ความผิดพลาดจากอารมณ์ชั่ววูบ พรากชีวิตของเสี่ยวมู่จื่อให้ดับไป จึงต้องมีคนเสียสละไปตามหาวิญญาณกลับมา
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,จีน,ยุคปัจจุบัน,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 3ความผิดพลาดจากอารมณ์ชั่ววูบ พรากชีวิตของเสี่ยวมู่จื่อให้ดับไป จึงต้องมีคนเสียสละไปตามหาวิญญาณกลับมา
เรื่องย่อ เล่ม 3
นามปากกา : Kevinth M. PoTae
วาดปก เล่ม 3 : Changli Ho
แมวดำ : Raynanimx
.
หลังจากที่เสี่ยวมู่จื่อต้องจากไปเพราะกระต่ายเทพทั้งสองทะเลาะกัน คุณนายเมิ่งจึงมอบภารกิจให้กับตัวต้นเรื่องและหลิงเซียงที่อาสาไปช่วย เพื่อนำพาดวงจิตของเสี่ยวมู่จื่อกลับมา
หากแต่เสี่ยวมู่จื่อไม่ใช่มนุษย์ทั้งยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องตาย ดวงจิตจึงกระเจิงหนีหายไปยังที่ใดไม่มีใครรู้ คุณนายเมิ่งจึงค้นหาไปทุกที่แล้วได้พบว่าเสี่ยวมู่นั้นอยู่ในปรโลก เยว่หมิงชางจึงจำต้องลงไปที่นั่นเพื่อตามหา
แต่เพราะที่นั่นคือปรโลก การจะดุ่ม ๆ เข้าไปตามหาและพากลับมาจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะที่นั่น มีเส้นทางและด่านมากมายที่เป็นเงื่อนไขขัดขวางเป้าหมายของเยว่หมิงชางไม่ให้สำเร็จได้โดยง่าย
ถึงจะอย่างนั้น ในเมื่อเยว่หมิงชางตั้งใจจะแก้ไขเรื่องทุกอย่างให้กลับมาดังเดิมแล้ว คงไม่มีทางอื่น นอกจากทำตามนั้น...
.
.
นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน ดังนั้นตัวละคร/สถานที่/เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่อง จึงถูกสมมุติขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ทุกคำพูด ทุกตัวละครไม่มีอยู่จริง…โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน…
ฝากเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยการกดไลก์ คอมเมนต์ และกดเข้าชั้นหนังสือด้วยนะครับ
ฝากช่องทางการติดต่อไว้ด้วยนะครับ^^
Threads : mungkorn_kevinth
Twitter : Kevinth_M
Tiktok : kevinth_m.author
Facebook : kevinthm.author
ตอนที่ 6
ข้อแลกเปลี่ยน
“เช่นนั้นก็เอาอย่างนี้เถิด” กู๋อันหนิงเปลี่ยนเรื่อง แล้วหันไปอีกทาง โดยไม่สนใจที่จะต่อล้อต่อเถียงกับหลิงเซียงอีก แม้ว่าที่ตอนนี้อีกฝ่ายจะกำลังโกรธเป็นฟืนไฟอยู่อย่างนั้น
“พวกท่านทั้งสามก็อยู่ที่นี่ แล้วพักผ่อนให้ใจเย็นลงสักหน่อย ข้าจะให้สาวใช้ของข้าดูแลพวกท่านเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องที่พวกท่านกำลังคิดจะทำ หากข้าหาทางออกที่ดีได้เมื่อไหร่ ข้าจะมาบอกพวกท่านเอง”
ข้อเสนอนี้ไม่อาจทำให้หลิงเซียงรู้สึกพึงพอใจนัก เพียงแต่ในระยะเวลาห้าพันกว่าปีของการเป็นปีศาจ หลิงเซียงรู้ดีว่าการบุกเข้ามาในปรโลกนั้น เดิมทีก็ถือว่าผิดกฎของสวรรค์อยู่แล้ว อีกทั้งในดินแดนหลังกำแพงนั่น ก็เต็มไปด้วยไอชั่วร้าย ที่มันอาจดูดพลังวิญญาณของทั้งสามให้หมดไปได้ในชั่วพริบตา หากคิดแต่จะบุ่มบ่ามเข้าไป
