หลินซือหยู หญิงสาวจากโลกปัจจุบัน ถูกจี้หยกพาดิ่งสู่อดีตอันโหดร้ายของเมืองฉางอานแห่งราชวงศ์ถัง เธอต้องเผชิญกับกบฏ สงคราม ความรัก และโชคชะตาที่ผูกพันกับแม่ทัพจ้าวหย่งเฉิน จี้หยกกลายเป็นทั้งพลังแห่งความหวังและคำสาป เธอจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ หรือยอมสละทุกสิ่งเพื่อคนที่รักได้หรือไม่?
ชาย-หญิง,จีน,เกิดใหม่,ย้อนยุค,ข้ามเวลา,ดราม่า,จีนโบราณ,นิยายจีน ,นิยายจีนโบราณ,ย้อนเวลา,ย้อนยุค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เงาจันทร์ซ่อนพันฤดูหลินซือหยู หญิงสาวจากโลกปัจจุบัน ถูกจี้หยกพาดิ่งสู่อดีตอันโหดร้ายของเมืองฉางอานแห่งราชวงศ์ถัง เธอต้องเผชิญกับกบฏ สงคราม ความรัก และโชคชะตาที่ผูกพันกับแม่ทัพจ้าวหย่งเฉิน จี้หยกกลายเป็นทั้งพลังแห่งความหวังและคำสาป เธอจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ หรือยอมสละทุกสิ่งเพื่อคนที่รักได้หรือไม่?
หลินซือหยู นักศึกษาประวัติศาสตร์สาวจากยุคปัจจุบัน ถูกจี้หยกโบราณพาดิ่งสู่ราชวงศ์ถังอันรุ่งโรจน์แต่เต็มไปด้วยเงามืด เธอตื่นขึ้นในร่างของ หลินซือเยว่ ลูกสาวขุนนางที่ถูกวางยาพิษ และต้องเอาตัวรอดท่ามกลางแผนกบฏขององค์ชายสามที่หมายโค่นบัลลังก์ ด้วยไหวพริบและความรู้สมัยใหม่ ซือหยูจับมือกับ จ้าวหย่งเฉิน แม่ทัพหนุ่มผู้แบกปมจากตระกูลที่ล่มสลาย เพื่อล้างมลทินและปกป้องเมืองหลวง จากความไม่ลงรอยกลายเป็นความรักที่ลึกซึ้งใต้แสงจันทร์
การผจญภัยข้ามกาลเวลา ความรักที่ท้าทายโชคชะตา และการตัดสินใจที่อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์ คุณพร้อมหรือยังที่จะตามซือหยูไปค้นหาคำตอบใต้เงาจันทร์?
หลินซือหยูนั่งอยู่บนเกวียนไม้ที่เคลื่อนไปตามถนนดินสีน้ำตาลเข้มนอกเมืองหลัวหยาง ลมเย็นยามเช้าพัดผ่านใบหน้าของเธอ พาเอาดอกไม้ป่ามากระทบจมูก เธอยังรู้สึกถึงความอ่อนแอจากพิษงูเขี้ยวแดงที่ยังหลงเหลือในร่าง ร่างกายของเธอเหนื่อยล้าง่าย เธอต้องคอยระงับอาการหน้ามืดด้วยการหลับตาและสูดลมหายใจลึก ๆ ทั้งแขนและขาของเธอมีรอยชาที่คอยเตือนถึงผลกระทบระยะยาวจากพิษนั้น แต่หมอหลวงบอกว่าเธอแข็งแรงขึ้นมากแล้ว และหากดูแลตัวเองดี ๆ อาการบางอย่างอาจค่อย ๆ จางลงเมื่อเวลาผ่านไป เธอห่มผ้าคลุมไหล่สีครามที่หย่งเฉินหยิบมาให้ มีอาการอ่อนล้าจากการเดินทางไกล แต่ในอกของเธอกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อมองไปยังจ้าวหย่งเฉินที่ขับเกวียนอยู่ข้างหน้า
ใบหน้าคมเข้มของหย่งเฉินเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น ผมสีดำของเขาที่ถูกรวบไว้อย่างเรียบร้อย มีเพียงปลายผมเล็กน้อยที่ปลิวไสวตามสายลม ชุดเกราะที่เขาเคยใส่ถูกแทนที่ด้วยชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มเรียบง่าย บาดแผลที่หน้าอกของเขายังคงต้องพันด้วยผ้าสะอาด แต่เขาดูแข็งแรงขึ้นมากหลังจากหยุดพักหลายวัน
