ได้เกิดใหม่มาแบบสับคือมีความสับสนเป็นที่สุด
จีน,เกิดใหม่,ครอบครัว,รัก,เสี่ยวหลิงยอดนักสู้,นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,เกิดใหม่,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่แบบสับสนกับวาสนาอลวนและชีวิตแสนอลเวงได้เกิดใหม่มาแบบสับคือมีความสับสนเป็นที่สุด
ภาระหน้าที่ของเทพเซียนบนสวรรค์คือช่วยเติมเต็มดวงชะตาและชีวิตที่บกพร่องของมนุษย์แต่เมื่อพวกเขาเป็นผู้สร้างความบกพร่องขึ้นเองด้วยความประมาทเลินเล่อการแก้ปัญหาแบบปัจจุบันทันด่วนจึงได้เกิดขึ้นซึ่งนั่นก็คือการส่งเซียนฝึกหัดตัวน้อยซึ่งอยู่ในช่วงพักผ่อนว่างเว้นจากภาระงานลงมาแก้ไขปัญหาโดยที่ไม่ถงไม่ถามสุขภาพหรือความยินยอมเลยสักคำ
ซึ่งนั่นก็ทำให้หลิงเสวี่ยหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาตาดำๆ ต้องมีชะตาพลิกผันอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้แต่กว่าชีวิตจะได้อยู่อย่างสงบและแสนสบายก็เล่นเอาเหงื่อตกกันเลยทีเดียว
หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ
กติกาการลงนิยาย
ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้
1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์ (4 เหรียญ)
2. ปลดเหรียญอ่านฟรี 1 สัปดาห์
3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบ (8 เหรียญ)
ตั้งแต่มาถึงดินแดนตะวันออกเหยาหลิงเสวี่ยก็ช่วยงานสามีทันทีแบบไม่มีลังเลอีกทั้งนางยังขอให้คนเรียกตนเองว่าฮูหยินของท่านแม่ทัพบูรพามากกว่าจะเรียกว่าพระชายาของชินอ๋องเนื่องจากตำแหน่งที่แสดงฐานะเป็นเชื้อพระวงศ์นั้นทำให้ชาวบ้านหวั่นเกรงจนเกินไปจนอาจทำให้มีปัญหาในการทำงานเพราะนางต้องใกล้ชิดกับชาวบ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อเห็นภรรยาตั้งอกตั้งใจช่วยเขาทำงานเพื่อแก้ปัญหาปากท้องแบบนี้แล้วจ้าวตงหยางก็นึกซาบซึ้งจนไม่รู้จะหาคำไหนมาขอบคุณให้สมกับความทุ่มเท
ใช่ว่าหลายปีที่ผ่านมาการปกครองพื้นที่แถบนี้นั้นจ้าวตงหยางจะไม่เคยพัฒนาเรื่องปากทั้งของชาวบ้านเขาส่งเสริมการปลูกผักและผลไม้ในพื้นที่ที่ดินไม่มีความเค็มของน้ำทะเลเจือปนซึ่งมันก็ได้ผลดีแต่ติดปัญหาตรงที่หมู่บ้านในแถบชายฝั่งแล้วก็เป็นเหยาหลิงเสวี่ยที่มาช่วยกันขบคิดหาวิธีในการแก้ปัญหา
นอกจากนี้พืชที่ครั้งหนึ่งชาวบ้านหรือแม้แต่ตัวชินอ๋องอย่างเขาเองก็เคยมองว่ามันไร้ค่าอย่างต้นมะพร้าวที่มีอยู่ให้เห็นมากตามหมู่บ้านชายฝั่งชินหวางเฟยก็จัดการหยิบมันมาเป็นตัวอย่างแรกของสินค้าในร้านส่วนกลางที่นางอยากจะจัดตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับสินค้าของชาวบ้านไปขาย
