หลินซือหยู หญิงสาวจากโลกปัจจุบัน ถูกจี้หยกพาดิ่งสู่อดีตอันโหดร้ายของเมืองฉางอานแห่งราชวงศ์ถัง เธอต้องเผชิญกับกบฏ สงคราม ความรัก และโชคชะตาที่ผูกพันกับแม่ทัพจ้าวหย่งเฉิน จี้หยกกลายเป็นทั้งพลังแห่งความหวังและคำสาป เธอจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ หรือยอมสละทุกสิ่งเพื่อคนที่รักได้หรือไม่?
ชาย-หญิง,จีน,เกิดใหม่,ย้อนยุค,ข้ามเวลา,ดราม่า,จีนโบราณ,นิยายจีน ,นิยายจีนโบราณ,ย้อนเวลา,ย้อนยุค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เงาจันทร์ซ่อนพันฤดูหลินซือหยู หญิงสาวจากโลกปัจจุบัน ถูกจี้หยกพาดิ่งสู่อดีตอันโหดร้ายของเมืองฉางอานแห่งราชวงศ์ถัง เธอต้องเผชิญกับกบฏ สงคราม ความรัก และโชคชะตาที่ผูกพันกับแม่ทัพจ้าวหย่งเฉิน จี้หยกกลายเป็นทั้งพลังแห่งความหวังและคำสาป เธอจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ หรือยอมสละทุกสิ่งเพื่อคนที่รักได้หรือไม่?
หลินซือหยู นักศึกษาประวัติศาสตร์สาวจากยุคปัจจุบัน ถูกจี้หยกโบราณพาดิ่งสู่ราชวงศ์ถังอันรุ่งโรจน์แต่เต็มไปด้วยเงามืด เธอตื่นขึ้นในร่างของ หลินซือเยว่ ลูกสาวขุนนางที่ถูกวางยาพิษ และต้องเอาตัวรอดท่ามกลางแผนกบฏขององค์ชายสามที่หมายโค่นบัลลังก์ ด้วยไหวพริบและความรู้สมัยใหม่ ซือหยูจับมือกับ จ้าวหย่งเฉิน แม่ทัพหนุ่มผู้แบกปมจากตระกูลที่ล่มสลาย เพื่อล้างมลทินและปกป้องเมืองหลวง จากความไม่ลงรอยกลายเป็นความรักที่ลึกซึ้งใต้แสงจันทร์
การผจญภัยข้ามกาลเวลา ความรักที่ท้าทายโชคชะตา และการตัดสินใจที่อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์ คุณพร้อมหรือยังที่จะตามซือหยูไปค้นหาคำตอบใต้เงาจันทร์?
หลินซือหยูยืนอยู่ในห้องโถงราชสำนักแห่งเมืองฉางอาน แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างไม้แกะสลักลงบนพื้นหินอ่อนที่เงางาม กลิ่นกำยานจากกระถางทองแดงลอยคละคลุ้งในอากาศ บรรยากาศเงียบสงัดแต่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ขุนนางในชุดผ้าไหมสีสันฉูดฉาดยืนเรียงแถวสองฝั่ง ขณะที่ทุกสายตาจับจ้องไปยังแท่นสูงที่จักรพรรดิถังเต๋อจงประทับนั่ง จ้าวหย่งเฉินยืนเคียงข้างเธอ ใบหน้าคมเข้มของเขายังคงมีรอยคล้ำจากความเหนื่อยล้า บาดแผลที่หน้าอกของเขาถูกพันด้วยผ้าสะอาดใต้ชุดเกราะ เขายืนตัวตรง ดวงตาเย็นชาของเขามองไปยังแท่นสูงด้วยความเคารพ
“วันนี้ทุกอย่างจะต้องจบ” เขาหันไปกระซิบกับซือหยูด้วยน้ำเสียงทุ้ม ขณะที่บีบมือของเธอเบา ๆ
ซือหยูพยักหน้าก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสที่คอของเธอตามความเคยชิน แต่จี้หยกชิ้นนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงความว่างเปล่าที่ย้ำเตือนเธอถึงการเสียสละในสนามรบครั้งที่ผ่านมา เธอยังคงรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากพิษที่ยังหลงเหลือในร่าง แต่มันจางลงมากเมื่อเทียบกับความรู้สึกสงบที่เริ่มก่อตัวในอกของเธอ