“ใกล้ถึงแล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง ขณะที่หันมามองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน
“ค่ะ”
“เจ้าไหวหรือเปล่า? ถ้าเหนื่อย ข้าจะหยุดพักให้”
ซือหยูยิ้มให้เขา แม้ว่าจะรู้สึกถึงเหงื่อเย็น ๆ ที่ซึมออกจากหน้าผากของเธอ “ฉันไหว” เธอกระซิบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ฉันอยากเห็นที่ที่คุณบอก” เธอเอ่ยย้ำเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ
หย่งเฉินยิ้มกว้างขึ้น และหันกลับไปควบเกวียนต่อ “ดีแล้วข้าอยากให้เจ้าเห็นมันมานานแล้วเหมือนกัน”
เกวียนเคลื่อนผ่านทุ่งหญ้าสีเขียวที่มีดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง ไปจนถึงบ้านหลังเล็กที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเนินเขาเตี้ย ๆ บ้านหลังนั้นสร้างจากไม้และหิน มีหลังคากระเบื้องสีน้ำตาลอ่อน ล้อมรอบด้วยสวนดอกไม้เล็ก ๆ ที่เพิ่งเริ่มปลูก รั้วไม้ไผ่ที่หย่งเฉินทำเองล้อมรอบตัวบ้าน มีลำธารเล็ก ๆ ไหลผ่านด้านข้าง เสียงน้ำไหลดังกรุบกริบผสมกับเสียงลมที่พัดผ่านใบไม้ เกวียนหยุดลงหน้าบ้าน หย่งเฉินกระโดดลงจากเกวียน และเดินมาช่วยซือหยูลงจากเกวียน เขาคว้าแขนของเธอด้วยความระมัดระวัง และโอบไหล่ของเธอไว้เพื่อช่วยพยุง
“นี่คือบ้านของเรา” หย่งเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ขณะที่มองไปยังบ้านหลังนั้นด้วยสายตาที่อบอุ่น เขาหันมามองซือหยู “อาจไม่ได้ใหญ่โตเหมือนในเมืองหลวง แต่ข้าอยากให้มันเป็นที่ที่เจ้ารู้สึกปลอดภัย และ...” เขาหยุดชั่วครู่ ขณะที่ใบหน้าของเขาแดงขึ้นเล็กน้อย “เป็นที่ที่เราจะใช้ชีวิตด้วยกันตลอดไป” เขากระซิบ ขณะที่ยกมือขึ้นแตะที่แก้มของเธอเบา ๆ
ซือหยูรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากอกของเธอ รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าซีดเผือดของเธอ เธอมองไปยังบ้านหลังนั้น และสัมผัสได้ถึงความรักที่หย่งเฉินใส่ลงไปในทุกส่วนของมัน เธอรู้สึกถึงน้ำตาที่คลอรื้นที่ดวงตา แต่เป็นน้ำตาแห่งความสุข
“มันสวยมาก” เธอกระซิบ ขณะที่ก้าวไปข้างหน้าด้วยขาที่สั่นเล็กน้อย หย่งเฉินโอบไหล่ของเธอแน่นขึ้น และช่วยพาเธอเดินไปยังประตูไม้ของบ้าน
เมื่อเข้าไปข้างใน เธอเห็นห้องเล็ก ๆ ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย โต๊ะไม้ที่หย่งเฉินทำเองถูกวางไว้กลางห้อง ด้านข้างมีเตียงไม้ที่มีผ้าปูสีครามเรียบ ๆ และหน้าต่างที่เปิดรับแสงแดดจากด้านนอก กลิ่นไม้สดและดอกไม้ลอยเข้ามาในห้อง หย่งเฉินช่วยเธอนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ข้างโต๊ะ และนั่งลงข้างเธอ