“วันนี้มีชาวบ้านนำมะพร้าวแก้วมาฝากไว้ที่ร้านค้าส่วนกลางให้เจ้าได้ชิมเขาเขียนจดหมายแจ้งมาด้วยว่าเป็นสินค้าจากหมู่บ้านอะไรพอดีวันนี้มีคนเข้าเมืองมาซื้อของจึงแวะเอามาให้เจ้าด้วยตนเองเพื่อที่เราจะได้ไม่เสียเวลาเดินทางไปกลับ” หลังเลิกงานที่ค่ายทหารทุกๆ วันท่านแม่ทัพจะไปดูแลความคืบหน้าของการก่อสร้างร้านค้าส่วนกลางแล้ววันนี้เขาก็พบกับห่อสินค้าห่อใหญ่ที่ชาวบ้านนำมาฝากทหารยามเอาไว้ให้กับฮูหยิน
“พวกเขาทดลองทำได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เลยหรือเจ้าคะ” เหยาหลิงเสวี่ยรับจดหมายจากมือสามีไปอ่านเป็นอันดับแรกด้วยความตื่นเต้นโดยสินค้าตัวอย่างนี้มาจากหนึ่งในสามหมู่บ้านที่มีต้นมะพร้าวเกิดขึ้นตามธรรมชาติค่อนข้างมากและนางก็เดินทางเข้าไปสอนชาวบ้านแปรรูปมะพร้าวเป็นมะพร้าวแก้วมาครบทั้งสามหมู่บ้านแล้วด้วย
อาจจะเป็นโชคดีที่มีพร้าวแถบนี้แม้จะน้ำของมันจะออกรสเปรี้ยวเล็กๆ ไม่หวานฉ่ำเช่นน้ำมะพร้าวที่นางเคยคุ้นแต่เมื่อผ่าดูด้านในเนื้อมะพร้าวนั้นกลับหนาฟูเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะนำมาแปรรูปเป็นมะพร้าวแก้วขนมหวานที่สามารถเก็บรักษาได้นานถึงหนึ่งเดือนเลยทีเดียว
“หน้าตาสวยงามนักเจ้าค่ะดูก็รู้ว่าชาวบ้านตั้งใจทำมันมาก” มะพร้าวแก้วที่เหยาหลิงเสวี่ยสอนชาวบ้านทำนั้นจะใช้เนื้อมะพร้าวทึนทึกมาขูดเป็นเส้นจากนั้นก็นำมาผัดกับน้ำเชื่อมเข้มข้นจนแห้งดีเมื่อได้ที่ก็จับเป็นก้อนๆ พอดีคำเพื่อให้ง่ายต่อการรับประทาน
ในห่ออาหารนั้นมีมะพร้าวแก้วอยู่ด้านในไม่ต่ำกว่าห้าสิบคำและแต่ละคำก็มีขนาดเท่ากันแทบจะหาที่ติมิได้หากชาวบ้านไม่ได้ตั้งใจทำแล้วจะเป็นอะไรไปได้อีก
“สวยงามดังที่เจ้าว่าก็หวังว่าชาวบ้านจะไม่ใส่ใจความสวยงามแค่สินค้าตัวอย่างที่นำมาฝากเจ้าหรอกนะหากสินค้าแบบนี้วางขายที่ร้านข้าเชื่อว่าชาวบ้านต้องมาซื้อไปเป็นของขวัญของฝากอย่างแน่นอน” ขนาดจ้าวตงหยางเป็นบุรุษที่ออกจะหยาบกระด้างมองเห็นมะพร้าวแก้วคำเล็กๆ แล้วยังคิดว่ามันสวยงามน่ากินแล้วคนอื่นจะไม่ถูกใจได้อย่างไรกัน
“อร่อยด้วยเจ้าค่ะมะพร้าวผัดมาแห้งดีแต่เนื้อยังนุ่มอยู่เป็นมะพร้าวแก้วที่ถูกต้องเต็มสิบส่วนเลยเจ้าค่ะ” เรื่องนี้เหยาหลิงเสวี่ยมิได้ยกยอชาวบ้านที่นำมะพร้าวแก้วมาฝากเอาไว้แต่เพราะนางชิมมาหลายครั้งแล้วบางหมู่บ้านก็ทำแย่มากจนนางคิดเสียดายวัตถุดิบที่เสียไปแต่ในตอนนี้มีชาวบ้านสามารถทำได้ตามมาตรฐานได้แล้วนางย่อมดีใจแต่ในส่วนที่ยังมีข้อผิดพลาดในฐานะผู้สอนฮูหยินของท่านแม่ทัพก็จำเป็นต้องกลับไปที่หมู่บ้านอีกหลายครั้งหลายหนเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน
“อ้อ แล้วหมู่บ้านชายฝั่งที่ทดลองปลูกผักแบบยกแปลงขุดร่องน้ำและปลูกในกระบะนั้นก็ได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจวันก่อนมีคนของเราไปดูพื้นที่และเขียนรายงานส่งมา” วิธีแก้ปัญหาเรื่องดินเค็มจนปลูกพืชไม่ได้นั้นเหยาหลิงเสวี่ยเสนอให้ทำการทำแปลงผักแบบพิเศษสองรูปแบบโดนแบบแรกนั้นจะเป็นแปลงผักที่ขุดดินยกขึ้นสูงและต้องมีร่องระบายน้ำเพื่อให้สะดวกในการใช้น้ำจืดไล่ความเค็มออกจากพื้นที่เพาะปลูกรวมไปถึงต้องมีการสร้างคันดินกั้นน้ำเค็มเข้าพื้นที่อีกด้วย
ส่วนอีกวิธีค่อนข้างจะยุ่งยากกว่าสักนิดเพราะเป็นการปลูกผักลงในกระบะไม้ไผ่ที่วางอยู่บนคานเพื่อมิให้สัมผัสดินที่เค็มโดยตรงซึ่งหลังจากทดลองทำแปลงผักและหว่านเมล็ดไปแล้วก็พบว่าต้นกล้านั้นงอกงามเป็นที่น่าพึงพอใจแต่ยังต้องดูไปจนกว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตว่าวิธีการไหนจะเหมาะสมมากกว่ากัน
“รายงานเป็นไปในทางเดียวกันทุกหมู่บ้านเลยหรือเจ้าคะ” รายงานในมือของเหยาหลิงเสวี่ยมีเป็นปึกใหญ่เมื่อเปิดดูคร่าวๆ นั้นนางก็พบว่าเป็นรายงานจากทั้งแปดหมู่บ้านที่ไปทำการทดลองมาจริงๆ และที่น่าทึ่งมากกว่าการที่ได้รายงานมาครบทุกหมู่บ้านก็คือความละเอียดของการเขียนที่ไม่บอกก็รู้ว่าคนทำนั้นเอาใจใส่ในงานของตนมากเพียงใด
“ถูกต้องเท่าที่ดูทั้งสองวิธีน่าจะให้ผลผลิตแตกต่างกันไม่มากดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่จะปลูกผักกันจริงๆ ข้าจะให้ชาวบ้านเลือกเองว่าพวกเขาจะเตรียมแปลงผักวิธีไหน” ทางการช่วยแนะนำวิธีการเป็นตัวเลือกแต่การลงมือทำจริงนั้นก็ต้องแล้วแต่วิจารณญาณของชาวบ้านแต่ละหมู่บ้านด้วยเช่นกัน
“ดูแล้วชาวบ้านจะเลือกปลูกมะเขือเทศกับหัวผักกาดกันมากนะเจ้าคะมีเพียงสามหมู่บ้านเท่านั้นที่เลือกการปลูกข้าวโพด” นอกจะแนะนำวิธีการปลูกแล้วเหยาหลิงเสวี่ยยังคัดเลือกพืชที่มีความทนทานต่อดินเค็มให้กับชาวบ้านด้วยเข้าใจว่าความต้องการของชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ย่อมแตกต่างกันและเพื่อความหลากหลายของสินค้าที่จะออกสู่ท้องตลาดในอนาคตนางจึงไม่ได้สนับสนุนให้ปลูกพืชเพียงชนิดเดียวกันทั้งอำเภอ
“น่าจะเป็นเพราะพวกเขาดูแนวโน้มการบริโภคของคนในหมู่บ้านของตนเองกันมากกว่าส่วนหนึ่งที่พวกเขาต้องการปรับปรุงการเพาะปลูกใช่ว่าจะหวังผลแค่การขายแต่แท้ที่จริงแล้วหวังให้ในครอบครัวมีกินไม่อดกันเสียมากกว่า” ไม่ว่าชาวบ้านนั้นจะต้องการเพาะปลูกเพื่อทำการค้าหรือจะเก็บผลผลิตเอาไว้กินเองก็สุดแท้แต่ใจทางการมีหน้าที่ให้คำแนะนำอย่างเต็มที่เพียงเท่านั้น
“นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องเจ้าค่ะว่าไปแล้วที่สวนของท่านตาท่านยายพืชผักก็งามดีนะเจ้าคะเมื่อเช้าคนงานเก็บแตงกวามาให้ข้าลูกกำลังอวบน่ากินมื้อเย็นข้าจึงทำน้ำแกงแตงกวายัดไส้ให้ท่านพี่ได้ลองชิมดู” เหยาหลิงเสวี่ยไม่ได้ทดลองปลูกพืชตามวิธีการแบบใหม่ที่จวนแม่ทัพเนื่องจากดินที่นี่อุดมสมบูรณ์ดีความเค็มของน้ำทะเลบริเวณชายฝั่งมิได้แทรกซึมมาถึงที่นี่ยังมีท่านตาท่านยายคอยดูแลสวนเล็กๆ เป็นอย่างดีจึงมีพืชผักหมุนเวียนให้กินกันอย่างไม่มีเบื่อ
“ขอบใจเจ้ามากหลิงเอ๋อร์” เมื่อคุยเรื่องสำคัญกันเสร็จสิ้นแล้วท่าแม่ทัพก็ต้องขอตัวไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะรับประทานอาหารเย็นและทางด้านของเหยาหลิงเสวี่ยก็เข้าครัวไปดูแลความเรียบร้อยของอาหารมื้อเย็นอีกเล็กน้อย
เวลานี้นางย้ายมาอยู่กับสามีได้ครบสี่เดือนเต็มแล้วและอีกไม่นานบิดาของนางก็จะเดินทางมาจากแดนเหนือโดยครั้งล่าสุดที่อันเจี้ยนกั๋วส่งข่าวมานั้นได้บอกกับครอบครัวว่าการส่งต่องานต่างๆ ให้ท่านแม่ทัพคนใหม่นั้นผ่านพ้นไปได้ด้วยดีจากนี้ก็เหลือแค่รอราชโองการแต่งตั้งแม่ทัพคนใหม่ที่กำลังจะเดินทางไปถึงทั้งหมดน่าจะใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งเดือนเพราะทางเมืองหลวงก็เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าเช่นกัน
การมีภรรยาอยู่ใกล้ตัวทำให้ท่านแม่ทัพเจริญอาหารมากขึ้นซึ่งนอกจากรสมือของเหยาหลิงเสวี่ยจะวางใจได้แล้วนางยังรู้จักพลิกแพลงสูตรอาหารต่างๆ อยู่เสมอในเมื่อคนทำขยันคิด ขยันทำคนกินจึงตั้งใจกินอย่างเต็มที่ให้สมกับที่นางเหน็ดเหนื่อยเข้าครัวด้วยตนเองทุกๆ วัน
“นอกจากน้ำแกงแตงกวายัดไส้แล้วข้ายังหัดทำขนมจากมะพร้าวด้วยนะเจ้าคะท่านพี่เป็นขนมอบที่สามารถเก็บเอาไว้กินได้นานหากว่าเก็บใส่ไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทไม่โดนแดดหรือว่าโดนลม” ขนมอบที่ว่าก็คือคุกกี้ที่มีส่วนผสมของมะพร้าวโดยสิ่งนี้เหยาหลิงเสวี่ยตั้งใจทำติดจวนเอาไว้เป็นเสบียงหรือของว่างสำหรับใช้รับรองแขกที่มาดื่มน้ำชาและหารือเรื่องงานกับสามี
การเป็นชินหวางเฟยของชินอ๋องหรือฮูหยินของท่านแม่ทัพบูรพานั้นไม่มีอะไรง่ายนางต้องปฏิบัติตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีต่อชาวบ้านที่ได้พบเห็นอีกทั้งการรับรองแขกทั้งแขกภายในและต่างเมืองก็ต้องดูแลเป็นอย่างดีมิเช่นนั้นมันจะส่งผลเสียถึงสามีอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกจากช่วยสามีทำงานนอกบ้านแล้วก็ยังต้องดูแลความเป็นอยู่ของผู้คนในจวนแม่ทัพและความเรียบร้อยต่างๆ แม้เหยาหลิงเสวี่ยจะไม่ได้ลงมือทำเองไปเสียทั้งหมดแต่นางก็ต้องคอยควบคุมดูแลด้วยตนเองอยู่เสมอโดยมีเถียนมามาและพ่อบ้านเก่าแก่ประจำจวนเป็นคนคอยให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
