หลินซือหยู หญิงสาวจากโลกปัจจุบัน ถูกจี้หยกพาดิ่งสู่อดีตอันโหดร้ายของเมืองฉางอานแห่งราชวงศ์ถัง เธอต้องเผชิญกับกบฏ สงคราม ความรัก และโชคชะตาที่ผูกพันกับแม่ทัพจ้าวหย่งเฉิน จี้หยกกลายเป็นทั้งพลังแห่งความหวังและคำสาป เธอจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ หรือยอมสละทุกสิ่งเพื่อคนที่รักได้หรือไม่?
ชาย-หญิง,จีน,เกิดใหม่,ย้อนยุค,ข้ามเวลา,ดราม่า,จีนโบราณ,นิยายจีน ,นิยายจีนโบราณ,ย้อนเวลา,ย้อนยุค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เงาจันทร์ซ่อนพันฤดูหลินซือหยู หญิงสาวจากโลกปัจจุบัน ถูกจี้หยกพาดิ่งสู่อดีตอันโหดร้ายของเมืองฉางอานแห่งราชวงศ์ถัง เธอต้องเผชิญกับกบฏ สงคราม ความรัก และโชคชะตาที่ผูกพันกับแม่ทัพจ้าวหย่งเฉิน จี้หยกกลายเป็นทั้งพลังแห่งความหวังและคำสาป เธอจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ หรือยอมสละทุกสิ่งเพื่อคนที่รักได้หรือไม่?
หลินซือหยู นักศึกษาประวัติศาสตร์สาวจากยุคปัจจุบัน ถูกจี้หยกโบราณพาดิ่งสู่ราชวงศ์ถังอันรุ่งโรจน์แต่เต็มไปด้วยเงามืด เธอตื่นขึ้นในร่างของ หลินซือเยว่ ลูกสาวขุนนางที่ถูกวางยาพิษ และต้องเอาตัวรอดท่ามกลางแผนกบฏขององค์ชายสามที่หมายโค่นบัลลังก์ ด้วยไหวพริบและความรู้สมัยใหม่ ซือหยูจับมือกับ จ้าวหย่งเฉิน แม่ทัพหนุ่มผู้แบกปมจากตระกูลที่ล่มสลาย เพื่อล้างมลทินและปกป้องเมืองหลวง จากความไม่ลงรอยกลายเป็นความรักที่ลึกซึ้งใต้แสงจันทร์
การผจญภัยข้ามกาลเวลา ความรักที่ท้าทายโชคชะตา และการตัดสินใจที่อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์ คุณพร้อมหรือยังที่จะตามซือหยูไปค้นหาคำตอบใต้เงาจันทร์?
ภายหลังจากการจับกุมหย่งซานได้เรียบร้อยแล้ว ก็ดูเหมือนว่าบ้านเมืองจะสงบเพราะไร้เงาหัวหน้ากบฏอีกต่อไป แต่แม่ทัพจ้าวกับซือหยูกลับเพิ่งได้รู้ข่าวว่ามันแทบจะไม่มีประโยชน์เลยด้วยซ้ำ แม้หย่งซานไม่อยู่แต่สถานการณ์ต่างๆ ก็ดูเหมือนว่าจะยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม
หลินซือหยูยืนอยู่บนเนินเขาชานเมืองหลวงฉางอาน ลมหนาวพัดผ่านใบหน้าของเธอ เสียงฝีเท้าทหารนับพันดังก้องจากระยะไกล ขณะที่กองทัพที่เหลือขององค์ชายสามกำลังบุกเข้ามาด้วยความโกรธแค้น ธงสีดำที่มีตราสัญลักษณ์ของเขาปลิวไสวในสายลม ฝุ่นควันจากการเคลื่อนทัพพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าที่ครึ้มเมฆ เธอมองไปยังจ้าวหย่งเฉินที่ยืนอยู่เคียงข้าง ใบหน้าคมเข้มของเขายังคงมีรอยเลือดแห้งจากบาดแผลเก่า ดวงตาที่เย็นชาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ทัพตระกูลจางมาแล้ว” เขาเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มที่หนักแน่น ขณะที่ยกมือขึ้นบีบไหล่ของเธอ “ถึงหย่งซานจะถูกจับไป พวกมันยังคงต่อสู้เพื่อล้างแค้นให้กับหย่งซาน”
ซือหยูพยักหน้าพลางมองไปที่กองทัพที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ มือข้างหนึ่งสัมผัสจี้หยกที่ห้อยคอ มันเริ่มร้อนผ่าวและสั่นสะท้านรุนแรง แสงสีเขียวเข้มเรืองออกจากรอยสลักตัวอักษร 林 (หลิน) บนผิวหยก “เราจะหยุดพวกมันได้”
“ตระกูลจางคงรวมกองกำลังลับที่หย่งซานซ่อนไว้เพื่อบุกยึดฉางอาน”
เธอพยักหน้ารับพลางส่งยิ้มเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมองจี้หยกที่ห้อยอยู่บนคอของเธอ เธอรู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอไม่ปกติอีกแล้ว ราวกับว่าถูกแรงดึงอยู่ตลอดเวลา เธอรู้ดีแต่ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยบอกคนที่ยืนอยู่ข้างกาย เพราะเขากำลังจะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์สำคัญ หากมีสิ่งใดที่ทำให้เขาต้องหลุดสมาธิอาจทำให้การต่อสู้ครั้งนี้ไม่เป็นไปตามแผน
ใกล้ได้เวลาแล้วสินะ...
