หลินซือหยู หญิงสาวจากโลกปัจจุบัน ถูกจี้หยกพาดิ่งสู่อดีตอันโหดร้ายของเมืองฉางอานแห่งราชวงศ์ถัง เธอต้องเผชิญกับกบฏ สงคราม ความรัก และโชคชะตาที่ผูกพันกับแม่ทัพจ้าวหย่งเฉิน จี้หยกกลายเป็นทั้งพลังแห่งความหวังและคำสาป เธอจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ หรือยอมสละทุกสิ่งเพื่อคนที่รักได้หรือไม่?

เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู - ตอนที่ 30 เงาจันทร์นิรันดร์ โดย หลูซื่อเต๋อ 卢赐徳 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,จีน,เกิดใหม่,ย้อนยุค,ข้ามเวลา,ดราม่า,จีนโบราณ,นิยายจีน ,นิยายจีนโบราณ,ย้อนเวลา,ย้อนยุค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,จีน,เกิดใหม่,ย้อนยุค,ข้ามเวลา

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,จีนโบราณ,นิยายจีน ,นิยายจีนโบราณ,ย้อนเวลา,ย้อนยุค

รายละเอียด

เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู โดย หลูซื่อเต๋อ 卢赐徳 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หลินซือหยู หญิงสาวจากโลกปัจจุบัน ถูกจี้หยกพาดิ่งสู่อดีตอันโหดร้ายของเมืองฉางอานแห่งราชวงศ์ถัง เธอต้องเผชิญกับกบฏ สงคราม ความรัก และโชคชะตาที่ผูกพันกับแม่ทัพจ้าวหย่งเฉิน จี้หยกกลายเป็นทั้งพลังแห่งความหวังและคำสาป เธอจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ หรือยอมสละทุกสิ่งเพื่อคนที่รักได้หรือไม่?

ผู้แต่ง

หลูซื่อเต๋อ 卢赐徳

เรื่องย่อ

หลินซือหยู นักศึกษาประวัติศาสตร์สาวจากยุคปัจจุบัน ถูกจี้หยกโบราณพาดิ่งสู่ราชวงศ์ถังอันรุ่งโรจน์แต่เต็มไปด้วยเงามืด เธอตื่นขึ้นในร่างของ หลินซือเยว่ ลูกสาวขุนนางที่ถูกวางยาพิษ และต้องเอาตัวรอดท่ามกลางแผนกบฏขององค์ชายสามที่หมายโค่นบัลลังก์ ด้วยไหวพริบและความรู้สมัยใหม่ ซือหยูจับมือกับ จ้าวหย่งเฉิน แม่ทัพหนุ่มผู้แบกปมจากตระกูลที่ล่มสลาย เพื่อล้างมลทินและปกป้องเมืองหลวง จากความไม่ลงรอยกลายเป็นความรักที่ลึกซึ้งใต้แสงจันทร์

การผจญภัยข้ามกาลเวลา ความรักที่ท้าทายโชคชะตา และการตัดสินใจที่อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์ คุณพร้อมหรือยังที่จะตามซือหยูไปค้นหาคำตอบใต้เงาจันทร์?

สารบัญ

เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-บทนำ รอยร้าวแห่งกาลเวลา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 1 จี้หยกแห่งโชคชะตา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 2 ร่างใหม่ โลกเก่า,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 3 แม่ทัพผู้เย็นชา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 4 ความลับในเงามืด,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 5 พันธมิตรจำเป็น,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 6 ปริศนาตระกูลหลิน,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 7 คำพูดจากโลกอนาคต,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 8 เงาขององค์ชาย,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 9 ความทรงจำ,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 10 กลยุทธ์จากอนาคต,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 11 หัวใจที่สั่นไหว,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 12 งานเลี้ยงมรณะ,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 13 คำสารภาพในเงาจันทร์,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 14 จี้หยกสั่นไหว,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 15 ศัตรูใกล้ตัว,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 16 แผนการใหญ่,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 17 การเตรียมตัว,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 18 ค่ำคืนแห่งโชคชะตา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 19 การเผชิญหน้า,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 20 หัวใจที่ปิดกั้น,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 21 หลักฐานชี้ชัย,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 22 การเปลี่ยนแปลง,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 23 ศึกสุดท้าย,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 24 ราคาของชัยชนะ,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 25 ทางเลือกสุดท้าย,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 26 ชัยชนะของราชสำนัก,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 27 บาดแผลและความหวัง,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 28 บ้านหลังใหม่,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 29 คำสัญญา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 30 เงาจันทร์นิรันดร์