“ใช่ วันนี้เราจะปิดฉากทุกอย่างกัน” เธอมองไปยังหย่งเฉินด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ความรักที่เธอมีให้เขาทำให้เธอรู้สึกถึงความแข็งแกร่ง แม้จะไม่มีจี้หยกอีกต่อไป
ประตูไม้หนักของห้องโถงถูกผลักออก เสียงโซ่เหล็กลากพื้นดังก้องขณะที่ทหารองครักษ์ลากองค์ชายสามเข้ามา ร่างของเขาถูกพันธนาการด้วยโซ่หนาที่รัดแน่นจนเลือดซึมจากข้อมือและข้อเท้า ชุดผ้าไหมสีดำที่เคยสง่างามขาดวิ่นและเปื้อนโคลน ใบหน้าคมเข้มของเขาที่มีรอยแผลเป็นที่มุมปากเต็มไปด้วยรอยช้ำและคราบเลือดแห้ง ดวงตาคู่หนึ่งที่เคยแหลมคมและเย็นชาของเขาดูว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาถูกผลักให้คุกเข่าตรงกลางห้องโถงอย่างแรงจนเข่ากระแทกพื้น เขาร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวด ขุนนางรอบข้างถอยห่างด้วยความหวาดกลัว
หย่งซานเงยหน้าขึ้นมองจักรพรรดิด้วยรอยยิ้มเยาะที่บิดเบี้ยว “ฝ่าบาท!” เขาร้องด้วยน้ำเสียงแหบแห้งที่เต็มไปด้วยความขมขื่น “ท่านจะฆ่าข้าเพื่อปกป้องราชสำนักเน่าเฟะนี้จริงๆ งั้นหรือ ข้ามีเลือดของราชวงศ์ถังอยู่ในตัว ข้ามีสิทธิ์ในบัลลังก์เพียงพอกับเจ้า!”
จักรพรรดิถังเต๋อจงมองลงมาด้วยสายตาที่เย็นชาและเด็ดขาด “ถังหย่งซาน” พระองค์ตรัสด้วยน้ำเสียงที่ดังก้องและเต็มไปด้วยอำนาจ “เจ้าได้สมคบกับตระกูลจางและขุนนางกบฏเพื่อโค่นบัลลังก์ของเรา เจ้าใส่ร้ายตระกูลหลินและนำความโกลาหลมาสู่ฉางอาน พลังวิญญาณราชวงศ์ได้ยืนยันความผิดของเจ้า และคำให้การของขุนนางที่ยอมจำนนได้ตอกย้ำบาปของเจ้า เลือดของเจ้าจะชำระล้างความชั่วร้ายที่เจ้าได้ก่อขึ้น” พระองค์หยุดชั่วขณะ แวบหนึ่งเขามองไปยังหย่งซานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง “เจ้าเคยเป็นหนึ่งในราชวงศ์ของเรา... แต่เจ้ากลับเลือกทางแห่งความตาย”
หย่งซานหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งและบ้าคลั่ง “ฝ่าบาท! แม้ท่านจะฆ่าข้า แต่ท่านจะไม่มีวันลบข้าออกจากวงศ์ตระกูลได้!” เขาหันไปมองหย่งเฉินและซือหยูด้วยสายตาที่ลุกโชนด้วยความแค้น “และเจ้าสองคน... ข้าจะสาปแช่งเจ้า แม้แต่ตอนที่ข้าจะอยู่ในนรกก็ตาม!” เขาร้องก่อนจะพยายามดิ้นเพื่อให้ตัวเองหลุดจากโซ่ แตโซ่ยังคงรัดแน่นจนเลือดของเขาไหลหยดลงบนพื้น เขาคว้าข้อมือของตัวเองและพยายามฉีกโซ่ออกด้วยแรงเฮือกสุดท้าย “ข้าจะไม่ยอมตายอย่างหมูแน่!”
ทหารองครักษ์สองคนพุ่งเข้ามาคว้าแขนของเขาก่อนจะผลักเขาลงกับพื้น เขากรีดร้องด้วยความโกรธและความเจ็บปวด ร่างกายของเขาดิ้นพล่านราวกับไม่ยอมรับชะตากรรมที่ตัวเองได้ก่อขึ้น
“ประหารเขาซะ!” จักรพรรดิถังเต๋อจงตะโกนด้วยน้ำเสียงที่สั่นจากความโกรธ ทหารองครักษ์สามคนก้าวเข้ามา หนึ่งในนั้นยกดาบหนักขึ้นสูง ดาบสีเงินสะท้อนแสงแดดยามเช้าจนประกายเจิดจ้า
หย่งซานเงยหน้าขึ้นครั้งสุดท้าย “ข้าจะกลับมาแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน!” เขาร้องด้วยน้ำเสียงที่บ้าคลั่ง ขณะที่น้ำตาความเกลียดชังไหลลงมาผสมกับเลือดบนใบหน้าของเขา
ฉึก!!