“เจ้าจะวางกลยุทธ์ให้ข้าชนะได้ไหม” หย่งเฉินหันมามองเธอแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง
“ได้สิ” ซือหยูสูดลมหายใจลึกก่อนจะเอ่ยพูด ขณะที่ก้มลงหยิบกิ่งไม้จากพื้นและขีดแผนที่หยาบ ๆ บนดินโคลน “ตระกูลจางจะบุกเข้ามาทางชานเมืองด้านตะวันตก” เธอพูดพลางขีดเส้นแสดงแนวทัพ “พวกเขาจะใช้กำลังหลักบุกตรงไปที่กำแพงเมืองเพื่อดึงความสนใจของเรา” เธอขีดวงกลมที่เนินเขา “แต่เราจะล่อให้ทัพหลักของพวกเขาเข้ามาที่ช่องเขาแคบ ๆ ด้านเหนือนี้ โดยให้ทหารกลุ่มเล็กของเราถอยหนีเป็นเหยื่อล่อแบบครั้งก่อน” เธอขีดเส้นโค้งไปยังป่าด้านตะวันออก “ข้าจะให้ทหารฝังดินปืนไว้ที่ช่องเขา และจุดระเบิดเมื่อทัพของพวกเขาเข้ามาเต็มที่ หินถล่มจะตัดทางหนีของพวกเขา” เธอขีดจุดเล็ก ๆ สองจุด “เราจะซ่อนทหารชั้นยอดไว้ในป่าด้านตะวันออก และให้กลุ่มสำรองซุ่มที่เนินเขาด้านใต้ ถ้าทัพหลักแตก เราจะตีโอบจากทั้งสองด้าน” เธอชี้ไปที่จุดสุดท้าย “คุณต้องนำทัพที่เนินนี้เพื่อดึงจางหย่งเซวียนเข้ามาและตัดหัวเขาให้ได้”
หย่งเฉินมองแผนที่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม “เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริง ๆ” เขาพูดก่อนจะยิ้มเล็ก ๆ “กลยุทธ์นี้ซับซ้อน แต่ข้าจะทำให้มันสำเร็จ”
“คุณทำได้แน่นอน ฉันเชื่อแบบนั้น”
เขาพยักหน้ารับแล้วหันไปสั่งทหาร “เตรียมดินปืนตามที่หลินซือเยว่บอก! ซ่อนตัวในป่าด้านตะวันออก และตั้งกลุ่มสำรองที่เนินด้านใต้!” ทหารรีบวิ่งไปดำเนินการ หย่งเฉินหันมามองเธอก่อนจะเอ่ยปากถาม “เจ้ามั่นใจใช่ไหม?”
“อื้อ! ฉันมั่นใจ” ซือหยูพยักหน้า “แต่ฉัน...”
“มีอะไร”
“ฉันไม่แน่ใจว่าจะอยู่กับคุณจนจบเรื่องนี้ได้ไหม”
หย่งเฉินได้ฟังก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร เขาคว้าไหล่ของเธอแน่นก่อนพูดต่อ “เจ้าจะต้องอยู่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่น “ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าไปไหนแน่”
ศัตรูมาแล้ว!!
เสียงตะโกนของทหารดังขึ้น กองทัพของตระกูลจางพุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว ธงสีดำของหย่งซานปลิวไสวไปตามแรงลม
หย่งเฉินหันไปสั่งทหาร “เตรียมตัว!” เขาดึงดาบยาวจากฝักและพุ่งไปยังแนวหน้าทันที
ซือหยูวิ่งตามเขาไปที่ช่องเขาแคบ ๆ และช่วยทหารวางถังดินปืนตามจุดที่กำหนด
กองทัพของตระกูลจางนำโดยขุนนางจางหย่งเซวียน ขี่ม้าสีน้ำตาลเข้มนำหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความแค้น “หย่งเฉิน! นังนั่น! ข้าจะฆ่าพวกเจ้าเพื่อล้างแค้นให้องค์ชายสาม!” เขาตะโกนแล้วยกดาบขึ้นสูง
ซือหยูมองไปที่ทหารกลุ่มเล็กที่ถอยหนีตามแผน ทัพหลักของตระกูลจางตามเข้ามาในช่องเขา “จุดระเบิด!” เธอตะโกน ทหารจุดเชื้อไฟของถังดินปืน
ตูม!