เนื้อหา

ตอนที่ 30 เงาจันทร์นิรันดร์

แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องลงบนระเบียงไม้ของบ้านชนบทใกล้เมืองหลัวหยาง ราวกับผ้าคลุมสีเงินที่ทอจากแสงนวลตา ลมเย็นยามค่ำพัดพากลิ่นดอกไม้ป่าและใบไม้จากสวนหลังบ้านมากระทบใบหน้าของหลินซือหยู เธอยืนพิงราวระเบียง มือบางของเธอจับขอบไม้แน่น ขณะที่สายตาของเธอจับจ้องไปยังดวงจันทร์ที่สว่างเจิดจ้าบนท้องฟ้าดำสนิท ร่างกายของเธอยังคงอ่อนแอ อาการหน้ามืดและความชาที่ลามจากแขนขาของเธอยังเกิดขึ้นบ้าง แต่การดูแลของหย่งเฉินและสมุนไพรจากหมอหลวงช่วยให้เธอแข็งแรงขึ้นจนแทบจะกลับมาเป็นปกติแล้ว ชุดคลุมสีขาวบางของเธอปลิวไสวตามสายลม ผมยาวสีดำของเธอที่ปล่อยสยายลงมาถูกพัดให้ปัดปอยไปตามไหล่ เธอสูดลมหายใจลึก ๆ และรู้สึกถึงความสงบที่แผ่ซ่านในอกของเธอ

อยู่ๆ ซือหยูก็นึกถึงจี้หยกที่เคยห้อยคอไว้ เธอยกมือขึ้นแตะที่คอของเธอตามสัญชาตญาณ จี้หยกที่เคยร้อนผ่าวและเรืองแสงสีเขียวเข้มนั้นแตกสลายไปแล้วในวันที่เธอใช้มันดูดพิษจากร่างของหย่งเฉิน แต่ถึงอย่างนั้น บางครั้งในยามที่เงียบสงบเช่นนี้ เธอกลับรู้สึกถึงเงาของมันราวกับมันยังคงส่งพลังบางอย่างมาถึงเธอ ความทรงจำของยุคปัจจุบันผุดขึ้นในหัวของเธอ ทั้งที่มันห่างหายไปนานมากแล้ว ตั้งแต่ที่จี้หยกชิ้นนั้นพังทลายไป

‘ห้องพิพิธภัณฑ์ที่เธอยืนอยู่หน้าโบราณวัตถุ แสงสีเขียวที่พาเธอข้ามมิติเวลา และชีวิตที่เธอเคยมีในโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและความวุ่นวาย’ 

เธอรู้สึกถึงความโหยหาเล็ก ๆ ที่ก่อตัวในใจ แต่เมื่อมองไปยังดวงจันทร์เต็มดวงที่กำลังส่องสว่างสุกสกาวอยู่นั้น เธอกลับรู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างน่าประหลาด

“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง จ้าวหย่งเฉินเดินออกมาจากตัวบ้าน ชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มของเขาเข้ากับแสงจันทร์ที่กระทบร่างของเขา ผมยาวสีดำของเขาถูกรวบไว้หลวม ๆ ใบหน้าคมเข้มของเขาดูอ่อนโยนยิ่งขึ้นใต้แสงนวลตา เขายืนข้างเธอ และโอบไหล่ของเธอด้วยแขนข้างหนึ่ง ดึงร่างของเธอเข้ามาใกล้จนไหล่ของทั้งคู่สัมผัสกัน

