“เห็นไหม... อุ่นกว่าข้างนอกเยอะ” ปลายฝันเบือนหน้าหนี “คุณมันบ้า” “รู้แล้ว...” เขาพูดพลางหัวเราะ “แต่บ้าก็เฉพาะเวลาอยู่ใกล้เธอเท่านั้นแหละ”ปลายฝันยังนั่งนิ่งอยู่บนเตียง ใบหน้าร้อนผ่าวไม่ยอมสบตาเขา ไฟเดินไปปิดหน้าต่างที่ลมพัดกระทบกันไปมา ก่อนหันกลับมานั่งลงข้างเธออย่างเงียบ ๆ บรรยากาศในห้องนิ่งจนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกัน
รัก,ชาย-หญิง,ไทย,ผู้ใหญ่,ยุคปัจจุบัน,หลงเมีย,หลงรัก,ปากร้าย,อกหัก,เจ้านายลูกน้อง,คลั่งรัก,คลั่งรักขั้นสุด,โรแมนติก,รัก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เหมือนจะร้าย แต่กลายเป็นรัก“เห็นไหม... อุ่นกว่าข้างนอกเยอะ” ปลายฝันเบือนหน้าหนี “คุณมันบ้า” “รู้แล้ว...” เขาพูดพลางหัวเราะ “แต่บ้าก็เฉพาะเวลาอยู่ใกล้เธอเท่านั้นแหละ”ปลายฝันยังนั่งนิ่งอยู่บนเตียง ใบหน้าร้อนผ่าวไม่ยอมสบตาเขา ไฟเดินไปปิดหน้าต่างที่ลมพัดกระทบกันไปมา ก่อนหันกลับมานั่งลงข้างเธออย่างเงียบ ๆ บรรยากาศในห้องนิ่งจนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกัน
เขา...คือ ผู้ชายปากร้าย ดุดัน ที่ปิดกันตัวเอง ไม่ยอมเปิดใจให้ใครง่ายๆเธอ...หญิงสาวจากเมืองใหญ่ ผู้หนีจากบาดแผลแห่งรักเก่ามาเพียงเพื่อพักใจไร่แห่งนี้ควรเป็นเพียงที่หลบซ่อนชั่วคราวทว่าโชคชะตา กลับพาให้เธอพานพบเจ้าของไร่ผู้แข็งกร้าวและต้องเผชิญกับคำพูดร้าย ๆ ที่ทำให้ทั้งโกรธ ทั้งสั่นไหวไปพร้อมกันทุกการปะทะคือไฟที่พร้อมเผาผลาญทุกการสบตาคือแรงดึงดูดที่ยิ่งผลักก็ยิ่งถลำลึกจากความไม่เข้าใจ กลายเป็นความผูกพันที่ไม่ทันรู้ตัวและเมื่อ “ความร้าย” ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็น “ความรัก”หัวใจของเธอจะเลือกหนี…หรือจะยอมพ่ายแพ้ให้กับผู้ชายปากร้ายตลอดกาล
สิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตของฉัน... คงเป็น “การเริ่มต้นใหม่” เพราะไม่มีทางรู้เลยว่า สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าจะดีกว่าเดิม หรือเลวร้ายยิ่งกว่าเก่า
ปลายฝันยืนมองจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเธอ มันเต็มไปด้วยความเงียบสงบที่ชวนวังเวง ป่าทึบเขียวครึ้มทอดยาวจนสุดสายตา ภูเขาสูงใหญ่ตั้งตระหง่าน ปิดกั้นเส้นทางคดเคี้ยวขรุขระดูยากลำบากเกินกว่าจะใช้สัญจรไปมา และสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าธรรมชาติรอบตัว... คือคงป็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