เช่นนั้น…การได้พักผ่อนเสียหน่อยในสถานที่แห่งนี้ ก็คงจะเป็นการดีเสียกว่า อีกอย่าง ปีศาจกู๋อันหนิง แม้จะเป็นจอมล่อลวง แต่ทุกคำพูดก็ล้วนเป็นความจริง ปีศาจที่สามารถล่อลวงใครต่อใครได้ทั้งที่ไม่ได้พูดโกหกเลยสักคำ ถือว่าเป็นปีศาจที่ร้ายกาจมากนัก ในสายตาของหลิงเซียง
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามนี้เถอะ ในเมื่อกู๋อันหนิงแนะนำให้พวกเราพักผ่อนอยู่ที่นี่ เราก็พักผ่อนเสียหน่อย เท่าที่ข้าเห็น ที่นี่ก็ดูไม่ได้น่ากลัวอะไรมากนัก อีกอย่าง ต่อให้กู๋อันหนิงเป็นปีศาจของการล่อลวง แต่ข้าก็เชื่อในสิ่งที่เขาพูดนะ”
เยว่หมิงชางเห็นด้วยกับข้อเสนอของเจ้าบ้านอย่างกู๋อันหนิง และยินยอมที่จะพักที่นี่ตามคำเชิญนั้น
“ข้ายินดียิ่งนัก ที่ในรอบหลายพันปีมานี้ มีคนไว้วางใจข้าเสียที แล้วท่านเล่า มีนามว่าหวังซูใช่หรือไม่”
“ใช่ข้าชื่อหวังซู…” หวังซูรู้สึกสงสัย ในเมื่อกู๋อันหนิงรู้อยู่แล้วว่าตนคือใคร แต่กลับถามย้ำอีกครั้งราวกับว่าเพิ่งได้เจอกันอย่างไรอย่างนั้น
“ข้ายินดียิ่งนัก ที่ข้าได้เจอกับท่าน หลายพันปีที่ผ่านมา ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดที่รูปงามต้องตาของข้าได้เช่นท่านเลย”
กู๋อันหนิง ค่อย ๆ เดินไปหาหวังซูอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ต่างจากคราวแรก เพราะครั้งนี้ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความรู้สึกของความตั้งใจ ทั้งสายตาที่มันสั่นสะท้านหัวใจของหวังซู จนเกิดความรู้สึกหลงใหลอย่างยากที่จะควบคุม
กู๋อันหนิงเดินอ้อมไปข้างหลังของหวังซู แล้วใช้ปลายนิ้วเรียวสวยจรดลงบนบ่าหนาแกร่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นชาย ความดุดัน แต่ก็นุ่มนวลอยู่ในที สิ่งที่กู๋อันหนิงทำนั้น มันช่างโจ่งแจ้งราวกับจะประกาศให้ทั้งสามโลกได้รับรู้ ว่าตนนั้นคิดเช่นไรกับบุรุษที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้
“ข้าสัญญา ว่าตลอดระยะเวลาที่พวกท่านอยู่ที่นี่ ข้าจะดูแลพวกท่านให้มีความสุขมากกว่าใคร ๆ เลยทีเดียว โดยเฉพาะท่าน…หวังซู”
.
.
“อะแฮ่ม!!!…เผื่อเจ้าจะลืมนะกู๋อันหนิง ว่าตรงนี้ยังมีข้าและเยว่หมิงชางนั่งอยู่ เจ้าจะดูแลแค่เพียงหวังซูคนเดียวเช่นนั้นเองหรือ?”
“ฮ่า ๆ ๆ ในเมื่อทุกท่านเป็นแขกของข้า ข้าก็ต้องดูแลพวกท่านทั้งสามเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ทุกท่านอย่ากังวลไปเลย เช่นนั้นพวกท่านก็ตามคนของข้าไปที่ห้องของแต่ละคนเถอะ ที่นั่นมีเสื้อผ้าและอาหารถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้พวกท่านทั้งหมดแล้ว แล้วคืนนี้ หากมีอะไร พวกเราก็ค่อยมาหารือกันในยามที่ร่ำสุราใต้แสงจันทร์เถิด”
.