“แค่คิดอะไรไปเรื่อยค่ะ”

“เจ้ามองจันทร์แบบนี้... ข้าคิดถึงตอนที่เจ้าเล่าเรื่องยุคของเจ้าให้ข้าฟัง” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ขณะที่มองไปยังดวงจันทร์เช่นกัน

ซือหยูยิ้มบาง ๆ ขณะที่พิงศีรษะลงบนไหล่ของเขา “ฉันก็นึกถึงมัน ยุคที่ฉันจากมา... ห้องพิพิธภัณฑ์ที่ฉันทำงาน และแสงสีเขียวจากจี้หยกที่พาฉันมาที่นี่” เธอหยุดชั่วขณะ ขณะที่ความทรงจำวูบผ่านใจของเธอ “แต่เมื่อฉันมองจันทร์นี้... ฉันรู้สึกเหมือนมันกำลังบอกฉันว่า ที่นี่คือที่ของฉัน” เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาคู่สวยของเธอสะท้อนแสงจันทร์ “ที่นี่... กับคุณ” เธอกระซิบ ขณะที่ยกมือขึ้นแตะที่ใบหน้าของเขา

หย่งเฉินยิ้มให้เธอ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรัก เขาคว้ามือของเธอ และยกขึ้นจูบที่ข้อนิ้วของเธอ “เจ้าไม่ต้องคิดถึงมันอีกแล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ “ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขที่นี่ จนเจ้าไม่มีวันอยากจากไป” เขาดึงร่างของเธอเข้ามากอดแน่น แขนแข็งแกร่งของเขาโอบรอบร่างบางของเธอราวกับจะปกป้องเธอจากทุกสิ่ง เขาก้มลงจูบที่หน้าผากของเธอช้า ๆ ความรู้สึกนุ่มนวลจากริมฝีปากของเขาทำให้ซือหยูหลับตาลงและสูดลมหายใจลึก ๆ รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง

“ที่นี่คือบ้านของฉัน” เธอกระซิบ ขณะที่กอดหย่งเฉินแน่น แขนของเธอโอบรอบเอวของเขา หัวใจของเธอเต้นแรงเมื่อรู้สึกถึงความร้อนจากร่างกายของเขา เธอฝังใบหน้าลงที่หน้าอกของเขา และสูดกลิ่นหอมจากร่างกายของเขาที่ผสมกับกลิ่นลมเย็นยามค่ำ “ไม่ว่าฉันจะต้องเจอกับอะไร ไม่ว่าพิษนี้จะอยู่กับฉันนานแค่ไหน ฉันก็ตัดสินใจเลือกที่นี่แล้ว” เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา น้ำตาแห่งความสุขคลอในดวงตาของเธอ “และฉันจะไม่เสียใจ” เธอกล่าว ขณะที่ยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรัก

หย่งเฉินมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ปะปนกัน ความรัก ความมุ่งมั่น และความปรารถนา เขายกมือขึ้นแตะที่แก้มของเธอ ปลายนิ้วของเขาลูบไล้ไปตามโหนกแก้มของเธออย่างอ่อนโยน 

“ซือหยู...” เขากระซิบด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ขณะที่โน้มตัวเข้ามาใกล้ เขากดจูบลงบนริมฝีปากของเธอช้า ๆ ความรู้สึกนุ่มนวลและอบอุ่นจากริมฝีปากของเขาทำให้ซือหยูหลับตาลง เธอตอบรับจูบของเขาด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่เธอมี มือของเธอโอบรอบคอของเขาเกร็งแน่นเมื่อเขาค่อย ๆ เพิ่มความลึกซึ้งให้กับมัน ลมหายใจของทั้งคู่ผสมกันในอากาศเย็นยามค่ำ

เคร้ง!!