เรือนร่างสูงใหญ่กำยำแบบคนทำงานกลางแจ้ง ผิวสีแทนขับให้ใบหน้าคมเข้มยิ่งเด่นชัด ดวงตาคมวาวลึกเจิดจ้า แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจที่ทำให้หัวใจคนมองสั่นสะท้าน รูปร่างสมส่วนจนแม้แต่ผู้ชายด้วยกันเองยังอดอิจฉาไม่ได้ กล้ามเนื้อที่สอดประสานอย่างงดงามภายใต้ร่มผ้า ดูทรงพลังเกินกว่าจะมองข้ามได้
ปลายฝันกระชับกระเป๋าในมือแน่น พลางดันแว่นกรอบหนาที่ไถลลงมาหยุดตรงปลายจมูกขึ้น ริมฝีปากบางขบเม้มแน่นราวสสะกดกลั้นอารมที่พลุ่งพล่านอยู่ภายใน
“ปลายฝันใช่ไหม” เสียงทุ้มกังวานดังขึ้น ชวนให้หัวใจเธอสั่นไหวไม่เป็นจังหวะ
“ใช่ค่ะ...” เธอตอบเบาๆ พลางหลบสายตาคมที่มองมา
“ทำอะไรเป็นบ้าง... นอกจากบัญชีกับงานเอกสาร”
“หมายถึงอะไรคะ... ที่นอกเหนือจากนั้น” เธอถามเสียงแผ่ว ไม่แน่ใจในน้ำเสียงของตนเองที่สั่นเครือ
“ช่างเถอะ...” เขาตอบสั้นๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงดูรำคาญเล็กๆ
“เธอคงไม่เหมาะกับงานในไร่หรอก เอาไว้เริ่มจากงานเอกสารไปก่อน แต่จำไว้ ที่นี่ไม่มีเส้นสาย ต่อให้เธอเป็นเพื่อนน้องสาวฉัน ก็ไม่ได้สิทธิพิเศษอะไร ถ้าทำงานไม่ดี…ก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่ต่อ เข้าใจหรือเปล่า”ปลายฝันพยักหน้ารับ แม้ในใจจะเบาหวิวเมื่อได้ยินคำพูดนั้น แต่ความคิดกลับล่องลอยไปถึง “วารี” เพื่อนสนิทของเธอ และน้องสาวคนเล็กของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า วารีเป็นคนชวนเธอมาที่นี่ บอกเพียงว่าอยากให้เธอได้พักกายพักใจ แต่ทำมัยเธอกลับรู้สึกเหมือนจะมาออกรบอยู่ชายแดนที่ห่างไกล
ชายหนุ่มพาเธอไปยังบ้านพักหลังหนึ่ง ตัวบ้านยกพื้นไม่สูงนัก ดูเก่าแต่สะอาดสะอ้าน ภายในมีเพียงห้องนอนเล็กๆ กับห้องน้ำเท่านั้น ด้านนอกมีชานเรือนยืนออกมาสำหรับพักผ่อน ด้านหลังบ้านมีลำธารเล็กๆ ไหลเอื่อย เสียงน้ำกระทบหินดังแผ่วเบา บรรยากาศคล้ายรีสอร์ต แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือ... บ้านหลังนี้ตั้งอยู่เพียงลำพังในรัศมีห้าร้อยเมตร
“วางกระเป๋าไว้ก่อน เดี๋ยวฉันจะพาไปดูสำนักงาน” เขาหันมามองร่างบอบบางที่ยังเดินสำรวจห้องด้วยแววตาหนักใจเล็กน้อย — ผู้หญิงแบบนี้จะอยู่ที่นี่ได้นานสักกี่วันกันเชียว
“ว่าแต่... ขับรถเป็นใช่ไหม” เขาถามขึ้น
ปลายฝันพยักหน้ารับ “เป็นค่ะ”