.
‘ที่นี่ปรโลก จะเอาแสงจันทร์จากที่ไหนกัน’
หลิงเซียงพึมพำอยู่ในคอ และลุกเดินออกไปจากที่นั่นเป็นคนแรก ราวกับว่าอยากจะเดินไปให้พ้นหน้าคนที่ตัวเองเหม็นขี้หน้าตั้งแต่คราวแรกที่เจอนี้เต็มที
“ที่นี่คือ…ห้องของพวกข้าทั้งสองอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ นี่คือห้องพักของแม่นางหลิงเซียง ส่วนห้องข้าง ๆ ก็เป็นห้องของท่านเทพเยว่หมิงชางเจ้าค่ะ”
“ถ้างั้นก็ขอบใจพวกเจ้าทั้งสองมาก ที่นำทางพวกข้ามา เช่นนั้นพวกเราเข้าไปในห้องเถอะ ข้าเองก็เหนื่อยเต็มที อยากจะพักผ่อนเสียหน่อย”
.
.
“ท่านหวังซูเจ้าคะ ห้องของท่านหวังซูไม่ได้อยู่ตรงนี้เจ้าค่ะ ต้องเดินออกไปอีกด้านหนึ่งเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ เหตุใดห้องของข้าถึงต้องอยู่ห่างออกไปด้วยเล่า อันที่จริง ข้ากับหมิงชางก็เป็นสหายกัน น่าจะอยู่ในห้องเดียวกันได้นะ”
“ทำเช่นนั้นไม่ได้เจ้าค่ะ นายท่านได้กำชับเอาแล้วเจ้าค่ะ ว่าจะต้องต้อนรับพวกท่านทั้งสามเป็นอย่างดีที่สุด หากจะให้ท่านทั้งสองอยู่ในห้องเดียวกัน ก็คงจะแออัดเกินไป เพียงแต่ว่าตรงนี้มีห้องว่างให้ท่านพักอยู่แค่สองห้อง หากจะแยกให้แม่นางหลิงเซียงไปอยู่ทางนั้นคนเดียว แม่นางหลิงเซียงก็คงจะไม่สบายใจ เช่นนั้น นายท่านจึงตัดสินใจให้ท่านที่เป็นชาย ไปอยู่ทางนั้นแทนเจ้าค่ะ”
.
.
หวังซูหันมองหลิงเซียงและเยว่หมิงชางด้วยสายตาตั้งคำถาม ในใจก็ได้แต่คิดว่า…‘ดูท่าแล้วกู๋อันหนิงน่าจะมีแผนบางอย่างอยู่ในใจแน่ ๆ’
ฝ่ายของหลิงเซียงที่ไม่ค่อยถูกชะตากับกู๋อันหนิงอยู่แล้วตั้งแต่แรก ก็พยายามส่งสายตาเพื่อบอกให้หวังซูหาทางออกให้เร็วที่สุด เพียงแต่หวังซูกลับไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น จึงได้แต่ยินยอมตามสาวใช้ทั้งสองไปแต่โดยดี
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ หลิงเซียง…เจ้าอยู่ตรงนี้กับหมิงชางก็ดีเหมือนกัน เจ้าเป็นหญิง ต่อให้สามารถป้องกันตัวเองได้ แต่อย่างไรการมีผู้ชายอย่างเยว่หมิงชางคอยช่วยเหลืออีกแรงก็คงจะดีกว่า”
“แต่ข้าเห็น…ว่าเจ้ากู๋อันหนิงนั่นไม่ได้คิดดีกับเจ้า บางทีนี่อาจจะเป็นแผนร้ายก็เป็นได้”
“ข้าดูแลตัวเองได้ เจ้าอย่างห่วงไปเลย”
.
.
“เอาเถอะ ถึงยังไงตอนนี้นายท่านของพวกเจ้าก็จัดแจงเอาไว้แบบนี้แล้ว หากพวกเราจะไม่เห็นด้วย ก็คงจะไม่มีที่ให้เราหลับนอนในคืนนี้ ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ไปเถอะหวังซู แต่หากมีอะไรก็รีบส่งเสียง ข้ากับหมิงชางจะรีบไปหาเจ้าให้เร็วที่สุด”
หวังซูยิ้มและพยักหน้า ก่อนที่จะเดินจากไปจนสุดลูกหูลูกตา เรือนไม้หลังนี้ เป็นเรือนหลังใหญ่ แต่หากมองด้านหน้าก็ถือว่ากว้างขวางอยู่พอสมควร
แต่ใครจะรู้ เมื่อเข้ามาอยู่ด้านในแล้ว ถึงได้เห็นว่าจริง ๆ แล้วบ้านหลังนี้ นอกจากจะกว้าง แต่ระยะทางจากหน้าบ้านไปจนถึงช่วงกลางบ้านก็ถือว่าไกลอยู่พอสมควร มันไกลมากพอที่จะทำให้เพื่อนทั้งสองแทบจะไม่ได้ยินเสียงกันยามค่ำคืน ราวกับว่า…นี่คือกับดักเวทมนตร์ที่กู๋อันหนิงจงใจสร้างเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
.
.
ณ ลานแสงจันทร์ เรือนไม้กู๋อันหนิง ยามเที่ยงคืน
“ข้าหวังว่าอาหารมื้อนี้จะทำให้ท่านทั้งสามพึงพอใจไม่มากก็น้อย หากมีสิ่งใดที่ต้องการเพิ่มเติม พวกท่านก็สามารถบอกกับสาวใช้ของข้าได้”
“เช่นนั้นเรามาคุยถึงเรื่องที่พวกเราจะเข้าไปสู่แดนของปรโลกกันเถอะ ตกลงแล้ว เจ้าจะบอกพวกเราได้หรือยัง ว่าพวกเราต้องทำอย่างไร จึงจะสามารถเข้าไปยังที่นั่นได้อย่างปลอดภัย?”
เยว่หมิงชางเป็นคนเริ่มเรื่องตั้งคำถามนี้ เพราะถึงแม้ว่ากู๋อันหนิงจะต้อนรับทุกคนเป็นอย่างดี หากแต่หัวใจของเยว่หมิงชางนั้นกลับยังเป็นห่วงเสี่ยวมู่เสียมากกว่า แม้ว่าจะได้รับการยืนยันแล้วว่า ในเวลานี้เสี่ยวมู่จะปลอดภัยดีก็ตาม
“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วง คืนพรุ่งนี้จะเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง เป็นเวลาที่ม่านมนตร์ของข้าจะเปิดออก ถึงตอนนั้น ท่านทั้งสองก็สามารถเข้าไปข้างในได้ทันที”
“ทั้งสองอย่างนั้นหรือ เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“ข้าก็หมายความว่า ในวันพรุ่งนี้ยามสี่ แม่นางหลิงเซียงและท่านเทพเยว่หมิงชาง ก็จะสามารถผ่านม่านมนตร์ของข้าเข้าไปสู่แดนปรโลกได้โดยไม่มีอะไรมาขวางกั้นอย่างไรเล่า”
“แล้วหวังซูล่ะ นี่เจ้าคิดจะทำอะไร คิดจะกักตัวหวังซูเอาไว้อย่างนั้นหรือ?”
“ข้าไม่ได้คิดจะกักตัวเพื่อนของท่านเสียหน่อย เพียงแต่ว่าในแดนปรโลกนั้น ก็ย่อมมีกฎเกณฑ์ของปรโลก การที่ข้าบอกลู่ทางให้พวกท่านบุกรุกเข้าไปในสถานที่อันไม่ควร นั้นก็ถือว่าข้าได้กระทำความผิดมากพอแล้ว เช่นนั้นพวกท่านทั้งสองก็จะต้องออกมาจากดินแดนของปรโลกนั้นให้ได้ภายในสามวัน หาไม่…ต่อให้พวกท่านทั้งสองจะออกมาได้ เพื่อนของท่านหวังซูผู้นี้ ก็จะต้องอยู่กับข้าที่นี่ตลอดไป และนี่…ก็คือเงื่อนไขที่ข้าตั้งใจจะบอกพวกท่านยังไงล่ะ”
.
.