ความผิดพลาดจากอารมณ์ชั่ววูบ พรากชีวิตของเสี่ยวมู่จื่อให้ดับไป จึงต้องมีคนเสียสละไปตามหาวิญญาณกลับมา

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3 - ตอนที่ 8 ครึ่งปีศาจปริศนา โดย Kevinth M. PoTae @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-ชาย,จีน,ยุคปัจจุบัน,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-ชาย,จีน,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3 โดย Kevinth M. PoTae @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ความผิดพลาดจากอารมณ์ชั่ววูบ พรากชีวิตของเสี่ยวมู่จื่อให้ดับไป จึงต้องมีคนเสียสละไปตามหาวิญญาณกลับมา

ผู้แต่ง

Kevinth M. PoTae

เรื่องย่อ

เรื่องย่อ เล่ม 3

นามปากกา : Kevinth M. PoTae

วาดปก เล่ม 3 : Changli Ho

แมวดำ : Raynanimx

.

หลังจากที่เสี่ยวมู่จื่อต้องจากไปเพราะกระต่ายเทพทั้งสองทะเลาะกัน คุณนายเมิ่งจึงมอบภารกิจให้กับตัวต้นเรื่องและหลิงเซียงที่อาสาไปช่วย เพื่อนำพาดวงจิตของเสี่ยวมู่จื่อกลับมา

หากแต่เสี่ยวมู่จื่อไม่ใช่มนุษย์ทั้งยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องตาย ดวงจิตจึงกระเจิงหนีหายไปยังที่ใดไม่มีใครรู้ คุณนายเมิ่งจึงค้นหาไปทุกที่แล้วได้พบว่าเสี่ยวมู่นั้นอยู่ในปรโลก เยว่หมิงชางจึงจำต้องลงไปที่นั่นเพื่อตามหา

แต่เพราะที่นั่นคือปรโลก การจะดุ่ม ๆ เข้าไปตามหาและพากลับมาจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะที่นั่น มีเส้นทางและด่านมากมายที่เป็นเงื่อนไขขัดขวางเป้าหมายของเยว่หมิงชางไม่ให้สำเร็จได้โดยง่าย

ถึงจะอย่างนั้น ในเมื่อเยว่หมิงชางตั้งใจจะแก้ไขเรื่องทุกอย่างให้กลับมาดังเดิมแล้ว คงไม่มีทางอื่น นอกจากทำตามนั้น...

.

.

นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน ดังนั้นตัวละคร/สถานที่/เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่อง จึงถูกสมมุติขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ทุกคำพูด ทุกตัวละครไม่มีอยู่จริง…โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน…

ฝากเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยการกดไลก์ คอมเมนต์ และกดเข้าชั้นหนังสือด้วยนะครับ

 

ฝากช่องทางการติดต่อไว้ด้วยนะครับ^^

Threads : mungkorn_kevinth

Twitter : Kevinth_M

Tiktok : kevinth_m.author

Facebook : kevinthm.author

 

 

 

สารบัญ

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3-ตอนที่ 1 ภารกิจตามหาเสี่ยวมู่จื่อ,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3-ตอนที่ 2 เข้าสู่เขตปรโลก,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3-ตอนที่ 3 จวนกู๋อันหนิง,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3-ตอนที่ 4 ชายหนุ่มรูปงามยิ่งกว่าเทพธิดา,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3-ตอนที่ 5 ชายที่หมายตา,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3-ตอนที่ 6 ข้อแลกเปลี่ยน,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3-ตอนที่ 7 ห้วงความฝันของหวังซู,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3-ตอนที่ 8 ครึ่งปีศาจปริศนา,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3-ตอนที่ 9 ความทรงจำที่หลงลืม,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3-ตอนที่ 10 สาวโบฮีเมียนครึ่งปีศาจ,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3-ตอนที่ 11 กุญแจหยกไขประตูสวรรค์,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3-ตอนที่ 12 ข้ารักษาสัญญาเสมอ,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3-ตอนที่ 13 ทะเลสาบแสงจันทร์,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3-ตอนที่ 14 แม้แต่เทพก็ยังไม่อาจสมหวังเรื่องความรัก,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3-ตอนที่ 15 ฝูงหมาป่าแห่งความมืด,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3-ตอนที่ 16 มืออุ่นประคองไหล่ของคนรัก,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3-ตอนที่ 17 เตรียมตัวกลับเรือนไม้ของกู๋อันหนิง (จบเล่ม 3)

เนื้อหา

ตอนที่ 8 ครึ่งปีศาจปริศนา

ตอนที่ 8

ครึ่งปีศาจปริศนา

 

“ที่แท้ก็เป็นเจ้า”

เมื่อได้ยินสิ่งที่กู๋อันหนิงบอก หวังซูก็นึกย้อนกลับไปเมื่อพันปีก่อน ที่ตนลงมายังปรโลกเพื่อช่วยดวงวิญญาณในอดีตของหลี่อี้ อดีตเทพมารที่ต้องมาตายจากฝีมือของเยว่หมิงชางในตอนนั้น ก็ถ่องแท้ในเรื่องราวทั้งหมดขึ้นมาในทันที

“ถูกแล้ว ท่านรู้หรือไม่ ว่าเหตุใด ท่านจึงกลายเป็นเงื่อนไขในการทำสัญญาครั้งนี้?”

“เจ้าก็คงแค่อยากจะขังข้าเอาไว้ที่นี่ เอาไว้คอยรับใช้เจ้าใช่หรือไม่ เจ้ามันช่างเล่ห์เหลี่ยมมากนัก เป็นอย่างที่หลิงเซียงเคยเตือนข้าเอาไว้จริง ๆ เสียด้วย”

“เรื่องนั้นข้าไม่เถียงท่าน แต่ทุกอย่างที่ข้าทำ ก็เพื่อหวังให้ท่านมาอยู่ข้างกายข้าเท่านั้น ข้ารักท่านมานับพันปี ในเวลานี้ คนที่ท่านรัก เขายังจำท่านไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าอดีตเขาเคยเป็นใคร แต่ข้าคือคนที่อยู่ตรงหน้าท่านตอนนี้ คนที่คอยบอกรักท่านครั้งแล้วครั้งเล่า ท่านจะไม่ใจอ่อนให้ข้าสักหน่อยหรือ?”

“เจ้า…ถอยออกไปจากตัวข้าเดี๋ยวนี้นะ อย่าคิดจะทำอะไรแบบนั้นเชียว”

หวังซูพยายามดันตัวของกู๋อันหนิงออกอย่างสุดแรง หากแต่แขนขากลับไร้เรี่ยวแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดูเหมือนว่าในเวลานี้ กู๋อันหนิงจะควบคุมความฝันของหวังซูเอาไว้ จนไม่อาจหลบหนีไปที่ไหนได้อีกแล้ว

“ท่านจะพยายามหลีกหนีข้าไปทำไม ที่นี่คือถิ่นของข้า หากข้าต้องการอะไร ข้าก็ต้องได้ ท่านไม่มีทางที่จะหลีกหนีข้าไปไหนได้หรอกหากข้าไม่ยินยอม อีกอย่างตอนนี้ เราทั้งสองก็อยู่ในความฝัน ต่อให้เป็นความฝันของท่าน ข้าก็ยังมีอำนาจเหนือท่านอยู่ดี”

“นี่เจ้ากำลังคิดจะทำอะไรปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!!!”

“ท่านหวังซู ท่านรู้หรือไม่ ว่าข้าถูกชะตากับท่านตั้งแต่แรกเห็น ข้าไม่เคยคิดเลยว่าในสามโลกนี้ จะมีชายหนุ่มรูปงามจนสามารถทำให้หัวใจของข้าสั่นไหวได้มากถึงขนาดนี้”

กู๋อันหนิงพูดพลางโน้มตัวลงไปจุมพิตริมฝีปากนั้นอย่างแผ่วเบา ลมหายใจอุ่นถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากสวยนั้นราวกับมนตร์คาถา จนทำให้หวังซูที่พยายามหลีกหนีก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างในร่างกาย ที่มันกำลังค่อย ๆ แผ่ซ่านความร้อนขึ้นมาเช่นกัน หวังซูไม่สามารถพูดอะไรออกมาจากปากได้อีก มีเพียงแค่เสียงอู้อี้และลมหายใจฟืดฟาดดังออกมาเพียงเท่านั้น

หวังซูพยายามจะใช้มือของตนดันหัวไหล่ของกู๋อันหนิงให้ถอยห่างออกไป ราวกับว่านี่คือการแข็งขืนครั้งสุดท้าย หากแต่ท่อนแขนอันเรียวบางนั้นกลับมีพลังอำนาจมากกว่า จนสามารถใช้มันกดลำแขนของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อหนานั้น ลงไปให้แนบกับที่นอนได้ ก่อนที่จะลากมือลงไปจนถึงฝ่ามือหนาแกร่งนั้น แล้วสอดแทรกเรียวนิ้วระหว่างกัน กุมฝ่ามือแกร่งนั้นเอาไว้แน่นจนหวังซูไม่เหลือหนทางที่จะหลีกหนีไปได้อีกต่อไป

.

.

ณ โรงน้ำชาเมิ่งฉายามเที่ยงคืน

“นั่นมันพวกครึ่งปีศาจนี่นา แล้วทำไมถึงได้…”

คืนนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่คืนที่คุณนายเมิ่งมีเวลาว่างมานั่งจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ฤทธิ์ร้อนเข้าสู่ลำคอระหง ในขณะที่กำลังทอดกายสบายอารมณ์อยู่นั้น พลันก็มองเห็นหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะหัวมุมนั้นเข้าโดยบังเอิญ

ด้วยความลึกลับจนยากจะค้นหานั้น ทำให้คุณนายเมิ่งเพ่งมองไปยังหญิงสาวที่แต่งกายสไตล์โบฮีเมียนคนนั้นราวกับจะหาความจริง

“มีอะไรหรือครับท่านเทพเสินจวิน?”

“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกฉันว่าคุณนายเมิ่ง มาเรียกข้าเช่นนั้นในที่แบบนี้ คนอื่นจะมองข้าเป็นตัวตลก เรียกข้าว่าคุณนายเมิ่งอย่างที่คนอื่นเรียกเถอะ”

“ครับ คุณนายเมิ่ง ผมขออภัยครับ…”

“ช่างเถอะ แต่เธอดูแม่สาวคนนั้นสิ”

หวังปว๋อหันมองตามสายตาของคุณนายเมิ่งไป หากแต่สีหน้ายังคงเรียบเฉย ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น หรือรู้สึกว่ามีอะไรที่มันผิดแผกออกไปอย่างที่ควรจะเป็น

“ก็แค่ผู้หญิงเมาคนหนึ่งไม่ใช่หรือครับ เหตุใดท่านเทพ เอ่อ…คุณนายเมิ่งถึงได้ดูสนใจถึงขนาดนั้นกันล่ะครับ?”

“ข้ามองปราดเดียวก็รู้ ว่าผู้หญิงคนนี้มีพลังปีศาจซ่อนอยู่ข้างใน ไม่ได้เป็นมนุษย์ธรรมดา แต่เท่าที่ดู ก็เหมือนว่าจะไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น”

“คงจะเป็นพวกลูกครึ่งอย่างเทพเซียนหรือปีศาจตนอื่นนั่นแหละครับ คงไม่มีอะไรหรอก สมัยนี้เด็กที่เกิดจากเทพและมนุษย์ก็มีออกจะดาษดื่นไปนี่ครับ”

“ไม่รู้สิ ข้าว่าเด็กคนนั้นดูปล่อยเนื้อปล่อยตัว ราวกับว่าไม่ได้รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าตัวเองนั้นมีพลังบางอย่างอยู่ข้างใน”

“งั้นหรือครับ?”

“งั้นสิ…”

“ฮ่า ๆ ๆ ผมชักจะอยากรู้เสียแล้วสิครับ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นปีศาจประเภทไหนกันแน่ เหตุใดจึงทำให้คุณนายเมิ่งที่ปกติแล้วจะไม่ค่อยสนใจอะไร เอามาเป็นบทสนทนากับผมได้แบบนี้”

“นั่นสิ…”

“นั่นสิ? อย่างนั้นหรือครับ อย่าบอกนะครับ ว่าท่านเทพ…คุณนายเมิ่งเองก็มองไม่ออกเหมือนกัน ว่าเจ้าหล่อนเป็นปีศาจประเภทไหนกันแน่”

“ใช่ ข้ามองไม่ออก ข้ารู้เพียงว่า มนุษย์สาวผู้นั้นมีกลิ่นอายปีศาจ แต่ข้ากลับมองไม่ออกว่าเป็นปีศาจแบบไหน ต่อให้เป็นปีศาจจิ้งจอกที่แข็งแกร่งเช่นต๋าจี ข้าก็ยังสามารถมองเห็นหางของพวกมัน ปีศาจแมงมุมข้ามองปราดเดียวก็รู้ได้ แต่กับเด็กสาวคนนี้”

คำตอบนั้นทำให้หวังปว๋อหันมองขวับ เพราะถ้าเทพระดับสามพันปี อย่างเมิ่งนวี่เสินจวินยังมองไม่ออก เช่นนั้นแล้ว เซียนต๊อกต๋อยทหารสวรรค์ที่มีชาติกำเนิดเพียงไส้ตะเกียงอย่างตนจะไปรู้ได้ยังไงกัน

“จริงหรือนี่ หากคุณนายเมิ่งก็ยังมองไม่ออก แล้วผมจะทำอย่างไรกันนี่”

“เจ้าอย่ามาล้อเลียนข้านะ เดี๋ยวก็เผาไส้ตะเกียงทิ้งเสียนี่ ว่าแต่เอ…หรือจะมีใครร่ายคาถาสกัดเอาพลังปีศาจไว้กันแน่นะ พวกพ่อแม่ของครึ่งเทพพวกนั้นชอบทำกันไม่ใช่หรือไง” คุณนายเมิ่งตั้งข้อสังเกต

“แล้วทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะครับ ถึงยังไงพวกมนุษย์ธรรมดาก็มองพวกเราไม่ออกอยู่แล้วนี่ครับ ยังมีอะไรให้ต้องปกปิดกัน”

“ฉันว่าน่าจะมีคนจงใจปิดสถานะของเด็กคนนี้เอาไว้ เพราะกว่าฉันจะรู้ว่าเขาเป็นปีศาจ ฉันก็ต้องเพ่งมองอยู่พอสมควรทีเดียว เซียนจวินทั่วไป ไม่มีทางรู้อย่างแน่นอน ว่าหญิงสาวคนนี้คือปีศาจ บางที อาจเพื่อความปลอดภัยของนางเอง หรือไม่ พ่อแม่อาจจะอยากให้เขาใช้ชีวิตอย่างเช่นมนุษย์ธรรมดาทั่วไปก็ได้ล่ะมั้ง”

“น่าสนใจดีแฮะ ถ้าอย่างนั้น ให้เป็นหน้าที่ของผมก็แล้วกันครับ ผมจะตามเฝ้าดูแม่สาวคนนี้เอง ว่าเหตุใดจึงต้องพยายามปกปิดสถานะของตัวเองขนาดนั้น”

.

.

วันต่อมา

ในขณะที่หลี่อี้กำลังนั่งรถรางเพื่อไปเรียน ไม่มีหวังซูเพื่อสนิทที่ปกติแล้วจะมาดักรอแล้วขึ้นกลางไปเพื่อไปมหาลัยด้วยทุกครั้ง

หลี่อี้นั่งมองวิวข้างทางที่แสนคุ้นเคย ซึ่งเป็นเส้นทางสายปกติที่ไม่เคยเปลี่ยนไปแม้สักวัน รถรางคันนี้จะวิ่งวนไปรอบเมืองตามเส้นทางที่กำหนดจนกว่าจะไปจดที่หน้ามหาวิทยาลัยพอดี

แม้จะไกลและอ้อมโลกไปสักหน่อยทั้งที่ความจริงหลี่อี้สามารถนั่งแท็กซี่ไปได้โดยใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที แต่การตื่นเช้าสักหน่อยแล้วนั่งรถรางเล่นชมเมืองไปเรื่อย ๆ พร้อมกับแก้วกาแฟที่ถืออยู่ในมือมันก็สบายอารมณ์ไปอีกแบบ แต่ทันใดนั้น…

“กรี๊ดดด นั่นอะไรน่ะ คนตายใช่มั้ย!!!”

เสียงของหญิงสาวกรีดร้องเสียงดังลั่นไปทั่วทั้งรถราง ทุกคนที่อยู่ในนั้นวิ่งจนแทบจะกระโจนไปทางเดียวกันเพื่อหวังจะมองสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นบอกให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

หลี่อี้มองตามสายตาของหญิงสาวที่มีแต่ความตื่นกลัวและกำลังชี้มือไปยังขอบของริมแม่น้ำนั้น แล้วสิ่งที่หลี่อี้เห็นก็คือ ร่างของคนที่กำลังนอนร่างพาดอยู่กับขอบปูนตรงริมแม่น้ำนั้น ครึ่งบนจมลงไปในน้ำอย่างชัดเจน บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยเลือดมากมาย

ชาวบ้านประมาณสี่ห้าคนที่เดินอยู่ตรงนั้นหันไปมองพร้อมกับรถตำรวจที่เพิ่งจะมาถึงราวกับว่ามีใครโทรแจ้ง ‘น่าแปลก โจ่งแจ้งขนาดนี้ทำไมถึงไม่มีใครเห็นกันนะ’ หลี่อี้แอบคิดในใจด้วยความสงสัย

แล้วเพียงไม่นาน ร่างนั้นก็ถูกกู้ภัยและตำรวจช่วยกันกู้ร่างขึ้นมาได้สำเร็จ ในเวลานี้รถรางจอดนิ่งเพื่อดูเหตุการณ์ สิ่งที่เห็นคือร่างของนักศึกษาไม่ทราบชื่อที่เคยเรียนคลาสเดียวกับหลี่อี้เมื่อเทอมก่อน

‘นี่มันเรื่องอะไรกันนะ คราวก่อนก็อาจารย์หวัง คราวนี้กลับเป็นผู้ชายคนนั้นอีก หรือว่าในแม่น้ำนั่น มันจะมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่นะ?’ หลี่อี้ที่เริ่มจะคุ้นชินกับสังคมของเทพเซียนและปีศาจ จึงทำให้สามารถคาดเดาเรื่องราวอะไรพวกนี้ได้อย่างคล่องแคล่วไม่ยากนัก

“แต่เดี๋ยวนะ นั่นมันเด็กในมหาลัยของเรานี่นา เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่มันใช่แน่ ๆ แต่จากสภาพศพแล้ว เหมือนว่าเขาจะจมลงไปตั้งแต่เมื่อคืนนะ”

.

.