“แล้วมอเตอร์ไซค์ล่ะ?” น้ำเสียงของเขาเจือความคาดหวัง เพราะระยะทางในไร่ แม้ไม่ไกลจากสำนักงานนัก
แต่ถ้าต้องเดินทุกวันก็คงไม่ไหว
“ขับได้ค่ะ”
“ดี... เดี๋ยวจะให้รถไว้คันหนึ่ง”
"เก็บของเสร็จแล้วก็รีบตามมา ฉันจะรออยู่ด้านนอก" ชายหนุ่มก้าวเดินออกไป ปล่อยให้ปลายฝันเก็บของส่วนตัวให้เรียบร้อย บ้านพักก็ดูน่าอยู่ดีอยู่หรอก แต่ความวังเวงนี่สิ เมื่อไหร่เธอจะชิน วารีนะวารี ส่งเธอมาพักใจที่ไหนกันแน่ ปลายฝันรีบเก็บของเข้าที่เพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มด้านนอกรอนาน พอเดินออกมาก็เห็นเขายืนถมึงทึงอยู่ข้างรถ ใบหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ จนเธอเดาความรู้สึกไม่ได้ว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหน บางทีอาจอยู่ในอารมณ์รำคาญเธอก็เป็นได้ เมื่อดูจากสายตาที่เขามองมา
เพลิงพญา หรือ “นายไฟ” อย่างที่คนงานเรียกกัน มองดูหญิงสาวตรงหน้า ไม่รู้น้องสาวเขาคิดอะไรอยู่ ถึงได้ส่งหญิงสาวร่างกายบอบบาง ผิวขาวเนียนแม้จะเห็นเพียงแค่ฝ่ามือเล็กๆ ใบหน้านวลถูกบดบังด้วยกรอบแว่นหนา มองแล้วขัดใจยังไงพิกล ยิ่งไอ้ชุดกระโปรงยาว เสื้อคอเต่าที่ใส่มายิ่งขัดสายตาแปลกๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ปิดบังความสวยไว้ไม่มิดโดยเฉพาะริมฝีปากอิ่มเย้ายวนนั้น เพลิงพญาได้แต่ถอนหายใจหนักอก แล้วไอ้ท่าทางหวาดระแวงเขาอยู่ตลอดเวลานี่เล่า ทำอย่างกับเขาเป็นโจรห้าร้อย หรืออาจเพราะหนวดเคราที่ขึ้นเขียวครึ้มอยู่บนใบหน้า เพลิงพญาเผลอยกมือลูบคางที่เขียวครึ้มของตน ช่วงนี้เขาลุยงานหนักจนลืมแม้กระทั้งโกนหนวดเครา แต่ก็ดีเหมือนกัน ถ้าเธอกลัวเขามากๆ จะได้หนีกลับกรุงเทพ เขาจะได้ไม่มีปัญหาหนักใจในภายหลัง
เพลิงพญาพาปลายฝันมายังสำนักงานชั่วคราวของเขา ที่เป็นตู้คอนเทนเนอร์เล็กๆ ยกพื้นสูงด้วยฐานรองคอนกรีต ภายในมีโต๊ะทำงานอยู่สองตัว ซึ่งอีกโต๊ะดูเหมือนจะเพิ่งยกมาวาง เพราะด้านบนว่างเปล่า ผิดกับอีกโต๊ะที่เต็มไปด้วยกองเอกสาร เพลิงพญาอธิบายหน้าที่คร่าวๆ ให้เธอฟัง พร้อมบอกตำแหน่งโรงครัว และจุดอื่นๆ ที่สำคัญ
“วันนี้เอาแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยเริ่มงาน ตอนเย็นจะให้คนเอาปิ่นโตไปให้ ถ้าไม่อยากทำอาหารกินเอง ก็ผูกปิ่นโตกับป้าผันไว้”
"ได้คะคุณเพลิงพญา" ปลายฝันเรียกชื่อชายหนุ่มเต็มยศ จนคนฟังรู้สึกแปลกๆ
"เรียกไฟ หรือนายไฟอย่างที่คนแถวนี้เรียกก็ได้ "
"คะคุณไฟ "