“หน้าตาน่ากินยิ่งนัก อืม... รสชาติกำลังดีมันๆ หวานๆ กินคู่กับชาแล้วเข้ากันเป็นอย่างมากใครจะนึกเล่าว่ามะพร้าวที่ขึ้นมากในแถบนี้ทั้งตัวพี่และชาวบ้านต่างก็ไม่รู้คุณค่าแต่เมื่อเจ้ามาถึงกลับนำมันมาดัดแปลงได้ทั้งอาหารคาวและอาหารหวานได้อย่างน่าประหลาดใจ” ช่วงนี้ภรรยาดูจะสนุกกับการฝึกฝนปรุงอาหารและทำขนมจากมะพร้าวเป็นอย่างมากเขาก็กินได้อย่างสบายใจเพราะมันล้วนมีรสชาติดี
เมื่อวันก่อนฮูหยินท่านแม่ทัพเพิ่งปรุงอาหารหนึ่งจานที่เรียกว่าหมูป่าผัดเผ็ดแต่ที่แปลกคือนางเติมน้ำสีขาวที่ได้จากการขูดเนื้อลูกมะพร้าวออกมาคั้นน้ำเข้าไปด้วยจึงทำให้อาหารจานนั้นมีรสชาตินุ่มนวลอย่างไม่น่าเชื่อรู้ตัวอีกทีจ้าวตงหยางก็กินข้าวหมดไปสองชามพูนแล้วๆ
“ข้าเองก็ไม่รู้ตั้งแต่แรกหรอกเจ้าค่ะเพียงแต่ข้านั้นแค่กล้าคิด กล้าทำ และกล้าทดลองถึงแม้จะมีความเสียงมากก็ตามที” เหยาหลิงเสวี่ยตอบสามีไปเช่นนั้นเพราะตนเองไม่สามารถหาถ้อยคำมาอธิบายให้เขาเข้าใจได้ว่าเหตุใดนางจึงมีความรู้มากมายติดอยู่ข้างในหัว
“เป็นการความกล้าที่น่าภาคภูมิใจยิ่งนัก พี่ภูมิใจในตัวของเจ้ามาก” จ้าวตงหยางเอ่ยชมภรรยาจากใจในตอนนี้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนใครๆ ก็ต่างเอ่ยปากชื่นชมเหยาหลิงเสวี่ยให้เขาฟังตั้งแต่เรื่องที่นางไม่เคยถือตัวว่าตนเองเป็นสะใภ้หลวงมีตำแหน่งชินหวางเฟยแต่กลับร่วมมือกับชาวบ้านได้อย่างกลมเกลียวแล้วเช่นนี้จะไม่ให้คนเป็นสามีภาคภูมิใจไปด้วยได้อย่างไรกัน
“ข้าก็ภูมิใจในตัวท่านพี่ยิ่งนักเจ้าค่ะเอาล่ะวันนี้เหนื่อยมากแล้วท่านคงไม่ทำงานที่ห้องหนังสือต่อใช่หรือไม่เจ้าคะ วันนี้เข้านอนเร้วสักนิดข้ามีน้ำมันนวดที่ได้มาจากท่านหมอหลวงจะช่วยนวดกล้ามเนื้อผ่อนคลายให้ท่านพี่เอง” เหยาหลิงเสวี่ยต้องการให้สามีพักผ่อนให้มากหน่อยเนื่องจากในเต่ละวันท่านแม่ทัพทำงานหลายอย่างตั้งแต่เช้าตื่นมาหากไม่ต้องออกไปที่หมู่บ้านกับนางก็ออกไปฝึกร่างกายที่ค่ายทหารและทำงานอยู่ที่นั่นตลอดทั้งวัน
จนถึงช่วงบ่ายจึงออกมาดูแลความคืบหน้าของการก่อสร้างร้านค้าส่วนกลางเมื่อกลับมาถึงจวนแทนที่จะได้พักผ่อนบางครั้งก็ยังต้องสะสางงานหรือไม่ก็ประชุมงานกับคนสนิทเสียจนดึกดื่นสิ่งที่นางพอจะทำได้คือต้มน้ำแกงบำรุงกำลังและช่วยหาน้ำมันมานวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้สามีได้นอนหลับสบายมากยิ่งขั้น
“ขอบใจเจ้ามาก” จ้าวตงหยางไม่ปฏิเสธความหวังดีของภรรยาเพราะฝีมือการนวดและกดจุดของนางทำเอาเขาผ่อนคลายได้มากจริงๆ