“ข้าคิดว่าเจ้าจะชอบที่นี่ มันเงียบสงบ ไม่เหมือนในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย”
ซือหยูพยักหน้า ขณะที่มองไปรอบ ๆ เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากพิษที่ยังหลงเหลือในร่างของเธอ ความชาที่ลามจากขาขึ้นมา และความร้อนที่วูบในอกของเธอเมื่อหายใจแรงเกินไป แต่ถึงอย่างนั้น ความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากบ้านหลังนี้ และจากหย่งเฉินที่อยู่ข้าง ๆ ทำให้เธอรู้สึกถึงความหวัง
“ฉันชอบมาก” เธอกระซิบ ขณะที่หันมามองเขา “มันรู้สึกเหมือน... บ้านจริง ๆ” เธอยิ้มให้เขา รอยยิ้มที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรัก
หย่งเฉินยิ้มตอบ ขณะที่ยกมือของเธอขึ้นจูบที่หลังมือ “ข้าดีใจ ข้าอยากให้เจ้ามีที่ที่เจ้ารู้สึกถึงความสงบ โดยเฉพาะหลังจากทุกสิ่งที่เจ้าผ่านมา” เขาหยุดชั่วขณะ ขณะที่สายตาของเขาลงไปมองที่แขนของเธอ ซึ่งยังมีรอยสีดำจากพิษ “เจ้ายังเจ็บอยู่ใช่ไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล
ซือหยูพยักหน้าเล็กน้อย “มันยังเจ็บอยู่ บางวันฉันก็รู้สึกชา บางวันฉันเหนื่อยง่าย และบางครั้ง... มันเจ็บจนฉันต้องนอนนิ่ง ๆ” เธอหยุดชั่วขณะ ขณะที่รู้สึกถึงอาการหน้ามืดที่วูบเข้ามา เธอปิดตาลง และสูดลมหายใจลึก “แต่ฉันจะจัดการมันได้” เธอกล่าว ขณะที่ลืมตาขึ้นมองเขา “ตราบใดที่คุณอยู่ข้างฉัน”
หย่งเฉินคว้ามือของเธอแน่น “ข้าจะอยู่ข้างเจ้าเสมอ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ไม่ว่าพิษนั้นจะทำอะไรกับเจ้า ข้าจะช่วยเจ้าสู้กับมัน” เขาก้มลงจูบที่หน้าผากของเธอ ขณะที่โอบไหล่ของเธอแน่น “ข้าสัญญา” เขากระซิบ ขณะที่ดึงร่างของเธอเข้ามากอด ร่างของเขาให้ความอบอุ่นที่ทำให้ซือหยูรู้สึกถึงความปลอดภัย เธอพิงศีรษะลงบนไหล่ของเขา และรู้สึกถึงลมหายใจที่อบอุ่นของเขาที่กระทบผมของเธอ
ซือหยูรู้สึกถึงน้ำตาที่ไหลลงมา แต่เป็นน้ำตาแห่งความสุข เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากพิษที่ยังหลงเหลือในร่างของเธอ แต่ความอบอุ่นจากกอดของหย่งเฉินและบ้านหลังนี้ทำให้มันจางลง เธอมองออกไปที่สวนเล็ก ๆ ด้านนอก และเห็นดอกไม้ที่หย่งเฉินปลูกไว้ “ขอบคุณ ที่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้” เธอบีบมือของเขาแน่น
หย่งเฉินยิ้มให้เธอ ขณะที่ยกมือของเธอขึ้นจูบอีกครั้ง “และข้าจะทำให้บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยความทรงจำดี ๆ เพื่อเรา” เขากระซิบ ขณะที่โอบกอดเธอแน่นขึ้น
แสงแดดยามบ่ายสาดส่องเข้ามาในบ้านหลังใหม่ เสียงลมพัดผ่านใบไม้ดังเบา ๆ ซือหยูรู้สึกถึงความหวังที่เติบโตในใจของเธอ
นี่คือบ้านของเรา
และนี่คือที่ที่ฉันจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง...