หลินซือหยู หญิงสาวจากโลกปัจจุบัน ถูกจี้หยกพาดิ่งสู่อดีตอันโหดร้ายของเมืองฉางอานแห่งราชวงศ์ถัง เธอต้องเผชิญกับกบฏ สงคราม ความรัก และโชคชะตาที่ผูกพันกับแม่ทัพจ้าวหย่งเฉิน จี้หยกกลายเป็นทั้งพลังแห่งความหวังและคำสาป เธอจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ หรือยอมสละทุกสิ่งเพื่อคนที่รักได้หรือไม่?

เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู - ตอนที่ 27 บาดแผลและความหวัง โดย หลูซื่อเต๋อ 卢赐徳 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,จีน,เกิดใหม่,ย้อนยุค,ข้ามเวลา,ดราม่า,จีนโบราณ,นิยายจีน ,นิยายจีนโบราณ,ย้อนเวลา,ย้อนยุค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,จีน,เกิดใหม่,ย้อนยุค,ข้ามเวลา

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,จีนโบราณ,นิยายจีน ,นิยายจีนโบราณ,ย้อนเวลา,ย้อนยุค

รายละเอียด

เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู โดย หลูซื่อเต๋อ 卢赐徳 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หลินซือหยู หญิงสาวจากโลกปัจจุบัน ถูกจี้หยกพาดิ่งสู่อดีตอันโหดร้ายของเมืองฉางอานแห่งราชวงศ์ถัง เธอต้องเผชิญกับกบฏ สงคราม ความรัก และโชคชะตาที่ผูกพันกับแม่ทัพจ้าวหย่งเฉิน จี้หยกกลายเป็นทั้งพลังแห่งความหวังและคำสาป เธอจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ หรือยอมสละทุกสิ่งเพื่อคนที่รักได้หรือไม่?

ผู้แต่ง

หลูซื่อเต๋อ 卢赐徳

เรื่องย่อ

หลินซือหยู นักศึกษาประวัติศาสตร์สาวจากยุคปัจจุบัน ถูกจี้หยกโบราณพาดิ่งสู่ราชวงศ์ถังอันรุ่งโรจน์แต่เต็มไปด้วยเงามืด เธอตื่นขึ้นในร่างของ หลินซือเยว่ ลูกสาวขุนนางที่ถูกวางยาพิษ และต้องเอาตัวรอดท่ามกลางแผนกบฏขององค์ชายสามที่หมายโค่นบัลลังก์ ด้วยไหวพริบและความรู้สมัยใหม่ ซือหยูจับมือกับ จ้าวหย่งเฉิน แม่ทัพหนุ่มผู้แบกปมจากตระกูลที่ล่มสลาย เพื่อล้างมลทินและปกป้องเมืองหลวง จากความไม่ลงรอยกลายเป็นความรักที่ลึกซึ้งใต้แสงจันทร์

การผจญภัยข้ามกาลเวลา ความรักที่ท้าทายโชคชะตา และการตัดสินใจที่อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์ คุณพร้อมหรือยังที่จะตามซือหยูไปค้นหาคำตอบใต้เงาจันทร์?

สารบัญ

เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-บทนำ รอยร้าวแห่งกาลเวลา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 1 จี้หยกแห่งโชคชะตา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 2 ร่างใหม่ โลกเก่า,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 3 แม่ทัพผู้เย็นชา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 4 ความลับในเงามืด,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 5 พันธมิตรจำเป็น,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 6 ปริศนาตระกูลหลิน,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 7 คำพูดจากโลกอนาคต,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 8 เงาขององค์ชาย,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 9 ความทรงจำ,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 10 กลยุทธ์จากอนาคต,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 11 หัวใจที่สั่นไหว,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 12 งานเลี้ยงมรณะ,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 13 คำสารภาพในเงาจันทร์,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 14 จี้หยกสั่นไหว,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 15 ศัตรูใกล้ตัว,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 16 แผนการใหญ่,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 17 การเตรียมตัว,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 18 ค่ำคืนแห่งโชคชะตา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 19 การเผชิญหน้า,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 20 หัวใจที่ปิดกั้น,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 21 หลักฐานชี้ชัย,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 22 การเปลี่ยนแปลง,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 23 ศึกสุดท้าย,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 24 ราคาของชัยชนะ,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 25 ทางเลือกสุดท้าย,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 26 ชัยชนะของราชสำนัก,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 27 บาดแผลและความหวัง,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 28 บ้านหลังใหม่,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 29 คำสัญญา,เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู-ตอนที่ 30 เงาจันทร์นิรันดร์

เนื้อหา

ตอนที่ 27 บาดแผลและความหวัง

หลินซือหยูนอนอยู่บนเตียงไม้ในบ้านพักของแม่ทัพจ้าวในเขตขุนนางของเมืองฉางอาน กลิ่นสมุนไพรต้มและกลิ่นไม้ชื้นลอยคละคลุ้งในอากาศ แสงแดดยามบ่ายสาดผ่านหน้าต่างไม้ที่เปิดไว้บางส่วน กระทบลงบนใบหน้าซีดเผือดของเธอ เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วจากด้านนอกผสมกับเสียงฝีเท้าของทหารที่เดินไปมา ร่างของเธอยังอ่อนแอจากพิษที่ไหลผ่านเส้นเลือดในวันนั้นบนสนามรบ แม้จี้หยกจะดูดพิษส่วนใหญ่ออกไป แต่ร่องรอยของพิษจากงูเขี้ยวแดงที่ยังฝังลึกในร่างกายของเธอราวกับเงามืดที่ไม่อาจขจัดออกได้ง่าย ๆ 

เธอรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านจากปลายนิ้วไปถึงแขนและขา ความชาที่ลามขึ้นจากฝ่าเท้าจนถึงเข่าทำให้เธอแทบไม่อาจขยับตัวได้โดยไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เหมือนเข็มทิ่มแทง แผลที่แขนซ้ายของเธอที่เกิดจากการไหลของพิษนั้นยังคงแดงและบวม รอยสีดำบาง ๆ คล้ายเส้นใยแมงมุมแผ่ออกมาจากแผลนั้น บางส่วนเริ่มหมองลง แต่ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจถึงอันตรายที่ยังไม่หมดไป เธอรู้สึกถึงลมหายใจที่ตื้นเขิน ทุกครั้งที่หายใจเข้า ความร้อนที่แผ่วเบาในอกของเธอเต้นระริกเหมือนไฟที่ยังไม่ดับสนิท และบางช่วงเธอรู้สึกถึงอาการหน้ามืดที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ผลกระทบระยะยาวจากพิษที่หมอหลวงเตือนไว้ว่าอาจอยู่กับเธอไปอีกนาน

หมอหลวงที่มาดูอาการของเธอเมื่อวันก่อนได้บอกไว้ว่าพิษจากงูเงี้ยวแดงนั้น แม้จะไม่ถึงตายหลังจากถูกดูดออกส่วนใหญ่ แต่จะทิ้งผลกระทบที่ฝังลึกในร่างกาย ทำให้ร่างกายของเธออ่อนแอลงกว่าปกติ เธออาจมีอาการหน้ามืดและอ่อนเพลียบ่อยครั้ง กล้ามเนื้อของเธออาจสูญเสียความแข็งแรงไปบางส่วน และในวันที่อากาศหนาวเย็น เธออาจรู้สึกเจ็บปวดตามข้อต่อและกล้ามเนื้อจากพิษที่ยังสะสมอยู่ในเส้นเลือด เธออาจต้องกินยาสมุนไพรไปอีกนานเพื่อขจัดพิษที่เหลือออก แต่ถึงอย่างนั้นหมอหลวงก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าเธอจะหายขาดอย่างสมบูรณ์

เธอรู้สึกถึงคำพูดของหมอหลวงได้อย่างชัดเจนในทุกครั้งที่ขยับตัว และรู้สึกถึงความหนักอึ้งในร่างกายที่เคยแข็งแรงของเธอ แต่เธอก็คิดว่ายังดีกว่าต้องตายจากไป ความสงบคอยช่วยปลอบประโลมจิตใจของเธอ เธอดีใจที่เธอคิดไม่ผิดที่เลือกอยู่ต่อที่นี่

จ้าวหย่งเฉินนั่งอยู่ข้างเตียงบนเก้าอี้ไม้หยาบ ๆ มือหนาของเขากำลังบดสมุนไพรในชามหินด้วยครกเล็ก ๆ ใบหน้าคมเข้มของเขายังคงมีรอยคล้ำจากความเหนื่อยล้า บาดแผลที่หน้าอกของเขาถูกพันด้วยผ้าสะอาด แต่เขาไม่เคยบ่นถึงความเจ็บปวดของตัวเอง เขามองไปที่ซือหยูด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย ขณะที่บดสมุนไพรจนเป็นผงละเอียด 

“คุณ...”