ดาบถูกฟันลงมาด้วยแรงทั้งหมดที่มี เมื่อใบดาบตัดผ่านเนื้อและกระดูก คอของเขาก็ขาดสะบั้น ศีรษะหลุดกลิ้งลงไปกระแทกพื้นหินอ่อนของพระราชวัง เลือดพุ่งเป็นสายราวกับน้ำพุสีแดงเข้ม ร่างที่ไร้หัวของเขาดิ้นกระตุกอยู่นานหลายลมหายใจ ก่อนจะล้มลงนิ่งในแอ่งเลือดที่ขยายวงกว้าง เสียงกรีดร้องเบา ๆ ดังจากขุนนางบางคน ในขณะที่คนอื่น ๆ มองด้วยใบหน้าซีดเผือด ห้องโถงเงียบกริบไร้ซึ่งเสียงใด
ซือหยูรู้สึกถึงลมหายใจที่ติดขัดในอก เธอหันไปมองหย่งเฉินและเห็นใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความโล่งใจปนความสะพรึง
“มันจบแล้ว” เขาบีบมือของเธอแน่นจนเจ็บพลางกระซิบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาเล็กน้อย
“อื้อ หย่งซานจะได้ไม่ต้องทำร้ายใครอีก” เธอรู้สึกถึงความสงบที่ไหลเข้ามาในอกของเธอเป็นครั้งแรกตั้งแต่ได้ย้อนเวลามาถึงยุคนี้
ความโหดร้ายของการประหารหย่งซานปิดฉากความโกลาหลจากเขาและตระกูลจางอย่างเด็ดขาด เธอสัมผัสได้ถึงความยุติธรรมที่เริ่มฟื้นคืนมาทีละนิด ได้แต่หวังว่าหลังจากนี้จะตามมาด้วยความสงบเสียที
“ท่านแม่ทัพจ้าว” จักรพรรดิถังเต๋อจงหันมามองหย่งเฉินและซือหยูก่อนเอ่ยตรัสด้วยน้ำเสียงที่ดังและหนักแน่น “เจ้าได้ปกป้องราชวงศ์นี้จากกบฏ และนำความจริงมาสู่เมือฉางอาน ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็น ‘แม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพตะวันตก’ และมอบที่ดินในเขตหลัวหยางให้เจ้าเป็นรางวัล”
หย่งเฉินคุกเข่าลง “ข้าขอรับพระราชทานด้วยความซื่อสัตย์ แต่ชัยชนะนี้มิได้เป็นของข้าคนเดียว หลินซือเยว่มีส่วนสำคัญในการหยุดหย่งซาน” เขาหันมามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ
จักรพรรดิมองซือหยูก่อนจะเอ่ยตรัส “หลินซือเยว่ ตระกูลหลินของเจ้าได้พิสูจน์ความซื่อสัตย์ต่อราชวงศ์อีกครั้ง ข้าจะฟื้นฟูเกียรติยศของตระกูลเจ้าและมอบตำแหน่ง ‘ที่ปรึกษาหญิงแห่งราชสำนัก’ให้เจ้า ข้าจะให้สร้างอนุสาวรีย์เพื่อระลึกถึงความกล้าหาญของเจ้าและตระกูลหลิน”
ซือหยูคุกเข่าลง “ข้าขอรับพระราชทานด้วยความเคารพ” เธอพูด ขณะที่รู้สึกถึงน้ำตาที่คลอตา “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ให้ความยุติธรรมแก่ตระกูลของข้า”
ขุนนางรอบข้างปรบมือด้วยความยินดี แต่ซือหยูรู้สึกถึงความสงบที่ลึกซึ้งในอกของเธอ เธอมองไปยังหย่งเฉิน และเห็นรอยยิ้มที่อบอุ่นบนใบหน้าของเขา
“เราได้ทุกอย่างคืนมาแล้ว” เขากระซิบก่อนจะช่วยดึงเธอให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน
“เป็นครั้งแรก... ที่ฉันรู้สึกได้ถึงความสงบ” เธอกระซิบพลางอมยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นกุมหน้าอกของตัวเองเพราะอยู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา เนื่องจากผลข้างเคียงของพิษที่ยังหลงเหลืออยู่ภายใน
หย่งเฉินคว้ามือของเธอแน่น “เจ้าเลือกข้า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก “และข้าจะทำให้เจ้าไม่มีวันเสียใจ” เขายกมือของเธอขึ้นจูบที่หลังมือ ขณะที่มองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง
ซือหยูยิ้มให้เขา “ฉันรู้ และฉันจะอยู่ที่นี่ เพื่อคุณ เพื่อตระกูลของฉัน และเพื่อราชสำนักนี้” เธอรู้สึกถึงความสงบที่แท้จริง ความโกลาหลจากหย่งซานและตระกูลจางสิ้นสุดลง ชัยชนะของราชสำนักคือชัยชนะของเธอด้วย