ในระหว่างนั้นอยู่ ๆ ก็เกิดเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง ทั้งคู่สะดุ้ง และหันไปมองพร้อมกัน โต๊ะไม้เล็ก ๆ ที่ตั้งถาดน้ำชาไว้ข้างระเบียงล้มลงโดยไม่มีสาเหตุ ซือหยูขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ขณะที่หย่งเฉินลุกขึ้นยืน และดึงดาบสั้นจากเอวของเขาออกมาโดยสัญชาตญาณ 

“ระวังตัวด้วย!” เขาร้องด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นตัว ขณะที่ก้าวไปข้างหน้า และดึงซือหยูไว้ข้างหลังเขา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง

แต่สิ่งที่ทั้งคู่เห็นกลับทำให้หัวใจของซือหยูหยุดเต้น บนพื้นไม้ที่ถาดน้ำชาล้มลงนั้น มีชิ้นส่วนเล็ก ๆ ของจี้หยกที่แตกสลายไปแล้วเมื่อนานมาแล้ว ชิ้นส่วนนั้นเรืองแสงสีเขียวเข้มอ่อน ๆ แสงนั้นสว่างขึ้นช้า ๆ และลอยขึ้นจากพื้นราวกับมีชีวิต ซือหยูรู้สึกถึงลมหายใจที่ติดขัดในอก เธอผละจากหย่งเฉิน และก้าวไปข้างหน้าด้วยขาที่สั่น 

“มัน... มันไม่น่าจะเป็นไปได้” เธอกระซิบ ขณะที่จ้องไปยังแสงสีเขียวที่ลอยขึ้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ

“ซือหยู! อย่าเข้าไป!” หย่งเฉินร้องด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล 

แต่ซือหยูส่ายหัว “ไม่... มันเรียกฉัน” เธอกระซิบ ขณะที่ยกมือขึ้นแตะไปยังแสงสีเขียวนั้น เมื่อปลายนิ้วของเธอสัมผัสแสงนั้น เธอรู้สึกถึงพลังที่ร้อนผ่าวแผ่ซ่านไปทั่วร่าง แสงสีเขียวเข้มนั้นสว่างเจิดจ้าจนหย่งเฉินต้องยกมือขึ้นบังตา แต่ซือหยูกลับจ้องมันด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยและความหวาดกลัว แสงนั้นเริ่มหมุนวน และกลายเป็นภาพที่ยากจะเชื่อ

‘หลินเซี่ยงจือ บรรพบุรุษของตระกูลหลิน ในชุดขุนนางสมัยถังไท่จง เขายืนสง่างาม ดวงตาของเขามองตรงมาที่ซือหยูราวกับมีชีวิต’

“เจ้าเลือกแล้ว” เสียงของหลินเซี่ยงจือดังก้องในหัวของซือหยูราวกับมาจากอีกมิติหนึ่ง “และการเลือกของเจ้าได้เปลี่ยนโชคชะตาของทุกสิ่ง”

 แสงสีเขียวเริ่มรวมตัวกันแน่นขึ้น และทันใดนั้น มันระเบิดออกเป็นแสงสว่างเจิดจ้าที่แผ่ออกไปทั่วระเบียง ซือหยูยกมือขึ้นบังตา ขณะที่หย่งเฉินคว้าแขนของเธอแน่นเพื่อปกป้องเธอ แต่เมื่อแสงนั้นจางลง สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าทั้งคู่ทำให้ซือหยูร้องออกมาด้วยความตกตะลึง

บนราวระเบียงไม้ที่ทั้งคู่ยืนอยู่ มีร่างโปร่งแสงของใครบางคนยืนอยู่ข้าง ๆ หลินเซี่ยงจือ มันเป็นร่างของหญิงสาวที่หน้าตาเหมือนซือหยูทุกกระเบียดนิ้ว หญิงสาวในชุดสมัยปัจจุบันยิ้มให้ซือหยู ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงบและความสุข 

“คุณ... คุณคือ...” ซือหยูร้องด้วยน้ำเสียงที่สั่น ขณะที่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อดูใกล้ ๆ 

แต่หย่งเฉินคว้าแขนของเธอไว้ “ระวัง!” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก

“ข้าคือเจ้า” หญิงสาวโปร่งแสงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ข้าคือส่วนหนึ่งของเจ้าในยุคที่เจ้าจากมา” เธอยิ้มให้ซือหยู “เจ้าเลือกที่จะอยู่ที่นี่ และการเลือกของเจ้าได้ปิดวงจรของโชคชะตาแห่งการผูกวิญญาณกับจี้หยกชิ้นนี้” เธอกล่าว ขณะที่ยกมือขึ้นและมอบบางสิ่งให้ซือหยู จี้หยกที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีรอยแตกใด ๆ มันเรืองแสงสีเขียวเข้มอ่อน ๆ ในมือของเธอ

“นี่มัน...” ซือหยูร้องด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสับสน “แต่มันแตกไปแล้ว!” เธอบอกพลางหยิบจี้หยกนั้นมาแนบที่อกของเธอ รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากมัน

หลินเซี่ยงจือยิ้มให้เธอ “มันคือของขวัญจากตระกูลหลิน” เขากล่าว “เจ้าได้พิสูจน์ความซื่อสัตย์ต่อตระกูลและราชวงศ์ถัง จี้หยกนี้จะปกป้องเจ้าและสายเลือดของเจ้าไปตราบนานเท่านาน” เขากล่าว ขณะที่ร่างของเขาและหญิงสาวโปร่งแสงค่อย ๆ จางลง “และนี่คือรางวัลสุดท้าย” เสียงของหลินเซี่ยงจือดังก้องเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไป แสงสีเขียวเข้มนั้นระยิบระยับและซือหยูรู้สึกถึงความร้อนจากพิษในร่างของเธอที่ค่อย ๆ จางหายไปราวกับมันถูกชำระล้าง

ซือหยูยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง ขณะที่หย่งเฉินคว้าไหล่ของเธอแน่น “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?!” เขาร้องด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล ขณะที่จับใบหน้าของเธอด้วยสองมือ “ซือหยู! ตอบข้า!” เขากล่าว ขณะที่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ

ซือหยูรู้สึกถึงน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นสาย เธอส่ายหัวก่อนจะยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข “ฉัน... ฉันไม่เจ็บแล้ว” เธอกระซิบด้วยน้ำเสียงที่สั่นจากอารมณ์ “พิษ... มันหายไปแล้ว!” เธอร้อง ขณะที่ยกมือขึ้นแตะที่แขนของเธอ ความชาที่เคยลามจากแขนและขาของเธอหายไป รอยดำตามเส้นเลือดก็ด้วย ราวกับไม่เคยมีมาก่อน เธอรู้สึกถึงพลังที่กลับมาสู่ร่างกายของเธอ และน้ำตาของเธอไหลลงมาไม่หยุด

หย่งเฉินมองเธอด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความโล่งใจ เขาดึงร่างของเธอเข้ามากอดแน่น แขนของเขาโอบรอบร่างของเธอราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป “เจ้า... เจ้าหายแล้วจริง ๆ หรือ” เขากระซิบด้วยน้ำเสียงที่สั่น ขณะที่ฝังใบหน้าลงบนผมของเธอ

“จริงค่ะ” ซือหยูพยักหน้า ขณะที่โอบรอบคอของเขาแน่น ก่อนจะก้มลงจูบเขาด้วยความรักทั้งหมดที่เธอมี หย่งเฉินตอบรับจูบของเธอทันที มือของเขาดึงร่างของเธอเข้ามาแนบชิดจนแทบไม่มีช่องว่าง เขากอดเธอแน่นราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป

แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องลงบนระเบียง เงาของทั้งคู่ที่กอดกันแน่นสะท้อนบนพื้นไม้ ซือหยูไม่รู้เลยว่าอนาคตหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร แต่เธอก็มั่นใจว่าหากมีท่านแม่ทัพจ้าวอยู่เคียงข้าง ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอะไร เธอก็ไม่กลัวอีกต่อไป แม้โชคชะตาจะถูกเปลี่ยนไปตลอดกาลก็ตาม