“เจ้าตื่นแล้วหรือ”

“ค่ะ คุณกำลังทำอะไรอยู่” เธอว่าพลางจะยันตัวลุกขึ้นแต่ก็ถูกชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้างทักขัดเอาเสียก่อน

“นอนต่อเถอะ ร่างกายเจ้ายังต้องพักอีกเยอะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มที่อ่อนโยน ขณะที่หยิบผงสมุนไพรไปผสมกับน้ำร้อนในชามดินเผา “หมอหลวงบอกว่าพิษจากงูเงี้ยวแดงนี่ยังไม่หมดไป แม้จะเหลือเพียงเล็กน้อย แต่ก็อันตราย มันอาจทำให้เจ้าเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียบ่อย ๆ และถ้าอากาศหนาวเย็น เจ้าจะเจ็บตามร่างกาย” เขาหยุดชั่วขณะ ขณะที่มองไปยังแผลที่แขนของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล “ตอนนี้เจ้าเหงื่อออกเยอะเกินไป ร่างกายของเจ้ายังร้อนเป็นพัก ๆ แบบนี้ไม่ดีเลย” เขาว่าก่อนจะหันไปใช้ผ้าชุบน้ำเย็นซับเหงื่อที่หน้าผากของเธอ

ซือหยูยิ้มบาง ๆ ขณะที่มองเขา แม้จะรู้สึกถึงความร้อนที่วูบขึ้นในอก และความชาที่เริ่มลามจากฝ่าเท้าขึ้นถึงเข่าอีกครั้ง “หมอหลวงบอกว่าฉันอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัวเต็มที่ และบางที... บางอาการอาจอยู่กับฉันไปตลอด” เธอหยุดชั่วครู่ ขณะที่รู้สึกถึงอาการหน้ามืดที่วูบเข้ามา เธอปิดตาลงและสูดลมหายใจลึกเพื่อระงับมัน “แต่ฉันรอดมาได้แล้ว คุณก็รอดมาได้” เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา “นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด”

หย่งเฉินหยุดมือที่กำลังคนยาในชาม เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้งและเต็มไปด้วยคำถาม “เจ้าเสียใจไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง ขณะที่วางชามลงข้างเตียง ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังใบหน้าซีดเผือด เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ บนหน้าผากของเธอ และรอยสีดำที่ยังแผ่จากแผลที่แขน “เจ้าเสียจี้หยกไป เสียโอกาสกลับไปยุคของเจ้า เสียทุกอย่างที่เจ้าเคยมี... เพื่อข้า เพื่อยุคนี้” เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อย ฝ่ามือของเขากำแน่นที่ขอบเตียง “และตอนนี้ เจ้ายังต้องทนทุกข์จากพิษที่อาจอยู่กับเจ้าไปอีกนาน บางทีอาจถึงตลอดชีวิต ข้ารู้สึกผิดทุกครั้งที่นึกถึงสิ่งที่เจ้าเสียไป”

ซือหยูส่ายหัวช้า ๆ ขณะที่ยกมือขึ้นแตะที่มือของเขา มือของเธอเย็นเฉียบและสั่นเล็กน้อยจากพิษที่ยังส่งผลต่อร่างกายของเธอ แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ “ไม่...” เธอกระซิบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่หนักแน่น “ฉันไม่เสียใจ” เธอยิ้มให้เขา รอยยิ้มที่อ่อนแอแต่เต็มไปด้วยความรัก “ถ้าฉันต้องเลือกอีกครั้ง ฉันก็จะเลือกแบบเดิม” เธอจับมือของเขาแน่นขึ้น แม้จะรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่วูบมาจากแผลเมื่อขยับ “ฉันเลือกคุณ” น้ำตาคลอในดวงตาของเธอ แต่เป็นน้ำตาแห่งความสุข ไม่ใช่ความเสียใจ เธอรู้สึกถึงความร้อนจากพิษที่วูบขึ้นในอกของเธออีกครั้ง แต่เธอกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นในใจเมื่อมองไปที่เขา

หย่งเฉินมองเธอด้วยสายตาที่สั่นไหว น้ำตาคลอในดวงตาของเขา เขาก้มลงจูบที่หลังมือของเธอ “ซือหยู...” เขากระซิบด้วยน้ำเสียงที่แตกสลาย “เจ้าให้ชีวิตใหม่แก่ข้า แต่ข้ากลับให้บาดแผลและพิษร้ายที่อาจทรมานเจ้าไปทั้งชีวิต” เขายกมือของเธอขึ้นแนบที่หน้าผากของเขา “ข้าจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อชดเชยสิ่งที่เจ้าเสียไป เพื่อให้เจ้ามีชีวิตที่ไม่ต้องเจ็บปวดจากมันอีก” เขากระซิบ ขณะที่น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงจากดวงตาของเขา

ซือหยูยิ้มให้เขาอีกครั้ง “บาดแผลนี้มันเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสิ่งที่ฉันได้มา” เธอพูดพร้อมยกมือขึ้นแตะที่ใบหน้าของเขา “พิษนี้อาจอยู่กับฉันไปนาน แต่มันจะไม่หยุดฉันจากการใช้ชีวิต ฉันได้อยู่กับคุณ ได้โอกาสเริ่มต้นใหม่ ได้ช่วยตระกูลของฉัน และได้เห็นชัยชนะของราชสำนัก” เธอหยุดชั่วขณะ เมื่อรู้สึกถึงอาการหน้ามืดที่วูบเข้ามาอีกครั้ง เธอปิดตาลงและสูดลมหายใจลึกเพื่อระงับมัน “ฉันเคยกลัวยุคนี้ แต่ตอนนี้... ฉันรู้สึกถึงความหวัง” เธอกระซิบ ขณะที่รู้สึกถึงความอบอุ่นจากแสงแดดและสัมผัสของหย่งเฉิน

หย่งเฉินยกชามยาขึ้น และค่อย ๆ ป้อนยาให้เธอ เขายกชามให้เธอจิบช้า ๆ มือของเขาสั่นเล็กน้อยจากความกังวล “เจ้าต้องหายไว ๆ” เขาพูด “ข้าต้องพาเจ้าไปเยี่ยมที่ดินใหม่ของเราที่หลัวหยาง และถ้าพิษนี้ยังทำให้เจ้าเจ็บปวด ข้าจะหาสมุนไพรดี ๆ มาช่วยเจ้าให้ได้” เขายิ้มให้เธอ “ข้าอยากเห็นเจ้ายิ้ม โดยไม่ต้องเจ็บปวดจากมันอีก” 

ซือหยูจิบยาไปจนหมด รสขมของยาทำให้เธอหน้าเหยี่ยวยู่ แต่เธอก็ฝืนกลืนมันลงไป เธอวางศีรษะลงบนหมอน และรู้สึกถึงความร้อนจากพิษที่วูบขึ้นในอกของเธออีกครั้ง “หลัวหยาง...” เธอกระซิบ “มันคงสวย” เธอยิ้มให้เขา “ฉันอยากไปกับคุณ”

หย่งเฉินวางชามยาลง และนั่งลงข้างเตียงอีกครั้ง เขาคว้ามือของเธอไว้ในมือของเขา “ข้าจะรอให้เจ้าแข็งแรง” เขาพูด “ไม่ว่าเจ้าจะเลือกอะไร ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้า” เขาก้มลงจูบที่หน้าผากของเธอเบา ๆ “ข้าสัญญา” เขากระซิบ ขณะที่ยกมือของเธอขึ้นแนบที่หน้าอกของเขา

ซือหยูรู้สึกถึงความอบอุ่นจากสัมผัสของเขา ความเจ็บปวดจากพิษที่ยังหลงเหลือในร่างของเธออาจยังทำให้เธอต้องเผชิญกับความท้าทายในวันข้างหน้า แต่ความรักที่เธอมีให้เขาทำให้เธอรู้สึกถึงพลังที่จะต่อสู้ต่อไป เธอมองไปที่หน้าต่าง และเห็นแสงแดดที่ส่องผ่านเมฆมา “พิษนี้อาจอยู่กับฉันไปอีกนาน แต่ฉันจะไม่ยอมให้มันหยุดฉัน” เธอหันมามองหย่งเฉิน “ขอบคุณที่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้” เธอกระซิบ ขณะที่บีบมือของเขาแน่น

เสี่ยวหลานเดินเข้ามาด้วยถาดไม้ที่มีน้ำร้อนและผ้าสะอาด “คุณหนู ท่านแม่ทัพ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจ “ข้ามาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้คุณหนู” เธอนั่งลงข้างเตียง และเริ่มคลายผ้าพันแผลที่แขนของซือหยู เธอขมวดคิ้วเมื่อเห็นรอยสีดำที่ยังแผ่จากแผล “พิษนี่น่ากลัวนัก” เธอกระซิบ ขณะที่ค่อย ๆ ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นซับแผลของซือหยู 

ซือหยูยิ้มให้เธอ “เสี่ยวหลาน” เธอพูด “ขอบคุณที่อยู่ข้างฉันเสมอ” เสี่ยวหลานยิ้มตอบ “มันเป็นหน้าที่ของข้าเจ้าค่ะ” เธอกระซิบ ขณะที่ค่อย ๆ ซับแผลด้วยความระมัดระวัง

หย่งเฉินมองซือหยูด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก “เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิด” เขาพูด “และข้าจะแข็งแกร่งเพื่อเจ้า” เขากระซิบ ขณะที่ยกมือของเธอขึ้นจูบอีกครั้ง

ซือหยูยิ้มให้เขา “เราจะแข็งแกร่งไปด้วยกัน” เธอกระซิบ รู้สึกถึงบาดแผลที่เริ่มสมานตัว ความเจ็บปวดจากพิษที่ค่อย ๆ จางลง และความหวังที่เติบโตแทนที่ในใจของเธอ