เสียงระเบิดดังสนั่น หินจากช่องเขาถล่มลงมาทับกองทัพของตระกูลจาง ควันสีดำพุ่งขึ้น กลิ่นกำมะถันฉุนจนแสบจมูก ทหารของเขากรีดร้องขณะที่ถูกหินทับและไฟคลอก ร่างของทหารนับร้อยล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น ทหารชั้นยอดจากป่าด้านตะวันออกและเนินด้านใต้พุ่งออกมาโจมตีจากสองด้าน ดาบและหอกตัดผ่านกองทัพที่กำลังแตกตื่น
จางหย่งเซวียนกระโจนลงจากม้าที่ล้มตายและพุ่งเข้าหาหย่งเฉิน ดาบของเขาฟันลงด้วยความโกรธ เสียงดาบกระทบกันดังสนั่นเมื่อหย่งเฉินยกดาบป้องกัน เขาหลบการโจมตีครั้งที่สองได้ฉิวเฉียด ดาบของจางหย่งเซวียนเฉียดใบหน้าเขาไปเพียงนิดเดียว มันสร้างรอยข่วนเล็ก ๆ ขึ้นที่ใบหน้าของหย่งเฉินก่อนที่จะตามมาด้วยของเหลวสีแดงซึมออกมาเล็กน้อย
จางหย่งเซวียนตวัดดาบซ้ำ หย่งเฉินคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะเหวี่ยงแทงดาบเข้าที่ท้องของจางหย่งเซวียน เลือดพุ่งออกจากบาดแผล เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะตะโกนออกมา “ข้าจะล้างแค้นให้องค์ชาย!” พูดจบเขาก็คว้ามีดสั้นจากเอวแล้วพุ่งใส่หย่งเฉิน
หย่งเฉินหมุนตัวหลบได้ทัน เขาเอื้อมมือไปคว้าดึงดาบออกจากท้องของจางหย่งเซวียน แล้วเหวี่ยงตัดเข้าที่แขนขวาของเขาจนขาด เลือดพุ่งเป็นสาย จางหย่งเซวียนล้มลงคุกเข่า หวีดร้องด้วยความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง “ข้าจะ... ไม่ยอมตายง่าย ๆ!” เขาคำรามในลำคอก่อนที่จะคลานไปคว้าดาบด้วยมือซ้าย
หย่งเฉินก้าวไปยืนเหนือร่างของเขา “เจ้าแพ้แล้ว...” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ง้างดาบขึ้นสูง แล้วฟันลงที่คอของจางหย่งเซวียน
ฉับ!!
หัวของเขากลิ้งลงไปในบนพื้น เลือดไหลนองเป็นวงกว้าง ร่างของเขาล้มลงนิ่ง หย่งเฉินยืนหอบเหนื่อย มองไปที่ซือหยูด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยชัยชนะ
เพื่อเจ้า...
หย่งเฉินขยับปากแบบไร้เสียงในขณะที่หันมามองเธอ
“กรี๊ด!” ซือหยูกรีดร้องเมื่อตัวของเธอสั่นเทาแบบควบคุมไม่ได้ แถมจี้หยกที่ใส่อยู่ก็ร้อนจนลวกผิว “มันกำลังจะดึงฉันกลับแน่ๆ”
วูบบ!
ภาพห้องพิพิธภัณฑ์ในยุคปัจจุบันปรากฏขึ้น
“หย่งเฉิน!” เธอตะโกน ขณะที่ร่างของเธอเริ่มโปร่งแสง
“ไม่!” หย่งเฉินตะโกนกระโดดเข้ากอดเธอไว้แน่น “ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าแน่!”
ซือหยูมองเขาด้วยน้ำตา “ฉันรักคุณนะ” เธอกระซิบ “แต่มันใกล้ถึงจุดจบของฉันแล้วล่ะ” เธอรู้สึกถึงพลังจากจี้หยกที่รุนแรงขึ้น “ถ้าฉันต้องไป... คุณต้องอยู่ให้ได้นะ” น้ำตาไหลอาบแก้มเธอไม่ยอมหยุด
ถ้าฉันต้องจากไปจริง ๆ ขอให้เขาเป็นคนสุดท้ายที่ฉันได้เห็น...