ้ว
"ทำไมพี่ถึงคิดว่าแม่รู้ล่ะ" วิชถามขึ้น งงว่าทำไมพี่สาวถึงคิดว่าแม่จะรู้เรื่องผู้หญิงคนนั้นทั้งที่มีเพียงเขาและวีที่เจอ และไม่เคยเล่าให้แม่ฟัง
"ก็แม่เป็นคนดูแลร้านกับพ่อ ตั้งแต่สมัยรับช่วงต่อจากปู่ใหม่ ๆ แม่ต้องรู้อะไรบ้างแหละ" พ่อเกริกชัยและแม่มนรดาร่วมกันสานต่อธุรกิจผัดซีอิ้วเงาเมืองมาตั้งแต่รุ่นปู่ ทั้งสองคงต้องผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมาย ถ้าไม่ถามผู้เป็นแม่ก็ไม่รู้จะไปถามใครแล้วล่ะ ป้านิ่มยิ่งไม่มีทางเลยเพราะนับตั้งแต่พ่อเสีย ป้านิ่มก็ตัดสินใจละทางโลกไปบวชเป็นชีในวัดป่าต่างจังหวัดแล้ว
"ค่อยถามแม่แล้วกัน เหนื่อย อ่า… แล้วถ้าแม่ไม่บอกล่ะ" วิชพูดแล้วถอนหายใจเกรงว่าแม่จะไม่เล่าให้ฟัง พร้อมกับส่องกระจกดูหน้าดูปากตัวเอง
"เออ ถ้าแม่ไม่ตอบนะ..." วีพูดขึ้นก่อนจะบ้วนปากลงอ่างล้างหน้า แล้วพูดต่อ "ฉันจะจุดธูปเรียกพ่อมาถามเลยคอยดู" วีเอ่ยถ้อยคำประกาศอย่างไม่สบอารมณ์ เธอพอเดาได้ว่าแม่จะไม่ค่อยให้ความร่วมมือเพราะเห็นว่าวีเป็นลูกสาวคนโต เป็นหัวหน้าครอบครัวที่เข้มแข็ง สามารถจัดการทุกอย่างเองได้ แต่ก็ไม่สามารถฟันธงได้อยู่ดี
“เอาจริงดิ”
“แล้วแกมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้เหรอ” สองพี่น้องตกอยู่ในความเงียบ ดวงตาสองคู่ประสานกันไม่ได้คำตอบใด ๆ เลย จนกระทั่งวีนึกขึ้นได้อีกเรื่องที่พวกเขายังติดค้าง “อ้อ นี่ไงที่ฉันส่งให้แกดู…”
ผู้เป็นน้องชายหยิบโทรศัพท์ของพี่มาถือไว้ในมือเพื่อดูภาพเคลื่อนไหวความยาวประมาณสามนาที ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ซิบิลเข้าร้านเพื่อพูดคุยเจรจากับวี ทั้งภาพซ่าและบรรยากาศร้านที่ดูทะมึนผิดสังเกต แต่วิชไม่เห็นอะไรนอกจากนั้น แต่วียืนยันว่าเธอเห็นมวลวิญญาณสีดำเข้ามาในร้าน ติดตามซิบิลมาอย่างแน่นอน
“แต่ให้การจุดธูปเรียกพ่อเป็นตัวเลือกสุดท้ายเถอะพี่” วิชคืนโทรศัพท์ให้วี ก้มหน้ากลั้วน้ำยาบ้วนปากแล้วเช็คความขาวของฟันตัวเองหน้ากระจกจนมั่นใจว่าสะอาดแล้ว “เดี๋ยวผมลองแย๊บถามแม่ดู… หลังจากนอนหนึ่งงีบ”
สองพี่น้องแยกย้ายกันไปนอน เพื่อพักผ่อนความเหนื่อยล้าจากการทำงานและเรื่องที่เจอมาในวันนี้ วีกลับเข้ามาในห้องนอนของเธอ หน้าต่างและผ้าม่านปิดไม่ให้แสงแดดเข้ามารบกวน นั่นจึงทำให้ห้องของเธอปกคลุมด้วยความมืดซึ่งยังมีแสงสว่างเล็กน้อยจากโคมไฟสีอ่อน สายตาเห็นว่ามีเงาผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงนอน เป็นผู้หญิงไม่ผิดแน่เพราะเธอเห็นสัดส่วนโค้งเว้าของเงานั้นชัดเจน
“ฮึ?” เธอร้องอุทานในลำคอแล้วรีบเอื้อมมือไปเปิดไฟที่หัวมุมห้องทันที
พรึ่บ!
ว่างเปล่า…
เตียงของเธอยังอยู่ในสภาพดีเหมือนเดิม ไม่มีใครนอนอยู่บนนั้น ผ้าปูที่นอนก็ยังคงเรียบร้อย ไม่มีรอยยับเกิดขึ้น เธอขมวดคิ้วเป็นปม
"ห้องนี้มีแค่วีนอนคนเดียว คนอื่นไม่เกี่ยว" เธอเอ่ยเสียงแข็ง นึกหงุดหงิดเพราะก่อนเข้าบ้านวิชได้ประกาศกร้าวแล้วว่าบ้านหลังนี้มีเฉพาะสมาชิกครอบครัวฐิติอิทธินันท์สามคนเท่านั้น ผีสางวิญญาณหน้าไหนยังกล้าเสนอหน้ามาได้อีก วันนี้เธอเหนื่อยมากแล้ว ไม่รับใครมากวนประสาทเพิ่มทั้งนั้น
เมื่อนอนหลับตาไปได้สักพัก ก็ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นแปลก ๆ และนี่คงเป็นอีกครั้งที่เธอรู้สึกเหมือนมีคนคอยกอดเธอในยามหลับใหลเช่นนี้ บวกกับกลิ่นหอมจาง ๆ คล้ายน้ำหอมเคาน์เตอร์แบรนด์ผสมกับพืชพรรณบางอย่างเหมือนต้องมนต์ทำให้เคลิบเคลิ้มและรู้สึกเหมือนครั้งก่อน แต่เหนื่อยเพลียเกินกว่าจะลืมตาขึ้นมา
“หลับฝันดีนะคะ” เสียงจากผู้หญิงกระซิบข้างหูพร้อมกับสัมผัสอ่อนโยนทัดผมไม่ให้ปรกหน้าแล้วหายไปในอากาศ
"อื้มม"
วีงีบไปได้ประมาณสองชั่วโมงก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียเพราะเสียงดังจากชั้นล่าง ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งเกาหัวพร้อมกับอ้าปากหาวไปหนึ่งรอบ แล้วเดินไปที่หน้าประตูห้อง เพื่อที่จะฟังว่าใครคุยกันดังขึ้นมายันบนห้องของเธอ ซึ่งเสียงที่เธอได้ยินนั้นก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นน้องชายของเธอที่กำลังพูดคุยกับแม่นั่นเอง เท่าที่เธอจับใจความได้จากการเอนฟังที่บันไดชั้นสอง เรื่องที่ทั้งคู่สนทนากัน น่าจะเป็นเรื่องผู้หญิงปริศนาคนนั้นที่วิชตั้งใจจะถามผู้เป็นแม่ เธอสังเกตได้อีกว่าวิชเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาสวมเสื้อยืดแขนยาวสีครีมกับกางเกงขาสั้นถึงเข่าสีน้ำตาล พร้อมออกไปข้างนอกสุด ๆ
"แกจะอยากรู้ไปทำไมนัก มันตั้งแต่สมัยแม่ยังสาว ๆ แล้ว" มนรดาพูดปัดรำคาญลูกชายที่เอาแต่ถามถึงคนในอดีตไม่หยุด เธอรู้จักคนที่ลูกชายถามเธอดี แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ลูกชายตัวดีถึงได้มาถามหาผู้หญิงคนนั้น แล้ววิชไปรู้จักได้อย่างไร
"ก็ได้ ถ้าแม่ไม่บอกผม ผมจะไม่บอกเลขแม่ ผมเพิ่งฝันหมาด ๆ เลย"
"โอ้ย เออ เอา ๆ ๆ ก็ได้ แต่ไปซื้อของด้วยกันก่อน เดี๋ยวแม่บอก"
วิชรู้ดีว่าจุดอ่อนของแม่คือเรื่องเสี่ยงโชคเสี่ยงดวง ถึงได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพื่อต่อรอง เขาจ้องแม่เขม็งอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่าในมือ ทำให้มนรดาจำยอมต้องพูดไปเช่นนั้น เพื่อเลขที่เธออยากได้ ใคร ๆ ก็รู้ว่าลูกชายของเธอนั้นให้เลขแม่นขนาดไหน เธอไม่มีวันปล่อยให้เลขหลุดไปแน่ ชายหนุ่มวัยยี่สิบสองเอียงคอมองเห็นว่าพี่สาวแอบฟังอยู่ตรงบันได เขาส่งสัญญาณชูนิ้วโอเคให้พี่สาวรับทราบ
“แค่นั้นก็จบแล้วแม่ โธ่ ชอบทำอะไรยุ่งยาก…”
วีพยักหน้าเข้าใจน้องชายแล้วรีบหันหลังกลับขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะเธออยากจะรู้เรื่องราวของผู้หญิงปริศนาคนนั้นเต็มที่แล้ว เธอใช้เวลาอาบน้ำไม่กี่นาทีซึ่งผิดวิสัยของคนรักสะอาดที่ปกติแล้วจะต้องนานเกือบครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ เมื่อเรียบร้อยเธอก็มายืนหมุนตัวอยู่หน้ากระจกเงาขนาดเท่าตัวพักนึงหลังจากอาบน้ำเสร็จ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า เธอเลือกใส่เสื้อยืดสายเดี่ยวสีดำกับกางเกงยีนส์ทรงคาร์โก้สีเทาเข้มพร้อมกับสวมถุงเท้าเรียบร้อย
ฉับพลันภาพของผู้หญิงปริศนาคนนั้นก็ผุดเข้ามาในหัว ซิบิลที่แต่งตัวในเครื่องแต่งกายสีโทนแดงเข้มดูดีทุกระเบียดนิ้ว ไหนจะบุคลิกท่าทางที่สง่ามั่นใจ แม้จะชอบพูดจาแบบไม่ค่อยกลั่นกรองจากสมองเสียเท่าไหร่
ห้องครัวของคุณจะเป็นยังไงกันนะ… วีจินตนาการนึกถึงห้องครัวของผู้หญิงคนนั้นที่เชิญชวนเธอไปทำงานด้วย เธอคิดว่าที่นั่นคงมีอุปกรณ์พร้อมทุกอย่าง ใหม่เอี่ยมสะอาด มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย คนครัวในนั้นก็น่าจะใส่ชุดเชฟดูดี มีหมวกพร้อม อย่างกับเชฟในโรงแรมห้าดาวแน่ ๆ อีกอย่างที่เธอไม่คิดไม่ได้นั่นคือฐานะการเงินของซิบิล จากที่เห็นเธอแต่งกาย แม้ไม่ใช่แบรนด์เนมแต่ก็ดูแพงมีภูมิฐานเหลือเกิน โน้ตบุ๊คที่เธอพกทำงานไปไหนมาไหนก็รุ่นราคาเหยียบแสน หากซิบิลจะจ้างให้เธอเป็นแม่ครัวประจำครอบครัวก็ฟังดูไม่เลวเท่าไหร่
วีทั้งคิดเองจินตนาการเออเองไปเสร็จสรรพ เริ่มทำให้เธอรู้สึกไขว้เขวอยากจะไปทำงานด้วยขึ้นมา ไม่ใช่เพราะความเบื่อร้านของตัวเอง แต่การไปหาประสบการณ์เพิ่มเติมในแวดวงอาหารก็จะดีต่อธุรกิจเช่นเดียวกัน เธอแต่งหน้าเบาบางดูเป็นธรรมชาติไม่ให้ซีดเกินไป แล้วเดินลงด้านล่างที่แม่กับวิชที่กำลังจะพากันออกจากบ้านเพื่อไปซื้อของ
"รอด้วย ๆ ๆ"
"วี ค่อย ๆ เดินสิ จะรีบไปไหนน่ะ" ผู้เป็นแม่ติเตียนลูกสาวที่รีบสับเท้าลงบันได ทั้งที่สวมถุงเท้าอยู่จนลื่นเกือบหัวทิ่ม
"วีไปด้วยนะ จะไปหาซื้อของใช้"
"รู้หรอว่าแม่จะไปไหน"
“ไม่รู้หรอกแต่ไปด้วย” วีพูดจบแล้วควงแขนผู้เป็นแม่ ปล่อยให้น้องชายเดินตามหลัง มนรดาถึงกับถอนหายใจที่รู้ตัวว่าลูก ๆ ทั้งสองรวมหัวกันวางแผนลับหลัง แถมยังมัดมือชกอีกต่างหาก
“พวกแกนี่นะ… ร้ายเหมือนพ่อไม่มีผิดเลย”
“งั้นพ่อต้องภูมิใจแล้วฮะ” วิชหัวเราะภาคภูมิใจกับถ้อยคำประชดประชันของแม่ แล้วแปะมือกับพี่สาวอย่างไม่เก็บอาการ พวกเขาทั้งสามเลือกรองเท้าของตัวเองที่ชั้นวางแล้วปิดไฟ ปิดประตูบ้าน “แต่แม่ห้ามเบี้ยวนะ ไม่งั้นผมให้แม่ไปเดาเลขเองจริง ๆ ด้วย”
แท็ก: #AfterDarkFlirtation #รัตติกาลผัดรัก #ผัดซีอิ๊วหน้าง่วง